•• วิธีคิดในปัญหา ไอทีวี (หรือ ทีไอทีวี) ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นมีอยู่ 2 เหตุผล เหตุผลที่ 1 สำคัญมากเพราะจะเป็นพื้นฐานสำคัญทำให้เราเข้าใจนายกรัฐมนตรีคนนี้ได้ดีในการติดสินปัญหาอื่น ๆ ท่านเชื่อในหลัก สมานฉันท์ ที่มีความหมายในมุมมองเฉพาะของท่านเองว่า ต้องเหลือที่ยืนให้ฝ่ายทักษิณบ้าง – ไม่ใช่ไล่บี้จนพวกเข้าจนตรอก เหตุผลที่ 2 สำคัญพอกันเพราะได้สะท้อน ตัวตนที่แท้จริง คือในกรณีนี้ท่าน ไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นผู้ปิดสื่อโทรทัศน์ ท่านต้องการมีภาพเป็น นักประชาธิปไตย (วงเล็บว่าคือ นักประชาธิปไตยในความเข้าใจของท่าน) ท่านเชื่อของท่านว่ากรณีทีวีมหัศจรรย์ช่องนี้ ไม่ทำต่อก็มีคนไม่พอใจ – ทำต่อก็มีคนไม่พอใจ ท่านจึงจำเป็นต้อง ตัดสินใจเลือก บนพื้นฐานของ หลักการสำคัญที่ท่านเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองยามนี้ นั่นคือ สมานฉันท์ – เหลือที่ยืนให้ฝ่ายทักษิณบ้าง ท่านอาจจะรู้สึกกดดันบ้างเสียกำลังใจบ้างที่ผู้เริ่ม วิจารณ์ในเชิงลบ แต่ท่านก็จะ เดินหน้าต่อไป หากใครสักคนมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดท่านก็อาจจะได้ยินเสียงรำพึงขึ้นมาเบา ๆ ทำนองว่า “...ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ได้ร้อยแปด เพราะทุกคนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าใครได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ก็จะรู้ว่าการทำอะไรลงไปแต่ละอย่างนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่พูด ๆ กันออกมาเลย.” ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามแต่นี่คือ ตัวตนที่แท้ ณ วันนี้ ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ที่ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ขอรายงานให้รู้กัน
•• และถ้าจะถามว่าทำไมท่านไม่ลงมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ พนักงานรสพ. คำตอบที่ “เซี่ยงเส้าหลง” จะขอลองเข้าไปนั่งอยู่กลางใจท่านก็คือ การยุบเลิกองค์การ ร.ส.พ.ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ สั้น ๆ ง่าย ๆ แค่นี้เท่านั้นไม่มีอื่น
•• พื้นฐานสำคัญ 2 ประการที่นายกรัฐมนตรีคนนี้ยึดมั่นในกรณี ไอทีวี เราจะไม่แปลกใจเลยที่ท่านออกจะ ไม่เห็นด้วย, ไม่เต็มใจ ในการเสริมอาวุธให้กับ คตส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ข้อเสนอให้ตรากฎหมายต่ออายุคตส.ออกไปอีกระยะหนึ่ง บรรทัดนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่กล้าพูดไปไกลถึงขนาดว่าท่านเห็นว่า การทำงานของคตส.เริ่มขัดกับหลักสมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) แต่เป็นไปได้ว่าท่านเริ่มเห็นว่า ยิ่งสอบ – ยิ่งร้าวฉานและกระทบกระเทือนขวัญและกำลังใจของข้าราชการประจำ เพราะในหลายคดี แห ถูกเหวี่ยงมาครอบคลุม ข้าราชการประจำระดับสูง เป็นจำนวนที่ มากขึ้น องค์กรพิเศษนี้จึงควรมีอายุ เท่าที่กำหนดไว้เดิม ให้เรื่องการสอบสวนทั้งหมด กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามแต่นี่คือ ตัวตนที่แท้ ณ วันนี้ ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ที่ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รับรู้กันไว้
•• ทำความเข้าใจกันไว้ว่าท่านผู้นี้ เชื่ออย่างไร, คิดอย่างไร จะได้ เตรียมใจไว้ล่วงหน้า จะได้ ไม่ตกใจ กับการตัดสินใจในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือไปจากเรื่อง ไอทีวี หรือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีเรื่องอะไรที่น่าจะตกใจกว่านี้หรือหากไม่ได้เตรียมตัวทำใจไว้ล่วงหน้า “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่อยากพูดแต่ก็ขอพูดไว้ล่วงหน้าเรื่อง ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่จะมารับหน้าที่แทน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อย่างเป็นทางการใน วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ซึ่งโดยทั่วไปตามกระบวนการปกติก็น่าจะเริ่มเป็นข่าวกันตั้งแต่ มิถุนายน 2550 วันนี้ใคร ๆ ก็คิดว่ามี แคนดิเดท เพียง 2 คน หรืออาจจะ 3 คน กล่าวคือถ้าไม่ใช่ เต็ง 1 – พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ก็ต้องเป็น เต็ง 2 – พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นายทหารที่มีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือถ้าจะมี พลิกล็อก ก็น่าจะเป็น เต็ง 3 – พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล แต่วันนี้ในแวดวงภายในลึก ๆ เริ่มมีการพูดถึง คนที่ 4 ก็ขอรายงานไว้เลยว่าท่านคือ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ – เสนาธิการทหารบก ท่านเป็น 1 ใน 5 เสือทบ.ที่ไม่ได้มีข้อเสียหายแถมมี ข้อดี ตรงที่ไม่ได้แสดงตัวชัดเจนไม่ว่าด้วยวาจาหรือการกระทำในลักษณะ เป็นปฏิปักษ์ชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้กับระบอบทักษิณ เหมือนอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ท่านจึงเป็น หนึ่งในตัวเลือก และน่าจะ ได้เปรียบตัวเลือกอื่น หากการตัดสินใจขั้นสุดท้ายยึดหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) จำเป็นต้องบอกกล่าวกันไว้ล่วงหน้าก็เพื่อจะให้แฟนานุแฟนที่ ยังไม่ซึ้งกับสัจธรรมของการเมืองไทย ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ทำใจ ไว้ล่วงหน้า โลกในความเป็นจริงโหดร้ายกว่าโลกในอุดมคติ เสมอมาอย่างไรก็อย่างนั้น
•• ไม่ต้องห่วงว่าหาก คำตอบสุดท้าย เป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ แล้วจะเกิดปัญหา “เซี่ยงเส้าหลง” ขอบอกว่า ตัวตนที่แท้ ของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร นั้นเป็นนายทหารอาชีพที่ เคารพผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตผู้บังคับบัญชาที่ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นท่านทั้ง เคารพ ทั้ง รัก ทั้ง เชื่อถืออย่างหมดหัวใจ ทุกวันนี้ท่านก็ยังคอยพูดคุยกับกัลยาณมิตรที่เริ่ม สงสัยในท่าทีของนายกรัฐมนตรีคนนี้ อยู่อย่างไม่รู้เหน็ดไม่รู้เหนื่อย
•• และหาก คำตอบสุดท้าย เป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น การตัดสินใจคนเดียว ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หากจะต้องผ่าน ความเห็นร่วม กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มาก่อนเท่านั้น
•• ดีไม่ดี คำตอบสุดท้าย ที่จะเป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ อาจมาจากการริเริ่มของ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน เลยด้วยซ้ำ
•• ถ้าสถานการณ์เป็นไปอย่างนั้นก็หมายความว่าทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน มีความเห็นร่วมกันระดับหนึ่งในหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) ท่านจะต้องเชื่อร่วมกันว่า ปัญหาหลักของบ้านเมือง ในยุคต่อไปไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ จะไม่กลับมาเล่นการเมือง, ขอเพียงที่ยืนเล็ก ๆ ในสังคมไทย ส่วนเรื่องคดีความต่าง ๆ นั้นก็ให้ว่ากันไปตาม กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ถึงอย่างไรอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ก็ยังมี ชนักติดหลัง, บ่วงคล้องคอ วันหน้าหากตระบัดสัตย์ก็ยัง พอแก้ไขได้ ที่สำคัญก็คือ ลิ่วล้อนักการเมืองบริวาร จะถูกกระบวนการ แยกสลาย ออกมาจน รวมกันไม่ติด ต่างคนต่างกลุ่มต่างก็จะ ต่อสู้เพื่อตัวเอง ในการเข้ามา มีส่วนร่วมในการใช้อำนาจรัฐยุคหน้า ไม่มีใครอินังขังขอบกับ นายเก่า สักกี่มากน้อยแล้ว
•• อย่าว่าแต่กรณี ผบ.ทบ.คนใหม่ เลย “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าถ้าภายในวันสองวันนี้หรือสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ท่านยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร.ตัวจริง ชนิด เต็มตัว (คือไม่ใช่แค่ รักษาการ) ปล่อยให้เนิ่นนานไปจนถึงฤดูกาลโยกย้ายปกติ ผบ.ตร.ตัวจริงคนใหม่ อาจไม่ได้ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ก็ได้ใครจะรู้
•• ต้องยอมรับว่าบุคลิกภาพอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมักจะ จำเป็น ก็แต่เฉพาะ สถานการณ์วิกฤติเฉพาะเวลาเฉพาะพื้นที่เฉพาะภารกิจ มากกว่าที่ได้รับโอกาสให้ขึ้นมา เป็นเบอร์ 1 ขององค์กร เพราะจะถูกมองว่า ขาดความยืดหยุ่น, ขาดการประนีประนอม ซึ่งแน่นอนว่าจะขัดกับหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) อย่างชัดเจน
•• ก็ได้แต่หวังว่าภายในเร็ววันนี้ขณะที่หลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) ยังไม่ถึงกับ ลงหลักปักฐานมั่นคง เราจะได้เห็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ขึ้นนั่งเป็น ผบ.ตร.ตัวจริง เสียที
•• ที่เล่ามานี้คือ โลกในความเป็นจริง ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบเราก็ต้อง อยู่ร่วมกับมัน จะคิดอ่านอย่างไรแม้เป็น สิทธิอันชอบธรรมของประชาชน แต่จะต้องคิดอ่านอย่าง มีสติ และ เลี้ยงตัวบนเส้นลวดให้ดี เพราะวันใดที่หลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) สามารถ ลงหลักปักฐานมั่นคง คนที่รักจะต่อสู้ให้เกิด โลกในอุดมคติ รักจะให้เกิด การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะถูกตั้งเป้าว่าเป็น ตัวปัญหาของสังคม ไม่ต้องเชื่อ “เซี่ยงเส้าหลง” แต่คอยติดตามดูการคลี่คลายขยายตัวของสถานการณ์กันไป
•• หนังสือดี ตรงไปตรงมา – ตอนนับหนึ่ง ของ การุณ ใสงาม หนึ่งในคนที่กำลังจะเป็นตัวปัญหาของสังคมเพราะรับไม่ได้กับหลักสมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) พูดเอง, พิมพ์เอง และ ขายเอง ในราคาเล่มละ 299 บาท สนใจสนับสนุนติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ โทรศัพท์ 044 671343, 081 8684502 ในเวลาทำงาน
•• และถ้าจะถามว่าทำไมท่านไม่ลงมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ พนักงานรสพ. คำตอบที่ “เซี่ยงเส้าหลง” จะขอลองเข้าไปนั่งอยู่กลางใจท่านก็คือ การยุบเลิกองค์การ ร.ส.พ.ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ สั้น ๆ ง่าย ๆ แค่นี้เท่านั้นไม่มีอื่น
•• พื้นฐานสำคัญ 2 ประการที่นายกรัฐมนตรีคนนี้ยึดมั่นในกรณี ไอทีวี เราจะไม่แปลกใจเลยที่ท่านออกจะ ไม่เห็นด้วย, ไม่เต็มใจ ในการเสริมอาวุธให้กับ คตส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ข้อเสนอให้ตรากฎหมายต่ออายุคตส.ออกไปอีกระยะหนึ่ง บรรทัดนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่กล้าพูดไปไกลถึงขนาดว่าท่านเห็นว่า การทำงานของคตส.เริ่มขัดกับหลักสมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) แต่เป็นไปได้ว่าท่านเริ่มเห็นว่า ยิ่งสอบ – ยิ่งร้าวฉานและกระทบกระเทือนขวัญและกำลังใจของข้าราชการประจำ เพราะในหลายคดี แห ถูกเหวี่ยงมาครอบคลุม ข้าราชการประจำระดับสูง เป็นจำนวนที่ มากขึ้น องค์กรพิเศษนี้จึงควรมีอายุ เท่าที่กำหนดไว้เดิม ให้เรื่องการสอบสวนทั้งหมด กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามแต่นี่คือ ตัวตนที่แท้ ณ วันนี้ ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ที่ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รับรู้กันไว้
•• ทำความเข้าใจกันไว้ว่าท่านผู้นี้ เชื่ออย่างไร, คิดอย่างไร จะได้ เตรียมใจไว้ล่วงหน้า จะได้ ไม่ตกใจ กับการตัดสินใจในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือไปจากเรื่อง ไอทีวี หรือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีเรื่องอะไรที่น่าจะตกใจกว่านี้หรือหากไม่ได้เตรียมตัวทำใจไว้ล่วงหน้า “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่อยากพูดแต่ก็ขอพูดไว้ล่วงหน้าเรื่อง ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่จะมารับหน้าที่แทน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อย่างเป็นทางการใน วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ซึ่งโดยทั่วไปตามกระบวนการปกติก็น่าจะเริ่มเป็นข่าวกันตั้งแต่ มิถุนายน 2550 วันนี้ใคร ๆ ก็คิดว่ามี แคนดิเดท เพียง 2 คน หรืออาจจะ 3 คน กล่าวคือถ้าไม่ใช่ เต็ง 1 – พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ก็ต้องเป็น เต็ง 2 – พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นายทหารที่มีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือถ้าจะมี พลิกล็อก ก็น่าจะเป็น เต็ง 3 – พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล แต่วันนี้ในแวดวงภายในลึก ๆ เริ่มมีการพูดถึง คนที่ 4 ก็ขอรายงานไว้เลยว่าท่านคือ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ – เสนาธิการทหารบก ท่านเป็น 1 ใน 5 เสือทบ.ที่ไม่ได้มีข้อเสียหายแถมมี ข้อดี ตรงที่ไม่ได้แสดงตัวชัดเจนไม่ว่าด้วยวาจาหรือการกระทำในลักษณะ เป็นปฏิปักษ์ชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้กับระบอบทักษิณ เหมือนอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ท่านจึงเป็น หนึ่งในตัวเลือก และน่าจะ ได้เปรียบตัวเลือกอื่น หากการตัดสินใจขั้นสุดท้ายยึดหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) จำเป็นต้องบอกกล่าวกันไว้ล่วงหน้าก็เพื่อจะให้แฟนานุแฟนที่ ยังไม่ซึ้งกับสัจธรรมของการเมืองไทย ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ทำใจ ไว้ล่วงหน้า โลกในความเป็นจริงโหดร้ายกว่าโลกในอุดมคติ เสมอมาอย่างไรก็อย่างนั้น
•• ไม่ต้องห่วงว่าหาก คำตอบสุดท้าย เป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ แล้วจะเกิดปัญหา “เซี่ยงเส้าหลง” ขอบอกว่า ตัวตนที่แท้ ของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร นั้นเป็นนายทหารอาชีพที่ เคารพผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตผู้บังคับบัญชาที่ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นท่านทั้ง เคารพ ทั้ง รัก ทั้ง เชื่อถืออย่างหมดหัวใจ ทุกวันนี้ท่านก็ยังคอยพูดคุยกับกัลยาณมิตรที่เริ่ม สงสัยในท่าทีของนายกรัฐมนตรีคนนี้ อยู่อย่างไม่รู้เหน็ดไม่รู้เหนื่อย
•• และหาก คำตอบสุดท้าย เป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น การตัดสินใจคนเดียว ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หากจะต้องผ่าน ความเห็นร่วม กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มาก่อนเท่านั้น
•• ดีไม่ดี คำตอบสุดท้าย ที่จะเป็น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ อาจมาจากการริเริ่มของ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน เลยด้วยซ้ำ
•• ถ้าสถานการณ์เป็นไปอย่างนั้นก็หมายความว่าทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน มีความเห็นร่วมกันระดับหนึ่งในหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) ท่านจะต้องเชื่อร่วมกันว่า ปัญหาหลักของบ้านเมือง ในยุคต่อไปไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ จะไม่กลับมาเล่นการเมือง, ขอเพียงที่ยืนเล็ก ๆ ในสังคมไทย ส่วนเรื่องคดีความต่าง ๆ นั้นก็ให้ว่ากันไปตาม กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ถึงอย่างไรอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ก็ยังมี ชนักติดหลัง, บ่วงคล้องคอ วันหน้าหากตระบัดสัตย์ก็ยัง พอแก้ไขได้ ที่สำคัญก็คือ ลิ่วล้อนักการเมืองบริวาร จะถูกกระบวนการ แยกสลาย ออกมาจน รวมกันไม่ติด ต่างคนต่างกลุ่มต่างก็จะ ต่อสู้เพื่อตัวเอง ในการเข้ามา มีส่วนร่วมในการใช้อำนาจรัฐยุคหน้า ไม่มีใครอินังขังขอบกับ นายเก่า สักกี่มากน้อยแล้ว
•• อย่าว่าแต่กรณี ผบ.ทบ.คนใหม่ เลย “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าถ้าภายในวันสองวันนี้หรือสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ท่านยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร.ตัวจริง ชนิด เต็มตัว (คือไม่ใช่แค่ รักษาการ) ปล่อยให้เนิ่นนานไปจนถึงฤดูกาลโยกย้ายปกติ ผบ.ตร.ตัวจริงคนใหม่ อาจไม่ได้ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ก็ได้ใครจะรู้
•• ต้องยอมรับว่าบุคลิกภาพอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมักจะ จำเป็น ก็แต่เฉพาะ สถานการณ์วิกฤติเฉพาะเวลาเฉพาะพื้นที่เฉพาะภารกิจ มากกว่าที่ได้รับโอกาสให้ขึ้นมา เป็นเบอร์ 1 ขององค์กร เพราะจะถูกมองว่า ขาดความยืดหยุ่น, ขาดการประนีประนอม ซึ่งแน่นอนว่าจะขัดกับหลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) อย่างชัดเจน
•• ก็ได้แต่หวังว่าภายในเร็ววันนี้ขณะที่หลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) ยังไม่ถึงกับ ลงหลักปักฐานมั่นคง เราจะได้เห็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ขึ้นนั่งเป็น ผบ.ตร.ตัวจริง เสียที
•• ที่เล่ามานี้คือ โลกในความเป็นจริง ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบเราก็ต้อง อยู่ร่วมกับมัน จะคิดอ่านอย่างไรแม้เป็น สิทธิอันชอบธรรมของประชาชน แต่จะต้องคิดอ่านอย่าง มีสติ และ เลี้ยงตัวบนเส้นลวดให้ดี เพราะวันใดที่หลัก สมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) สามารถ ลงหลักปักฐานมั่นคง คนที่รักจะต่อสู้ให้เกิด โลกในอุดมคติ รักจะให้เกิด การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะถูกตั้งเป้าว่าเป็น ตัวปัญหาของสังคม ไม่ต้องเชื่อ “เซี่ยงเส้าหลง” แต่คอยติดตามดูการคลี่คลายขยายตัวของสถานการณ์กันไป
•• หนังสือดี ตรงไปตรงมา – ตอนนับหนึ่ง ของ การุณ ใสงาม หนึ่งในคนที่กำลังจะเป็นตัวปัญหาของสังคมเพราะรับไม่ได้กับหลักสมานฉันท์(ในความหมายตามย่อหน้าแรก) พูดเอง, พิมพ์เอง และ ขายเอง ในราคาเล่มละ 299 บาท สนใจสนับสนุนติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ โทรศัพท์ 044 671343, 081 8684502 ในเวลาทำงาน