ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 21 เรื่องห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด อันเป็นการละเมิดเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท รวมถึงเอาผิดผู้เผยแพร่ด้วย หากผู้ลักลอบเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้บริการ หรือได้รับสัมปทาน ให้ถือว่าสัญญานั้นสิ้นสุดลง
วันนี้ (24 ก.ย.) คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ออกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 21 ว่าด้วยโดยที่ในระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการลักลอบดักฟัง ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความ ที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการละเมิดเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน ก่อให้เกิดความหวาดระแวงกันทั่วไปในหมู่ประชาชน ผู้ใช้เครื่องมือสื่อสาร ดังนั้น เพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และรักษาความสงบของประเทศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ 1.ผู้ใดดักฟัง ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผย ซึ่งข้อความที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 2.ผู้ใดรับรู้ข้อความที่ได้มาจากการกระทำความผิดตาม ข้อ 1.ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความนั้นต่อผู้อื่น โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 3.ผู้ใดใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดตาม ข้อ 1.หรือ ข้อ 2.ต้องรับโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ตามที่บัญญัติไว้ในความผิดตาม ข้อ 1.หรือ ข้อ 2.แล้วแต่กรณี
ข้อ 4.ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ หรือการสื่อสาร หรือเป็นผู้ได้รับสัมปทานการให้บริการดังกล่าว นอกจากต้องรับโทษตาม ข้อ 1. ข้อ 2. หรือ ข้อ 3.แล้วแต่กรณีแล้ว ให้ใบอนุญาตหรือสัมปทานนั้นสิ้นสุดลงด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2549
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
วันนี้ (24 ก.ย.) คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ออกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 21 ว่าด้วยโดยที่ในระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการลักลอบดักฟัง ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความ ที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการละเมิดเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน ก่อให้เกิดความหวาดระแวงกันทั่วไปในหมู่ประชาชน ผู้ใช้เครื่องมือสื่อสาร ดังนั้น เพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และรักษาความสงบของประเทศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ 1.ผู้ใดดักฟัง ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผย ซึ่งข้อความที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 2.ผู้ใดรับรู้ข้อความที่ได้มาจากการกระทำความผิดตาม ข้อ 1.ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความนั้นต่อผู้อื่น โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 3.ผู้ใดใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดตาม ข้อ 1.หรือ ข้อ 2.ต้องรับโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ตามที่บัญญัติไว้ในความผิดตาม ข้อ 1.หรือ ข้อ 2.แล้วแต่กรณี
ข้อ 4.ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ หรือการสื่อสาร หรือเป็นผู้ได้รับสัมปทานการให้บริการดังกล่าว นอกจากต้องรับโทษตาม ข้อ 1. ข้อ 2. หรือ ข้อ 3.แล้วแต่กรณีแล้ว ให้ใบอนุญาตหรือสัมปทานนั้นสิ้นสุดลงด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2549
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข