xs
xsm
sm
md
lg

ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ - 'ขันทีหัวขาว' ข้างกายทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ระยะเวลา 5 ปีกว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ ไม่เฉพาะคนไทยจะได้รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ และวงศาคณาญาติ ย่านจรัญสนิทวงศ์ 69 กับทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น หากแต่เรายังได้ยินชื่อของ "คนหัวขาว" "คนผมขาว" "หงอกสยาม" ในฐานะเลขานุการส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณอีกด้วย

ฤทธิ์เดชของ “คนหัวขาว” นั้น ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความ “จุ้น” แทบทุกเรื่อง ทั้งๆ ที่เกี่ยวกับหน้าที่ และไม่ใช่หน้าที่ เป็นการ “จุ้น” เพื่อเอาใจ-ปกป้องนายใหญ่และเครือญาติ ชนิดยอมตายถวายหัว

... "คนหัวขาว"ผู้นี้เป็นใครและมีบทบาทอะไรในระบอบทักษิณ?

“คนหัวขาว” ผู้นี้มีนามจริงว่า ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2492 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เอสซี แอสเซท จำกัด (SC Asset ) จำกัด โดยบริษัทดังกล่าวนี้เป็นบริษัทที่ดูแลธุรกิจทรัพย์สินส่วนตัวของทักษิณ และครอบครัว นอกจากนี้ผดุงก็ยังเคยเป็นที่ปรึกษาอีกหลายบริษัท อาทิ บริษัท วิศวกิจรุ่งโรจน์ จำกัด, บริษัท แสงพลกิจ จำกัด, บริษัท กิจบรรลือเคหะการ จำกัด, บริษัท แสงธนาเฮาส์ซิ่ง จำกัด

หลัง พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่วงการการเมืองโดยเฉพาะหลังจากขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544 "คนหัวขาว" ผู้นี้ก็ทำงานรับใช้ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงษ์อย่างเต็มตัวจนได้รับความไว้วางใจขนาดเป็นเงาหิ้วกระเป๋า-ถือโทรศัพท์ตามติด มีหน้าที่จัดคิวภารกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่คนเข้าพบไปจนถึงการไปงานต่างๆ รวมทั้งเป็นคนติดตามนั่งหน้ารถไปทุกหนทุกแห่ง

สำหรับข้าราชการ อย่าว่าแต่ในทำเนียบ รัฐสภา หรือพรรคไทยรักไทยเลย แม้แต่ปลัดกระทรวง ระดับอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อได้ยินชื่อ “ผดุง” แล้วต้องเป็นสะดุ้งทุกครั้ง! ในยุคทักษิณ ร่ำลือกันว่าคำสั่ง-คำพูดของผดุงนั้นใหญ่คับฟ้าเพราะนี่คือทางเดียวที่จะรับรู้ว่า “ท่านนายกฯ” อยากได้อะไรกันแน่

ขณะที่ในการจัดประชุม ครม.สัญจรนั้น เมื่อรัฐมนตรีเจ้าของพื้นที่ และ ส.ส.-ปลัดกระทรวง-ผู้ว่าฯ ต้องการทราบความต้องการ-ความพอใจ ของนายกฯ ก็ต้องถามหาว่า “ผดุง” พอใจหรือไม่พอใจก่อน เรียกว่าให้ผดุงชิมก่อน ถ้าบอกว่า "ดี" งานนั้นรับประกันได้หน้า แต่ถ้าผดุงบอกว่า "ไม่ได้เรื่อง" งานนั้นประกันว่าถูกเฉ่ง ... ถึงขนาดนั้น!!!

ถามว่า "คนหัวขาว" ผู้นี้มีหน้าที่ มีตำแหน่งอะไรจึงสามารถล้วงลูก สั่งข้าราชการได้ทุกระดับตั้งแต่ข้าราชการชั้นผู้น้อยจนถึงระดับปลัดกระทรวงฯ ?

30 ต.ค. 2544 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายผดุง เป็น “ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จนถูกฝ่ายค้านโจมตีอย่างหนักว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากหวั่นเกรงว่านายผดุง จะได้รับแต่งตั้งเพื่อเข้าไปปฏิบัติภารกิจเฉพาะคือกรณีการเสียภาษีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์พี่ชายภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังมีปัญหา ... ซึ่งในที่สุดก็เป็นไปดังที่หลายฝ่ายคาด

ต่อมา ในช่วงบ่ายโมงวันที่ 7 มีนาคม 2545 "คนหัวขาว" ข้างกายทักษิณผู้นี้ก็ยังแสดงความกักขฬะให้เป็นที่ปรากฎแก่สาธารณชนอีก เมื่อเขาเดินไปยังบริเวณห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มาถึงก็สอบถามหาผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยไพสต์คนหนึ่ง พร้อมกับพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

"นักข่าวไทยโพสต์ไปไหน เขียนด่าผม หาว่าผมรู้เรื่อง ผมไม่เคยรู้จักสีหนาท (พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล ปปง.) จะโทร.ไปถามหน่อยว่าสีหนาท คือใคร ไอ้ห่า! ระยำเกินไปแล้ว!! ไม่ใช่ว่ามีปากกาแล้วจะเขียนอะไรก็ได้เขียนให้ชาวบ้านเขาอ่านแล้วก็เดินหนี"

ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักที่นั่งอยู่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กและได้บอกไปว่า นักข่าวไทยโพสต์คนดังกล่าวไม่อยู่ทำให้นายผดุงเดินหันกลับขึ้นไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า

ย้อนหลังไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ระหว่างที่รอสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวบางส่วนได้พบกับ "ผดุง" และแซวถึงเรื่องดังกล่าว "ผดุง" โกรธถึงกับพูดออกมาว่า "มันอยู่ไหน จะขอตบปากสักที!" เมื่อหาดูแล้วไม่พบนักข่าวคนดังกล่าวอยู่ที่หน้าตึกไทยจึงเดินไปตามที่ห้องผู้สื่อข่าวนั่นเอง ...

วีรกรรมของ 'คนหัวขาว' ไม่หมดเพียงแค่นี้เพราะเขายังแสดงความเป็น เจ้าข้าวเจ้าของทักษิณอย่างออกนอกหน้าด้วยการกีดกันอดีตผู้มีพระคุณของทักษิณออกไปนอกวงโคจร ไม่ว่าจะเป็น 'ป๋าเหนาะ' นายเสนาะ เทียนทอง อดีตผู้อาวุโสแห่งพรรคไทยรักไทย หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ชักนำ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่แวดวงการเมือง จนถึงขนาดที่ พล.ต.จำลอง ต้องออกมากล่าวตัดพ้อว่า

"การเป็นคนสนิทของนายกฯนั้น ถูกต้องแล้วที่ต้องคอยกันคนนั้นคนนี้ แต่ต้องพิจารณาด้วยไม่ใช่กันไปหมด ต้องดูว่าเขาหวังดี ต้องการพูดเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเมื่อไม่มีโอกาสพูดให้นายกฯรับรู้ นายกฯก็พลาดโอกาสไปอย่างนี้คนสนิทต้องคิดว่าน่าจะเปิดโอกาสให้ได้คุยบ้างไม่ใช่อะไร ๆ ก็รบกวนเวลานายกฯ หมด ..."

นอกจากจะมีหน้าที่หิ้วกระเป๋า ถือโทรศัพท์ กัน 'ผู้หวังดี' รอบตัวนายกฯ ออกไปแล้ว ร่ำลือกันว่า 'คนหัวขาว' ผู้นี้ยังมีหน้าที่ "จัดคิว" พิเศษให้ "นายใหญ่" อีกด้วย

ลือกันว่าก่อนหน้านี้ "คนหัวขาว" มีส่วนในการสร้าง “ทายาทหน้าเหลี่ยม” ที่ฮ่องกง จนเป็นที่มาให้นายใหญ่ถูก “จับตอน” เพื่อมิให้สร้างปัญหาทายาทอีกต่อไป ต่อมาเมื่อปลายปี 2548 ก็เป็นเรื่องนักการเมืองสาว อ. ซึ่งติดพันมาตั้งแต่คนหัวขาวไปเค้นเงินกู้จากแบงก์รัฐแถวซอยนานาปล่อยหลายร้อยล้าน ช่วยฟื้นตึก “ทิว ริเวอร์” (ของนักการเมืองสาวที่ถูกทึกทักว่าเป็น อ.อื้อฉาวในขณะนั้น) จากสิ่งก่อสร้างที่รอวันร้าง พลิกฟื้นเป็นตึกหรูริมน้ำขึ้นมา ด้วยการแลกกับอะไรต่อมิอะไรกัน

จนในที่สุดเมื่อเรื่องดังกล่าวตกเป็นข่าวฉาวดังไปทั่วสังคม นายหญิงที่แต่ไหนแต่ไรมาปิดปากสนิทก็ต้องออกมาแสดงคิวบู๊ด้วยการด่า "คนหัวขาว" ลั่นซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ว่า

“มันจะมากไปแล้วนะคนหัวขาว!”

ในช่วงขาลงของทักษิณ "คนหัวขาว" ผู้นี้ก็ยังสร้างผลงานเข้าตา "นายใหญ่" ได้ไม่หยุดหย่อน โดยหลังการประกาศยุบสภาของ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2549 ระหว่างการหารือร่วมของ 14 พรรคการเมือง ที่อาคารวุฒิสภาและ พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการณ์นายกฯ เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น "คนหัวขาว" ผู้นี้ยังแสดงความเป็น "มาเฟียใหญ่" ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าที่ปิดไมโครโฟน และหิ้วตัวนายสุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวสำนักงานข่าวเอพีออกมาจากห้องประชุม ฐานที่ตั้งคำถามกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า

" (ที่กำลังประชุมอยู่นี้) สภาจริง หรือสภาโจ๊ก" เนื่องจากนายสุทินเห็นว่า นอกจากพรรคไทยรักไทยที่เป็นพรรคใหญ่แล้ว พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย หรือพรรคมหาชนต่างปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เนื่องด้วย พรรคไทยรักไทยรวมหัวกับ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม

ก่อนและหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 "คนหัวขาว" ผู้นี้ยังคงติดตาม "นายใหญ่" อย่างใกล้ชิดโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นคืนวันเกิดเหตุ ณ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐฯ หรือกระทั่งระหว่างนายใหญ่ใช้ชีวิตเยี่ยง 'คนไร้แผ่นดิน' อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แม้จะมีข่าวว่าเขาได้เดินทางกลับเมืองไทยพร้อมกับ "นายหญิง" เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมาเพื่อมายื่นบัญชีทรัพย์สิน เดินเกมการเมืองและจัดการเกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย

อย่างไรก็ตามข่าวเชิงลึกระบุว่า ณ ปัจจุบัน (25 ต.ค.) "ขันทีหัวขาว" ผู้นี้ไม่ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยพร้อมกับ "นายหญิง" แต่ยังใด และยังคงเป็นเงาข้างกายทักษิณอยู่ในต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น