xs
xsm
sm
md
lg

30 พ.ค. 2550 วันหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย /สามารถ มังสัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย สามารถ มังสัง

วันพุธที่ 30 พ.ค. ที่จะถึงหรือวันพรุ่งนี้ จะเป็นวันที่ตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดคดีที่พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่ทั้งสองพรรคต่างเป็นโจทก์ และเป็นจำเลยแก่กันในการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2548 ดังที่ปรากฏเป็นข่าวมาตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา

ส่วนว่าผลจะออกมาอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย 2 ประการ

1. มูลเหตุแห่งความผิดตามที่ปรากฏจากพยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์นำเสนอต่อศาล และน้ำหนักในการแก้ต่างของจำเลย

2. ดุลพินิจและความเที่ยงธรรมที่ตุลาการแต่ละท่านจะวินิจฉัย

ดังนั้น ก่อนถึงวันพรุ่งนี้คงจะได้เห็นข่าวการออกมาคาดเดาของบรรดาหมอดู และเป็นการคาดเดาโดยอาศัยแนวคิดและมุมมองของนักวิชาการจากที่ต่างๆ ถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและครอบคลุมแง่มุมต่างๆ อย่างรอบคอบและรัดกุม เป็นการช่วยให้ประชาชนได้รับความรู้ และความเข้าใจในระดับหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวินาทีแห่งการประกาศคำตัดสินชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคงจะมีผู้คนส่วนหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงกดดันศาลรัฐธรรมนูญ และคนกลุ่มนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากม็อบจัดตั้งของพรรคการเมืองที่คาดว่าจะถูกยุบ และมีผลให้กรรมการบริหารพรรคส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการว่าจ้างหรือทั้งหมดได้รับโทษให้เว้นวรรคทางการเมืองเป็นระยะเวลาหนึ่งนั่นเอง และนี่เองน่าจะเป็นเหตุให้มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุยุ่งเหยิงขึ้นในสังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้เกิดมาแล้วในกรณีมีการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำรัฐบาลและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งในครั้งนั้นมีทั้งกลุ่มที่ขับไล่ และกลุ่มที่สนับสนุนออกมาเผชิญหน้ากันหลายครั้ง และในบางครั้งเกิดเหตุการณ์ปะทะกันทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็มีมาแล้ว แต่โชคดีที่ว่าคนส่วนใหญ่ยังยึดถือแนวทางอหิงสาในการต่อสู้ทางการเมือง ประกอบกับฝ่ายที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหาร ได้ทำงานอย่างเข้มแข็งโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนโดยรวมเป็นที่ตั้ง เหตุการณ์จึงไม่ลุกลามใหญ่โตถึงกับมีการทำลายล้างซึ่งกันและกัน ในลักษณะไทยฆ่าไทยด้วยกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีกลุ่มชนออกมาประท้วงกดดันศาลรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการเมืองให้แก่พรรคใดพรรคหนึ่งจริงตามที่หลายๆ คนคาดไว้ ผู้เขียนเชื่อว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้นจนนำไปสู่การปฏิวัติซ้อน ทั้งนี้ด้วยเหตุผลในเชิงตรรกะ 2 ประการดังต่อไปนี้

1. ถึงแม้จะมีกลุ่มชนจำนวนหนึ่งออกมาปกป้องผลประโยชน์ทางการเมือง โดยการกดดันมิให้มีการยุบพรรคใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทยจริง ก็ไม่น่าจะมีจำนวนมากมายจนถึงกับทำให้สังคมปั่นป่วนวุ่นวายจนเกินความสามารถของฝ่ายรักษาความมั่นคงคือ คมช. จะควบคุมไว้ไม่ได้

2. ในส่วนของกลุ่มชนที่ต่อต้านอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คงจะไม่ออกมาตอบโต้กลุ่มสนับสนุนจนทำให้เกิดความวุ่นวายกลายเป็นความแตกแยกเหมือนเมื่อครั้งที่มีการออกมาขับไล่อดีตผู้นำ จึงไม่น่าจะเป็นชนวนให้กลายเป็นเหตุอ้างในการทำการปฏิวัติซ้อนขึ้นมาได้

ทั้งหมดที่บอกมาดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงแง่คิดและการคาดการณ์ในทางการเมืองโดยอาศัยปัจจัยทางการเมือง และเหตุผลในเชิงตรรกะ

แต่เพื่อให้ข้อเขียนนี้ครอบคลุมไปถึงในแง่มุมของศาสตร์พยากรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหราศาสตร์ อันเป็นศาสตร์หนึ่งที่มีผู้นำมาเขียนและพูดเกี่ยวกับการคาดการณ์ทางการเมืองทุกครั้งที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนในฐานะเป็นโหรสมัครเล่นที่พอจะมีความรู้ และมีสถิติเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองหลายๆ ครั้งในอดีตที่ผ่านมา จึงใคร่ขอแสดงความคิดเห็นในเชิงโหราศาสตร์ดังนี้

ดาวจรในวันที่ 30 พ.ค. 2550 เมื่อนำมาสัมพันธ์กับดวงเมืองก็จะพบว่ามีดาวที่คาดว่าให้คุณ และให้โทษแก่ดวงเมืองดังต่อไปนี้

(1) ดาวเสาร์ทับดาวจันทร์ในเรือนพันธุหรือเรือนที่สี่

โดยปกติแล้วเมื่อดาวเสาร์ทับโยคเล็ง หรือตรีโกณกับดาวจันทร์ ไม่ว่าในดวงบุคคลหรือดวงเมืองอันถือได้ว่าเป็นดวงนิติบุคคลจะให้ผลในทางลบคล้ายคลึงกัน คือ ทำให้เกิดความอ่อนแอ ถ้าเป็นบุคคลก็จะเจ็บป่วย เกิดการสูญเสียญาติหรือบริวาร แต่เมื่อเป็นดวงเมืองอาจอนุมานได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศเดือดร้อนจากภัยต่างๆ ทั้งที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ และเกิดจากธรรมชาติ

(2) ดาวอังคารโคจรในเรือนวินาศของดวงเมือง ทับดาวราหู ศุกร์ และพุธ ทั้งทำมุมโยคอังคารเดิม จึงถือได้ ว่าบาปพระเคราะห์ทับลัคนาดวงเมือง

(3) ดาวอาทิตย์เป็นดาวคู่ศัตรูของอังคารโคจรทับอังคารเดิม ซึ่งเป็นเจ้าเรือนลัคนาด้วย ทำให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันในหมู่ชนที่อยู่ในระดับปกครองหรือในระดับบริหาร ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันเองได้

ทั้ง 3 ปัจจัยจากข้อ 1-3 เป็นปัจจัยลบหรือปัจจัยเทียบดวงเมือง

แต่ก็ยังมีดาวใหญ่ที่ให้คุณแก่ดวงเมืองในทำนองขัดขวางหรือปกป้อง

ปัจจัยลบทั้ง 3 ประการนี้คือ ดาวพฤหัสบดีซึ่งโคจรในเรือนมรณะ และได้ตำแหน่งมหาจักรทำมุมเล็งอังคารเดิม และตรีโกณอังคารจร ทำให้เชื่อได้ว่าถึงแม้จะมีเหตุการณ์วุ่นวายสับสนในลักษณะคลื่นใต้น้ำระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลด้วย แต่ในที่สุดก็จะยุติลงด้วยดีโดยอาศัยอำนาจแห่งดาวพฤหัสบดีที่แผ่รังสีครอบคลุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ถึงกับเกิดการกระทำการใดๆ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรงอย่างที่หลายๆ ฝ่ายกลัวแต่อย่างใด

ส่วนผลของการตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ ถ้าอนุมานได้จากดวงดาวที่มีทั้งปัจจัยบวกและลบดังกล่าวข้างต้น เชื่อว่าจะปรากฏออกมาในทำนองนิติศาสตร์ผสมรัฐศาสตร์ภายใต้ภาวะแวดล้อมของประชาธิปไตยแบบไทยๆ ดังนี้

1. มีความเป็นไปได้สูงที่พรรคไทยรักไทยจะถูกยุบ ด้วยเหตุว่าพรรคได้ประโยชน์ทางการเมืองจากการที่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตที่ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเสี่ยงต่อการได้คะแนนไม่ถึง 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และถ้าพรรคถูกยุบก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ผู้บริหารพรรคจะถูกลงโทษโดยให้เว้นวรรคทางการเมืองระยะหนึ่ง แต่ก็น่าจะมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้อง และรับผิดชอบโดยตรงกับการได้เสียของการเลือกตั้ง เช่น หัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้งในเขตที่มีการว่าจ้างให้ผู้สมัครจากพรรคเล็กลงรับเลือกตั้ง เพื่อหนีการได้คะแนนน้อยกว่า 20% เท่านั้น ไม่น่าจะรวมไปถึงกรรมการท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง โดยอาศัยเหตุผลที่ว่าการว่าจ้างมิได้กระทำโดยมีมติพรรครองรับ

2. ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบพรรค ด้วยเหตุว่าพรรคไม่ได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้ง เนื่องจากมิได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ดังนั้นถ้าจะมีความผิดเกิดขึ้นก็น่าจะเป็นเพียงปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดถ้ามีหลักฐานว่าเข้าไปเกี่ยวข้องจริง

เหตุปัจจัย 2 ข้อที่ว่ามานี้ เป็นเพียงเหตุปัจจัยทางการเมืองตามแนวความเชื่อของผู้เขียนเป็นการส่วนตัว

แต่ถ้าอนุมานโดยอาศัยศาสตร์แห่งโหร ก็น่าจะอนุมานได้ว่าผลของการตัดสินของตุลาการฯ ในครั้งนี้ส่วนใหญ่น่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของดาวพฤหัสบดีคือ ยึดหลักของนิติศาสตร์ และในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยคือกระแสสังคมคือดาวอังคารเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้การตัดสินออกมาในรูปของการประนีประนอม เพื่อให้การเมืองก้าวต่อไปโดยไม่ถึงทางตัน และเป็นการลดความรุนแรงทางการเมืองไปด้วยในตัว ดังนั้นผลที่ออกมาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับในข้อ 1 และ 2 นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ได้ผลแน่นอนขอให้รอฟังวันพุธนี้ดีที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น