xs
xsm
sm
md
lg

หลวงปู่ฯย้ำสัจจธรรม"ทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว"ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ร่วมสนทนาธรรมในสภาท่าพระอาทิตย์ (22 ก.ย.49) ชี้ ขณะนี้แผ่นดินดูกว้างขึ้น เพราะประชาชนมีอิสรเสรีในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และให้ความเห็นการปฏิวัติยังไม่ล้าสมัย หากมีผู้นำที่บ้าอำนาจก็จำเป็นต้องมีการรัฐประหารเพื่อผ่าทางตันให้สังคม นอกจากนี้ยังเชื่อกฎแห่งกรรมว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน สุดท้าย อยากให้ทุกคนดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปด้วยปัญญา

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการสภาท่าพระอาทิตย์

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 22 กันยายน 2549  ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร

สำราญ – สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2549 นะครับ แรม 15 ค่ำเดือน 10 ก็เช่นเคยครับวันนี้ทุกศุกร์ก็เป็นภาพการสนทนาธรรมกับหลวงปู่พุทธะอิสระ วันนี้ก็มากันครบครันนะครับ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วหลวงปู่ก็มีภารกิจต้องขึ้นไปภาคเหนือ ตอนนี้อาจารย์สามารถ มังสัง ก็มาแล้วด้วย อาจารย์สามารถและผมก็กราบนมัสการหลวงปู่นะครับ

หลวงปู่ – เจริญพร ท่านสาธุชนพุทธบริษัท ที่รับชมรายการสภาท่าพระอาทิตย์ที่รักทุกท่าน คุณสำราญ คุณสามารถ ผู้ดำเนินรายการ

สำราญ – ไปที่สูงมาหรือครับ หลวงปู่ ขึ้นดอย

หลวงปู่ – ไปเชียงใหม่ จากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน จากแม่ฮ่องสอนกลับไปเชียงใหม่ จากเชียงใหม่ไปเชียงราย จากเชียงรายไปพะเยา จากพะเยามาเชียงราย อัญเชิญรูปในหลวงไปถวายกับวัดทุกวัน และก็ฉวยโอกาสแสดงธรรมที่โรงพยาบาลแม่และเด็กออกอากาศช่อง 11 และก็สถานีวิทยุของแม่ฮ่องสอน จากที่ฉันไปนี่ไปถามใครนี่ มันเหมือนกับแผ่นดินมันแคบน่ะ

สำราญ – เหมือนกับแผ่นดินมันแคบแปลว่าอะไรครับ

หลวงปู่ – ก็มันเดินไปที่ไหนไม่ค่อยสะดวกน่ะ มันจะมีอำนาจ

สำราญ – คือมันคล้ายๆว่าบ้านเมืองนี่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง

หลวงปู่ – ใช่ แต่ตอนลงมาจากเขานี่แผ่นดินกว้างขึ้น มีความรู้สึกว่าเรามีอิสระในแผ่นดินนี้ มีเสรีภาพอย่างแท้จริงในแผ่นดินนี้

สำราญ – ผมก็มีความรู้สึกคล้ายๆหลวงปู่นะครับ อาจารย์สามารถรู้สึกไหม

สามารถ – ผมคิดว่าความกังวลของประชาชนมันหมดไป และสำคัญที่สุดก็คือสัจธรรมมันเกิดแล้ว คืออำนาจนี่มันเป็นอนิจตา มันไม่มั่นคง มันไม่ถาวร

หลวงปู่ – ที่พูดอย่างนี้มันมีบทพิสูจน์ เวลาเราไปแสดงธรรมที่ภาคเหนือนี่ทุกครั้งนี่ ผู้คนที่ถามปัญหาเรามักจะไม่ค่อยกล้าถามเรื่องปัญหาประเด็นทางอำนาจและการเมือง แต่หลังจากวันที่ 19 มานี่คือวันที่ 20 ไปแสดงธรรมที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก คนเต็มห้องประชุมและก็มีคนกล้าที่จะถาม และก็ถามด้วยความรู้สึกว่าเขามีอิสระมากขึ้น

สำราญ – คือถามตรงไปตรงมามากขึ้น ไม่ต้องอ้อมๆ

หลวงปู่ – ไม่ต้องอ้อมค้อม และก็ไม่ต้องหวังว่าให้พระเป็นคนเปิดประเด็น พวกเขาเปิดประเด็นกันเอง ที่ผ่านมานี่อาศัยพระเปิดประเด็น ฉันก็มองในมุมกลับว่าเมื่อแผ่นดินมันเริ่มกว้างขึ้นนี่ มันก็จะมีความผ่อนคลายมากขึ้น อิสระเสรีภาพมันก็เกิดมากขึ้น และก็มองต่อไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคณะรัฐบาล และก็ข้าราชการบางคนที่ฉ้อฉล และก็เป็นเบ๊นักการเมืองหรือเป็นผู้รับใช้นักการเมืองนี่

สำราญ – ก็เป็นเพียงคนจำนวนน้อย

หลวงปู่ – ใช่ แต่ว่าเริ่มจะมีกระบวนการเขาเรียกว่าตอบสนองแล้ว กรรมนี่ศักดิ์สิทธิ์นะ

สามารถ – ก็พิสูจน์แล้วนะ อย่างน้อยก็เห็นว่าคนที่ทำชั่วนี่นะก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน ความชั่วถูกเปิดเผย ชะตากรรมลงโทษก็ว่ากันไป

หลวงปู่ – ตอนที่ตัวเองอยู่ก็ใช้อำนาจในทางที่เถื่อน ฉ้อฉล ไม่ถูกต้อง พอตัวเองโดนเข้าบ้างก็โดนอำนาจนั้นเหมือนกัน เหมือนกับข้างบูมเมอแรงออกไปข้างนอก บูมเมอแรงนั้นมันก็สะท้อนกลับมา แต่ไม่ใช่หมายถึงอำนาจที่มีอยู่นั้นมันเป็นอำนาจเถื่อน ไม่ถูกต้อง แต่ว่าโดยความเหมาะสม หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่ถูกต้องนะ มันไม่ดีนะ มันไม่ชอบด้วยกฎหมายนะ แต่สำหรับฉันฉันมองว่ามันต้องดูที่สถานการณ์ ต้องดูที่เหตุการณ์ บางทีบางครั้งนี่เราจะรบกับมารไปนั่งสวดมนต์ก็คงไม่ได้นะ ถูกไหม มันจะไปรบกับมาร มันจะไปอาศัยเข้าตามตรอกออกตามประตูนักก็ไม่ได้

สามารถ – คือรบกับคนชั่ว รักษากติกานี่ทำไม่ได้ รบกับคนที่รักษากติกาใช้กติกาได้ คนที่ไม่ใช้กติกาเราเอากติกาไปรบก็แพ้สิ

สำราญ – ก็เหมือนที่วันนี้ผมอ่านแว้บๆมาเมื่อซักครู่นะครับ อาจารย์ไชยยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาปกครอง รัฐศาสตร์ จุฬานะ

หลวงปู่ – คนที่ฉีกบัตรเลือกตั้งใช่ไหม

สำราญ – ใช่ครับ คืออาจารย์ไชยยันต์ก็บอกว่าคือรัฐประหารนี่ก็ไม่ดีหรอก

หลวงปู่ – ไม่มีใครชอบหรอก ฉันเองก็ไม่ได้ชอบ

สำราญ – แต่ว่าไม่มีทางเลือก คือดูแล้วรัฐธรรมนูญถูกย่ำยี ถูกกระทำชำเรา ประทานโทษนะครับมา 5 ปีเต็มๆ ในช่วงของรัฐบาลทักษิณนี่นะครับ ทำอะไรไม่ได้ และก็มีการละเมิดโน้นละเมิดนี้นะครับ

หลวงปู่ – เขาละเมิดถึงขนาดพระเลยล่ะ ฉันเองนี่เป็นผู้ได้รับการละเมิดโดยตรงเหมือนกัน เราก็จะรู้สึกได้ว่ามันคับแคบ โลกนี้มันคับแคบ สังคมนี้มันคับแคบ

สำราญ – ก็คือผมก็เห็นด้วยกับหลวงปู่ว่าแผ่นดินมันกว้างขึ้น และเราก็คือเดินเหินไปไหนนี่มันรู้สึกมันสบายใจขึ้น ตรงที่ว่าเมื่อก่อนนี่มันอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวนะ แล้วก็หวาดระแวง ไม่รู้พูดไม่ได้ ไม่รู้ว่าโต๊ะข้างๆเป็นยังไงนะ คือเดี๋ยวนี้เราเข้าไปนี่มันก็สบายใจขึ้น แต่ไม่ใช่ไปพูดในเรื่องการเมืองในที่อันไม่ควรพูด ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ

หลวงปู่ – แต่ว่าเรามีความรู้สึกลึกๆมันเหมือนอยู่ในกรอบ ที่ผ่านมามันอยู่ในกรอบ

สามารถ – ตามที่คุณสำราญว่า เพราะว่าคนที่เราเคยนั่งและหวาดระแวงนี่ มันเปลี่ยนพฤติกรรมไปหรือเปล่า เพราะว่าคนที่เรานั่งอยู่ก็คือคนเดิมน่ะ แต่ว่าบังเอิญคนเดิมนี่มันเปลี่ยนไปหรือเปล่า หรือว่าตัวเราเปลี่ยนเพราะว่าความรู้สึกมันดีขึ้นหรือเปล่า

สำราญ – คือเมื่อก่อนถ้าเราไปร้านอาหารซักทีหนึ่ง เอาล่ะ โล่งๆอย่างนี้ นั่งโต๊ะติดๆกันอย่างนี้นะ ไปกับเพื่อน 2 คนนี่นะ เมื่อก่อนจะคุยการเมืองไม่กล้าคุยนะ คือไม่แน่ใจว่าโต๊ะข้างๆนี่เขาคิดยังไง ถ้าเกิดเขาได้ยินไปเราวิจารณ์คุณทักษิณ หรือไปชมคุณทักษิณนี่คือเราไม่รู้ว่าเขาเป็นฝ่ายไหน

สามารถ – แท็กซี่นี่คุณลองนั่งสิสมัยก่อนวันที่ 19 นี่ ไม่รู้เป็นพวกไหนนะ

สำราญ – แต่เดี๋ยวนี้เราก็พูดได้

หลวงปู่ – คือ 5 ปีที่ผ่านมาเราไม่ค่อยมีอิสระทางความคิดและความรู้สึกน่ะ

สามารถ – มันถูกปิดกั้น มันตลกนะ ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล 39 มาตราไม่ได้ใช้เลย รัฐบาลไม่ยอมให้ใช้เลย

หลวงปู่ – ใช้ได้ยังไงล่ะ ใช้ก็ไม่ได้ใช้อำนาจสิ

สามารถ – มาตรา 44 ก็บอกผิด มาตรา 39 แสดงความเห็นบอกผิดอีก คือผิดหมดเลย

หลวงปู่ – นี่กำลังจะมีมาตราลิดรอนสิทธิพระ ก็คือห้ามเจรจาพูดถึงการเมือง อันนั้นคือมหาเถระเขาทำกันเองน่ะนะ ไม่ใช่รัฐบาลทำไม่ใช่อะไร แต่เข้าใจว่าน่าจะได้รับคำสั่งเพราะว่ากฎข้อนี้ออกมาตอนที่มีรัฐบาล

สำราญ – อย่างไรก็ตามครับ การยึดอำนาจเที่ยวนี้มีเรื่องเกี่ยวข้องกับพระเณรอยู่เรื่องหนึ่งนะครับ อยากถามฆราวาสก่อนคืออาจารย์สามารถ เคยบวชเรียนมาก่อนนะครับ ดูคมชัดลึกก็ได้นะครับ ก็มีเณรน้อยเณรใหญ่นี่แหละ

หลวงปู่ – ไปถ่ายรูปกับรถถังใช่ไหม ฉันดูแล้วยังแปลกเลยเมื่อเช้าอ่านข่าว

สำราญ – คือผมดูแล้วนี่ผมพูดตรงๆนะ ผมว่ามันน่ารักดีแต่ว่าคงไม่เหมาะหรอก

สามารถ – มองในสายตาคนทั่วไปนี่มันน่ารัก แต่มองในสายตาคนที่รู้วินัยนี่ห้าม

หลวงปู่ – ห้ามนะ เป็นอาบัติ

สามารถ – กองทัพเดินทางไปไหนนี่พระไปดูถือว่าผิดนะ ผิดวินัย

หลวงปู่ – เป็นอาบัติปาจิตตีย์

สามารถ – และ 2. อาวุธนี่เป็นวัตถุอนามาส (วัตถุที่ภิกษุไม่ควรแตะต้อง) ไปจับนี่ผิดหมดนะ

หลวงปู่ – ไปดูการเดินขบวนกองทัพ ไปดูการตรวจแถว ไปร่วมอยู่ในขบวนกองทัพผิดหมด

สำราญ – และถ้าแอบดูพจมาน บ้านทรายทองช่อง 7 สมมุตินะในกุฏิ

สามารถ – อันนี้ก็ผิด

หลวงปู่ – มันไม่ต้องพูดถึงศีล 227 หรอก มันแค่ศีล 8 ก็ผิดแล้ว

สำราญ – สงสัยคงคิดว่าอีก 5 วันเราก็สึกแล้วก็ถ่ายหน่อย ถ้าจะรอยึดอำนาจอีกตั้ง 15 ปีมาที เขานับกับ 15 ปีมาหนนึง เหมือนดาวหางฮัลเล่ย์แล้วนี่

หลวงปู่ – มันคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเยอะหรอก คงยังไม่มี

สำราญ – ผมก็ภาวนาให้เป็นครั้งสุดท้ายนะ คืออย่างน้อยการยึดอำนาจเที่ยวนี้นี่ให้บทเรียนกับบ้านกับเมืองเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนพรรค์หนึ่งนะ คนจำนวนหนึ่งซึ่งประมาทนะครับ

หลวงปู่ – และก็หลงระเริงในอำนาจ เมาในอำนาจ

สามารถ – ผมไม่เห็นอย่างนั้นครับ หลวงปู่ ผมเห็นว่าเราจะบอกว่าการก่อการแบบนี้จะมีไม่มีไม่ได้อยู่ที่ผู้ก่อการ

สำราญ – อยู่ที่เหตุปัจจัยนะ

สามารถ – อยู่ที่ตัวผู้มาเป็นรัฐบาล มันจะมีความโลภความหลงในอำนาจอย่างนี้หรือเปล่า ถ้ามีผมว่าการก่อการก็มีขึ้นอีก

หลวงปู่ – มันเป็นกฎของกรรมนะ

สามารถ – มันเป็นวงจรของพวกนี้ ผู้หลงอำนาจเมื่อไหร่ก็มีคนมาไล่ มาไล่เมื่อไหร่ก็มีการก่อการแบบนี้

หลวงปู่ – คือเดี๋ยวนี้เราจะพูดไม่ได้แล้วว่ายุคนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว ปฏิวัติไม่มี

สามารถ – ตราบใดที่คนมีกิเลส หลงอำนาจ บ้าอำนาจ อันนี้ก็มีครับไม่จบหรอก

หลวงปู่ – ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองขึ้นมาแล้วทำตัวเป็นคนบ้าอำนาจ เหลิงในอำนาจ มัวเมา ทุกข์มันก็จะเกิด

สำราญ – ไม่มีข้อยกเว้น

สามารถ – ผมพูดอย่างนี้ก็แล้วกัน การปฏิวัติรัฐประหารนี่ไม่ล้าสมัย ถ้าผู้นำยังบ้าอำนาจ ยังทันสมัยอยู่ เพราะประชาชนไล่ผู้มีอำนาจไม่ได้ไง ต้องเอาปืนมาไล่ไง

หลวงปู่ – ที่ผ่านมาประชาชนลองแล้ว

สามารถ – ลองแล้วไม่ไปไง

สำราญ – คือท่อมันตันมากเกินที่เราจะล้วงได้

หลวงปู่ – คุณพูดอย่างกับว่ามันเป็นขยะ

สำราญ – คือเขาบอกว่ามันเกิดภาวะท่อตันไง

สามารถ – คือผู้ก่อการนี่เกิดหลังจากที่ประชาชนพยายามแล้วพยายามอีก ปรากฏว่าผู้ครองอำนาจไม่ยอมไป ไม่ยอมบอกว่าตัวผิด สุดท้ายผู้ก่อการก็ต้องออกมาเพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นทางสุดท้ายแล้วไง ผมเชื่อว่าผู้ก่อการไม่อยากทำนะ ผมเชื่ออย่างนั้นนะ แต่ว่าจำเป็นต้องทำ

หลวงปู่ – ไม่มีใครอยากตกเป็นจำเลยของสังคมหรอก

สามารถ – ถ้าไม่ทำนะ สองฝ่ายมันเผชิญหน้ากัน คนไทยฆ่าคนไทยนะ และปัญหานี่จะตามมา

สำราญ – เอาง่ายๆถ้าประเมินสถานการณ์ย้อนหลัง มองเหตุการณ์ย้อนหลังนะครับ โดยความเชื่อส่วนตัวของผมและหลายคนเท่าที่ผมพูดคุยมาด้วยนี่ วันที่ 20 ที่ผ่านมาถ้ามีการชุมนุมอย่างน้อยต้องมีตูมตาม และก็มีภาวะฉุกเฉินตามมา ไม่รู้ว่าใครจะลงมือใครก่อนนะครับ

หลวงปู่ – ภาวะฉุกเฉินนี่ใครเป็นคนประกาศ

สำราญ – ก็ถ้าดูแนวโน้มก็คือรัฐบาลประกาศ

หลวงปู่ – และก็จะมีการไม่ยอมรับภาวะฉุกเฉินนั้น

สำราญ – ก็ต้องมีการเผชิญหน้ากัน

หลวงปู่ – งั้นสำหรับฉันแล้วมองว่าอย่าไปตำหนิผู้ก่อการเลย

สามารถ – คือผู้ก่อการนี่ทำด้วยความจำเป็นนะครับ เพราะว่าถ้าไม่ทำนะประชาชนจะเผชิญหน้ากันเอง และก็ฆ่ากันเอง มันก็มีปัญหาในระยะยาว

สำราญ – คือผมนี่ต้องพูดตรงๆว่าเข้าใจ และเห็นความจำเป็นว่าท่อมันตัน เกิดภาวะ คือไม่มีอำนาจใดที่จะไปจัดการได้

สามารถ – คือที่ผมเห็นว่าเขาจำเป็นคือ 1. เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วไม่ได้ครองอำนาจเองนี่ อันนี้ชัดเลยอันที่ 1 สมัยก่อนที่ว่าเปลี่ยนแปลงแล้วผู้ก่อการครองอำนาจเอง อันนี้โอเคน่าตำหนิอยู่อันนั้น อย่างย้อนยุคไปก่อน 14 ตุลานะก็น่าตำหนิอยู่

สำราญ – เข้าใจในเหตุที่ต้องทำครั้งนี้ แต่ก็ต้องพูดให้จบว่าก็ไม่ได้สนับสนุนวิธีการแบบนี้ ให้บ้านเมืองปกครองกันด้วยแบบนี้เราก็ไม่เอา

หลวงปู่ – เราก็ไม่อยากได้ แต่ว่าถ้ามาเพื่อแก้สถานการณ์ และสถานการณ์สงบราบคาบลงก็คืนอำนาจให้กับประชาชน

สำราญ – ก็ 2 สัปดาห์เขาก็ถอย ทหารนี่ถอย คณะปฏิรูป 6-7 ท่านนี่ถอยนะครับ วันนี้นี่เราคงไม่มี SMS เพราะรู้สึกทางคณะปฏิรูปเขาขอความร่วมมือมา คือไม่อย่างนั้นจะยิ่ง MSG ไปแซวไปแสดงความเห็นกันเพ่นพ่าน ในภาวะที่มันไม่ปกติ แต่เราจะแสดงความเห็นได้บ้างทางโทรศัพท์ 02-6294433 และก็ถามมาได้เลยครับ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ได้ ธรรมะธัมโม สุขภาพจิตสุขภาพกายนะครับก็พร้อมที่จะตอบ ถามกันมาเยอะๆ วันนี้อยู่กับจนถึง 10 โมงนะครับ และก็ขอบพระคุณแฟนรายการหลายท่านก็ส่งอีเมล์ไปที่ผม ปรับทุกข์กันบ้างนะครับ

สามารถ – คือจริงๆวันนี้ผมไม่ต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมซ้ำเติม แต่อยากจะเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่จำเป็นบทเรียนมากกว่า ว่าสิ่งที่มันเกิดนี่มันไม่ดีอย่าให้เกิดอีก แต่ไม่ควรซ้ำเติมให้มันเกิดความแตกแยก

สำราญ – แต่เราก็ต้องจัดการให้มันสะเด็ดน้ำเหมือนกันนะ

สามารถ – การสะเด็ดน้ำไม่ใช่การซ้ำเติม แปลว่าใครทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎแห่งกรรม ซึ่งต้องเอากฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการให้กฎแห่งกรรมมันศักดิ์สิทธิ์

หลวงปู่ – แล้วก็อยากให้ผู้ที่ทำผิดบ่อยๆหรือทำผิดในช่วงที่ผ่านมานี่ ได้มองเห็นถึงสัจธรรมข้อนี้ และก็จะได้ไม่ทำต่อไปในโอกาสข้างหน้า ถ้าท่านยังมีอำนาจวาสนาอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ก็ต้องรู้สึกว่ามันไม่เที่ยงนะ มันเป็นอนิจจังนะ มันทุกขัง และมันก็เป็นอนัตตา

สามารถ – ที่หลวงปู่พูดนี่นะ ไม่ใช่เฉพาะคนที่ผิดแล้วและจบไปแล้วนะ คนที่มาใหม่ก็ทำนองเดียวกัน

หลวงปู่ – รวมทั้งคนที่กำลังผิดอยู่

สามารถ – และที่กำลังที่จะผิดต่อไปในอนาคตนี่

หลวงปู่ – ต้องรู้สึกตระหนักสำนึกบ้าง

สามารถ – ความชั่วนี่ไม่มีอายุความ ไม่มีกาลสมัย มาได้ตลอดเวลา และไม่เลือกบุคคลด้วย

หลวงปู่ – ฉันอยากจะรอดูว่าพวกที่ไปแม่ฮ่องสอน ได้รับข้อมูลทางลึกทางตรงทางกว้างทางอ้อมมา พระทั้งพื้นที่เล่าให้ฟัง โดยเฉพาะที่ อ.ขุนยวง ที่บอกว่าคราวที่แล้วน้ำท่วมแล้วมีท่องซุงลอยมานี่นะ และก็ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองออกมาประกาศว่าเป็นรั้ว เป็นเสารั้วเสาหลักลอยเป็นเศษไม้ลอย เขาบอกว่ารั้วอะไรมัน 3 คนโอบ รั้วอะไรมัน 2 คนโอบ แล้วเขาก็เล่าให้ฟังทั้งพระทั้งชาวบ้าน ทั้งข้าราชการชั้นผู้น้อยว่า ส่วนใหญ่คนที่ย้ายไป อ.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนนี่ไปกระเป๋า 2 ใบ แต่อีตอนย้ายกลับนี่มาคันรถสิบล้อ 2 คัน เราก็ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ปัญหาก็คือว่าเวลานั่งเครื่องบินขึ้นไปนี่ แล้วมองเห็นคือเผอิญมีหัวหน้าเขตป่าไม้เขาคุยกับฉันไปด้วย เขาคุยอวดว่าป่าแม่ฮ่องสอนนี่สมบูรณ์ที่สุดในแผ่นดินไทย เราก็เลยหันไปมองแล้วบอกว่าหัวโล้นๆแบบนี้นะ สมบูรณ์ที่สุดในแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นก็เลยอยากวิงวอนว่าคนแม่ฮ่องสอนต้องช่วยกันรักษาแล้ว เพราะว่า ณ วันนี้นี่ขออนุญาตพูดนอกเรื่องหน่อยนะ ณ วันนี้นี่เราต้องยอมรับว่าแม่ฮ่องสอนไม่มีที่มาแห่งเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่ก็จะขายสมบัติเก่าของบรรพบุรุษ ก็คือคนไปท่องเที่ยวและก็ไปดูป่าไม้ ไปดูธรรมชาติ ไปดูต้นน้ำลำธาร ไปดูศิลปะ ไปดูวัฒนธรรม แต่คนปัจจุบันไม่ได้มีสร้างสมบัติเหล่านี้ขึ้น มีแต่อดีตเขาสะสมเอาไว้

สำราญ – คือไม่ทำการผลิตเลย

หลวงปู่ – ใช่ แล้ว ณ วันนี้คืออาชีพของคนในพื้นที่ในท้องถิ่นก็เหมือนกับว่าทำเกษตรเล็กๆน้อยๆ พอมีพอกิน ไม่ใช่มีอาชีพที่รุ่งเรืองฟุ่มเฟือยอะไรเยอะแยะมากมาย และก็ไม่มีอุตสาหกรรม แต่ว่าเขาอยู่ได้ก็เพราะว่าได้ขายสิ่งเหล่านี้ คือมีคนไปเที่ยว นักท่องเที่ยว เขาบอกว่าคนขายของในวัดนี่ บอกว่าช่วงท่องเที่ยวในฤดูหนาววันนึงขายได้ 2-3 หมื่นบาท แต่ละวันๆนะ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องบอกว่าถ้าวันนี้คุณไม่ช่วยกันรักษาสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างเอาไว้ ไม่รักษาป่าไม้ ไม่รักษาต้นน้ำลำธาร ไม่รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และก็ไม่รักษาศิลปวัฒนธรรม แล้วก็อยู่กินทำลายกันไปเรื่อยๆนี่ วันข้างหน้าจะไม่เหลืออะไรให้คุณขาย

สามารถ – เมืองในหมอกนี่มันไม่มีเลยเพราะป่าไม้หมด เมืองในหมอกนี่มันเป็นชื่อเรียกของแม่ฮ่องสอน

หลวงปู่ – ณ วันนี้ไม่มีหมอกในเมืองแล้ว เพราะมันมีแต่ความร้อน

สำราญ – เวลาหมดแล้วนะครับ ก็ภาวะบ้านเมืองได้ผ่านโค้งของความเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าเหมือนที่หลวงปู่เปิดรายการแล้วบอกว่าแผ่นดินมันกว้างขึ้น แต่ท่ามกลางความกว้างนี่เราควรจะดำเนินชีวิต มีวิธีคิดต่อบ้านต่อเมือง ต่อตัวเองอย่างไรบ้าง

หลวงปู่ – คงต้องยกคำประเด็นที่ว่าท้องฟ้าหลังฝนนี่มันแจ่มใสเสมอ ฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันรู้และสัมผัสได้ว่า ต่อไปนี้บ้านเมืองก็คงจะดีขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น ทิศทางของบ้านของเมือง ของสังคม ของปัญหามันคงจะชัดเจนมากขึ้น และก็แนวทางที่เราจะดำเนินต่อไป ฉันเชื่อว่าทุกคนมีเป้าประสงค์อยู่ในใจแล้ว แต่ว่าขอให้ดำเนินแนวทางนั้นๆด้วยปัญญา อย่าด้วยสัญญา อย่าด้วยอารมณ์ก็แล้วกัน

สำราญ – ก็เวลาหมดแล้วครับ ขอบพระคุณทุกท่าน วันนี้อาจารย์สามารถ มังสัง ผมสำราญ รอดเพชร กราบนมัสการหลวงปู่นะครับ และก็กราบลาท่านผู้ชมไปตามนี้ก่อน สวัสดีครับ

**********************************************************************
กำลังโหลดความคิดเห็น