xs
xsm
sm
md
lg

“พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล-พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” จุดอ่อน! ในคณะปฏิรูปฯ

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• เมื่อปิดฉาก ภารกิจกู้ชาติ – ภาค 1 ก็เป็นเวลาอันสมควรที่ “เซี่ยงเส้าหลง” จะกลับมาประจำการรายงานสถานการณ์ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง กราบงามๆ มายังทุกท่าน เราจะพบกัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ณ ที่นี้ และทางหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ที่ มุมขวา - หน้า 16 (หรือถ้ามีโฆษณาเต็มหน้าก็จะย้ายไปที่ มุมขวา – หน้า 15) เป็นประจำ

•• ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่จะถอยตัวเองออกมาจากการทำงานให้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ที่ถ้าจำเป็นต้องใช้ อักษรย่อ กรอบหน้านี้ก็จะใช้ว่า คณะปฏิรูปฯ ไม่ใช้ ค.ป.ค.) “เซี่ยงเส้าหลง” หวังว่า (1) ท่านจะ ถอยจริง ไม่ใช่ ถอยแต่ในนาม (2) ขอให้เป็นตัวอย่างอันควรปฏิบัติตามแก่ วิษณุ เครืองาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีชัย ฤชุพันธุ์ ทั้ง 3 ท่านแม้เป็น คนเก่ง แต่อดีตที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าคือ คนเก่งที่สักแต่ผู้มีอำนาจเรียกใช้ก็รีบวิ่งเข้าไปเสนอสนอง – โดยไม่พิจารณาประเด็นคุณธรรมจริยธรรม ผลงานจำนวนไม่น้อยที่สร้าง บาปกรรมแก่บ้านเมือง โดยเฉพาะในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่อาจวางใจได้เต็มร้อยว่า ไม่มีเยื่อใยสายสัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง ถ้าบริสุทธิ์ใจไม่มีวาระซ่อนเร้นก็ควรรับใช้ชาติบ้านเมืองแต่เพียง เสนอความเห็นต่อสาธารณะ อย่างท่านสุดท้ายที่ เจ้ากี้เจ้าการเหมือนเป็นเจ้าของคณะปฏิรูปฯ นั้นยังจำได้ไหมว่าอดีตมหาปราชญ์และปรมาจารย์ทางการเมืองแห่งยุคของบ้านเรา พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยพูดใส่หน้าไว้เมื่อ ปี 2527 – 2528 ว่าอย่างไร “...คนอย่างคุณ เขียนบทสวดมนต์ให้พระก็ได้ เขียนกติกาแบ่งทรัพย์ให้แก่โจรที่ปล้นมาก็ได้ ผมทนประชุมร่วมกับพวกคุณไม่ได้อีกแล้ว.” ขณะนั้นคนถูกพูดใส่หน้าดำรงตำแหน่ง รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี คนพูดใส่หน้าที่ชรามากแล้วเป็น ส.ส.กทม. – หัวหน้าพรรคกิจสังคม เร่งถอยออกมาใช้ชีวิตอยู่อย่างสง่างามเหมือนช่วงหลัง ๆ ในฐานะคอลัมนิสต์ออนไลน์ของ มีชัยไทยแลนด์ดอทคอม ล่าสุดเห็นกำลังเป็นเจ้ากี้เจ้าการจะผลักดันให้ ลิ่วล้อเก่า ของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ คนหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็นเบอร์ 2 เบอร์ 3 อยู่ในหน่วยงานระดับกรมที่ทำหน้าที่ คุมความประพฤติของผู้กระทำผิด ไปเป็น ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พูดภาษาชาวบ้านว่า จะเอาคนคุมโจรไปคุมพระ ไม่งามด้วยประการทั้งปวง

•• นอกเหนือจาก มีชัย ฤชุพันธุ์ จุดอ่อนของ คณะปฏิรูปฯ ที่เห็นชัดเจนคือ พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ จะค่อยๆ แจกแจงให้เห็นกัน

พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล - พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ
•• เฉพาะท่านแรก บิ๊กตุ่น - พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล นั้น นอกจากดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ได้มาจากการประทานให้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะปฏิรูปฯ ที่เปรียบเสมือนเป็น แม่บ้าน, หัวหน้าสำนักงาน ท่านเป็นผู้ดึง มีชัย ฤชุพันธ์ พร้อมๆ กับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, วิษณุ เครืองาม เข้ามาเป็น เนติบริกร และจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกกลั่นกรองบุคลากรลงในตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ไม่ว่าจะเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติ, สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ, คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่มาจากการคัดเลือกของคณะปฏิรูป และ ฯลฯ มันคงจะ ไม่เหมาะ, ไม่งาม และ ไม่สร้างความศรัทธาความน่าเชื่อถือ ให้กับ เพื่อนรัก ของท่านที่เสียสละ เสี่ยงตายยึดอำนาจรัฐ อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรอกนะถ้าในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีท่านจะ ผลักดันตนเอง หรือ ปล่อยให้คนผลักดันตนเอง ข้ามมาดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้ง ๆ ที่ อาวุโสไม่ถึง เพราะตำแหน่งราชการเดิมของท่านนั้น ณ วันนี้ยังคงอยู่ที่ อัตราพลเอก ถ้าจะเกิดปาฏิหาริย์เหาะไปกินตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็เท่ากับว่าจะต้อง ข้ามอาวุโสนายทหารอัตราจอมพล ถึง 4 คน ที่วันนี้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม พูดก็พูดเถอะ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ปรารถนาดีต่อท่าน มีความประสงค์ลึก ๆ ที่จะให้ท่านดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ยัง ไม่กล้า ทำได้แต่เพียง เปิดอัตราจอมพลใหม่ไว้ 1 อัตรา ที่ตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ไว้ให้ท่าน โดยเฉพาะ (คือเมื่อท่านพ้นตำแหน่งไปแล้วก็จะ ไม่มีผู้อื่นมาดำรงตำแหน่งนี้) เตรียมไว้ให้ตัวท่านเข้ามารับตำแหน่ง วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เพื่อให้ อาวุโสถึง ไว้เพื่อเป็น แคนดิเดตปลัดกระทรวงกลาโหม ในปีต่อไป “เซี่ยงเส้าหลง” ยังได้ยินมายิ่งกว่านี้ว่าลำพังตำแหน่งเดียวที่มีปัญหามาก ยังไม่พอ มีคนทำให้เข้าใจว่ามาจาก พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ไปขอ รื้อโผ แต่งตั้งโยกย้ายนายทหารตำแหน่งอื่นๆ ใน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เสร็จเรียบร้อยแล้วจาก พล.อ.สิริชัย ธัญญศิริ เพื่อมา ยำใหญ่ ให้ได้ คนในกลุ่มตน โชคดีที่ ถูกปฏิเสธกลับมา ควรเข้าใจว่าตำแหน่งนี้ มีปัญหามาก ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายาม ผลักดันคนของตัวเอง แต่หากเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐแล้ว อำนาจรัฐใหม่ ยังคง เล่นพรรคเล่นพวกเหมือนเดิม แถม เล่นพรรคเล่นพวกด้วยวิธีการกล้าหาญชาญชัยในสิ่งที่ผิดธรรมเนียมยิ่งกว่าเดิม ศรัทธาจะลดลงไปสักเพียงไหน “เซี่ยงเส้าหลง” บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ หึ่งมาก ในหมู่ทหารหาญ

•• ในส่วนของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ นั้นขอพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า น่าเสียดายอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ประวัติของท่านนั้นมาจาก ตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็น ที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ล่าสุดเมื่อ วันที่ 8 สิงหาคม 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ ทรงมีรับสั่งด้วย ขณะเสด็จกลับจาก โรงพยาบาลศิริราช และแต่ดั้งแต่เดิมมาท่านก็ไม่ใช่ คนในระบอบทักษิณ แถมยัง แข็งขืน เมื่อตอนที่จะถูก พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ข้ามหัวขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. แต่ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกรมปทุมวันนอกจากท่าน ไม่ได้แสดงศักยภาพให้เห็น, ไม่ได้แสดงจุดยืนให้เห็น แล้วยังมีแนวโน้มที่แสดงให้เห็นว่าได้เข้าไปเป็น คนในระบอบทักษิณ แม้ในการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้ายึดอำนาจของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ภายใต้การสนับสนุนอย่างแข็งขันของ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร ในชั่วโมงแรกๆ ท่านก็ ขาดการติดต่อ กระทั่งกลางดึกคืนนั้นก็ ไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ด้วย แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจเต็มเปี่ยมจาก เพื่อนรัก รับมอบภารกิจ ดูแลตำรวจเต็มที่ ใน คำสั่งคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 17, 18 แต่สุดท้ายท่านกำลังพยายามทำอะไรใน การแต่งตั้งโยกย้าย 2 รอบ เพราะดูไปแล้วท่านกำลังพยายามจะแปร การยึดอำนาจจากระบอบทักษิณ ให้เป็น การรอวันคืนอำนาจเต็มแก่ระบอบทักษิณ ซึ่งจะก่อให้เกิด ภยันตรายใหญ่หลวง ต่อทั้ง ประเทศชาติ, ราชบัลลังก์ และ คณะปฏิรูปฯ เอง “เซี่ยงเส้าหลง” ขอสะกิดติง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่านี่คือ เรื่องคอขาดบาดตาย เพราะระบอบทักษิณนั้นพูดให้ถึงที่สุดก็คือ การสร้างรัฐตำรวจ, ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ถ้าอ่านไม่ทะลุแทงปัญหาไม่ขาด ณ จุดนี้มีโอกาส พลาด ได้ง่ายๆ

•• การแต่งตั้งโยกย้ายไม่ได้คำนึงถึง เป้าหมาย ใหญ่ที่สุด ปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่จะต้อง ขจัดลิ่วล้อระบอบทักษิณ แต่กลายเป็น เล่นพรรคเล่นพวก ด้านหนึ่ง นรต. 22 ได้ดี อีกด้านหนึ่ง นรต. 26 ก็ยังได้ดี หลายคนในจำนวนนี้คือ คีย์แมนของระบอบทักษิณ และ/หรือ อยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ควรอ่านเรื่อง โกวิทย้ายตำรวจเลี้ยงเชื้อทรราช ในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เมื่อวานนี้ประกอบ

•• รู้หรือไม่ว่า พล.ต.ชลอ ชูวงษ์ (นรต. 26) นอกจากจะเป็นหัวหอกในกระบวนการ เอาผิดทางกฎหมายกับพันธมิตรฯ แล้วยังมีข่าวในทางลึกว่าร่วมมือกับ พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา - ผบก.ทล. พยายามจะจัดการจราจรในวันยึดอำนาจให้ ติดขัด จน ขบวนทหารจากต่างจังหวัดเดินทางมาล่าช้า เพื่อซื้อเวลาให้กับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียแต่ว่า แผนแตกก่อน ปรากฏว่านอกจากท่านจะ ไม่กระทบกระเทือน หัวหน้าสำนักงานของท่านคือ พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ยังจะ ได้ดี โดนจะโยกจากตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.ระนอง ที่เป็น จุดยุทธศาสตร์ในการเข้า-ออกประเทศไทย ทั้งในส่วนของ คน และ อาวุธ เพราะเป็นเสมือน เมืองหน้าด่าน อยู่ติดกับ เกาะสนของพม่า ภายในอาณาบริเวณใกล้เคียง มีพื้นที่ลี้ภัยโดยธรรมชาติเป็นร้อยๆ จุด ถ้านำมาอ่านหมากทั้งกระดานตามประสา “เซี่ยงเส้าหลง” แล้วจะพบว่าน่าสนใจตรงที่ พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล (นรต. 26) ยังคงไม่ถูกย้ายไปจากตำแหน่ง ผบช.สตม. ที่มี อำนาจมาก ในส่วนของ จุดยุทธศาสตร์ในการเข้า-ออกประเทศไทย อำนาจที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปก็คือ สถานะเป็นประตูของประเทศ, อำนาจเพิกถอนวีซ่า, อำนาจกำหนดแบล็กลิสต์, อำนาจในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการเดินทางของทุกเที่ยวบิน และ ฯลฯ ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน บอกว่า ยังไม่นิ่ง ปล่อยให้ตำแหน่งทั้งสองอยู่ในมือ เครือข่ายระบอบทักษิณ ได้อย่างไร

•• โดยเฉพาะก็เป็นที่เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงติดต่อทางโทรศัพท์กับทั้ง พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล กับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นประจำ “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าควรระวังหมาก ซุกคน ไว้ด้วยนะ

•• ทางที่ดีที่สุดสำหรับ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน คือไม่จำเป็นต้อง เร่งร้อน การแต่งตั้งโยกย้ายทั้ง ทหาร และ ตำรวจ ต่อให้พ้น วันที่ 30 กันยายน 2549 ไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร ผู้บังคับบัญชาหน่วยใดเกษียณ ก็ให้ รองฯ ขึ้นมา รักษาการ ไปก่อน

•• กลับมาวันแรก ขอเบาะๆ แค่นี้ก่อน ของจริงรอฟัง สนธิ ลิ้มทองกุล ในรายการฮิต เมืองไทยรายสัปดาห์ ทาง ASTV : ทีวีกู้ชาติ วันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2549 เวลา 19.30 – 21.00 น. อย่าลืม
กำลังโหลดความคิดเห็น