“เสธ.อู้” ผงาดปลัดกลาโหม เตะโด่ง “บรรณวิทย์” ข้ามฝากไป บก.ทหารสูงสุด โผทหารเซอร์ไพรส์ ตท.9 ขยับยกแผง แม้กระทั่ง พลโทอาวุโสน้อย แต่ยังได้ดีขึ้นพลเอก แม้ยังไม่ได้เข้าพิธีแตะบ่าครองยศ มาเพียงแค่ 6 เดือน ตท.10 หน่อมแหน้ม แห้วหลายตำแหน่งขยับเพียงเล็กน้อย “พฤณท์” เศร้า ได้แค่รองแม่ทัพ 1 “บิ๊กต้น” ไปเป็น ผบ.นสร.
ที่กระทรวงกลาโหม วานนี้ (7 กันยายน)พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2549 เสนอให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำรายชื่อมอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในโอกาสต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ แทน พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ที่เกษียณอายุราชการ คือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช (ตท.7) ส่วน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน (ตท.7) รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เป็นแคนดิเดตปลัดกระทรวงกลาโหม ถูกเตะโด่งข้ามไปเป็น รอง ผบ.ทหารสูงสุด เนื่องจากถ้าอยู่ในกระทรวงกลาโหม อาจจะไม่สามารถทำงานประสานงานกันได้กับ พล.อ.เลิศรัตน์ ซึ่งถือว่าในปีนี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม มีปัญหามากที่สุดในการปรับย้ายครั้งนี้ โดยโยก พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์ (ตท.6) รอง ผบ.ทหารสูงสุด กลับมาเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน
ส่วนกองบัญชาการทหารสูงสุด ปรากฏว่า พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ (ตท.6) รอง ผบ.ทหารสูงสุด ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด โดยมี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน (ตท.7) รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย (ตท.6) ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ.มาเป็น รอง ผบ.ทหารสูงสุด โดยมี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ (ตท.10) รองเสนาธิการทหาร บก.ทหารสูงสุด ขยับขึ้นเป็นเสนาธิการทหาร
ส่วนกองทัพบก ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ยังคงเป็น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (ตท.6) เช่นเดิม โดยมีการขยับ พล.อ.ไพศาล กตัญญู (ตท.7) ผช.ผบ.ทบ.ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ.แทน พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ (ตท.9) ที่เกษียณอายุราชการ โดยขยับ พล.ท.มล.กิติมาศ สุขสวัสดิ์ (ตท.5) รอง เสธ.ทบ.ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.โดยขยับ พล.ท.ฉัตรชัย ถาวรบุตร (ตท.10) ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว เป็น รองเสนาธิการทหารบก ส่วน พล.อ.พรชัย กรานเลิศ (ตท.10) ยังอยู่ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.ตามเดิม ทั้งนี้ ได้มีการขยับ พล.ท.มนตรี สังขทรัพย์ (ตท.9) ผบ.หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (นสร.) ขึ้นมาเป็น เสนาธิการทหารบก (อัตราพลเอก) ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ท.มนตรี เพิ่งได้ครองยศพลโทเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และยังไม่ได้เข้าพิธีแตะบ่าตามขั้นตอนในการครองยศแต่อย่างใด ซึ่งถือว่า การขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบกในครั้งนี้ขาดความอาวุโส ขณะที่ พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล (ตท.8) ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย บก.ทหารสูงสุด ข้ามฝากมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.(อัตราพลเอก) โดยขยับ พล.ต.พิรุณ แผ้วพลสง (ตท.10) รอง ผบ.ศรภ.ขึ้นเป็น ผบ.ศรภ.
สำหรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษา ทบ.ปรากฏว่า พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุกร์ (ตท.7) ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ บก.ทหารสูงสุด ข้ามฝากกลับเข้ากองทัพบก เป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ.(อัตราจอมพล) พร้อมกันนี้ ยังได้มีการขยับ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร (ตท.7) แม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ท.องค์กร ทองประสม (ตท.8) แม่ทัพภาคที่ 4 ขยับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ (อัตราพลเอก) โดยมี พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ (ตท.9) แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ (ตท.9) เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 ยังไม่ได้มีการขยับแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต (ตท.10) ผบ.พล 1 รอ.ที่ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญ และสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขยับขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 โดยมีการขยับ พล.ต.สมเกียรติ สุทธิไวยกิจ (ตท.9) รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 และโยก พล.ท.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล (ตท.10) แม่ทัพน้อยที่ 1 ไปเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง นอกจากนี้ ยังมีการขยับ พล.ต.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ (ตท.12) ผบ.จทบ.เพชรบุรี มาเป็น ผบ.พล.1 รอ.