สื่อมวลชนจำนวนมากเกาะติดการประชุมตุลาการรัฐธรรมนูญ ก่อนมีคำพิพากษาคดียุบพรรคการเมืองวันพรุ่งนี้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ปิดกั้นบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยว
วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 12.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลฎีกา สนามหลวง ซึ่งจะมีการประชุมขององค์คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน เพื่อตกลงเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมติคำพิพากษาคดียุบพรรคการเมือง 5 พรรคในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึงเวลาที่ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ นัดประชุมหารือกับตุลาการทั้ง 9 คน ในเวลา 13.30 น.แต่ปรากฏว่าได้มีบรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงเดินทางมาปักหลักรอรายงานข่าวที่ศาลฎีกา จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางศาลฎีกามีการคุมเข้มมาตรการรักษาควงามปลอดภัย เพื่อให้ขั้นตอนการหารือของตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นความลับที่สุด โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 40 นาย โดยมีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกา และบริเวณภายในศาล โดยเฉพาะประตูทางเข้า เพื่อกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในพื้นที่ศาลโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ เรียกประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน เพื่อกำหนดประชุมแถลงความเห็นส่วนตัวของตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใดมีความเห็นควรให้ยุบพรรคใดหรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะนำมติเสียงข้างมากหรือเสียงเป็นเอกฉันท์มาจัดทำคำวินิจฉัยกลางร่วมกัน ที่ห้องประชุมคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) ชั้น 3 อาคารศาลฎีกา สนามหลวง แทนที่จะประชุมลงมติกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันคำวินิจฉัยคดีรั่วไหลออกไปถึงหูบุคคลภายนอกก่อนกำหนดการอ่านคำวินิจฉัยคดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
โดยการดำเนินดังกล่าวถือเป็นการเก็บตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าใกล้หรือพบปะเพื่อป้องกันข้อครหานินทาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่ามีการล็อบบี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในการประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญยังมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือใดๆ ทั้งสิ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แม้จะมีการเลือกใช้อาคารศาลฎีกาเพื่อประชุมลงมติแทนอาคารศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ประธานศาลฎีกา ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความมาตรการปลอดภัย รวมถึงความลับของมติคะแนนและคำวินิจฉัย จนต้องมีการสับเปลี่ยนห้องที่จะใช้ประชุมหลายครั้ง แม้เจ้าหน้าที่ธุรการของศาลฎีกา อาทิ ส่วนนิติกร ส่วนคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ประจำห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งปกติจะทราบนัดหมายการใช้ห้องเพื่อเตรียมเอกสาร แต่ในการประชุมลงมติคดียุบพรรคการเมืองครั้งนี้ นายปัญญา ในฐานะประธานศาลฎีกา ใช้เจ้าหน้าที่ธุรการจากสำนักงานศาลรัฐธรรมทั้งชุด และห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้บริเวณห้องประชุมเป็นอันขาด
วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 12.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลฎีกา สนามหลวง ซึ่งจะมีการประชุมขององค์คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน เพื่อตกลงเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมติคำพิพากษาคดียุบพรรคการเมือง 5 พรรคในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึงเวลาที่ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ นัดประชุมหารือกับตุลาการทั้ง 9 คน ในเวลา 13.30 น.แต่ปรากฏว่าได้มีบรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงเดินทางมาปักหลักรอรายงานข่าวที่ศาลฎีกา จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางศาลฎีกามีการคุมเข้มมาตรการรักษาควงามปลอดภัย เพื่อให้ขั้นตอนการหารือของตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นความลับที่สุด โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 40 นาย โดยมีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกา และบริเวณภายในศาล โดยเฉพาะประตูทางเข้า เพื่อกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในพื้นที่ศาลโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ เรียกประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน เพื่อกำหนดประชุมแถลงความเห็นส่วนตัวของตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใดมีความเห็นควรให้ยุบพรรคใดหรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะนำมติเสียงข้างมากหรือเสียงเป็นเอกฉันท์มาจัดทำคำวินิจฉัยกลางร่วมกัน ที่ห้องประชุมคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) ชั้น 3 อาคารศาลฎีกา สนามหลวง แทนที่จะประชุมลงมติกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันคำวินิจฉัยคดีรั่วไหลออกไปถึงหูบุคคลภายนอกก่อนกำหนดการอ่านคำวินิจฉัยคดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
โดยการดำเนินดังกล่าวถือเป็นการเก็บตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าใกล้หรือพบปะเพื่อป้องกันข้อครหานินทาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่ามีการล็อบบี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในการประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญยังมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือใดๆ ทั้งสิ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แม้จะมีการเลือกใช้อาคารศาลฎีกาเพื่อประชุมลงมติแทนอาคารศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ประธานศาลฎีกา ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความมาตรการปลอดภัย รวมถึงความลับของมติคะแนนและคำวินิจฉัย จนต้องมีการสับเปลี่ยนห้องที่จะใช้ประชุมหลายครั้ง แม้เจ้าหน้าที่ธุรการของศาลฎีกา อาทิ ส่วนนิติกร ส่วนคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ประจำห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งปกติจะทราบนัดหมายการใช้ห้องเพื่อเตรียมเอกสาร แต่ในการประชุมลงมติคดียุบพรรคการเมืองครั้งนี้ นายปัญญา ในฐานะประธานศาลฎีกา ใช้เจ้าหน้าที่ธุรการจากสำนักงานศาลรัฐธรรมทั้งชุด และห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้บริเวณห้องประชุมเป็นอันขาด
