xs
xsm
sm
md
lg

"วีระ"ยื่น คตส.สางปมเน่า อสมท - เตรียมร้องศาลปกครองต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วีระ สมความคิด” เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (21 พ.ย.49) หลังยื่นเรื่องทุจริตของ อสมท.ต่อ คตส. เนื่องจากการกระทำของ อสมท.ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปั่นหุ้น การซื้อที่ดิน 50 ไร่โดยปราศจากแผนงานที่ชัดเจน การบริหารงานของคลื่น Seed 97.5 และการค้างชำระค่าโฆษณาของ บ.ไร่ส้ม ล้วนแต่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกันอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับตระกูลชินวัตร ชี้มีหลักฐานแน่ชัดที่จะเอาผิด และเตรียมส่งคำฟ้องต่อศาลปกครองในอีก 2 สัปดาห์ต่อจากนี้

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ วีระ สมความคิด

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และอัญชลีพร กุสุมภ์

สำราญ – ตอนนี้เราจะไปคุยกับคุณวีระ สมความคิด นะครับ คุณวีระครับ สวัสดีครับ

วีระ – สวัสดีครับ คุณสำราญ คุณอัญชลีพรครับ

สำราญ – ไปยื่นกี่ประเด็นครับเมื่อวานนี้ คุณวีระครับ

วีระ – ก็ยื่นหลักๆประมาณ 4-5 ประเด็นนะครับ ก็จะเน้นไปเกี่ยวกับเรื่องทุจริต จริงๆผมนี่จะทำเฉพาะเรื่องทุจริตนะครับ คือถ้ามีใครให้ข้อมูลนะครับเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นนี่ ที่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐนี่ผมก็จะให้ความสนใจและก็จะตรวจดูนะครับ ว่ามีข้อมูลมีหลักฐานที่จะทำให้เชื่อว่ามันมีการทุจริตหรือไม่ ถ้าเผื่อเราเห็นแล้วว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นนะครับ ก็จะยื่นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ยื่นให้กับ คตส.ก็เนื่องจากเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นนโยบายส่วนหนึ่งของรัฐบาลคุณทักษิณที่ผ่านมา และหลายโครงการที่ทุจริตนี่มันไปเอื้อโดยตรงต่อพรรคไทยรักไทยนะครับ และครอบครัวของคุณทักษิณเลยนะครับ เช่น การปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

สำราญ – เมื่อวานตกลงนี่ถ้าถามเป็นจำนวนประเด็นก่อนนี่ คือ 1. เป็นเรื่องของ อสมท.ล้วนๆเลยใช่ไหมครับ

วีระ – ล้วนๆครับ เราก็จะเน้นไปยังผู้บริหารระดับสูงไม่เกี่ยวกับพนักงานเลย จะเกี่ยวกับบอร์ดจะเกี่ยวกับผู้บริหารครับ เพราะว่าคนพวกนี้จะเป็นคนที่ต้องทำตามนโยบายนะครับ

สำราญ – มีกี่กรณีครับ ถามเป็นจำนวนแล้วกัน

วีระ – อย่างเช่นนะครับ กรณีที่เราเชื่อว่าทางรัฐบาลที่แล้วนี่ ได้ใช้ อสมท.นี่นะครับเป็นแหล่งในการปั่นหุ้น เพราะเราพบหลักฐานว่ามีการเข้ามาซื้อหุ้นของรัฐบาลสิงคโปร์ในนามของ GIG ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเจ้าของเดียวกับเทมาเส็กที่มาซื้อหุ้นชิน เราจะพบชัดเลยครับว่าหลังจากที่ อสมท.ได้เปลี่ยนจากรัฐวิสาหกิจ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2547 นี่นะครับเป็นต้นมา และก็มีขายหุ้นและก็เข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ คือตั้งแต่ 12 ธันวาคม 2547 ถึง 10 ตุลาคม 2549 นี่ GIG ของรัฐบาลสิงคโปร์ได้เข้ามาซื้อหุ้นรวมแล้วถึง 87,599,000 หุ้น อันนี้มีหลักฐานเลย

อัญชลีพร – 87 ล้านเป็นกี่เปอร์เซ็นต์คะ

วีระ – ก็เยอะนะ และก็ที่ซื้อแฝงอยู่ในชื่ออื่นๆอีกนะครับ เราจะเห็นเลยครับว่าพอเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วนี่ กิจการที่เคยเป็นของรัฐ 100% นี่นะครับ เป็นรัฐวิสาหกิจนี่ มันจะต้องเปลี่ยนเป็นเงินครับ เปลี่ยน 50% ก็คือ 49% นี่หุ้นมันจะต้องขายให้เอกชนใช่ไหมครับ และรัฐจะถือไว้ประมาณ 50% โดยกระทรวงการคลัง ปรากฏว่าผลประโยชน์ต่างๆนี่มันก็จะไหลออกไปยังผู้ถือหุ้น ทีนี้ผู้ถือหุ้นนี่ส่วนใหญ่มันมักจะเป็นสิงคโปร์ แต่ถ้าในรัฐบาลของคุณทักษิณนี่ผู้ถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่รัฐบาลได้เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่มันจะไปตกอยู่ในมือสิงคโปร์เป็นหลัก

สำราญ – แต่รู้สึกของ อสมท.นี่ คลังเขาถือ 77% นะครับ คุณวีระ

อัญชลีพร – 70% โดยประมาณ

สำราญ – 70 นิดๆ ที่เหลือก็เป็นของเอกชน มีพนักงาน และก็เข้าใจว่าถ้าจะมีก็มีอยู่ในส่วนตรงนี้

อัญชลีพร – เข้าใจว่า 20% น่าจะเป็นต่างชาติ

วีระ – เอาล่ะครับ จะเป็น 20% หรือ 30% ก็ตาม ผลประโยชน์ส่วนใหญ่นะครับ มันก็แทนที่จะตกกับรัฐเหมือนเมื่อก่อนมันไม่ และสิ่งที่มันขัดแย้งกันเองคืออย่างนี้ครับ เราดูจากรายได้ของ อสมท.ก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ สิ้นปี 2547 มีรายได้กำไร 977 ล้านบาท แต่พอสิ้นปี 2548 นี่มีรายได้กำไร 1104 ล้านบาท คือเพิ่มขึ้น 127 ล้านเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังขาคือมันแย้งกันเอง ทั้งๆที่พอเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์นี่ ปรากฏว่ามีนโยบายของรัฐที่บอกว่าให้หน่วยงานของราชการ มาใช้บริการของ อสมท.มาโฆษณาใน อสมท. ซึ่งจริงๆรายได้มันควรจะเพิ่มขึ้น กำไรมันต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว จาก 900 ล้านก็น่าจะเพิ่มเป็นเฉียด 2 พันล้านกว่าบาท แต่ปรากฏว่ากำไรมันเพิ่มขึ้นเพียง 127 ล้าน เราก็ลงไปดูในการบริหารก็ได้พบครับว่า มันมีการตั้งตัวเลขที่เกินจริงในเรื่องของวิทยุต่างๆ ปรากฏว่าทางคุณมิ่งขวัญนี่ไปสั่งให้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2549 ถึงกันยายน 2549 นี่ ไปสั่งไม่ให้บันทึกค่าใช้จ่ายของแต่ละสถานียกเว้นเงินเดือนและก็ค่าจ้างที่จ่ายเท่านั้น มันก็เลยไปดันตัวเลขกำไรจากการโฆษณาสูงเกินความจริง เพื่ออะไรครับ เพื่อให้เห็นว่า อสมท.มีกำไรมาก เพื่อหลอกล่อคนให้เข้าไปเล่นหุ้นนี่ 1. นะครับ 2. มันมีการไปโยงกับการนำเงินพันกว่าล้านบาทไปซื้อที่ดิน 50 ไร่ เป็นที่ดินของคุณหญิงพจมานที่กำลังมีปัญหาอยู่นี่แหละครับ

อัญชลีพร – อันนี้นิดนึงนะคะ คือคุณวีระกำลังจะบอกว่าค่าใช้จ่ายมันสูง มันก็เลยทำให้กำไรลดถูกด้วยใช่ไหมคะ

วีระ – ครับ แต่เวลาที่เป็นตัวเลขกำไรในการปั่นหุ้นนี่นะครับ ก็จะพยายามดันตัวเลขว่ามีสถานประกอบการดี แต่ในความเป็นจริงนี่ในการแสดงผลกำไรสิ้นปีนี่ จะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะมากเลย โดยการเอาเงินนี่นะครับไปซื้อที่ดิน และก็มาซื้อหลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ และก็เป็นการซื้ออย่างขาดแผนงานที่ชัดเจน ทั้งๆที่แผนมันไม่ชัดและคุณไปซื้อที่ดินในจำนวนเงินตั้งพันกว่าล้านบาทนี่

สำราญ – 50 ไร่นี่นะครับ

วีระ – 50 ไร่นี่นะครับ เพราะฉะนั้นคุณซื้อแล้วคุณจะเอาไปทำอะไร ชัดเจนแผนก็ไม่มี แต่บอร์ดกลับอนุมัติอย่างง่ายๆเลย และก็เป็นการซื้อใกล้เคียงกับที่คุณหญิงพจมานซื้อเลย มันต่อเนื่องกันเลยเชื่อมโยงกัน และก็เท่าที่ทราบนี่ที่ดินแปลงนี้เตรียมไว้ไปพัฒนาในเชิงธุรกิจ ที่จะทำเป็น Entertainment Complex โดยให้ลูกชายคุณทักษิณเจ้าของบริษัทฮาวคัมนี่เข้ามาประมูลต่อไปเอาไปทำ ก็กลายเป็นว่า อสมท.เอาเงินของ อสมท. เงินของรัฐด้วยนี่นะครับ เอาไปลงทุนซื้อที่ดินแล้วเอามาเอื้อประโยชน์ให้กับครอบครัวคุณทักษิณ แทนที่ครอบครัวคุณทักษิณถ้าคุณจะทำธุรกิจคุณก็เอาเงินคุณสิ คุณกลับเอาเงินของ อสมท.มาลงทุน เสร็จแล้วคุณก็จะเข้ามาสวมต่อโดยที่คนอื่นเขาไม่มีสิทธิ เขาไปสู้คุณไม่ได้นี่เป็นเรื่องนึงนะครับ

อัญชลีพร – คุณวีระคะ คำว่า Entertainment Complex นี่ค่ะ มีการอธิบายขยายความในแผนงานไหมคะ ว่ามันคืออะไรบ้าง

วีระ – ไม่มีเลย ไม่ได้พูดในแผนงาน เรื่องที่ดินไม่ได้พูดเลย อันนี้มาปรากฏในภายหลัง

อัญชลีพร – จะมีการทำสตูดิโอถ่ายทำ มีการเปิดให้คนไปท่องเที่ยว รายได้จะมาจากทางไหนเมื่อลงทุนแค่เฉพาะที่ดินไปพันล้านนี่ไม่มีเลย

วีระ – อันนี้ยังไม่ชัด

สำราญ – คุณวีระกำลังพูดว่ามันมีวาระแฝงเร้นว่างั้นเถอะ ในการซื้อที่ดินตรงนี้

วีระ – ใช่ครับ และก็อย่างที่เราพบในขณะนี้นะครับ คือว่าดูเหมือนมันจะเอื้อต่อตระกูลชินวัตรโดยเฉพาะ อย่างที่ผมบอกแล้วว่าตั้งแต่การปั่นหุ้น และก็การปั่นหุ้นก็จะมีคนในรัฐบาลไทยรักไทยเข้ามาได้ประโยชน์ แม้แต่การบริหารคลื่น Seed 97.5 นี่นะครับ ซึ่งสมาชิกอดีต ส.ส.ไทยรักไทยคนนึงนี่นะครับ คุณธีรภัทร สัจจกุล ซึ่งเป็นผู้บริหารคลื่น ก็มีการตั้งเงินเดือนตัวเองกับโปรดิวเซอร์ 2 คนสูงผิดปกติเลย และก็มีการจัดซื้อจัดจ้างกลุ่มเดียวกันหมด เช่น โครงการซื้อโชว์ที่จัดมา 17 ครั้งแล้วที่เมืองทองธานี และก็โครงการ Seed in Korea ที่จริงๆนี่เขาอ้างว่าเป็นการให้ผู้ฟังนี่นะครับได้มีโอกาส ผู้ฟังคลื่นที่ชนะเกมอะไรของเขานี่และก็จะพาไปทัศนศึกษาที่ต่างประเทศนี่ ปรากฏว่าเราพบว่าคณะที่ไป 24 คนนี่ มีผู้ฟังไปเพียง 6 คนเท่านั้นเองครับ มันก็เลยกลายเป็นกิจกรรมตอบแทนให้กับทีมงานและพรรคพวกของบริษัทโฆษณา เพราะว่ามันมีตัวแทนบริษัทโฆษณาไปถึง 10 คน

อัญชลีพร – เป็นปกติหรือเปล่าคะ เขาก็จะทำแบบนี้กันน่ะค่ะ

สำราญ – เขาอาจจะอ้างว่าเขาได้รับสัมปทานไปแล้ว

วีระ – คุณก็ทำกิจการของเอกชนไปสิ แต่มันไม่ควรจะอยู่ใน อสมท.นะ

สำราญ – ทีนี้คุณวีระครับ มีอีกเรื่องนึงเห็นว่าเรื่องไร่ส้มนี่มีไหม

วีระ – มีครับ

สำราญ – เห็นในข่าวก็มี มันเป็นยังไงครับ

วีระ – 138 ล้านบาท

สำราญ – แล้วยังไงครับ ข้อหาประเด็นคืออะไรครับ

วีระ – ประเด็นนี่นะครับก็คือผมไม่ได้เอาเอกสารรายละเอียดมา ก็คือว่าในบริษัทไร่ส้มจำกัดนี่นะครับ ซึ่งเป็นรายการของสรยุทธ สุทัศนะจินดา เราได้พบว่ามีการค้างค่าโฆษณาที่ควรจะจ่ายให้กับ อสมท.นี่ 100 กว่าล้านบาท และก็ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะนี่นะครับ ก็ได้มีการทยอยจ่ายไปแต่ก็ยังไม่ครบนะครับ และก็แปลกครับว่าที่ผ่านมานี่ ผู้บริหารของ อสมท.นี่ทำไมถึงยอมให้บริษัทไร่ส้มนี่เขาค้างค่าใช้จ่ายค่าโฆษณา และยังพบนะครับว่าอย่างเช่นถ้าตกลงกันว่าโฆษณาเบรกนึงนี่ 15 นาทีนี่ ปรากฏว่าเกินไปเป็น 16 นาทีกว่าอย่างนี้ ซึ่งคนอื่นเขาไม่มีอย่างนี้ และก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกเปิดเผยออกมานี่ มันจะมีทยอยจ่ายไหม

สำราญ – จะมีการคืนเงินไหมว่าอย่างนั้นเถอะ

อัญชลีพร – คุณวีระตั้งข้อสังเกตว่ารู้กันหรือว่ายังไงคะ

วีระ – ใช่ครับ เป็นการเอื้อประโยชน์กัน และถามว่าคุณมิ่งขวัญ อดีตผู้บริหารของ อสมท.นี่ ทำไมถึงเอื้อเฟื้อกับบริษัทไร่ส้มมากผิดปกติ

อัญชลีพร – ถ้าเขาอธิบายว่าก็ทำรายได้ให้กับสถานี เป็นรายการที่เรตติ้งดีเป็นที่นิยมล่ะคะ

วีระ – รายได้ดีนี่แล้วคุณจะไปติดทำไมล่ะ ถ้าคุณบอกว่ารายได้ดีคุณก็กำไรดีน่ะ

อัญชลีพร – หมายถึงว่าทำให้สถานีมีกำไรด้วยน่ะค่ะ

วีระ – ก็ใช่ครับ ถ้าคุณมีรายได้ดีแล้วคุณไปค้างค่าเช่าเขาทำไม ค่าโฆษณาทำไมล่ะครับ อันนี้ก็ต้องตอบให้ได้ด้วยนะครับ

สำราญ – เมื่อวานนี่ไปยื่นต่ออาจารย์แก้วสรรหรือเปล่าครับ

วีระ – ครับ พอดีท่านเป็นเลขานุการของ คตส.ครับ ก็ได้ติดต่อไปยัง คตส.ว่าผมอยากจะมายื่นเรื่องนี้ ก็พอดีท่านอาจารย์แก้วสรรบอกโอเค งั้นเดี๋ยวผมลงไปรับ

สำราญ – แล้วอาจารย์แก้วสรรว่ายังไงบ้างครับ

วีระ – ท่านก็จะเอาเข้าไปพิจารณานะครับ ว่าเรื่องนี้ถ้าไม่อยู่ในอำนาจของ คตส.หรือ คตส.มีเรื่องที่เยอะแล้วนี่นะครับ มากแล้วนี่ ก็จะส่งต่อให้กับ ป.ป.ช.หรือ สตง.นะครับ ซึ่ง คตส.ทำได้อยู่แล้วนะครับ

อัญชลีพร – แล้วทำไมต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์กว่าจะไปยื่นให้ศาลปกครองเรื่อง อสมท.ค่ะ

วีระ – คืออย่างนี้ครับ เรียนว่าผมนี่อยากจะทำให้มัน คือผมทำอะไรนี่ผมอยากให้มีหลักฐานที่แน่นหนา คือลำพังตอนนี้ถ้าผมยื่นผมยื่นได้เลย พรุ่งนี้ผมก็ยื่นได้แล้ว วันนี้ผมก็ยื่นได้แล้ว แต่เวลาผมทำงานโดยเฉพาะถ้ายื่นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยตรง ยื่นศาลนี่ ผมอยากจะให้ชัวร์นะครับ ผมเลยรอเอกสารหลักฐานอีกจำนวนนึง จริงๆถ้าการยื่นศาลปกครองนี่ยื่นตอนนี้เลยก็ได้ และก็ในวันที่มีการเรียกไปไต่สวน ผมอาจจะเอาไปยื่นเพิ่มเติม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมอยากจะให้ชัดเจนให้หมดเลย ที่ศาลสามารถที่จะเห็นเรื่องต่างๆครับ

อัญชลีพร – อีกนิดนึงนะคะ คุณวีระ ขอสั้นๆ เรื่องต่างๆที่โยงกันนี่ อาจจะมีการคิดว่าเราจินตนาการเอง เช่น คิดว่าคุณโอ๊คจะมาเหมาต่อหลังจาก อสมท.ลงทุนอย่างนี้ คุณวีระคิดหรือว่ามีหลักฐานพอที่จะอนุมานได้อย่างนั้นด้วยไหมคะ

วีระ – คือมันมีหลักฐานนะครับ มันมีการไปเปิดเผยนะครับในสื่อมวลชน มันทำเปิดเผยไปแล้ว เพียงแต่มันยังไม่ได้ดำเนินการเท่านั้นเองนะครับ แต่ที่ยังไม่ดำเนินการนี่เขาอาจจะบอกว่าไม่เป็นความผิด และก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ที่มันผิดแล้วล่ะ ที่ผมต้องยกด้วยนะครับ อย่างซื้อที่ดินนี่มันผิดแล้วนี่ แล้ว Entertainment Complex ยังไม่สร้างก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ที่ผิดแล้วผมอยากให้ตรวจ คุณทำไปได้อย่างไร ที่ขาดแผนงานชัดเจนนี่คุณทำไปได้ยังไง

สำราญ – เอาล่ะครับ ก็ขอบพระคุณมากครับ คุณวีระ ที่ให้เวลานะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น