xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาได้ 5 ตุลาการศาล รธน.แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลฎีกาเฟ้น 5 อรหันต์ เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ เตรียมเชือด ทรท. เลขาธิการ ปธ. ฎีกา ระบุ คัดเลือกโปร่งใสไม่มีบล็อกโหวต ย้ำผู้เสนอตัวพร้อมเสียสละเพื่อชาติ ไม่หวังค่าตอบแทน รอง ปธ.ฎีกา ,ประธานแผนก ,หน.ฎีกา เข้าวิน อันดับ 5 ลุ้นถึง ขั้นจับติ้ว เผยสละสิทธถึง 58 คน



วันนี้( 6 ต.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา เป็นประธานที่ประชุมเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 5 คน ไปดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2549 (ฉบับชั่วคราว) มาตรา 35 โดยมีหม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ นายวิรัช ลิ้มวิชัย และนายทองหล่อ โฉมงาม รองประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยประธานแผนกคดีต่าง ๆ ในศาลฎีกา จำนวน 8 คน ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และผู้พิพากษาเข้าร่วมประชุมจำนวน 85 คน โดยมี ผู้พิพากษาขอลาพักผ่อน 2 คน ได้แก่ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา อดีตผู้ได้รับการเสนอให้เข้ารับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง( กกต.) และนายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาศาลฎีกา

ทั้งนี้มีผู้พิพากษาแสดงความจำนงไม่ประสงค์ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกไปเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญจำนวน 58 คน ที่สำคัญ คือ นายวิรัช ลิ้มวิชัย รองประธานศาลฎีกา, โดยผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาหลายคน อาทิ นายสมศักดิ์ เนตรภัย,นายวัฒนชัย โชติชูตระกูล ,นายจรัส พวงมณี,นายสบโชค สุขารมณ์,นายวิธวิทย์ หิรัญรุจิพงศ์, นายประทีป ปิติสันต์, นายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล สำหรับผู้พิพากษาที่น่า สนใจคือ นายเกษม วีรวงศ์ อดีตผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น (กกต.)

ต่อมาเวลา 13.30 น.นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการประธานศาลฎีกา แถลงภายหลังการประชุมว่า การลงมติเลือกผู้พิพากษาเพื่อไปทำหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญใน วันนี้ได้กระทำด้วยวิธีการลงคะแนนลับ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของศาลฎีกา ว่าด้วยการเลือกผู้พิพากษาไปเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้คัดเลือกผู้สมควรเป็น ตุลาการรัฐธรรมนูญในรอบแรกไว้ 10 คน และให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาลงมติในรอบที่สอง เลือกผู้ที่ได้รับเลือกในรอบแรกโดยให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเรียงลงไปตาม ลำดับ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสมชาย พงษธา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ได้ 54 คะแนน หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกา 51 คะแนน นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา 48 คะแนน นายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 44 คะแนน และนายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาล ฎีกา 36 คะแนน

นายภัทรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผู้พิพากษาที่ได้รับการสรรหาไปเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ยังคงสถานะเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ทำหน้าที่ปกติในศาลฎีกา ซึ่งการคัดเลือกนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่นั้นต้องรอดูรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง สำหรับค่าตอบแทนตุลาการรัฐธรรมนูญอาจจะต้องมีการออก เป็นพระราชกฤษฎีกา ทุกคนที่ไปทำหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญไปทำหน้าที่เพราะความเสียสละ โดยขั้นตอนต่อไปสำนักประธานศาลฎีกา ต้องทำหนังสือส่งรายชื่อไปถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรการเพื่อนำไปรวมกับตุลาการรัฐธรรมนูญที่มา จากตุลาการศาลปกครองสูงสุดอีก 2 คน เมื่อครบจำนวนแล้วก็จะมีการนัดประชุมตุลาการรัฐธรรมนูญต่อไป โดยรายชื่อทั้งตุลาการรัฐธรรมนูญที่ได้รับเลือก 5 คนนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งรายชื่อให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รับทราบแต่อย่างใด

“ผมยืนยันได้ว่า กระบวนการสรรหาตุลาการรัฐธรรมนูญของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาใน วันนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสไม่มีการบล็อกโหวต เป็นไปตามระเบียบศาลฎีกาและรัฐ ธรรมนูญฉบับชั่วคราวทุกประการ ” เลขาธิการประธานศาลฎีกากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเปิดวันประชุมตุลาการรัฐธรรมนูญหรือยัง นายภัทรศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องรายละเอียด ในที่ประชุมมีเพียงการอภิปรายเพื่อเลือกตุลาการรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมของที่ประชุมผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางถึงคุณสมบัติในประเด็นของนายชัช ชลวร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เพิ่งได้รับการโอนย้ายจากคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ(ก.ต.) ซึ่งยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ หลังได้รับ ตำแหน่งว่า มีคุณสมบัติหรือไม่ โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่ายังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ที่ประชุมใหญ่จึงได้ปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งประธานศาลฎีกา ได้กล่าวกับที่ประชุมว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเช่นนี้ก็ควรให้ที่ประชุมใหญ่ศาล ฎีกาลงมติ เพราะหากนายชัช ได้รับการคัดเลือกอาจจะสร้างปัญหาการตีความในอนาคต ได้ จึงทำให้นายชัช ประกาศต่อที่ประชุมว่า เพื่อเป็นการลดขั้นตอนจึงขอถอนตัวจาก การลงรับคัดเลือกตุลาการรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จากนั้นจึงเริ่มการสรรหา

มีรายงานจากที่ประชุมว่า ในรอบแรกมีผู้พิพากษาศาลฎีกาเข้ารับการคัดเลือก เพียง 29 คน เนื่องจากมีการถอนตัวถึง 58 คน โดยในรอบแรก ประกอบด้วย นายสมชาย หม่อมหลวงไกรฤกษ์ นายกิติศักดิ์ นายพิชิต คำแฝง นาธานิศ นายเกรียงชัย จึง จตุรพิธ นายสุวัฒน์ สุวัฒน์หทัย นายศิริชัย จิรบุญศรี นายทองหล่อ โฉมงาม รอง ประธานศาลฎีกา และนายนุรักษ์ ตามลำดับคะแนน 1-10

ต่อมาเริ่มการคัดเลือกในรอบสองเพื่อคัดให้เหลือ 5 คน ปรากฎว่าในลำดับที่ 5 มี ผู้ที่ได้รับคะแนนเท่ากัน 2 คน คือนายพิชิต และนายนุรักษ์ โดยได้ 36 คะแนน จึง ทำให้ต้องใช้วิธีจับฉลากตามระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาไป เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2549 ผลออกมาว่า นายนุรักษ์ ได้รับการคัดเลือก

สำหรับประวัติของบุคคลที่ได้รับการสรรหา หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ขณะนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานศาลฎีกา อายุ ๕๙ ปี และเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่สะเรียง, ศาลจังหวัดลำปาง อธิบดีกรม คุมประพฤติ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค ๖ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา คณะกรรมการตุลาการศาล
ยุติธรรม (ก.ต.)

นายสมชาย พงษธา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา อายุ ๕๙ ปี ประวัติรับราชการ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดทุ่งสง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลจังหวัดสมุทรปราการ รองอธิบดีกรมบังคับคดี รองอธิบดี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

นายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อายุ ๕๘ ปี ประวัติรับราชการ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาล แขวงสงขลา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ประธานแผนกคดี เยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา

นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา อายุ ๕๖ ปี ประวัติรับราชการ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อัยการผู้ช่วย ผู้พิพากษาหัวหน้า ศาลจังหวัดมุกดาหาร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลภาษีอากรกลาง ผู้ช่วยผู้พิพากษา ศาลฎีกา เลขานุการศาลฎีการองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี ผู้พิพากษาหัวหน้า
คณะในศาลอุทธรณ์

นายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา อายุ ๕๗ ปี ประวัติรับราชการ อัยการผู้ช่วย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด ภูเก็ต รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๖ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค ๘ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค ๗


กำลังโหลดความคิดเห็น