“มัลลิกา” แถลงข่าวแจงเหตุชิ่งไอทีวีพลิกโหนเชิดชูอดีต 23 กบฏ ถูกชาวบ้านโห่ไล่-สื่อรุมซักหนักชี้เป็นพูดเอาดีใส่ตัว ไม่จริงใจ ขณะที่เจ้าตัวยังยืนยันต้องการให้เป็นสื่อสาธารณะ ลั่นไม่ไปซบช่อง 3 หรือเอเอสทีวี รวมทั้งไม่คิดลงสมัคร ส.ส.อีกแล้ว
วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และนายสุรพล ศรีวิทยา อาจารย์วิทยาลัยนวตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงข่าวถึงทิศทางการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ให้เป็นสื่อสาธารณะโดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของกลุ่มทุนและรัฐบาล
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ไอทีวีเป็นข้อพิพาททางสังคมมานานหลายรัฐบาล แม้รัฐบาลจะพยายามเข้ามาแก้ไขแต่ก็ไม่เป็นผล ตรงกันข้ามหลายรัฐบาลกับพยายามเข้ามาหาประโยชน์จากสถานี จนทำให้ไอทีวีไม่ได้ เป็นสื่อเสรีตามเจตจำนงค์ของวีรชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้วิกฤติการณ์ของไอทีวีเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และกรมประชาสัมพันธ์ กำหนดอนาคตไอทีวีโดยไม่มีวาระซ่อนเร้นและคาดหวังให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงความบริสุทธิ์ใจร่วมกับสังคมวงกว้างในการกำหนดอนาคตไอทีวี บนแนวทางของการปฏิรูปสื่อให้เป็นทีวีเสรีอย่างแท้จริง
“ดิฉันในฐานะพนักงานไอทีวี ต้องการเพียงได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปสื่อให้ได้สถานีโทรทัศน์ที่รายงานข้อเท็จจริงอย่างมีเสรี โดยดิฉันขอแสดงความบริสุทธิ์ใจและตั้งใจจริงด้วยการขอพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานไอทีวี และจะนำเงินชดเชยจากการเลิกจ้างจำนวน 5 หมื่นบาทมาจัดเป็นกองทุนเพื่อการปฏิรูปสื่อ” น.ส.มัลลิกา กล่าว
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า โมเดลทีวีสาธารณะที่ได้ศึกษามาเบื้องต้นควรจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนแห่งชาติไอทีวี ให้ สปน.นำเงินค่าสัมปทาน และค่าปรับทั้งหมดจากไอทีวีมาจัดตั้งเป็นกองทุน เป็นบรรษัทมหาชนแห่งชาติไอทีวี เพื่อใช้ทุนฟื้นฟูกิจการให้ไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะที่อิสระอย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะทำไอทีวีให้เป็นสื่อสาธารณะ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ตนเคารพคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนกรณีของไอทีวีไม่มีสัญญาประชาคม ไม่มีความจริงใจและความตั้งใจจริงที่จะให้เป็นทีวีสาธารณะ มีแต่การประกาศว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาบริหารไอทีวี ซึ่งเป็นคำพูดที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็เปลี่ยนแปลงมาแล้วจากคำว่า “ขอโทษ” ตนจึงเห็นว่าการทำหน้าที่ในไอทีวีต่อไปจะไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งใจ จึงตัดสินใจมาผลักดันให้มีการจัดตั้งทีวีสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สาเหตุที่ลาออกเป็นเพราะออกมาจัดรายการเองโดยที่ผู้บริหารไม่อนุญาตใช่หรือไม่ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ไม่จริง ตนลาออกเพราะอยากเห็นทีวีที่ตัวเองทำงานอยู่ไปในทิศทางที่ถูกต้อง รวมทั้งปฏิเสธด้วยว่าไม่มีการเจรจาที่จะเข้าไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และไม่ได้จัดตั้งบริษัทผลิตรายการป้อนให้กับช่อง 3 ร่วมกับนายสุริยะใส กตะศิลา โดยยืนยันว่านายสุริยะใสเป็นเพียงรุ่นพี่ปริญญาโท สำหรับสถานีเอเอสทีวีก็ไม่มีความคิดจะไปร่วมงานด้วย เพราะเท่าที่ทราบเขายังไม่มีเงินจ่ายให้ช่างแต่งหน้าเลย แล้วจะจ้างตนเป็นพนักงานได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก น.ส.มัลลิกา พูดจบ กลุ่มประชาชนเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มาฟังการแถลงข่าวของ น.ส.มัลลิกา จนเต็มห้องประชุมได้แสดงความไม่พอใจโห่ฮาและต่อว่า น.ส.มัลลิกาว่าเป็นการแถลงข่าวที่สร้างภาพ ประชาชนต้องการฟังข้อเท็จจริงว่าไอทีวีทำผิดสัญญาอย่างไรจึงต้องถูกยึดสัมปทาน ไม่ใช่มาพูดเอาดีเข้าตัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ น.ส.มัลลิกา ชี้แจงข้อเท็จจริงที่พนักงานไอทีวีเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล จนรัฐบาลต้องนำเงินภาษีประชาชนไปอุ้มไอทีวี แต่ น.ส.มัลลิกาก็หลีกเลี่ยงไม่ชี้แจงเรื่องการผิดสัญญาของไอทีวีและการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ถูกแทรกแซงโดยบริษัทชินคอร์ป โดยอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกสังคมตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จึงไม่ขอย้อนอดีต นอกจากนี้ กรณีไอทีวี ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาชัดเจนให้ไอทีวีจ่ายค่าสัมปทาน และค่าปรับ
“เรื่องการแทรกแซงสื่อครั้งนี้ดิฉันเคยไม่เข้าใจ 23 กบฏไอทีวี ซึ่งวันนี้สังคมได้รับคำตอบแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาทำน่ายกย่อง แม้ดิฉันเคยไปเป็นพยานคดีกบฏไอทีวีแต่ก็ได้ให้การยืนยันเฉพาะในส่วนตัวที่รายงานข่าวจากจังหวัดชลบุรีโดยไม่ถูกแทรกแซงในส่วนอื่นๆ ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็ไม่เคยพูดที่จะนำตัวเองไปเทียบเคียงกับ 23 กบฏ แต่การเดินไปข้างหน้าเพื่อกำหนดอนาคตเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะคิด” น.ส.มัลลิกา กล่าว
“ส่วนการดำเนินการกับผู้บริหารไอทีวีนั้น คงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารชุดใหม่ ดิฉันคงไม่สามารถทำได้โดยลำพัง จึงต้องขอรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน” น.ส.มัลลิกา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่เพิ่งเคลื่อนไหวเป็นเพราะรอให้ได้รับเงินค่าชดเชยก่อนหรือไม่ น.ส. มัลลิกา กล่าวว่า “การที่ดิฉันไม่ออกไปร่วมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล ถือเป็นการประกาศตัวชัดว่า ดิฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับเงินค่าชดเชย แต่ลำพังดิฉันคนเดียวไม่สามารถชี้นำ หรือกำหนดทิศทางให้กับพนักงานไอทีวีได้ โดยในช่วง 2-3 วันที่มีการกดดันรัฐบาลอย่างหนัก ดิฉันก็ป่วยหนักไอเป็นเลือดจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ขอฝากไปถึงเพื่อนไอทีวีว่าทุกคนมีสิทธิและอิสระในความคิด แม้ดิฉันจะคิดไม่เหมือนกับคนอื่นในไอทีวี แต่ก็ไม่เคยคิดร้าย และไม่คิดจะแฉเพื่อนๆ ในการแถลงข่าวอย่างที่ทุกคนระแวง 3-4 วันที่ผ่านมามีคนขับรถตามประกบดิฉันไปทุกที่ แม้แต่การแถลงข่าววันนี้ก็ได้รับคำเตือนว่าจะมีม็อบจัดตั้ง สำหรับดิฉันขอประกาศตรงนี้ว่าจะไม่คิดลงสมัคร ส.ส.อีก แต่จะขอเป็นนักสื่อสารมวลชนเท่านั้น” น.ส.มัลลิกา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประกาศปิดการแถลงข่าว กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผิดหวังในการรับฟังคำชี้แจงของ น.ส.มัลลิกา ยังคงแสดงความไม่พอใจและตำหนิว่าเป็นตอบคำถามไม่ตรงประเด็น เป็นการแถลงข่าวแบบนักการเมือง พูดเอาดีใส่ตัว และต่างจับกลุ่มตระโกนด่าทออย่างไม่ลดละและเรียกร้องให้ น.ส. มัลลิกา ขอโทษรัฐบาลที่เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทำให้พนักงานไอทีวี ได้รับทั้งเงินค่าชดเชยและเงินเดือนใหม่
แต่ น.ส.มัลลิกา กลับมองว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซงซึ่งไม่ถูกต้อง จากนั้น น.ส.มัลลิกา จึงได้เดินออกจากห้องแถลง แต่ปรากฏว่ารถของเธอได้ถูกเจ้าหน้าที่ล็อกล้อเพราะจอดรถในที่ห้ามจอด
ก่อนหน้านี้ น.ส.มัลลิกา ได้ประกาศลาออกในช่วงท้ายรายการร่วมมือร่วมใจทางไอทีวี (ทีไอทีวี) เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) แต่ปรากฏว่ามีการดูดเสียงของเธอในช่วงดังกล่าวออกไป
สำหรับ น.ส.มัลลิกา เคยเป็นที่รู้จักในช่วงที่เป็นนักข่าวไอทีวี (ในช่วงที่บริษัทชินคอร์ปเข้ามาบริหารแล้ว) และทำข่าวการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าซึ่งมีการกระทบกระทั่งกันกับผู้สนับสนุนของพรรคหาว่าเธอรายงานไม่เป็นกลาง และต่อมาเธอลงสมัคร ส.ส.พะเยา พรรคมหาชน แต่สอบตก และกลับเข้ามาทำงานที่ไอทีวีอีกครั้ง แม้ว่าในการเลือกตั้งได้ขับเคี่ยวกับผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยอย่างหนักก็ตาม
/0110