xs
xsm
sm
md
lg

พฤติกรรมเพี้ยนของ “มือปืนรับจ้าง” นาม “ชวลิต ยงใจยุทธ”

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง


•• ว่ากันที่จริงแล้วทั้ง สติปัญญา, องค์ความรู้, เกียรติคุณ, ความรักชาติรักแผ่นดินและรักราชบัลลังก์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประสบการณ์ทางการเมือง ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถ้าท่านจะออกมา ท้วง, ติง และ เสนอแนะ แนวทางที่ถูกต้องในการบริหารชาติบริหารแผ่นดินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้กับ คมช., รัฐบาล ก็น่าจะเป็นเรื่องที่สมควรกระทำออกมาอย่าง เปิดเผย, ตรงไปตรงมา ไม่ต้อง อ้อมค้อม, วกไปวนมา และไม่ควรจะทำให้สังคมสงสัยไม่มั่นใจว่า มีวาระซ่อนเร้น – ในเชิงช่วยเหลือเกื้อกูล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะทำอะไรก็ทำออกมาอย่าง สุภาพบุรุษนักปราชญ์ อย่าให้คนเขาสงสัยว่าลักษณะใกล้เคียง มือปืนรับจ้าง แม้ว่าจะเป็น มือปืนรับจ้างกิตติมศักดิ์ ก็หาได้ทำให้ ดูดีขึ้น ไม่ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอความกรุณาให้ท่านศึกษาบทบาทของนักวิชาการอาวุโสรุ่นใกล้เคียงกันอย่าง ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่พลันเมื่อเกิดรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ถูกคนวงในสายตรง เชิญให้เข้าไปร่วมทำงานในบก.คณะปฏิรูปฯ ท่านแม้จะ เห็นด้วยในหลักการระดับหนึ่ง แต่ก็ ปฏิเสธ เพราะรักษาจุดยืนของความเป็น นักวิชาการอิสระ เมื่อกาลเวลาผ่านมาและท่านเห็นว่า คมช.ทำผิดแนวทางที่ควรจะเป็น ท่านก็เป็นคนแรก ๆ ที่เขียนหนังสือพร้อมพูดจา คัดค้าน, ต่อต้าน และ นำเสนอแนวทางที่ถูกต้อง แม้จนกระทั่งวันนี้ท่านก็เรียกร้องให้ประชาชนทั้งแผ่นดิน ร่วมคัดค้านร่วมต่อสู้ ด้วยกระบวนการสันติและไม่มีข้อสงสัยว่าจะเป็นวาระซ่อนเร้นใด ๆ โดยวิธีการ ส่งไปรษณียบัตร 3 ฉบับ เพื่อกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ “...ผนึกกำลังของแผ่นดินและแผ่นฟ้าเข้าด้วยกัน เพื่อนำมาซึ่งรัฐธรรมนูญและระบบราชประชาสมาสัย โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยเป็นธงไชย.” (ซึ่งน่าจะใกล้เคียงในระดับหนึ่งกับแนวคิด สำนักปฏิวัติประชาธิปไตย ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ท่านเองก็เช่นเดียวกันกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ ณ วันนี้ ไม่มีตำแหน่งแห่งที่ในระบอบใหม่ (อาจจะต่างกันตรงที่ท่านนอกจากจะ ไม่เคยขอ แล้วยัง ปฏิเสธ) แต่ก็ไม่แสดงให้เห็นถึงอาการที่อาจตีความได้ว่า น้อยใจ แม้แต่น้อยนิด

•• ไม่ว่าจะมี ตะกอนความขุ่นข้องหมองใจตกค้าง อยู่ในหัวใจของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือไม่ก็ตาม “เซี่ยงเส้าหลง” ก็ว่ายากที่ให้เกิด ความยอมรับนับถือสุดขั้วหัวใจ ในตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ชนิดจะให้เป็น ประธานคณะกรรมการแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ชุดใดชุดหนึ่งในเร็ววันตามที่มี เสียงเรียกร้องในระดับหนึ่ง แต่พอมาเจอ อุบัติเหตุทางการข่าว ขึ้นมา 2 ครั้งซ้อน ในรอบเดือนสองเดือนเช่นนี้เห็นทีจะ ยาก เสียแล้ว

•• โดยเฉพาะ ครั้งสุดท้าย ว่าด้วย โบกี้รถไฟ แม้จะปฏิเสธว่า ไม่ได้พูดเอง, คนใกล้ชิดก็ไม่ได้พูด แต่ใครล่ะจะเชื่อว่า ที่ 1 จปร.ที่เลือกเหล่าราบได้ – แต่กลับเลือกเหล่าสื่อสาร อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คนนี้จะ บกพร่องทางการสื่อสาร – ไม่ได้จงใจให้ข่าวทางอ้อม เล่า “เซี่ยงเส้าหลง” ขอให้พิจารณาดูดี ๆ ว่าถ้า ไม่มีมูล นักข่าวที่ไหนจะพร้อมใจกันเสนอข่าวที่รู้อยู่แล้วว่าเป็น เรื่องใหญ่ ที่กระทบกระเทือนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองถึง 3 คน ด้วยกัน

•• แต่ถ้าบังเอิญเป็น ความบกพร่องทางการสื่อสาร ก็ชอบที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะสอบสวนทวนพยาน บริวารแวดล้อมใกล้ตัว ที่อาจจะ รับจ็อบ มาจาก อำนาจเก่า ออกมา อ่านใจนาย ให้นักข่าวเก็บไปเขียน

•• อันที่จริงถ้ามองโดยผิวเผินก็จะพบว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้นเข้ามาอยู่ใน ขบวน ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตั้งแต่ประมาณ ปลายมกราคม 2549 ท่านรู้ท่านเล็งเห็น แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง และท่านก็เกือบ ๆ จะกระโดดออกมาเป็น แนวหน้า ในการปาฐกถาพิเศษนัดสำคัญเมื่อ วันที่ 27 เมษายน 2549 ที่จะเรียกร้องให้ประชาชน ส่งไปรษณียบัตรถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง – ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ให้บังเอิญก่อนหน้านั้น 2 วัน วันที่ 25 เมษายน 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานแก่ ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลปกครองสูงสุด อันเป็นที่มาของแนวทางแก้ปัญหาชาติที่ต่อมาได้รับการขนานนามว่า ตุลาการภิวัฒน์ เสียก่อน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จึงต้อง เหยียบเบรกตัวโก่ง แม้จะยังคงออกมาปาฐกถาแต่ก็เสนอได้แต่เพียง หลักการพื้นฐานทั่วไป ไม่มี รูปธรรมเฉพาะ และการเข้ามาอยู่ใน ขบวน นั้นก็ไม่ได้ลงไปร่วมส่วนโดยตรงกับกลุ่ม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน, พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม้กระทั่งกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่คณะผู้ก่อการตั้งเป้าไว้ หนึ่งเดียว ให้มาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 (ไม่ว่าท่านจะ รู้เห็น หรือไม่ก็ตาม)

•• แม้ คนสนิทที่สุด หนึ่งเดียวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คือ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ จะเข้ามาร่วมงานใน กองบัญชาการคณะปฏิรูปฯ ตั้งแต่ หลังวินาทียึดอำนาจรัฐ แต่นั่นก็เป็นไปเพราะความเป็น เพื่อน จปร. 6 ของ แกนนำคณะปฏิรูปฯ ไม่ใช่เพราะความเป็น คนสนิทของนายจิ๋ว อันที่จริงเพราะฐานภาพประการหลังนั่นแหละที่ทำให้นายทหารมากความสามารถคนนี้ วืดหมดทุกตำแหน่ง อย่างที่รู้กัน

•• ปัญหาใหญ่ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คือท่านไม่สามารถทำให้เกิด ความไว้วางใจ ได้ว่า เลิกรา กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชนิด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะดูเหมือนผลุบ ๆ โผล่ ๆ ทีแรกพอเขา ไม่เห็นค่า ก็ อำลาจากมา พอเข้าต้องการ ใช้ชื่อเสียงเกียรติคุณ – เพื่อลดแรงกดดันทางการเมือง แต่งตั้งให้เป็น ประธานศูนย์แก้จน ก็กลับเข้าไปด้วยท่วงทำนอง กระดี๊กระด๊า ครั้นพอได้สัมผัสกับหัวจิตหัวใจของ ป๋า ก็ถอยออกมา กระโดดเกาะรถไฟสายไล่ทักษิณเที่ยวสุดท้าย และขณะที่น้อง ๆ แกนนำเขากำลัง ทำงานความคิด กับผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ให้ดำเนินการ สมานฉันท์กับทุกภาคส่วน -- รวมทั้งตัวท่าน ท่านก็ออกมา พูดเรื่องปฏิวัติซ้ำปฏิวัติซ้อน แล้วน้อง ๆ เขาจะ เดินงานต่อ ได้อย่างไร “เซี่ยงเส้าหลง” คงไม่ต้องพูดต่อไปนะว่าน้อง ๆ เขา หมดทาง ไปเลยเมื่อเกิดกรณี โบกี้รถไฟ พูดก็พูดเถอะแม้นาทีนี้ คมช. เขาจะเห็นว่า รัฐบาลยังอืดอาดไม่ทันการในหลายกรณี แต่ก็เป็น เรื่องภายใน ที่จะต้อง ปรับแก้กันเอง ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้ คนนอก แม้จะชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมา ประจาน ในเชิงที่เป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นนี้

•• ก็อย่างที่เคยเขียนบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เกือบไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะไม่ได้รับความไว้วางใจในยุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ที่มีแม่ทัพบกชื่อ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ยุคนั้นแม้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะติดยศ พล.ท. ดำรงตำแหน่งเป็นถึง ผบ.นสศ. ซึ่งเทียบเท่า แม่ทัพภาค แต่แทนที่จะได้เลื่อนเข้าไปติดยศ พล.อ. อยู่ในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. กลับถูกข้อหา เหลืออายุราชการอีกนานเกินไป โยกในแนวนอนไปเป็น มท.ภ. 2 แล้วถูกย้ายออก นอกไลน์ 5 เสือ ทบ. มาอยู่ที่ บก.สูงสุด เพราะอำนาจการเมืองและอำนาจทหารในขณะนั้นวางตัวไว้ให้แม่ทัพบกคนต่อไปเป็น พล.อ.สำเภา ชูศรี รวมทั้งยังมีตัวสอดแทรกเป็นสายตรงของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อีกคือนายทหารมากความสามารถนาม พล.อ.ชาญ บุญประเสริฐ บังเอิญที่ วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และ ม็อบสีลม ที่มีคู่หูต่างวัย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ร่วมส่วนอยู่ด้วยในระดับสำคัญทำให้อำนาจการเมืองเปลี่ยนมือกะทันหันมาตกอยู่กับ ชวน หลีกภัย ทำให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เข้าไปนั่งในทำเนียบเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ที่ขณะนั้นควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสียงแข็งขอให้ ผบ.ทบ.คนต่อไป เป็น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ การจึง ลงตัว แต่ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร วางตัวเลือกไว้เป็น พล.อ.สำเภา ชูศรี และ พล.อ.แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา (ที่มีผลงานร่วมกันในกรณี ต่อสัญญาช่อง 7) นี่คืออดีตที่ผ่านมา 10 ปี

•• ดังนั้นถ้าสถานการณ์มาถึงจุดที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จำเป็นต้องหา ตัวช่วย พูดก็พูดเถอะ “เซี่ยงเส้าหลง” ยังเห็นว่าท่านจะระลึกถึงและเลือก น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ มากกว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อยู่ดี

•• และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ก็ไม่ใช่ใครอื่นหากเป็นคนที่เคย ฝากความหวังไว้สูง กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถึงขนาดเข้ามา ร่วมก่อตั้งพรรค(ความหวังใหม่) แต่อยู่ไปได้ไม่นานก็ หมดความหวัง อำลาจากไป


กำลังโหลดความคิดเห็น