•• พูดกันมากจริง ๆ ในประเด็น การเดินทางกลับประเทศไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แน่นอนว่าโดยใจจริงใจบริสุทธิ์แล้วทั้ง รัฐบาล และ คมช. ล้วนคิดตรงกัน ไม่ประสงค์จะให้กลับ แต่ก็ติดขัดที่ในทางเปิดแล้ว พูดไม่ได้เต็มปาก – เพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน วันนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอพูดตรง ๆ อีกครั้งว่าสมมติเขา จะกลับมา หรือ กลับมาแล้ว กลไกของรัฐ ณ เวลานี้สามารถ ล่วงรู้ได้หรือไม่, ป้องกันได้หรือไม่ เบอร์ 1 ของทั้งรัฐบาลและคมช.จะมั่นใจได้อย่างไรในเมื่อ พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล (นรต. 26) ยังคงไม่ถูกย้ายไปจากตำแหน่ง ผบช.สตม. ที่มี อำนาจมาก ในส่วนของ จุดยุทธศาสตร์ในการเข้า-ออกประเทศไทย เรื่องนี้เคยเขียนเตือนไว้ตั้งแต่กลับมาเขียนใหม่ ๆ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2549 แล้วว่าอำนาจของ ผบช.สตม. ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปก็คือ สถานะเป็นประตูของประเทศ, อำนาจเพิกถอนวีซ่า, อำนาจกำหนดแบล็กลิสต์, อำนาจในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการเดินทางของทุกเที่ยวบิน และ ฯลฯ ซึ่งในสถานการณ์บ้านเมืองที่ทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ ผู้ใหญ่ทุกคนของคมช. บอกว่า ยังไม่นิ่ง ก็ไม่รู้ว่าพวกท่านปล่อยให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ต้มยำทำแกงปล่อยให้ตำแหน่งสำคัญที่ว่านี้ยังคงอยู่ในมือของบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าเป็น เครือข่ายระบอบทักษิณ ได้อย่างไร
•• ร้ายไปกว่านั้นเมื่อหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.ชลอ ชูวงษ์ (นรต. 26) คือ พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ยัง ได้ดี ไปรับตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.ระนอง ที่เป็น จุดยุทธศาสตร์ในการเข้า-ออกประเทศไทย ทั้งในส่วนของ คน และ อาวุธ เพราะเป็นเสมือน เมืองหน้าด่าน อยู่ติดกับ เกาะสนของพม่า ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าภายในอาณาบริเวณใกล้เคียง มีพื้นที่ลี้ภัยโดยธรรมชาติเป็นร้อย ๆ จุด และคงไม่ต้องบอกกระมังว่า พม่า ซี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่ไหน
•• เมื่อเริ่มต้นด้วย ตำรวจ ก็ขอต่อเนื่องเรื่อง ตำรวจคนดัง อีกคนที่ได้ดิบได้ดีขยับตำแหน่งสูงขึ้นจากระดับ ผู้กำกับ ขึ้นเป็นระดับ รองผู้บังคับการ แม้ว่าจะถูกสอบสวนกรณี สั่งกุ๊ยกระทืบประชาชนที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ - ตรงข้ามกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช่แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” กำลังจะพูดถึง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีต ผกก.สส.บก.น. 6 ที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งใหม่เป็น รอง ผบก.อก.บช.น. ที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ เร่เข้ามาล้อมวงฟังกันได้
•• ก็จะธรรมดาได้อย่างไรกันเล่าเมื่อ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา คนนี้ติดยศ ร.ต.ต. ครั้งแรกในสังกัด ตชด. - ตำรวจตระเวนชายแดน สายเดียวกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ – ผบ.ตร. ว่ากันว่าบุคลิกที่เป็นคน เรียกง่าย – ใช้คล่อง ต้องตาต้องใจกับ หลังบ้าน ของ นาย ถึงกับเคยผลักดันให้เจ้าของสมญา ผกก.โอ๋ มานั่งตำแหน่ง นายเวร ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ที่ พลาด ไปอย่างน่าเสียดายเพราะนายดันไปตั้ง สเปก ของ นายเวรผบ.ตร. เอาไว้เองไว้ว่า “...ต้องจบจากนายร้อยสามพรานเท่านั้น.” ผกก.โอ๋ที่ไม่ใช่ นายร้อยสามพราน เป็นเพียง นายร้อยอบรม – รุ่น 15 (รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์) คนนี้จึงได้รับ การชดเชย ด้วยตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น. 6 ที่ไม่ใช่ว่าใครจะมานั่งตำแหน่งได้ง่าย ๆ แทน
•• ยังไม่เท่านั้น “เซี่ยงเส้าหลง” รู้มาว่าเมื่อปีที่แล้ว หลังบ้าน คนเดิมยังพยายามผลักดันผ่าน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี เพื่อให้ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ขึ้นเป็น รองผู้บังคับการ แต่นายใหญ่แห่งนครบาลคนนั้นกลัวเรื่อง หลักคุณธรรม, หลักอาวุโส ทำให้เขาต้อง ชวดตำแหน่งในปี 2548 แต่ก็ได้ รับปากกันไว้แล้ว ว่าจะผลักดันให้ขึ้นตำแหน่งระดับรองผู้บังคับการภายใน ปี 2549 นี้ และนี่เป็นที่มาว่าเหตุไฉน นายตำรวจที่มีเรื่องอื้อฉาว ชนิดมีคดีค้างอยู่ใน ป.ป.ช. จึงยังคงได้รับการเลื่อนยศ
•• นอกจากก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วแม้จะมาจาก นายร้อยอบรม แล้วที่สนุกสนานไปกว่านั้นคือ อายุอานาม ของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ที่ระบุว่าเกิด เดือนเมษายน 2508 ก็ได้กลายเป็น ที่กังขา ของใครต่อใครไม่น้อยเพราะเมื่อดู ประวัติการเข้ารับราชการ แล้วพบว่าเขารับราชการตำรวจเมื่อ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2528 ซึ่งนั่นก็แปลว่า อายุยังไม่ครบ 20 ปีเต็ม แปลว่าเขาจะต้อง จบปริญญาตรี ตั้งแต่เทอมก่อนหน้านั้นเพราะอันว่า นายร้อยอบรม นั้นมีระยะเวลาการอบรมทั่วไป 3 - 6 เดือน ก็คือต้องจบการศึกษาตั้งแต่ เทอมแรกของปีการศึกษา 2527 เป็นอย่างน้อย แปลว่าอายุก็ เพิ่งจะ 18 ปี สมมติต่อไปว่าเด็กอัจฉริยะคนนี้ใช้เวลาเรียนปริญญาตรี 3 ปี บวกกับเวลาเรียนระดับประถมและมัธยมอีก 12 ปี ก็แสดงว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา คนนี้ต้องเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 ตอนอายุเพียง 3 ขวบ อัจฉริยะจริง ๆ จนน่าที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ น่าจะกระซิบรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ให้เชิญท่านผู้นี้ไปนั่งทำงานในฐานะ ผู้อำนวยการ ของ สมพช. – ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ แทนที่ งามมาศ เกษมเศรษฐ์ ที่กินเงินเดือน ๆ ละ 280,000 บาท โดย ปราศจากผลงาน จะดีกว่านะ
•• น่าแปลกใจอยู่บ้างก็เพราะเมื่อพลิกประวัติ นักเรียนนายร้อยอบรม – รุ่น 15 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ซึ่งตรงกับ นักเรียนนายร้อยสามพราน - รุ่น 38 จะพบว่าส่วนใหญ่เขาเกิด ปี 2505 ไม่ใช่ ปี 2508 แปลก
•• การแถลงนโยบายต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2549 เสียงสมาชิกส่วนใหญ่เรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสนใจต่อ พันธะกิจ 5 ประการ – ที่ปรากฏอยู่ในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดยการอภิปรายของสมาชิกหลายคนได้ชี้ให้เห็นถึง ลักษณะแห่งการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อย่างน้อยที่สุดรัฐบาลก็ได้ ขานรับ ว่าจะ นำไปพิจารณาอย่างเร่งด่วน เฉพาะ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่เสมือนโดนสมาชิกบางคน อภิปรายเฉียดเข้าใกล้ (โดยที่ ใกล้มากที่สุด คือ ไพศาล พืชมงคล และ ณรงค์ โชควัฒนา) ในทำนองว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สมควรส่งสัญญาณในเชิงปกป้องผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด – สวนทาง คตส. และ สตง. เมื่อตอนดึกได้ลุกขึ้นมาอภิปรายชี้แจงเชิง ให้สัญญา – ในนามรัฐบาล ว่าจะทยอยนำเรื่องต่าง ๆ ที่รัฐบาลชุดที่แล้วส่อเค้าทุจริตมา นำเสนอต่อสภานิติบัญญัติและสาธารณะชนสัปดาห์ละ 1 เรื่อง อนุโมทนาสาธุ – ขอให้จริง
•• ข้อเสนอเรื่อง ศปร.การเมือง ของ คำนูณ สิทธิสมาน เป็นเรื่องที่ ทำได้ทันที รัฐบาลชุดนี้จะตั้งใครเป็น ประธาน ก็ได้ขอให้เกิด ความน่าเชื่อถือ – ทันทีที่ได้ยินชื่อ เหมือนเมื่อครั้ง ชวน หลีกภัย ตั้ง นุกูล ประจวบเหมาะ, อมร จันทรสมบูรณ์, อมเรศ ศิลาอ่อน, อัมมาร สยามวาลา, โกวิท โปษยานนท์, เกรีกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม และ นภพร เรืองสกุล ให้ร่วมกันเป็น ศปร.เศรษฐกิจ เมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม 2540 เป็นใช้ได้ “เซี่ยงเส้าหลง” หันซ้ายหันขวาแล้วเห็นว่าถ้าจะตั้งจริง อัมมาร สยามวาลา ควรจะเป็น หนึ่งในศปร.การเมือง เพราะท่านเป็นคนแรก ๆ ที่ เห็นจุดอ่อนของนโยบายประชานิยม ตั้งแต่ช่วง ปี 2544 โน่น
•• เรื่องที่ อสมท จะเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้จัดรายการเก่าอย่าง เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, สุทธิชัย หยุ่น, สมเกียรติ อ่อนวิมล และ สนธิ ลิ้มทองกุล กลับเข้าไปจัดรายการประเภท สนทนาการบ้านการเมือง นั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่ลงตัว 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่างการพิจารณาของรักษาการกรรมการผู้จัดการ พงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร ที่จะนำเข้าสู่ บอร์ดใหญ่ ใน วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 นี้
•• พรุ่งนี้ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 เป็น วันเกิดผู้จัดการ ประเพณีปกติที่ถือปฏิบัติมาในกรณีที่วันนี้ตรงกับวันทำงานไม่ใช่วันหยุดราชการก็คือจะมี ทำบุญเลี้ยงพระเพล – เลี้ยงอาหารกลางวันพนักงานและมิตรสหายที่มาเยี่ยมเยือน ปีนี้ก็เช่นกัน