•• ความจริงเมื่อวานนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ก็ได้ยินมาแล้วว่า รมว.คมนาคมคนใหม่ จะเป็น พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ แต่ไม่กล้า ฟันธง เพราะออกจะเป็นรายชื่อที่ แหกทุกโผ จึงเขียนไปแต่เพียงว่า “...ได้ยินมาว่าในกรณีของกระทรวงคมนาคมนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คงเสียความรู้สึกไปพอสมควรหากรัฐมนตรีว่าการไม่ใช่ทวี บุตรสุนทรที่ตนไปทาบทามและให้ข่าวกับสื่อมวลชนแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากคนมาแทนเป็นทหาร ไม่ว่าจะเป็นทหารบกหรือทหารเรือก็ตาม.” ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่พลิกไปพลิกมามากที่สุดและมี หลายชื่อได้รับการเสนอ ไล่มาตั้งแต่ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช, คำรบลักขิ์ สุรัสวดี, ทวี บุตรสุนทร และคนรองสุดท้ายก็คือ พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ เป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งเพราะวัดกันด้วย จำนวนเงินทอง แล้วนี่คือ กระทรวงเกรดเอ ในยุครัฐบาลพรรคการเมืองคนที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ได้คือ กระเป๋าสตางค์ของพรรคการเมือง เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้อง จ่ายหนัก เพราะถือว่า ได้มาก การตัดสินใจนาทีสุดท้ายของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงเน้นหนักไปที่ ความซื่อสัตย์สุจริตชนิดเต็ม 100 ซึ่งจะไม่มีใครดีไปกว่า เพื่อน ที่ รู้ใจ, รู้มือ กันมาตั้งแต่ยุค ปฏิบัติการติมอร์ตะวันออก ในนาม กองกำลังเฉพาะกิจร่วม 972 เมื่อ ปี 2542 โน่น
•• ในกรณีของ พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ ที่อยู่ในข่าย เดอะ แคนดิเดต ก็เพราะรู้ขี้รู้ไส้กรณี สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดก่อนก็เพราะภารกิจนำ ทหารช่าง, ทหารพัฒนา เข้ามา เร่งรัดการสร้าง เมื่อเข้ามาแล้วก็ยืนอยู่ ขั้วตรงข้าม กับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ – พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ข้อมูลลับจำนวนไม่น้อย ถูกลำเลียงส่งออกไปภายนอก ให้เห็นถึง ความไม่พร้อม, ความไม่ชอบมาพากล ส่วนหนึ่งเชื่อว่าไปถึงมือ อาสา สารสิน – ราชเลขาธิการ ที่คงจะจำกันได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งที่ท่านถึงกับ เดินทางไปตรวจสนามบินด้วยตนเอง สายสัมพันธ์นี้เชื่อว่ามาจากนายทหารที่เป็นเสมือน มือขวา ชื่อ พล.อ.ดนัย ยุวบูรณ์ คนนั้น
•• และแม้จะ เข้าตา คนสำคัญอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร จากกรณี ร่วมกันขวางโครงการถนน 2 สายในเชียงใหม่ คือ ถนนในกองบิน 41 ถึงดอยสุเทพ และ ทางหลวง 121 แต่ภาพที่ใกล้ชิดและอำนวยประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มานานวันทำให้ ตกขบวนในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังอยู่ใน บัญชีเฝ้ารอ เพราะอย่าลืมว่าคณะรัฐมนตรีชุดแรกนี้มีเพียง 26 คน 28 ตำแหน่ง มีโอกาส ปรับ ได้อีก
•• ถ้าเราเคยมีความเห็นร่วมกันว่าสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลพระราชทาน หรือ รัฐบาลเฉพาะกิจตามมาตรา 7 นั้น ดีที่สุด ณ นาทีนี้เราก็ยังไม่ควร ติเรือทั้งโกลน ลองให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ใครต่อใครรวมทั้งพวกเราคาดหมายไว้นานแล้วว่าถ้าเกิดมี รัฐบาลพระราชทาน ขึ้นมาในรูปลักษณ์ใดรูปลักษณ์หนึ่งท่านผู้นี้ก็ ดีที่สุด ที่จะเป็น นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพระราชทาน วันนี้แม้โดยลายลักษณ์อักษรแล้วรัฐบาลชุดนี้จะไม่อาจเรียกขานได้ว่าเป็น รัฐบาลพระราชทาน หรือ รัฐบาลเฉพาะกิจตามมาตรา 7 แต่ในทางปฏิบัติก็ถือว่า ใกล้เคียงมาก ก็ต้อง ทำความเข้าใจกันให้กระจ่าง ว่า ภารกิจเฉพาะ ของรัฐบาลประเภทนี้คืออะไร

•• จะเห็นได้ว่า ภารกิจเฉพาะ ของรัฐบาลชั่วคราวที่มีอายุ 1 ปี นี้ที่สำคัญที่สุดคือ การปฏิรูปการเมือง หันไปดูตัวบุคคลแล้วก็จะพบว่า รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ งานใหญ่นี้ก็คือ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ที่ เชี่ยวชาญโดยตรง และโดยสถานการณ์ปัจจุบันแล้วจะเพิ่ม การปฏิรูปสื่อ เข้าไปด้วย “เซี่ยงเส้าหลง” เชื่อว่าเขาคนนี้จะกำกับดูแลทั้ง อสมท และ กรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานแรกกำลังจะมีทั้ง คณะกรรมการชุดใหม่ และ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ส่วนหน่วยงานหลัง “เซี่ยงเส้าหลง” ก็เชื่อว่าน่าจะต้องมีการพิจารณาหา อธิบดีคนใหม่ ก็ขอให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ กระบอกเสียงของรัฐ, หน่วยงานสื่อของรัฐ เป็นไปในทางเกื้อหนุนต่อ การปฏิรูปการเมือง, การป้องกันการพลิกฟื้นคืนชีพของระบอบทักษิณ ต่อไป

•• ในส่วนของ กรรมการผู้จัดการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่จะเข้ามาทำงานต่อจาก มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นั้นเชื่อว่าคงจะไปชี้คนนั้นคนนี้ไม่ได้นอกจากจะต้อง เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ ส่องกล้องมองดูทั่วประเทศไทยต้องบอกว่า หาไม่ง่าย เพราะคนเก่าแม้จะมี จุดอ่อน ในด้าน วิชาชีพสื่อ แต่ก็มีด้านที่พอจะเป็น จุดขาย ได้ก็คือ การตลาด คนที่จะเข้ามาสานต่อให้หน่วยงานของรัฐหน่วยนี้เป็น องค์กรธุรกิจสื่อเต็มรูป ในทำนอง Public service เป็น ศูนย์กลางของสำนักข่าวในภูมิภาค จะต้องเป็นทั้ง ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ และ นักการตลาด รวมทั้งมีประสบการณ์ ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศอย่างลึกซึ้งถึงราก ส่องกล้องมองดูอีกรอบแล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” ก็แว่บเห็น สมชัย สุวรรณบรรณ – อดีตหัวหน้าแผนกไทยแห่งสถานีวิทยุบีบีซี ประสบการณ์ บริหารสำนักข่าวระดับนานาชาติ ให้อยู่รอดได้ แม้ในยามวิกฤต รวมทั้ง ประสบการณ์ 30 ปี ในการทำหน้าที่ต่างๆ ให้ บีบีซี - ลอนดอน ทำให้คนคนนี้มี สายตากว้างไกล ถ้าหากตัดสินใจ สมัครรับการคัดเลือก ก็น่าจะเป็น เต็ง 1 และถ้าเกิดได้รับเลือกเข้ามาเชื่อว่าทั้งพนักงานและประชาชนทั่วไปจะลืมชื่อ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไปได้ในเวลาชั่วข้ามคืนเพราะทั้ง ชื่อ, ชั้น, ความรู้ และ ประสบการณ์ ล้วนเป็น ของจริง มีโอกาสที่จะแปร อสมท เป็น บีบีซีไทย ได้ในระดับหนึ่ง สมชัย สุวรรณบรรณ อยู่ที่ไหนกรุณา กลับบ้านด่วน – บ้านเมืองกำลังต้องการคนอย่างคุณ นะ
•• ส่วนตำแหน่ง อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่รู้ว่า ดุษฎี สินเจิมสิริ จะยังคง เหนียวกว่าที่คิด หรือเปล่าเพราะแว่บเห็น เดินเข้า บก.คณะปฏิรูปฯ (หรือ บก.ฝ่ายใต้) ตั้งแต่ เวลา 02.00 น.คืนวันที่ 19 กันยายน 2549 แม้ว่าอาจจะโดย บังเอิญ และ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่อาศัยที่เป็น เพื่อน กับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ก็อาจจะเป็น ปัจจัยหนุน ได้บ้างในบางระดับ

•• ว่าไปแล้ว คู่แข่ง ของ ดุษฎี สินเจิมสิริ ในกรมที่เคยได้ชื่อว่า กรมกร๊วก แห่งนี้ก็ไม่ได้เหนือกว่าหรือด้อยกว่ากันสักเท่าไรนักเพราะล้วนแต่ประเภท “...ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับท่าน.” และ เปลี่ยนสีแปรธาตุได้เร็ว แต่ถ้าจะมีคนมาแทนที่สักคนก็คงไม่พ้น ปราโมช รัฐวินิจ คนที่ได้ชื่อว่า เพื่อนเยอะ, ผู้ใหญ่แยะ แต่ถ้าเป็นคนคนนี้จริงๆ แม้ “เซี่ยงเส้าหลง” จะไม่ติดใจในเรื่อง ความรู้ความสามารถ แต่ก็ขอฝาก ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ให้ช่วย กำชับ, กำกับ ว่าที่อธิบดีคนใหม่ให้ดีว่าสมควร แยกเพื่อนออกจากงาน – แยกงานออกจากเพื่อน และ อย่าประเคนงานประเคนสถานีให้เพื่อน เพราะเพื่อนสนิทของว่าที่อธิบดีคนนี้ไม่ใช่ ตาสี-ตาสา หากแต่เป็น อากู๋ และไม่ใช่อากู๋ธรรมดา ๆ หากเป็นอากู๋ที่ชื่อ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม นายใหญ่แห่งค่าย แกรมมี่ คงไม่ต้องบอกละกระมังว่าอากู๋คนนี้ รักใคร่ชอบพอ และมีลักษณะเป็น นอมินี่ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่ไหนอย่างไร ปราโมช รัฐวินิจ จะหลีกเลี่ยงสภาวะ Conflict of Interest ได้อย่างไรในเมื่อมีคนรู้มาว่าพี่ทั่นเป็น ที่ปรึกษาแกรมมี่ – ประเภทกินเงินเดือน และอยู่ร่วมมายาวนานใน ก๊วนอากู๋ คำถามนี้ไม่ต้องตอบ “เซี่ยงเส้าหลง” แต่ต้องเตรียมไว้ตอบ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ส่วนพี่น้องประชาชนก็คอยจับตาดูให้ดี ๆ ก็แล้วกันว่าในอนาคตข้างหน้า สถานีวิทยุในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ จะตกเป็น อาณานิคม ของ แกรมมี่ ผู้ผลิตเพลงประเภท ผลักดันให้คนดีสามัคคีกับคนชั่ว, หลอกลวงให้คนรักชาติสมานฉันท์กับโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดิน กันอีกกี่สถานี
•• บ้านเมือง ณ วันนี้ต้อง ดูเป็นคน – อย่าเหมารวมเป็นรุ่น ไม่ใช่ขึ้นชื่อว่า ตท. 10 แล้วมันจะต้อง ใช้ไม่ได้ เพราะเป็น เพื่อนทักษิณ, รุ่นทักษิณ ก็ไม่ใช่เพราะ ตท. 10 ที่ชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรอกหรือจึงทำให้ การยึดอำนาจเกิดขึ้นและเป็นไปได้ ยังมี ตท. 10 อีกหลายคนที่ ใช้ได้ บางคนถึงขนาด ดีเยี่ยม อย่างเช่น พล.อ.ท.สมชาย เธียรอนันต์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือเป็นคนหนึ่งที่ รู้จริง, เก่งจริง ทีเดียว
•• ในกรณีของ พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ ที่อยู่ในข่าย เดอะ แคนดิเดต ก็เพราะรู้ขี้รู้ไส้กรณี สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดก่อนก็เพราะภารกิจนำ ทหารช่าง, ทหารพัฒนา เข้ามา เร่งรัดการสร้าง เมื่อเข้ามาแล้วก็ยืนอยู่ ขั้วตรงข้าม กับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ – พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ข้อมูลลับจำนวนไม่น้อย ถูกลำเลียงส่งออกไปภายนอก ให้เห็นถึง ความไม่พร้อม, ความไม่ชอบมาพากล ส่วนหนึ่งเชื่อว่าไปถึงมือ อาสา สารสิน – ราชเลขาธิการ ที่คงจะจำกันได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งที่ท่านถึงกับ เดินทางไปตรวจสนามบินด้วยตนเอง สายสัมพันธ์นี้เชื่อว่ามาจากนายทหารที่เป็นเสมือน มือขวา ชื่อ พล.อ.ดนัย ยุวบูรณ์ คนนั้น
•• และแม้จะ เข้าตา คนสำคัญอย่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร จากกรณี ร่วมกันขวางโครงการถนน 2 สายในเชียงใหม่ คือ ถนนในกองบิน 41 ถึงดอยสุเทพ และ ทางหลวง 121 แต่ภาพที่ใกล้ชิดและอำนวยประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มานานวันทำให้ ตกขบวนในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังอยู่ใน บัญชีเฝ้ารอ เพราะอย่าลืมว่าคณะรัฐมนตรีชุดแรกนี้มีเพียง 26 คน 28 ตำแหน่ง มีโอกาส ปรับ ได้อีก
•• ถ้าเราเคยมีความเห็นร่วมกันว่าสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลพระราชทาน หรือ รัฐบาลเฉพาะกิจตามมาตรา 7 นั้น ดีที่สุด ณ นาทีนี้เราก็ยังไม่ควร ติเรือทั้งโกลน ลองให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ใครต่อใครรวมทั้งพวกเราคาดหมายไว้นานแล้วว่าถ้าเกิดมี รัฐบาลพระราชทาน ขึ้นมาในรูปลักษณ์ใดรูปลักษณ์หนึ่งท่านผู้นี้ก็ ดีที่สุด ที่จะเป็น นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพระราชทาน วันนี้แม้โดยลายลักษณ์อักษรแล้วรัฐบาลชุดนี้จะไม่อาจเรียกขานได้ว่าเป็น รัฐบาลพระราชทาน หรือ รัฐบาลเฉพาะกิจตามมาตรา 7 แต่ในทางปฏิบัติก็ถือว่า ใกล้เคียงมาก ก็ต้อง ทำความเข้าใจกันให้กระจ่าง ว่า ภารกิจเฉพาะ ของรัฐบาลประเภทนี้คืออะไร
•• จะเห็นได้ว่า ภารกิจเฉพาะ ของรัฐบาลชั่วคราวที่มีอายุ 1 ปี นี้ที่สำคัญที่สุดคือ การปฏิรูปการเมือง หันไปดูตัวบุคคลแล้วก็จะพบว่า รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ งานใหญ่นี้ก็คือ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ที่ เชี่ยวชาญโดยตรง และโดยสถานการณ์ปัจจุบันแล้วจะเพิ่ม การปฏิรูปสื่อ เข้าไปด้วย “เซี่ยงเส้าหลง” เชื่อว่าเขาคนนี้จะกำกับดูแลทั้ง อสมท และ กรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานแรกกำลังจะมีทั้ง คณะกรรมการชุดใหม่ และ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ส่วนหน่วยงานหลัง “เซี่ยงเส้าหลง” ก็เชื่อว่าน่าจะต้องมีการพิจารณาหา อธิบดีคนใหม่ ก็ขอให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ กระบอกเสียงของรัฐ, หน่วยงานสื่อของรัฐ เป็นไปในทางเกื้อหนุนต่อ การปฏิรูปการเมือง, การป้องกันการพลิกฟื้นคืนชีพของระบอบทักษิณ ต่อไป
•• ในส่วนของ กรรมการผู้จัดการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่จะเข้ามาทำงานต่อจาก มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นั้นเชื่อว่าคงจะไปชี้คนนั้นคนนี้ไม่ได้นอกจากจะต้อง เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ ส่องกล้องมองดูทั่วประเทศไทยต้องบอกว่า หาไม่ง่าย เพราะคนเก่าแม้จะมี จุดอ่อน ในด้าน วิชาชีพสื่อ แต่ก็มีด้านที่พอจะเป็น จุดขาย ได้ก็คือ การตลาด คนที่จะเข้ามาสานต่อให้หน่วยงานของรัฐหน่วยนี้เป็น องค์กรธุรกิจสื่อเต็มรูป ในทำนอง Public service เป็น ศูนย์กลางของสำนักข่าวในภูมิภาค จะต้องเป็นทั้ง ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ และ นักการตลาด รวมทั้งมีประสบการณ์ ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศอย่างลึกซึ้งถึงราก ส่องกล้องมองดูอีกรอบแล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” ก็แว่บเห็น สมชัย สุวรรณบรรณ – อดีตหัวหน้าแผนกไทยแห่งสถานีวิทยุบีบีซี ประสบการณ์ บริหารสำนักข่าวระดับนานาชาติ ให้อยู่รอดได้ แม้ในยามวิกฤต รวมทั้ง ประสบการณ์ 30 ปี ในการทำหน้าที่ต่างๆ ให้ บีบีซี - ลอนดอน ทำให้คนคนนี้มี สายตากว้างไกล ถ้าหากตัดสินใจ สมัครรับการคัดเลือก ก็น่าจะเป็น เต็ง 1 และถ้าเกิดได้รับเลือกเข้ามาเชื่อว่าทั้งพนักงานและประชาชนทั่วไปจะลืมชื่อ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไปได้ในเวลาชั่วข้ามคืนเพราะทั้ง ชื่อ, ชั้น, ความรู้ และ ประสบการณ์ ล้วนเป็น ของจริง มีโอกาสที่จะแปร อสมท เป็น บีบีซีไทย ได้ในระดับหนึ่ง สมชัย สุวรรณบรรณ อยู่ที่ไหนกรุณา กลับบ้านด่วน – บ้านเมืองกำลังต้องการคนอย่างคุณ นะ
•• ส่วนตำแหน่ง อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่รู้ว่า ดุษฎี สินเจิมสิริ จะยังคง เหนียวกว่าที่คิด หรือเปล่าเพราะแว่บเห็น เดินเข้า บก.คณะปฏิรูปฯ (หรือ บก.ฝ่ายใต้) ตั้งแต่ เวลา 02.00 น.คืนวันที่ 19 กันยายน 2549 แม้ว่าอาจจะโดย บังเอิญ และ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่อาศัยที่เป็น เพื่อน กับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ก็อาจจะเป็น ปัจจัยหนุน ได้บ้างในบางระดับ
•• ว่าไปแล้ว คู่แข่ง ของ ดุษฎี สินเจิมสิริ ในกรมที่เคยได้ชื่อว่า กรมกร๊วก แห่งนี้ก็ไม่ได้เหนือกว่าหรือด้อยกว่ากันสักเท่าไรนักเพราะล้วนแต่ประเภท “...ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับท่าน.” และ เปลี่ยนสีแปรธาตุได้เร็ว แต่ถ้าจะมีคนมาแทนที่สักคนก็คงไม่พ้น ปราโมช รัฐวินิจ คนที่ได้ชื่อว่า เพื่อนเยอะ, ผู้ใหญ่แยะ แต่ถ้าเป็นคนคนนี้จริงๆ แม้ “เซี่ยงเส้าหลง” จะไม่ติดใจในเรื่อง ความรู้ความสามารถ แต่ก็ขอฝาก ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ให้ช่วย กำชับ, กำกับ ว่าที่อธิบดีคนใหม่ให้ดีว่าสมควร แยกเพื่อนออกจากงาน – แยกงานออกจากเพื่อน และ อย่าประเคนงานประเคนสถานีให้เพื่อน เพราะเพื่อนสนิทของว่าที่อธิบดีคนนี้ไม่ใช่ ตาสี-ตาสา หากแต่เป็น อากู๋ และไม่ใช่อากู๋ธรรมดา ๆ หากเป็นอากู๋ที่ชื่อ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม นายใหญ่แห่งค่าย แกรมมี่ คงไม่ต้องบอกละกระมังว่าอากู๋คนนี้ รักใคร่ชอบพอ และมีลักษณะเป็น นอมินี่ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่ไหนอย่างไร ปราโมช รัฐวินิจ จะหลีกเลี่ยงสภาวะ Conflict of Interest ได้อย่างไรในเมื่อมีคนรู้มาว่าพี่ทั่นเป็น ที่ปรึกษาแกรมมี่ – ประเภทกินเงินเดือน และอยู่ร่วมมายาวนานใน ก๊วนอากู๋ คำถามนี้ไม่ต้องตอบ “เซี่ยงเส้าหลง” แต่ต้องเตรียมไว้ตอบ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ส่วนพี่น้องประชาชนก็คอยจับตาดูให้ดี ๆ ก็แล้วกันว่าในอนาคตข้างหน้า สถานีวิทยุในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ จะตกเป็น อาณานิคม ของ แกรมมี่ ผู้ผลิตเพลงประเภท ผลักดันให้คนดีสามัคคีกับคนชั่ว, หลอกลวงให้คนรักชาติสมานฉันท์กับโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดิน กันอีกกี่สถานี
•• บ้านเมือง ณ วันนี้ต้อง ดูเป็นคน – อย่าเหมารวมเป็นรุ่น ไม่ใช่ขึ้นชื่อว่า ตท. 10 แล้วมันจะต้อง ใช้ไม่ได้ เพราะเป็น เพื่อนทักษิณ, รุ่นทักษิณ ก็ไม่ใช่เพราะ ตท. 10 ที่ชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรอกหรือจึงทำให้ การยึดอำนาจเกิดขึ้นและเป็นไปได้ ยังมี ตท. 10 อีกหลายคนที่ ใช้ได้ บางคนถึงขนาด ดีเยี่ยม อย่างเช่น พล.อ.ท.สมชาย เธียรอนันต์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือเป็นคนหนึ่งที่ รู้จริง, เก่งจริง ทีเดียว