ประธานศาลฎีกาเผย ตุลาการ รธน.มีมติเอกฉันท์ “9 ต่อ 0” ให้ยุบพรรคไทยรักไทย ส่วนการตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคเสียงแตกเป็น 6 ต่อ 3 โดยตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นว่าประกาศ คปค.ไม่มีผลย้อนหลัง
นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฏีกาในฐานะประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ กล่าวก่อนเดินทางออกจากศาลฎีกาว่า มติของตุลาการรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคไทยรักไทยนั้นมีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง เช่นเดียวกับมติที่ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติ 6-3 ให้ตัดสิทธิทางการเมืองกับผู้บริหารพรรคไทยรักไทย เป็นเวลา 5 ปี โดยเห็นว่านำประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 มาบังคับใช้ย้อนหลังได้
มติเสียงข้างน้อยจำนวน 3 เสียงที่เห็นว่าไม่ควรนำประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ซึ่งตัดสิทธิทางการเมืองแก่ผู้บริหารพรรคมาบังคับใช้ย้อนหลังนั้น ไม่ได้มาจากตุลาการรัฐธรรมนูญจากศาลปกครอง แต่เป็นตุลาการจากศาลฎีกาทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา, นายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา และตนเอง (นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา) ส่วนเหตุผลของคำวินิจฉัยให้ทุกคนไปอ่านจากคำพิพากษาฉบับจริง เนื่องจากระบุรายละเอียดไว้ชัดเจนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ประธานศาลฎีการะบุเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 มีผลย้อนหลังว่า เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง โดยเมื่อมีคนกระทำผิดแล้วคนนั้นจะต้องรู้ว่าจะถูกลงโทษอย่างไร ถูกตัดสิทธิอะไรบ้าง ถ้าขณะนั้นมีกฎหมายแค่ไหนก็ต้องแค่นั้น แต่เมื่อมีการลงมติแล้วเสียงข้างมากว่าอย่างไร ก็ต้องยอมรับไม่เช่นนั้นเราก็จะทำงานไม่ได้
สุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงถึงม็อบพีทีวีที่จะนัดชุมนุมในวันที่ 31 พ.ค.นี้หรือไม่ ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า เรื่องการควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมนั้นเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น
รายละเอียดและคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย(PDF)