ประธานสภานิติบัญญัติฯ “มีชัย ฤชุพันธุ์” หรือ “ชัยอนันต์ สมุทวณิช”!?

•• ออกมาแล้ว สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชุดใหม่ที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 กำหนดไว้ให้มี ไม่เกิน 250 คน แต่วานนี้แต่งตั้งจริงเพียง 242 คน เมื่อดูโดยภาพรวมแล้วถือว่า หลากหลาย และอาจจะถือได้ว่าเป็นสภาแต่งตั้งชุดที่มีสมาชิกมาจาก ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน, เจ้าของกิจการสื่อมวลชน มากที่สุด บัญญัติ ทัศนียะเวช – ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, ภัทระ คำพิทักษ์ – นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมชาย แสวงการ – นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ทั้ง 3 คนนี้เสมือนในฐานภาพ ตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพโดยรวม เพราะเป็นนายกอยู่ใน 3 องค์กรวิชาชีพหลัก ถัดจากนี้ก็เป็นนักหนังสือพิมพ์อาวุโสและค่อนข้างอาวุโส กำแหง ภริตานนท์ (จาก เดลินิวส์), แถมสิน รัตนพันธ์ (หรือ ลัดดา ปัจจุบันเขียนอยู่ โพสต์ทูเดย์), สมหมาย ปาริจฉัตต์ (จาก มติชน), ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ (จาก ไทยรัฐ), คำนูณ สิทธิสมาน, สำราญ รอดเพชร (จาก ผู้จัดการ - ASTV), ผู้จัดรายการวิทยุโทรทัศน์อาวุโสและค่อนข้างอาวุโส พิชัย วาสนาส่ง, สมเกียรติ อ่อนวิมล และ ประภัทร์ ศรลัมพ์ นอกจากนี้ยังมีระดับเจ้าของกิจการสื่อรายใหญ่ ประภา ศรีนวลนัด (หรือเดิมนามสกุลก่อนแต่งงานคือ เหตระกูล จาก เดลินิวส์), สราวุธ วัชรพล (จาก ไทยรัฐ), ประสาร มาลีนนท์ (จาก ช่อง 3) และ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ (จาก ช่อง 7) นอกจากนั้นยังมีนักวิชาการอาวุโสและนักเขียนอย่าง ประทุมพร วัชรเสถียร นายทหารนอกราชการที่เป็นผู้ประกาศ ช่อง 5 มานานและเป็นผู้อ่านแถลงการณ์คณะรัฐประหารหลายสมัยอย่าง พล.ต.ประภาส ศกุนตนาค รวมอยู่ด้วย

•• แม้จะถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในกลุ่ม ที่ปรึกษากฎหมาย – ทนายความ แต่ก็อย่าลืมว่า ไพศาล พืชมงคล ในอีกฐานภาพหนึ่งคือ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน เนื่องจากเป็นเจ้าของ 2 นามปากกาสำคัญ สิริอัญญา กับ เรืองวิทยาคม ของ นสพ.ผู้จัดการรายวัน นี่จะเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสูงคนหนึ่ง

•• บรรทัดนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” พูดเล่น ๆ นะว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชุดนี้เคยเป็นและยังเป็นคอลัมนิสต์ของ นสพ.ผู้จัดการรายวัน ถึง 4 คน คือ ไพศาล พืชมงคล, คำนูณ สิทธิสมาน, สำราญ รอดเพชร และ ชัยอนันต์ สมุทวณิช บังเอิญจริง ๆ

•• บรรทัดนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ยังคงพูดเล่น ๆ อีกนะว่าดูแล้วดูอีกก็ ไม่มีตัวแทน จาก ไอทีวี เลยไม่ว่าจาก คนทำงาน หรือ เจ้าของ ไม่มีทั้งจาก ชินคอร์ป และ เทมาเส็ก เลย

•• ในส่วนของ ตัวแทนภาคประชาชน ก็คัดเลือกระดับ ปราชญ์ชาวบ้าน อย่าง ชบ ยอดแก้ว, วิบูลย์ เข็มเฉลิม และ ประยงค์ รณรงค์ ตามด้วยคนทำงานอยู่กับชาวบ้านอย่าง เตือนใจ ดีเทศน์, มุกดา อินต๊ะสาร, วัลลภ ตังคณานุรักษ์ แต่รวม ๆ แล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” ว่า น้อยไป เสียดายที่ตกชื่อ อดีตว่าที่ส.ว.กทม. อย่าง รสนา โตสิตระกูล ไปคนหนึ่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน น่าจะแก้ไขได้ในชั้น สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ --> สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ --> คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นะ

•• เดาว่า 1 ใน 10 ของ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จะแต่งตั้งโดย คมช. ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รับปากไว้ว่าจะมาจาก ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน นั้นน่าจะป็น มานิต สุขสมจิตร จาก ไทยรัฐ นี่ “เซี่ยงเส้าหลง” แค่ เดา เท่านั้นนะ

•• ดูแล้วคู่ชิงตำแหน่ง ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตัวยืนคงหนีไม่พ้น มีชัย ฤชุพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญงานในตำแหน่งนี้ในฐานะ ประธานวุฒิสภา ติดต่อกัน 2 สมัย 8 ปี คือระหว่าง ปี 2535 – 2543 อันเป็น วุฒิสภาแต่งตั้ง 2 ชุดสุดท้าย ประสบการณ์ในฐานะสมาชิกสภาแต่งตั้งของท่านก็ไม่ธรรมดาเพราะเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2 สมัย, สมาชิกวุฒิสภา 3 สมัย นับอายุรวมกันแล้วก็ตกราว 18 ปี ลูกล่อลูกชนชั้นเชิงเหลี่ยมคูหาตัวจับได้ยาก

•• ที่พอจะ ทัดเทียมไม่แพ้กัน ณ นาทีนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” เห็นแต่ ชัยอนันต์ สมุทวณิช เจ้าของสมญา Chaotic Man ผู้เคยแสดงบทบาทโดดเด่นจากฐานภาพ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 212 เมื่อ ปี 2538 มาแล้ว

•• วันนี้ วันที่ 13 ตุลาคม 2549 เวลา 12.00 น. ถือว่า ครบรอบ 33 ปี ของ เส้นตาย ที่ ขบวนนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน ที่ชุมนุมอยู่ใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาแล้ว 4 วัน ตั้งแต่เช้าตรู่ วันที่ 9 ตุลาคม 2516 กำหนดให้รัฐบาลในขณะนั้น ปลดปล่อย 13 กบฏรัฐธรรมนูญ ที่ถูกจับไปก่อนหน้านั้น 7 วัน โดย ไม่มีเงื่อนไข แม้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายโดยประกาศ ยินยอมให้ประกันตัว แต่ไม่เป็นผลเพราะขบวนนิสิตนักศึกษาประชาชนภายใต้การนำของ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ขณะนั้นเกรงว่าจะเป็น เล่ห์ลวง จึงตัดสินใจ เดินขบวน ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.30 น. ของ วันที่ 13 ตุลาคม 2516 ถือเป็น วันประวัติศาสตร์ ของ การเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและระบอบประชาธิปไตยของโลก ทั้งในเชิง ปริมาณ และ คุณภาพ ประมาณกันว่าวันนั้นมีนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนออกมาเดินขบวนกันประมาณ 5 แสนคน คิดง่าย ๆ ว่าสถิติประชากรของประเทศไทยในขณะนั้นมี 38 ล้านคน หรือเฉพาะใน กรุงเทพมหานคร มีประมาณ 3.5 – 3.7 ล้านคน ก็หมายความว่า ประชากร 1 ใน 7 ของกรุงเทพมหานครออกมาเดินขบวนบนถนนราชดำเนิน ยังมีประชากรอีกจำนวนมากที่ติดตามข่าวทั้งทาง โทรทัศน์, วิทยุ และ หนังสือพิมพ์ และมีการเคลื่อนไหวใน แทบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากมองกันเฉพาะข้อเท็จจริงแค่นี้ก็จะตระหนักได้ว่า สาเหตุมูลฐาน ต้อง สั่งสม มา ยาวนาน จน สุกงอม ไม่ได้เกิดเพียงเพราะ เหตุใดเหตุหนึ่ง, คนใดคนหนึ่ง หรือ องค์กรใดองค์กรหนึ่ง อย่างแน่นอน

•• นอกจาก วันที่ 13 ตุลาคม 2549 จะเป็น วันครบรอบ 33 ปีแห่งการเดินขบวนครั้งประวัติศาสตร์ แล้วยังเป็น วันตำรวจ หรือนัยหนึ่ง วันสถาปนาตำรวจ ปีนี้ถือว่า ครบรอบ 91 ปี และอีก 4 วันต่อไปคือ วันที่ 17 ตุลาคม 2549 จะเป็น วันครบรอบ 8 ปีแห่งการสถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วย

•• ปีที่ 91 ของ ตำรวจไทย ปีที่ 8 ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็น จุดตกต่ำที่สุด เพราะบำเพ็ญตนเป็น เครื่องมือ ของ ระบอบทักษิณ แม้วันนี้จะมีการรัฐประหารเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองกันแล้วแต่ “เซี่ยงเส้าหลง” ก็ยังมองไม่เห็น แนวทางแก้ไข ขอฝากเป็นการบ้านข้อใหญ่ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ ในฐานะผู้ดูแล กระบวนการยุติธรรม เพราะถ้า ตำรวจ ที่เป็น เจ้าหน้าที่ด่านที่ 1 ของ กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ไม่สามารถทำให้ประชาชน อุ่นใจ, เชื่อถือโดยสนิทใจ ก็จะไปสร้างภาระหนักให้กับ ด่านที่ 2, ด่านที่ 3 คือ อัยการ, ศาล พูดในทางเศรษฐศาสตร์แล้วก็เสมือน เพิ่มต้นทุน ใน การอำนวยความยุติธรรม ตรงกันข้ามถ้า ด่านที่ 1 สามารถ ทำงานให้สมบูรณ์ ก็จะเสมือน ลดต้นทุน นั่นเอง