xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ”เร่งคมช.จัดการคลื่นใต้น้ำขั้นเด็ดขาดหวั่นบานปลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พิภพ ธงไชย” 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (20 พ.ย.49) ประเมินการทำงาน 2 เดือนหลังรัฐประหาร ของคมช.ยัง 50/50 โดยปชช.บางส่วนไม่เข้าใจเลยต่อต้าน เหตุไม่ชี้แจงเหตุผลของการปฏิรูปฯตามสื่อเท่าที่ควร ย้ำปล่อยไว้อาจบานปลาย เพราะคลื่นใต้น้ำเตรียมอาศัยจังหวะนี้เข้าปะทะ พร้อมแนะ สนช.จัดลำดับความสำคัญการออกกม. สามารถเอาผิดนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ พิภพ ธงไชย

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และอัญชลีพร กุสุมภ์

สำราญ – เราจะไปกันที่ที่ปรึกษา ครป.นะครับ และก็เป็น 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาลองให้คะแนน คมช.และก็รัฐบาลนี่ เอาว่า 60 วันผ่านไปแล้วนี่เป็นยังไงบ้าง

อัญชลีพร – ค่ะ สวัสดีค่ะ คุณพิภพคะ

พิภพ – สวัสดีครับ

อัญชลีพร – ท่านในฐานะที่ปรึกษาค่ะ มอง คมช.ตรงไหนที่น่าห่วงที่สุดคะ

พิภพ – ตรงที่น่าห่วงก็คือเอาเรื่องการสื่อสารกับประชาชน ถึงเหตุของการรัฐประหารนี่นะครับ อันนี้ก็คิดว่าน่าห่วงที่ คมช.ทำน้อยไป หรือว่าไม่มีการปฏิรูปสื่อให้สามารถที่จะบอกว่าเหตุที่ทำรัฐประหารนั้น เป็นเรื่องการทุจริตและคอร์รัปชั่นในเชิงนโยบาย และในคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้วนี่ ผมคิดว่าไม่ได้ทำประชาสัมพันธ์รวมศูนย์ในข้อกล่าวหาที่ คมช.กำลังให้องค์กรอิสระต่างๆ หรือคณะกรรมการต่างๆดำเนินงานอยู่นะครับ อันนี้ก็ถือว่าเป็นน่าห่วงอันแรกที่น่าจะต้องปรับปรุง

อัญชลีพร – และก็เรื่องการจัดอันดับงานล่ะคะ

พิภพ – นี่ก็เหมือนกันนะครับ ผมคิดว่าท่านมีตัวอย่างจากตอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส เรื่องให้ตุลาการมาแก้ไขปัญหาใช่ไหมครับ เราจะเห็นได้ว่าในศาลเริ่มมีการจัดลำดับงานใหม่ โดยเอาคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองอันเป็นเหตุของวิกฤตินี่ขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นในคณะกรรมการชุดต่างๆและองค์กรต่างๆ ที่ตั้งเลียนแบบรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ผมคิดว่าจะต้องจัดลำดับงานตัวนี้ขึ้นมา โดยเฉพาะคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนจะต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ไม่ใช่ไปฟื้นคดีเก่าออกมาก่อนซึ่ง คมช.หรือคณะกรรมการอาจจะทำด้านจิตวิทยาว่า ไม่ต้องการเล่นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคไทยรักไทยฝ่ายเดียว อาจจะมีนักการเมืองอื่นด้วยที่เคยทุจริตคอร์รัปชั่นก็ใช่ แต่ผมคิดว่าความสำคัญจะต้องเอาเรื่องเหตุของการรัฐประหาร ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลและได้สร้างเหตุไว้ และเป็นเหตุให้ทำรัฐประหารนี่จัดอันดับขึ้นมาก่อน และโดยเฉพาะเรื่องฆ่าตัดตอนตอนนี้มีพูดแล้วนะครับ เดือนที่แล้วไม่ได้พูดนะครับ อันนี้ผมถือว่าการฆ่าตัดตอนไม่ได้อยู่ในกรณีคุณสมชายเท่านั้น แต่กรณีกรือเซะ ตากใบ สะบ้าย้อย ฯลฯ ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าเป็นพุทธหรือมุสลิมเดิมนี่นะครับ รวมทั้งฆ่าตัดตอนในกรณียาเสพติดนี่ ผมคิดว่าตอนนี้ คมช.เริ่มพูดเรื่องนี้แล้วก็ถือว่าใช้ได้

แต่เราวิจารณ์ใน 2 เดือนที่แล้วนี่ไม่เอ่ยประเด็นนี้ และประเด็นนี้จะเป็นประเด็นที่ทั่วโลกเขาสนใจนะครับ ว่ารัฐบาลคุณทักษิณที่มาจากการเลือกตั้งและกำลังรอผลของการเลือกตั้งครั้งใหม่นี่ ได้กระทำผิดฉกาจฉกรรจ์ ผมคิดว่าเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งนำไปสู่การฆ่าตัดตอนและการใช้อำนาจเกินจริง และทำให้เกิดการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าเป็นทหาร ตำรวจ พลเรือน หรือประชาชนพุทธหรือมุสลิมนี่ ผมคิดว่าประเด็นนี้ทั่วโลกจะยอมรับถ้าเราทำประเด็นนี้ให้ชัดเจนนะครับ รวมถึงการทุจริต และยิ่งเป็นการทุจริตในระดับที่เรียกว่าข้ามชาติ ร่วมมือกับบริษัทต่างชาตินี่ ผมคิดว่านานาชาติเขาก็ต้องการให้เราเป็นเมืองที่มีความโปร่งใสใช่ไหมครับ ผมคิดว่าทำประเด็นจัดอันดับพวกนี้ให้ชัดนี่จะได้เข้าใจ ทั้งประชาชนทั้งความเห็นด้วยจากนานาชาติครับ

สำราญ – มองเฉพาะ 60 วันที่ผ่านไปนี่นะครับ คุณเปลวสีเงินก็ให้คะแนน คมช.นี่ 49 คะแนน แต่บังเอิญว่ามีตัวช่วยอยู่ 3 ตัว คือ ป.ป.ช. สตง. และก็ คตส. บวกไปอีก 10 คะแนนนี่เป็น 59 คุณพิภพเองให้คะแนนซักเท่าไหร่ครับ

พิภพ – ก็ใกล้เคียงกับที่ผมให้สัมภาษณ์ในหนังสือแทบลอยด์ไทยโพสต์ไป ผมก็ให้ 50/50 นะครับใน 2 เดือนที่ผ่านมานะครับ และก็มีการขยับตัว ทำไมผมถึงให้ 50/50 ผมคิดว่าการรวมองค์กรต่างๆที่เกิดจาก คปค.นี่ ในการที่กำหนดยุทธศาสตร์ ในการที่จัดการปัญหาวิกฤติของชาติใน 4 ข้อที่อ้างนี่ ผมคิดว่ายังรวมศูนย์ไม่พอ และผมคิดว่าการปฏิบัติการในการรัฐประหารเพื่อจัดการปัญหาวิกฤติ และมาตั้งองค์กรต่างๆรวมถึงตั้งรัฐบาล รวมถึงตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยนี่นะครับ รวมทั้งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ป.ป.ช.ใหม่ กกต.มันก็ฟื้นขึ้นมาจากอันเก่านี่ คดีความพวกนี้รวมอยู่ในองค์กรเหล่านี้ และทั้งที่ คตส.ได้มาจัดการเพิ่มขึ้นในจุดอ่อนที่ ป.ป.ช.อาจจะทำไม่ได้นี่ ผมคิดว่าการรวมศูนย์ทั้งหมดนี่ยังไม่ดีพอ ถึงแม้ว่าจะมีการตั้งองค์กรรองรับ ผมยกตัวอย่างเช่นกฎหมายนี่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่คุณสำราญก็เป็นสมาชิกอยู่นี่นะครับ ก็น่าจะต้องพิจารณากฎหมายที่ขาดไปในการที่จะตรวจสอบรัฐบาลชุดที่แล้ว นี่ยกตัวอย่างนะครับ

แต่ไม่ใช่ได้ข่าวว่าไปจับกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอำนาจแล้ว ที่จะเอางบประมาณที่จะไปให้ อบต. ผมคิดว่านี่จัดลำดับความสำคัญไม่ถูก เพราะฉะนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องรองรับว่าเมื่อ คปค.สลายตัวเป็น คมช. ไม่สามารถออกคำประกาศคณะปฏิรูปการปกครองได้แล้วนี่ กฎหมายจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องเป็นตัวรองรับ ว่ามีกฎหมายอะไรที่เรายังไม่รัดกุมพอ และไม่สามารถตรวจสอบได้นี่จะต้องออกมารองรับทันทีเลย เพราะว่าเมื่อท่าน พล.อ.สนธิบอกว่าจะใช้กระบวนการกฎหมายมาตรวจสอบรัฐบาลชุดที่แล้ว ก็จะต้องสำรวจว่ากฎหมายที่มีนี่พอไหม เหมือนที่คราวที่แล้วบอกว่า ป.ป.ช.ทำอะไรไม่ได้ก็เลยตั้ง คตส.ขึ้นมา ไม่ใช่ทำอะไรแต่มีข้อจำกัดใช่ไหมครับ ก็เลยตั้ง คมส.ขึ้นมาและก็มีการประกาศอย่างชัดเจน ถ้ายังไม่พอนี่ผมคิดว่าธุรกรรมทางการเงินในระหว่างประเทศ ที่ก่อให้เกิดการทุจริตที่ทับซ้อนนี่ ถ้ากฎหมายที่เรามีไม่พอนี่ผมคิดว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องมีหน้าที่รองรับครับ

สำราญ – คือตอนนี้กฎหมายที่เข้าไปที่ สนช.ก็ยังเป็นเรื่อง คงไม่ใช่ลำดับความเร่งด่วนซักเท่าใดนัก ว่าไปแล้วนี่นะครับ

พิภพ – ใช่ครับ คุณสำราญก็คงจะทราบดีใช่ไหมครับ ผมคิดว่าการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ ที่เกิดจากการตั้งของคณะปฏิรูปนี่ จะต้องมียุทธศาสตร์ร่วมใน 4 ข้อแรกที่ประกาศไป

สำราญ – บทกฎหมายตอนนี้ก็มีอยู่ 2 หมวดที่จ่ออยู่ ก็คือเรื่อง พ.ร.บ.ขั้นตอนการกระจายอำนาจที่ว่านะครับ ไปแก้บางมาตรา และที่จะเข้ามาเป็นขอ 3 วาระรวดก็คือ ก็จะขอให้หวยบนดินนี่ถูกกฎหมาย นั่นตามข่าวนะครับ

พิภพ – อันนี้ทำให้ผมสงสัยว่าทำไมจึงไม่เอากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง 4 ข้อ คือ พูดจริงๆอาจจะตีความได้นะครับ แต่จุดประสงค์ก็จะดูว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในอดีตเกี่ยวกับเรื่องหวยบนดินหรือไม่ นี่เป็นการยกตัวอย่างนะครับ หรือในกรณีที่ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปฟ้องร้องนักการเมืองได้นี่ ต้องผ่านอัยการ ผ่าน ป.ป.ช.นี่นะครับ หรือผ่านสภานี่ ผมคิดว่ากฎหมายน่าจะออกมาให้ประชาชนมีสิทธิโดยตรงได้ ที่จะฟ้องร้องหรือถ้าอันนั้นเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม หรือคดีความที่เกี่ยวกับอายุความของการทุจริตของนักการเมือง จาก 2 ปีนี่ก็น่าจะขยายให้เป็น 20 ปีหรือตลอดชีวิตได้ ในกรณีที่ทุจริตเกี่ยวกับเรื่องบ้านเมืองอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับ

สำราญ – ทีนี้มองอีกประเด็นนึง คุณพิภพครับ นั่นคือก็อย่างที่คุณอัญชลีพรพูดไปเมื่อซักครู่ เมื่อวันเสาร์นี่นะกลุ่มที่คัดค้านรัฐประหารเขาก็มีการเคลื่อนตัวแล้ว เริ่มเคลื่อนไหว เริ่มมีการชุมนุม เริ่มมีการเดินขบวน ทั้งๆที่ยังมีกฎอัยการศึกอยู่

อัญชลีพร – ต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้วด้วย คนมากขึ้นเรื่อยๆเป็นขบวน สื่อให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

สำราญ – สิ่งเหล่านี้นี่คุณพิภพประเมินจริงๆว่า มันก็คงเป็นปรากฏการณ์ที่ยังไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่เท่าไหร่ หรือมองยังไงครับ

พิภพ – คือถ้าเราเรียนรู้จากตอนสมัยรัฐบาลทักษิณใช่ไหมครับ ปรากฏการณ์ของคุณสนธิ และการปรากฏตัวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขยายตัวเรื่อยๆ ก็เพราะรัฐบาลชี้แจงไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่ในรัฐบาลชุดนี้ถ้าจะหยุดยั้งการขยายตัวของคนที่ต่อต้านการรัฐประหาร ว่าเหตุผลที่ได้เสนอไป 4 ข้อยังไม่สามารถพิสูจน์ได้นี่ก็จะต้องชี้แจงได้ ผมว่าถ้าชี้แจงได้นี่การขยายตัวของผู้ชุมนุมก็จะไม่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผมว่าสาเหตุก็คือว่าชาวบ้านในต่างจังหวัดก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่ทักษิณทำนี่ถูกต้อง แต่ คมช.บอกว่าไม่ถูกต้องส่อไปในทางทุจริตและคอร์รัปชั่น รวมทั้งการก่ออาชญากรรมในการฆ่าตัดตอนอะไรก็ดีนี่ ผมคิดว่าอันนี้จะต้องรีบเอาออกมาให้เร็ว เมื่อเอาออกมาให้เร็วประชาชนก็เริ่มเข้าใจ ว่านโยบายต่างๆของรัฐบาลคุณทักษิณครั้งที่แล้วนี่ มันแฝงไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนและการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร ผมคิดว่าต้องเร่งและยกตัวอย่างจุดอ่อนที่กำลังจะถูกโจมตี ว่าเป็นลักษณะการเมืองเก่าหรือการส่งนายทหาร หรือผู้คนเข้าไปในรัฐวิสาหกิจต่างๆนะครับ อันนี้ก็จะต้องชี้แจงว่าไม่ได้เข้าไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แต่ไปด้วยวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กรนั้นๆ

สำราญ – และก็ต้องทำให้เห็นด้วย

พิภพ – ต้องทำให้เห็น และก็จะต้องมีกำหนดวาระเข้าออกอย่างชัดเจน ผมคิดว่าการได้สร้างเงื่อนไขในการขยายการชุมนุมนี่ คมช.ต้องคิดมากขึ้น แต่การไม่สร้างเงื่อนไขจะต้องทำบนข้อเท็จจริงและความถูกต้อง ซี่งผมคิดว่าเราร่วมเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกันมาเกือบปี เราก็เชื่อว่าสิ่งที่เราได้รับข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ในเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบของรัฐบาลและการก่ออาชญากรรม เพราะฉะนั้น คมช.ก็จะต้องทำข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ปรากฏในสื่อของรัฐก็คือทีวี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดครับ

สำราญ – ซึ่งตอนนี้ยังหารายการลงไม่ได้เลย คมช.นะ

พิภพ – ก็ต้องประชาสัมพันธ์ในส่วนนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำการขึ้นครับ

อัญชลีพร – ดูองค์ประกอบของกลุ่มที่เขามาชุมนุมนี่ ประชาชนอาจจะอยากให้คุณพิภพช่วยวิเคราะห์หน่อยว่า ลักษณะการชุมนุมแบบนี้ มีองค์ประกอบจากกลุ่มบริสุทธิ์หรือว่ามันเป็นยังไงคะ

พิภพ – ผมคิดว่ากลุ่มบริสุทธิ์มีนะครับ หมายความว่าเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย จะต้องใช้กระบวนการประชาธิปไตยและไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร อันนี้ผมคิดว่ามีแน่นะครับ แต่ที่ยังไม่ขยายตัวโดยกลุ่มผู้บริสุทธิ์ก็เพราะว่า รัฐบาลทักษิณนี่ทำความเสียหายกับประเทศชาติอย่างรุนแรง และฉีกรัฐธรรมนูญ และจนกระทั่งมองไม่เห็นว่าใช้กระบวนการแบบประชาธิปไตยนี่จะแก้ไขปัญหาได้ คมช.จึงได้เข้ามาโดยอ้างอันนี้ ทีนี้ทำให้ประชาชนสนับสนุนเพราะธงที่ คมช.ตั้งไว้ 4 ข้อนั้น ก็เป็นธงที่กลุ่มประชาชนที่เคลื่อนไหวขับไล่นายกฯ หรือให้นายกฯออกจากการเมืองนี่เป็นธงอันเดียวกัน เพราะฉะนั้นประชาชนที่ถึงแม้ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ก็วางเฉยที่จะไม่เข้าไปร่วมกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ไม่ว่าจะมุ่งมาแก้ไขปัญหาใดๆในสังคมไทยนี่

อัญชลีพร – แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มที่ไม่ขาวนี่ เทาๆและหวังผลอะไรบางอย่างก็ร่วมด้วยใช่ไหมคะ

พิภพ – คืออย่างนี้ ปัญหาขึ้นอยู่ว่าคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยก็เตรียมที่จะสู้ และอาศัยจุดอ่อนของ คมช.ในการที่ไม่ทำความเข้าใจกับประชาชน และไม่ใช่กระบวนการสืบสวนสอบสวนและตัดสินโทษอย่างรวดเร็วนี่นะครับ ก็ใช้จุดอ่อนเอาเข้ามาเสริมในกระบวนการประชาชนที่เข้าไปต่อต้านการรัฐประหาร แต่ผมคิดว่าตอนนี้ยังไม่มากพอนะครับ ผมคิดว่าประชาชนที่บริสุทธิ์ยังมีมากกว่าที่ฝ่ายพรรคไทยรักไทยเข้ามาร่วม แต่ถ้าปล่อยไว้นี่มันก็จะเป็นเช่นนั้น

อัญชลีพร – ปล่อยไว้คือไม่ชี้แจงให้ชัดเจน

พิภพ – ครับ ผมว่ามีทางเดียวก็คือต้องสื่อให้ชัดเจน เพราะว่านี่ก็เป็นจุดอ่อนของรัฐบาลทักษิณ แต่เผอิญรัฐบาลทักษิณนี่ถึงจะชี้แจงยังไงก็ไม่ขึ้น เพราะว่าทำบนความไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ แต่ คมช.จะได้เปรียบถึงแม้ว่าไม่ถูกต้องในเรื่องการรัฐประหาร แต่ถูกต้องจากการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องความแตกแยก และความทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งการฆ่าตัดตอนนี่ ซึ่งเป็นความจริงในทัศนะของผมและกลุ่มพันธมิตรทั้งหมดนี่ ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็วและสื่อไปโดยเร็วครับ

สำราญ – ก็ยังไม่สายนะครับ

พิภพ – ไม่สาย ผมคิดว่ายังไม่สายตอนนี้ แต่ถ้าปล่อยยืดเยื้อไปอีกก็จะสาย และคุณทักษิณถ้าดูจากคุณจาตุรนต์ที่ออกมาแถลงและมีภาพคุณทักษิณอยู่ข้างหลัง และมีคำขวัญทางการเมืองว่าพร้อมที่จะอะไรและไม่ท้อถอย และพร้อมที่จะตีความเหมือนว่าจะกลับมานี่นะครับ ฉะนั้น คมช.ต้องคิดยุทธศาสตร์ยุทธวิธีโดยการโต้กลับคุณทักษิณ เพราะคุณทักษิณเป็นคนไม่ธรรมดานะครับ คำว่าไม่ธรรมดาก็คือไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ความถูกผิด แต่พร้อมที่จะกลับมา เพราะว่าตอนนี้เขาเสียเรียกว่าถูกต้อนจนมุมแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะเสียได้มากกว่านี้ และจะกลับมาสู้ครับ

อัญชลีพร – มีนักวิชาการประเมินอย่างนี้ว่า ถ้าหากเรายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้อยู่คุณทักษิณกลับเข้ามาแน่ ไม่แอบลักลอบเข้ามาทางซอกไหนหลืบไหนหรอกค่ะ เขาจะเดินเข้ามาดีๆและประชาชนนั่นแหละจะเชิญลงมา และแถมบอกว่านับวันได้เลยอาจจะ 90 วันได้เห็นด้วยซ้ำ

พิภพ – ก็คิดว่าอันนี้ในประเด็นผมนี่ไม่ได้วิตกเรื่องคุณทักษิณจะลงมาทันทีหรือไม่ ผมว่าคุณทักษิณก็กลัวอันตรายเหมือนกัน แต่ผมกลับว่าจะตีกลับเมื่อมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว และถ้าพรรคการเมืองต่างๆไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ กลายเป็นพรรคนอมินีของคุณทักษิณจัดตั้งรัฐบาลนี่ ผมคิดว่าสามารถล้างกฎหมายทั้งหมดได้เลย ละความผิดทั้งหมดได้เลย โดยใช้กระบวนการทางกฎหมายใหม่ ซึ่งคุณทักษิณเก่งอยู่แล้วในเรื่องนี้ อันนี้จะต้องระวัง การตีกลับโดยผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้านี่นะครับ

สำราญ – ถ้ายังไม่มีการชี้แจงอย่างที่เราว่า

พิภพ – 1. ไม่ชี้แจง 2. ไม่สามารถจะเล่นงานคุณทักษิณในทางกฎหมาย โดยไม่สามารถที่เขาจะดิ้นหลุดได้นี่นะครับ และลงโทษเสียให้สิ้นสุดกระบวนความนี่ ผมคิดว่าจะถูกตีกลับตอนเลือกตั้งใหม่ แต่ผมไม่เชื่อว่าคุณทักษิณจะเสี่ยงที่จะเข้ามาในตอนนี้ แต่ก็จะใช้กระบวนการใต้ดินนะครับ และกระบวนการเคลื่อนไหวระหว่างประเทศนี่ สร้างความชอบธรรมทางการเมืองที่จะกลับมา ไม่เอาตัวกลับมาแต่นักการเมืองต่างๆที่คุณทักษิณได้อุปถัมภ์อยู่นี่ จะเข้ามาทำหน้าที่เขาเรียกว่ารื้อฟื้นคดีความของคุณทักษิณใหม่ ซึ่งสามารถทำได้ในกระบวนการทางกฎหมายซึ่งมีนักกฎหมายพร้อมที่จะรับใช้คุณทักษิณอยู่

อัญชลีพร – อ้างว่าไม่ได้รับความยุติธรรมในช่วงที่ผ่านมา

พิภพ – ใช่ครับ เพราะฉะนั้นผมก็เห็นด้วยกับ พล.อ.สนธิ ว่าจะต้องใช้กระบวนการกฎหมายที่รัดกุม เพราะฉะนั้นกระบวนการกฎหมายที่รัดกุมนี่ ผมคิดว่าการออกกฎหมายมาประกอบแทนคำสั่ง คปค.นี่ ผมคิดว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่ท่านประธานลงมานี่ต้องเห็นยุทธศาสตร์นี้ร่วมกัน

สำราญ – ครับ เอาล่ะครับ ก็ขอบคุณมากครับ คุณพิภพครับ

พิภพ – ครับ ขอบพระคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น