xs
xsm
sm
md
lg

จับตามาตรการพิเศษ!ให้อำนาจเด็ดขาดรัฐบาล - คมช.ขจัดซากเดนระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง


•• เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2550 ตอนค่ำ สนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ ได้โดดเด่นและดึงดูดมากที่สุดครั้งหนึ่งโดยเฉพาะ ช่วงเบรกสุดท้าย ที่อรรถาธิบายในลักษณะ ป่าทั้งป่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอ ให้รัฐบาลและ คมช.ติดอาวุธกฎหมายพิเศษเพื่อจัดการซากเดนระบอบทักษิณให้หมดไป – แม้ว่าประชาชนจะต้องสูญเสียเสรีภาพไปบ้าง คำพูดสำคัญในตอนนี้มีว่า “...ถ้าจะจัดการกับคนพวกนี้ด้วยการมีกฎหมายพิเศษ ผมยอมเสียสิทธิเสรีภาพ เหมือนต้องยอมถอยสัก 2 ก้าว เพื่อให้เดินไปข้างหน้าอีกล้านก้าว.” ในขณะที่เมื่อช่วงสาย ๆ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังการสัมมนาของ สถาบันพระปกเกล้า ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์เกี่ยวกับ มาตรการแก้ปัญหาระเบิด ประโยคหนึ่งทิ้งท้ายว่า “...ให้จับตาดูสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะมีมาตรการที่หยุดระเบิดได้ชะงัดเลยทีเดียว.” ถือเป็น 2 สัญญาณสำคัญที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นว่าภายในสัปดาห์นี้อาจจะเกิดปรากฏการณ์ ตรามาตรการทางกฎหมายใหม่ ๆ ขึ้นมาที่ คณะรัฐมนตรี, สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเชื่อว่าน่าจะเป็นมาตรการทางกฎหมายใหม่ ๆ ในระดับที่พอจะเรียกได้ว่า รัฐประหารซ้ำ, รัฐประหารเสริม ในทำนอง ทำสิ่งที่ต้องทำตามปกติของการรัฐประหาร – แต่ไม่ได้ทำเพราะสำคัญผิดในสารัตถะของสถานการณ์ จับตาดูวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ให้ดีที่อาจจะเห็น ร่างกฎหมาย หรืออาจเบ็ดเสร็จเป็น กรอบกว้าง ๆ เซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลและคมช. ในระดับ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ทีเดียว

•• อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่อง ถอยหลัง ยกเว้นจะไปติดกับอยู่กับ มายาภาพของระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม (ซึ่งแท้จริงแล้วน่าจะเรียกว่า ระบอบเลือกตั้งธิปไตย หรือ สนธิ ลิ้มทองกุล ขนานนามไว้ว่า ประชาธิปไตย 4 วินาที) รัฐประหารไม่ว่าที่ไหนครั้งใดมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ารัฐบาลจะต้องใช้ อำนาจเผด็จการ สำคัญอยู่ที่ มูลเหตุ, เป้าหมาย ว่า เป็นธรรม หรือไม่ต่างหาก

•• ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างหากคือ อาชญากรฆาตกรรมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการทำลายเนื้อหาสาระของ รัฐธรรมนูญ 2540 มูลเหตุของการรัฐประหารเมื่อ 3 เดือนเศษ ๆ ที่ผ่านมาจึง เป็นธรรม เพราะไม่ใช่มุ่งหมาย ชิงอำนาจ, ปกป้องผลประโยชน์ตนเอง หากแต่กระทำลงไปเพราะเป็น หนทางสุดท้ายในการพิทักษ์ชาติและราชบัลลังก์ การใช้อำนาจเผด็จการในช่วงสั้น ๆ เพียงแค่ 1 ปี ก็เพื่อ รังสรรค์ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงเป็นเป้าหมายที่ เป็นธรรม ระยะเวลา 1 ปีนั้น สั้นมาก จำเป็นที่รัฐบาลจะต้อง ดำเนินนโยบายเฉพาะเท่าที่จำเป็นด้วยมาตรการพิเศษ จะมาอาศัยนโยบายทั่วไปและมาตรการมาตรฐานในยามปกติไม่ได้ พระ – เทศนาสวดมนต์และแผ่เมตตา นั้นมีไว้ใช้ใน สถานการณ์ปกติ ไม่ใช่ในสถานการณ์พิเศษที่เผชิญ โจรอำมหิตมากอิทธิฤทธิ์ อย่างเช่นในช่วงนี้ที่ต้องใช้ อำนาจเด็ดขาด ในทุกรูปแบบ

•• เกิดมาแม้มีร่างกายเป็น มนุษย์ เหมือนกันแต่ในทาง ธรรม แล้วมี มนุษย์หลายประเภท มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เคยเทศนาไว้ว่า “...ร่างกายนั้นก็เป็นคนเป็นมนุษย์ แต่ภูมิพื้นทางจิตใจนั้นไม่เป็นคนไม่เป็นมนุษย์ก็ได้ ในเมื่อปฏิบัติประกอบอกุศลกรรมต่าง ๆ ไปตามอำนาจของกิเลส.” กลุ่มนี้มีอยู่ 3 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ มนุสเนริยโก = ร่างกายเป็นคนแต่ว่าภูมิพื้นฐานทางจิตใจนั้นเป็นสัตว์นรกเพราะประกอบกรรมที่เป็นบาปอกุศลด้วยอำนาจของกิเลสตัณหาอย่างแรง ประเภทที่ 2 คือ มนุสเปโต = กิเลสและกรรมที่กระทำเปลี่ยนภูมิพื้นของจิตใจให้เป็นเปรตที่มีความหิวกระหายอยู่เสมอ และประเภทที่ 3 คือ มนุสเดรัจฉาโน = กิเลสและกรรมที่กระทำปราศจากหิริโอตตัปปะเหมือนอย่างสัตว์เดรัจฉาน การตั้งหลักรับมือกับมนุษย์ประเภทใดประเภทหนึ่งใน 3 ประเภทนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นว่ามีแต่ต้อง เข้มแข็ง, เด็ดขาด และ ฉับไวไม่ลังเล เท่านั้น

•• คมช.และรัฐบาลคมช.ต่างหากที่ออกจะ ดัดจริต พยายามจะสร้างภาพให้ รัฐบาลจากการรัฐประหารมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง แม้กระทั่ง รัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็มีมาตราที่กำหนดให้ เคารพสิทธิเสรีภาพ ชนิดที่นำมา คุย ได้ว่า แม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรก่อนหน้ายังทำได้ไม่เท่า มันก็แค่ทำให้ดู เท่ แต่เนื้อหาแล้ว เท่ – แต่กินไม่ได้ คมช.เองนั้นยามเมื่อถืออำนาจคณะปฏิรูปทรงสถานะ รัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งทำให้ประกาศทุกฉบับมีค่าเป็น กฎหมาย ก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่ ต้องทำ, ควรทำ พร่ำพูดแต่ จะสละอำนาจเร็วที่สุด, จะร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวเร็วที่สุด และ จะตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด แม้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ตราออกมาก็ไป ตัดมาตราสำคัญที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐประหารในยามวิกฤตออกไป เพียงเพื่อจะมา คุย ว่า “...เห็นไหม...ฉันเป็นประชาธิปไตยนะ.” ที่สุดแล้วก็ ไม่ได้ผล ถึงวันนี้ก็แค่ กลับคืนสู่ความเป็นจริง เท่านั้น

•• แต่จะเป็น ร่างกฎหมาย หรือ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ก็แค่ คนวงนอก ขอเวลาสักวัน หาข่าว เพราะเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2550 ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ได้ แฝงกายเข้าไปแอบฟัง ด้วย

•• ถ้าเป็น ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ความที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 ไม่ได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้โดยเฉพาะก็ต้องอาศัย มาตรา 38 ที่บัญญัติไว้ว่า “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใดให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข....” ไปใช้กรรมวิธีตาม มาตรา 313 รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นตามขั้นตอน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลา 15 - 20 วัน เพราะต่อให้ วาระ 1 รับหลักการ, วาระ 2 กรรมาธิการ – พิจารณารายมาตรา จะมีกรรมวิธีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 วัน ได้เหมือนที่เคยเป็นมาในยามวิกฤต (ล่าสุดเมื่อ ปี 2535) อย่างไรก็ตามก็จะยังต้องเป็นไปตาม มาตรา 313 (5) อยู่ดีว่า “...เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้วให้รัฐสภาพิจารณาในวาระที่สามต่อไป.” จากนั้นก็รอขั้นตอน ทูลเกล้าฯ อีก

•• สรุปก็เพื่อจะบอกว่าถ้าบังเอิญเป็น ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก็ยังต้อง ใช้เวลา 15 – 20 วัน แต่ ณ วันแรกที่ รัฐบาล, สนช. ผนึกกำลังกันเริ่มใช้ จุดเริ่มต้นของมาตรการเด็ดขาด นี้ก็แน่นอนว่า กลุ่มอำนาจเก่า หรือพูดกันตรง ๆ ว่า ซากเดนระบอบทักษิณ จะรู้ตัวทันทีว่า จุดจบใกล้เข้ามา พวกเขาน่าจะต้อง ขัดขวางในทุกรูปแบบ การดำเนินการตอบโต้ทางข่าวสารและ ระดมมวลชน โดยอิงแอบอาศัยอยู่กับ กลุ่มประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ที่จะต้องไม่เห็นด้วยกับ มาตรการในทำนองสร้างกรอบกว้าง ๆ เซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลและ คมช.ใช้อำนาจเด็ดขาดได้ตามความจำเป็น เงื่อนไขสถานการณ์และเงื่อนไขเวลาเช่นนี้ทำให้ นับจากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2550 การต่อต้านในทุกรูปแบบที่ ดุเดือด, แหลมคม จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

•• ก็หวังว่า คมช. และ รัฐบาลคมช. จะเลิก ดัดจริต, ถนิมสร้อย ไม่ว่าก่อนหน้านี้ท่านจะชอบหรือไม่ชอบการเมืองอย่างไรก็ตามแต่บัดนี้ท่าน มิอาจไม่เล่นการเมือง, มิอาจไม่เชี่ยวชาญการเมือง เพราะถ้าท่านยังคงไม่เล่นและไม่เชี่ยวชาญ ความโหดร้ายของการเมืองก็จะหันมาเล่นงานท่านโดยไม่ปรานี และนอกจากตัวท่านแล้วเป้าหมายหลักที่จะถูกเล่นงานโดยไม่ปรานีอีกก็คือ ภารกิจอันใหญ่หลวงที่ท่านอาสาเข้ามาแบกรับ ถ้าท่านพลาดท่านจะ ไม่พังทลายคนเดียว แต่จะ พาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขพังทลายลงไปด้วย นั่นหมายถึง ราชบัลลังก์ จะตกอยู่ใน ภยันตรายใหญ่หลวง พูดง่าย ๆ ว่าวันนี้ไม่ว่าการตัดสินใจของท่านหรือระดับสติปัญญาระดับความรู้เท่าทันสถานการณ์จะไม่ได้ ผูกพันตัวท่านคนเดียว แต่จะ ผูกพันอนาคตของประเทศชาติและราชบังลังก์ ขอให้ระลึกถึงเสมอว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเพียงใดที่ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและทรงมีกระแสพระราชดำรัสในเชิงบวกแก่รัฐบาลคนแก่ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ภารกิจหลัก ต้องสำเร็จ, ต้องลุล่วง ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับ ทรยศต่อหน้าที่, ทรยศต่อภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ และ ปฏิบัติตนไม่สมกับที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย ทบทวนดูให้ดีว่านี่ไม่ใช่ การยึดอำนาจทั่ว ๆ ไป และนี่ไม่ใช่ การล้มรัฐบาลประชาธิปไตย แต่นี่คือ การขัดขวางกระบวนการทรราชยุคใหม่ที่มีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้มั่นใจเถิดว่าประชาชนยังคงยืนอยู่เคียงข้างท่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น