•• หมอดูดังที่สุดวันนี้เห็นจะไม่มีใครเกิน หมอนิด – กิจจา ทวีกุลกิจ ที่ทำนายดวงชะตาประเทศไทยปี 2550 ไว้ค่อนข้าง ร้ายแรง โดยมีจุดเด่นทางการเมืองสองสามประการ จะไม่มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2550, จะมีการรัฐประหารซ้ำ, จะมีการชุมนุมมวลชนขนาดใหญ่ และ ผลการเลือกตั้งทั่วไปปี 2551 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 ไปให้สัมภาษณ์ในรายการรอบดึก จันทร์ชวนคิด ดำเนินรายการโดย อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ทาง ช่อง 9 ที่เพิ่งเข้ามาแทน ถึงลูกถึงคน ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา แต่เนื้อหาวิจารณ์ยากเพราะคุณหมอดูท่านนี้ท่านดูด้วย ญาณ ไม่ใช่ ทฤษฎีโหราศาสตร์สำนักหนึ่งสำนักใด วันนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” แม้ไม่ใช่หมอดูแต่ขอโดยสาร เห็นด้วยกับคำทำนาย ว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงหาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ – พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยังไม่ตกผลึกตัดใจ เปลี่ยนตัว ผบ.ตร. ในเร็ววัน
•• วันนี้ขอเป็น แผ่นเสียงตกร่อง ย้ำชัด ๆ ณ ที่นี้อีกครั้งว่า จุดเริ่มต้น ของกระบวนการปรับตัวอย่างแรงของ ระบอบ คมช. คือ เปลี่ยนตัว ผบ.ตร. ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น
•• ไม่ได้จงเกลียดจงชัง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ตรงกันข้าม ณ วันที่ท่านขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. นั้นยัง ตั้งความหวังไว้สูง ในฐานะที่ท่านเสมือน แข็งขืนกับระบอบทักษิณ แต่พอเวลาผ่านไปขอพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า น่าเสียดายอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ประวัติของท่านนั้นมาจาก ตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็น ที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ล่าสุดเมื่อ วันที่ 8 สิงหาคม 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ ทรงมีรับสั่งด้วย ขณะเสด็จกลับจาก โรงพยาบาลศิริราช และท่านอุตส่าห์นำ ภาพ นั้นมาปะหน้า เอกสารชี้แจงงบประมาณของ สตช. แต่ดั้งแต่เดิมมานั้นท่านก็ไม่ใช่ คนในระบอบทักษิณ แถมยัง แข็งขืน เมื่อตอนที่จะถูก พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ข้ามหัวขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. ทว่าตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกรมปทุมวันนอกจาก ไม่ได้แสดงศักยภาพให้เห็น, ไม่ได้แสดงจุดยืนให้เห็น แล้วยังมีแนวโน้มที่แสดงให้เห็นว่าได้เข้าไปเป็น คนในระบอบทักษิณ แม้ในการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้ายึดอำนาจของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ภายใต้การสนับสนุนอย่างแข็งขันของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ในชั่วโมงแรกๆ ท่านก็ ขาดการติดต่อ กระทั่งกลางดึกคืนนั้นก็ ไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ด้วย แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจเต็มเปี่ยมจาก เพื่อนรัก รับมอบภารกิจ ดูแลตำรวจเต็มที่ ใน คำสั่งคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 17, 18 แต่สุดท้ายสังคมก็ไม่เข้าใจว่าท่านทำอะไรลงไปใน การแต่งตั้งโยกย้าย 2 รอบ เพราะดูไปแล้วเสมือนท่านกำลังพยายามแปร การยึดอำนาจจากระบอบทักษิณ ให้เป็น การรอวันคืนอำนาจเต็มแก่ระบอบทักษิณ ซึ่งจะก่อให้เกิด ภยันตรายใหญ่หลวง ต่อทั้ง ประเทศชาติ, ราชบัลลังก์ และ คณะปฏิรูปฯ เอง “เซี่ยงเส้าหลง” เคยสะกิดติง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไว้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2549 แล้วว่านี่คือ เรื่องคอขาดบาดตาย เพราะระบอบทักษิณนั้นพูดให้ถึงที่สุดก็คือ การสร้างรัฐตำรวจ, ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ถ้าอ่านไม่ทะลุแทงปัญหาไม่ขาด ณ จุดนี้มีโอกาส พลาด ได้ง่ายๆ การแต่งตั้งโยกย้ายช่วงนั้นไม่ได้คำนึงถึง เป้าหมาย ยิ่งใหญ่ที่สุด ปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่จะต้อง ขจัดลิ่วล้อระบอบทักษิณ แต่กลายเป็น เล่นพรรคเล่นพวก ด้านหนึ่ง นรต. 22 ได้ดี อีกด้านหนึ่ง นรต. 26 ก็ยังได้ดี หลายคนในจำนวนนี้คือ คีย์แมนของระบอบทักษิณ และ/หรือ อยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แถมยังเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายที่ มีกลิ่นเงินโชยหึ่ง อีกต่างหาก
•• กรณีที่เป็น รอยด่าง ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่เห็นได้ชัดก็คือ โอ๋ สืบหก -- พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ที่นอกจากจะ ไม่ถูกลงโทษ แล้วยัง ได้ดี อีกต่างหาก “เซี่ยงเส้าหลง” เคยชี้สายสัมพันธ์ให้เห็นมาครั้งหนึ่งแล้วว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา คนนี้ติดยศ ร.ต.ต. ครั้งแรกในสังกัด ตชด. - ตำรวจตระเวนชายแดน สายเดียวกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ บุคลิกที่เป็นคน เรียกง่าย – ใช้คล่อง จึงต้องตาต้องใจกับ หลังบ้าน ของ นาย ถึงกับเคยผลักดันจะให้มานั่งตำแหน่ง นายเวร ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ที่ พลาด ไปอย่างน่าเสียดายเพราะเจ้าตัวดันไปตั้ง สเปก ของ นายเวรผบ.ตร. เอาไว้เองไว้ว่า “...ต้องจบจากนายร้อยสามพรานเท่านั้น.” ผกก.โอ๋ที่ไม่ใช่ นายร้อยสามพราน เป็นเพียง นายร้อยอบรม จึงได้รับ การชดเชย ด้วยตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น. 6 ที่ไม่ใช่ว่าใครจะมานั่งตำแหน่งได้ง่าย ๆ ในปีถัดมา หลังบ้าน คนเดิมยังพยายามผลักดันผ่าน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี เพื่อให้ขึ้นเป็น รองผู้บังคับการ แต่นายใหญ่แห่งนครบาลคนนั้นกลัวเรื่อง หลักคุณธรรม, หลักอาวุโส ทำให้เขาต้อง ชวดตำแหน่งในปี 2548 แต่ก็ได้ รับปากกันไว้แล้ว ว่าจะผลักดันให้ขึ้นตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการภายใน ปี 2549 นี้ และนี่เป็นที่มาว่าเหตุไฉน นายตำรวจที่มีเรื่องอื้อฉาว ชนิดมีคดีค้างอยู่ใน ป.ป.ช. จึงยังคงได้รับการเลื่อนยศ
•• จริง ๆ แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” อยากเห็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส มานั่งแทนที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ไม่ใช่อยากจะสะใจที่เห็นทั้งสองเป็น คู่รักคู่แค้น แต่เพราะในยาม วิกฤต – หัวเลี้ยวหัวต่อ เยี่ยงนี้สถานการณ์ต้องการคนที่มีทั้ง ลูกกล้า, ลูกบ้า และ ความจงรักภักดีต่อชาติและราชบัลลังก์ชนิดเกิน 100 ประการหลังนี้ในฐานะ สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เป็นหลักประกันได้
•• นอกเหนือไปจากนี้ ภาพลักษณ์โดยรวม ของนายตำรวจเจ้าของสมญา วีรบุรุษนาแก คนนี้ยังจะเป็น ของแถม ให้แก่ระบอบ คมช.อีกต่างหาก พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ – พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พึงพิจารณา
•• คิดให้ดี ของแถม จาก พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส หาได้มีแต่เพียง ภาพลักษณ์ ยังมี เครือข่ายสายสัมพันธ์ ระดับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อีกต่างหาก
•• แต่หากจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ – ว่าที่ ผบ.ตร.ในข่าวลือ ก็ไม่เป็นไรหาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ – พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มั่นใจเต็ม 100 ว่าท่านผู้นี้จะ เหมาะสมกับภารกิจพิเศษ, แบกรับภารกิจพิเศษได้ อย่าให้ท่านได้ตำแหน่งไปเพียงเพราะเป็น น้อง ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ – อดีตผบ.ทบ.เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 6 เลย
•• ยังมีแคนดิเดตอีกหนึ่งคือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ คนนี้ มาแรงเงียบๆ ขอให้จับตาดูให้ดีๆ
•• ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2550 ตามที่คนทั่วไปเชื่อหรือไม่มีตามที่หมอดูบางคนทำนายหรือไม่ก็ตาม -- แต่เมื่อพูดถึง การเลือกตั้ง คราใด “เซี่ยงเส้าหลง” หวนระลึกถึงคำกล่าวอันเป็นอมตะของ สแตนเลย์ บอลด์วิน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 3 สมัยของ อังกฤษ ที่กล่าวไว้เมื่อประมาณ 70 ปีก่อน ว่า “...ผมเกลียดการเลือกตั้ง แต่คุณก็ต้องมีมันไว้ มันเป็นยารักษาโรค.” หรือในภาษาอังกฤษว่า “...I hate election, but you have got to have them ; they are medicine.” ที่เห็น ๆ อย่างน้อยก็เป็น ยาบำรุงเศรษฐกิจพื้นฐาน ขนานที่ ได้ผล ยิ่งนัก
•• และพูดถึง สแตนเลย์ บอลด์วิน (ค.ศ. 1867 – 1947) รัฐบุรุษและนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 3 สมัย (ค.ศ. 1923 – 1924, 1924 – 1929 และ 1935 – 1937) ก็ยังมี คำคม อีกประโยคหนึ่งจากท่านที่พูดถึง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เอาไว้ว่า “...The work of a Prime Minister is the loneliest job of the world.” ไม่รู้ พล.อ.สุยุทธ์ จุลานนท์ เห็นด้วยหรือไม่
