xs
xsm
sm
md
lg

สิงห์ดำผงาด “พงศ์โพยม” นั่งเก้าอี้ปลัด มท.ลั่นรื้อระบบอุปถัมภ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
“อารีย์” ตั้งรุ่นน้องสิงห์ดำ “พงศ์โพยม” เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่แล้ว ยืนยันลดระบบอุปถัมภ์-พรรคพวก เน้นคุณธรรม ขณะที่อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ พลิก ดัน “ชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ” นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ แย้มรื้อออกเอกสารสิทธิใหม่ หลังมีการประพฤติมิชอบอื้อ

วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแต่งตั้ง นายพงศ์โพยม วาศภูติ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทนนายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ที่เกษียณอายุราชการแล้ว

นายพงศ์โพยม กล่าวภายหลังการได้รับการแต่งตั้งว่า จะเน้นการทำงาน 3 หลัก คือ 1.ตามนโยบายของรัฐบาล งานของมหาดไทยโดยตรง และที่จะช่วยประสานหรือสนับสนุนหน่วยงานอื่น 2.นโยบายของรัฐมนตรีว่าการ และช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะทำรายละเอียดการทำงาน และระดมสรรพกำลังสนับสนุนให้นโยบายสัมฤทธิผล และ 3.ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ตนจะให้ความสำคัญเรื่องของคน เพราะคนเป็นกลไกในการทำงาน โดยจะสร้างระบบคุณธรรมให้เกิด ลดระบบอุปถัมภ์ให้น้อยลง และสร้างความสมานฉันท์คนในกรม กระทรวงด้วยกันก่อนจะสร้างความสมานฉันท์ให้คนในชาติ เนื่องจากการทำงานทุกอย่างต้องอาศัยคน

“หากคนไม่มีขวัญกำลังใจ ไม่มีระบบคุณธรรม การเลื่อนไหลการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีแต่พรรคพวก หรือมีระบบอุปถัมภ์เข้ามามากเกินไป ระบบอุปถัมภ์คงจะปฏิเสธได้ยากในสังคมไทย แต่ก็ไม่ควรจะมีมากเกินไป ควรให้มีความตรงไปตรงมามากกว่าร้อยละ 80 ดังนั้น ตรงนี้ผมคงต้องคุยกับอธิบดีกรมต่างๆ ว่า เราจะสร้างความเป็นธรรมให้กับบรรดาข้าราชการที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยให้กับพวกเราได้อย่างไร” ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ กล่าว

นายพงศ์โพยม กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีระบบอุปถัมภ์เข้ามามีผลในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยมาก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเมือง ตนเข้าใจดีว่า การเมืองเป็นเรื่องของพรรคพวก ถ้าไม่มีพวกเป็นนักการเมืองไม่ได้ แต่ว่าการจะช่วยพวกโดยหลับหูหลับตาโดยไม่คำนึงถึงระบบต่างๆ เลย แทนที่จะเป็นเรื่องดี กลับจะไปทำลายตัวเองภายหลัง

สำหรับประวัติ นายพงศ์โพยมนั้น เกิดเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2491 อายุ 58 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (สิงห์ดำ) เหลืออายุราชการอีก 2 ปี เคยเป็นผู้ว่าฯ จ.ตาก ผู้ว่าฯ จ.นราธิวาส ผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรกของไทยที่บริหารแบบ “ซีอีโอ” เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดแรกที่ถูกเลือกให้เป็นจังหวัดนำร่องทดลองระบบการบริหารแบบใหม่ นอกจากนี้ ในปี 2547 เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

จากนั้น ในปี 2548 ออกไปเป็นผู้ว่าฯ จ.นครราชสีมา และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งกลางปี 2549 เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในยุคของ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย และขึ้นตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 32 ในยุคของนายอารีย์ วงศ์อารยะ มาเป็น รมว.มหาดไทย ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นพี่ “สิงห์ดำ”

ด้าน นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก ครม.ให้เป็นอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ เปิดเผยถึงแนวทางการทำงาน ว่า งานเร่งด่วนที่ต้องไปหาแนวทางคือ ทำอย่างไรจะตรวจสอบให้การออกใบสิทธิครอบครอง (ส.ค.1) ที่มีการถือครองกันอยู่จำนวนมาก แล้วมีปัญหาออกเอกสารสิทธิกันโดยไม่ถูกต้อง เป็นที่มาของการไปออกเป็นโฉนด และมีเรื่องร้องเรียนและฟ้องร้องการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานที่ดิน ในส่วนที่ออกโฉนดกันไปแล้วนั้น หากจะให้มีเพิกถอนในกรณีออกโดยไม่ต้องถูกต้อง ต้องมีผู้ชี้เรื่องมาให้ นอกจากนี้จะพัฒนาเจ้าหน้าที่กรมที่ดินทำงานให้บริการประชาชนอย่างดี

นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการแต่งตั้งนายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ที่มีกระแสข่าวว่าเป็นการล้างบางคนของรัฐบาลเดิม ว่า เรื่องนี้คงต้องไปถาม นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่ากรระทรวงมหาดไทยเอง แต่โดยหลักเป็นแนวคิดที่จะยึดหลักของนโยบายรัฐบาลที่รอบคอบอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากรายชื่อที่ ครม.เห็นชอบ โดยเฉพาะรายชื่อที่มีความสนิทสนมกับรัฐมนตรีรัฐบาลที่แล้วนั้นถูกตัดออก นาบบัญญัติ กล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น เพราะข้าราชการประจำก็จะต้องปฏิบัติ ไม่เพราะรัฐบาลชุดไหน ทุกรัฐบาลข้าราชการประจำเป็นเครื่องมือของรัฐบาลทุกรัฐบาล โดยจะมองว่า คนนั้นเป็นคนของรัฐบาลนั้น รัฐบาลนี้ถือว่าไม่ถูก เมื่อรัฐบาลมีวาระข้าราชการประจำก็อยู่จนเกษียณอายุ

“อย่างคนสนิทของผม มีกี่รัฐบาลล่ะครับ ถ้ามองย้อนกลับไปเป็นคนของรัฐบาลไหน ข้าราชการทำงานเพื่อประชาชนก็เป็นนโยบายของรัฐบาล เป้าหมายเดียวกัน ผมมองอย่างนั้น คงมองว่าสนิทสนมกับรัฐบาลที่แล้วและถูกตัดออกไม่ได้หรอกครับ อยากให้มองแยกตรงนี้ ส่วนที่มองว่าจะตอบสนองนโยบายรัฐบาลอย่างไร ก็ต้องมองตรงนั้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น