xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” หวั่น “แม้ว” ล้วงข้อมูล สั่ง คมช.เลิกใช้มือถือเอไอเอส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ปธ.บอร์ด ทศท.ยันมือถือถูกดักฟังได้ “บิ๊กกองทัพ” สงสัย “แม้ว” เยือนสิงคโปร์คุย “เทมาเส็ก” ด้าน โฆษก คมช.เผย “พล.อ.สนธิ” เตือน คมช.คุยเรื่องลับห้ามใช้มือถือในระบบเอไอเอส ตอกอดีตนายกฯ เป็นลูกผู้ชายทำตัวตามที่พูดด้วย

พล.อ.มนตรี ศุภาพร อดีตจเรทหารทั่วไป และในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช.ออกมาระบุว่า ข้อมูลสนทนาในโทรศัพท์ และข้อมูลด้านความมั่นคงรั่วไหลเข้าสู่สิงคโปร์ว่า ขณะนี้สิงคโปร์เป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคม แม้ว่าดาวเทียมไทยคมเป็นของคนไทย แต่มีกลุ่มทุนเทมาเส็กเป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งกองทัพได้ใช้ช่องสัญญาณไทยคมอยู่ 1 ใน 4 ช่องสัญญาณ เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานกับหน่วยทหารในต่างจังหวัด และใช้ในการติดต่อสื่อสารภารกิจด้านความมั่นคงของกองทัพ

“ดังนั้น หากสิงคโปร์มีรหัสผ่านก็สามารถเข้ามาเพื่อรับส่งข้อมูลต่างๆ ที่ทางทหารมีการติดต่อผ่านดาวเทียมได้ เป็นเรื่องทางเทคนิค ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า สิงคโปร์จะทำเช่นนั้น และตนไม่ทราบว่า มีการกระทำเช่นนั้นหรือไม่” พล.อ.มนตรี กล่าว

พล.อ.มนตรี กล่าวว่า สำหรับการดักฟังโทรศัพท์นั้น สามารถที่จะทำได้ ซึ่งทางบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งขณะนี้เป็นของกลุ่มทุนเทมาเส็กได้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 27.5 ล้านเลขหมาย ซึ่งทุกหมายเลขจะมีการส่งข้อมูลผ่านตัวรีจิกเตอร์เข้าสู่ชุมสาย เพื่อมารวมไว้ที่ตู้เก็บข้อมูลตู้หนึ่ง ดังนั้น หากต้องการจะรู้ว่าเบอร์โทรศัพท์เลขหมายนี้มีการสนทนากับใคร เรื่องอะไรก็สามารถดึงมาดูได้

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขายควบกิจการบริษัท เอไอเอส แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 27.5 ล้านเลขหมาย รวมถึงสถานีดาวเทียมให้กับบริษัท เทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เป็นเจ้าของทั้งหมด หากจะดักฟังเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้ เหมือนกับมีสวิตช์บอร์ดอยู่กับบ้าน จะแอบฟังเมื่อไหร่ก็ได้ คนที่ใช้บริการจะโทรศัพท์อยู่ที่ไหน สัญญาณการใช้ก็จะเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ทั้งหมด ซึ่งวิธีการดักฟังทางโทรศัพท์ก็สามารถทำได้ง่าย ด้วยการดักฟังจากสถานีส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมของบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์

“ปัจจุบันทหารใช้ช่องสัญญาณ 1 ใน 4 ทรานสปอนเดอร์ หรือช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม จากสถานีดาวเทียมของบริษัท ชินฯ เพื่อเป็นช่องสัญญาณที่ทหารในพื้นที่ต่างจังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมสถานีนี้ทั้งหมด โดยมีการเก็บข้อมูลจากการใช้ เมื่อบริษัทประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าของ ก็มีโอกาสที่จะรับรู้ความเคลื่อนไหวของประเทศไทย โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงของประเทศไทย เพราะสิงคโปร์เขาเป็นเจ้าของสถานีดาวเทียม ทั้งนี้ ทางด้านเทคนิคคนที่จะจับสัญญาณไม่จำเป็นจะต้องมานั่งในประเทศไทย แต่อยู่ประเทศสิงคโปร์ ก็สามารถรู้เรื่องทั้งหมด แม้ว่าที่ผ่านมาทางบริษัท เทมาเส็ก จะออกมาประกาศว่าจะไม่เข้ามาแทรกแซงในการดำเนินการโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ตาม” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า เครื่องดักฟังทางโทรศัพท์ตอนนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในประเทศไทยหากมีการจัดซื้อจะต้องมีการขออนุญาตจากกรมอุตสาหกรรมทหาร กระทรวงกลาโหม แต่ปัจจุบันมีการลักลอบเข้ามา หรือไม่ก็จะมีการประดิษฐ์ขึ้นมาเอง แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปประเทศสิงคโปร์ ยังไม่ทราบรายละเอียด ว่า เขาไปถึงวัตถุประสงค์อะไร แต่การที่รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เข้าพบง่ายๆ ก็ไม่ใช่แปลกที่รัฐบาลไทยสงสัย

“ประเด็นข้อมูลความลับต่างๆ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้เยอะ ทั้งเรื่องสนามบินการฝึก หรือสนามบินที่ จ.อุดรธานี ก็คุยกันได้หมด อย่างไรก็ตาม ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาเปิดเผย แสดงว่า ท่านรู้ข้อมูลลึกๆ อยู่ เพราะมีหน่วยงานด้านความมั่นคงในการติดตามดูแลอยู่” แหล่งข่าวกล่าว

เมื่อถามว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาเตือนให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ระวังถูกดักฟ้งโทรศัพท์ นายทหารระดับสูง กล่าวว่า การที่ พล.อ.สพรั่ง ออกมาเตือนครั้งนี้ ท่านอาจจะมีข้อมูลลึกๆ อยู่ เพราะตอนนี้ทาง คตส.รับผิดชอบในการตรวจสอบโครงการทุจริตคอร์รัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายโครงการ จึงต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่

“การเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์จริง แต่ประเด็นสำคัญ อาจจะมีนัยแอบแผง โดยเฉพาะการขอความร่วมมือกับทางบริษัท เทมาเส็ก ที่ถือครองการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ช่วยตรวจสอบการใช้บริการโทรศัพท์” แหล่งข่าวกล่าว

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.กล่าวถึงแนวทางการป้องกันการดักฟังโทรศัพท์ของ คมช.ว่า ในที่ประชุม คมช.เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ แต่ พล.อ.สนธิ ได้แจ้งให้สมาชิก คมช.ทุกคนระวังการใช้โทรศัพท์ และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ให้มาก และอย่าประมาทในการส่งข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยหากเป็นเรื่องงานราชการที่ความลับและความสำคัญให้เน้นการสื่อสารระหว่างตัวบุคคลมากกว่าการใช้โทรศัพท์ติดต่อ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้สื่อต่างประเทศในการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะไปห้ามสื่อต่างประเทศได้ แต่ที่ผ่านมา ถือว่าสื่อไทยให้ความร่วมมือกับทาง คมช.เป็นอย่างดี โดยไม่ได้มีการเผยแพร่ภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้แจงแต่อย่างใด ทั้งนี้ คมช.เชื่อมั่นในจรรยาบรรณของสื่อมวลชน ว่า จะช่วยเสนอข่าวต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนที่ คมช.จะต้องมาชี้แจงหรือตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ทาง คมช.คงไม่ต้องมีการชี้แจงอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากสิ่งที่กระทำอยู่ ถือว่ามากเพียงพอแล้ว เพราะถ้าหากมีการชี้แจงไปมากกว่านี้จะกลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่า เรามีหน้าที่เพียงการรักษาความความมั่นคง และชี้แจงในสิ่งที่ประชาชนสงสัย หรือต้องการความชัดเจนเท่านั้น

“พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิที่จะเดินทางไปประเทศไหนก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละประเทศได้ให้ความเคารพในวิถีทางในด้านการทูต มีเพียงสิงคโปร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถือเป็นดุลยพินิจของแต่ละประเทศ ซึ่งการเดินทางไปพบปะพูดคุยกับบุคคลที่เคยรู้จัก และสนิทสนมกันในต่างประเทศไม่ผิด แต่ทางมารยาททางการทูตไม่น่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับระดับผู้นำของประเทศนั้นๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ถูกยึดอำนาจไปแล้ว” โฆษก คมช.กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้ มีหลายฝ่ายมองว่า ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตต่างๆเพราะฉะนั้น หากคำนึงถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างประเทศ การที่ให้อดีตนายกรัฐมนตรีพบกับผู้นำนั้น นักการทูตมองว่าไม่เหมาะสม และเชื่อว่า ท่านคงมีความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อมีการชี้แจงอะไรไปแล้ว ก็ควรจะสอดคล้องกับพฤติกรรมของท่านด้วย

มีรายงานว่า พล.อ.สนธิ ได้ขอให้สมาชิก คมช.ทั้ง 8 คน ได้เปลี่ยนการใช้บริการโทรศัพท์ในเครือข่ายเอไอเอส ไปเป็นการใช้บริการของบริษัทอื่นแทน โดยให้มีการจดทะเบียนเปิดเบอร์ใหม่ เพราะมีการวิเคราะห์ว่า มีความพยายามที่ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการจะทราบความเคลื่อนไหว การตัดสินใจ และการดำเนินการต่างๆ คมช.เพื่อใช้ในการต่อสู้
กำลังโหลดความคิดเห็น