xs
xsm
sm
md
lg

"สังศิต"ชูธงต้านทักษิณ วันที่ 9 เดือน 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สังศิต พิริยะรังสรรค์
“ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์” ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (5 ก.ย.49) แจงรายละเอียดดีเดย์วันที่ 9 เดือน 9 จะเป็นธงของการเริ่มต้นกิจกรรมการต้านระบอบทักษิณอย่างชัดเจน และชี้การเดินทางไปมอบจดหมายให้กับ พล.อ.เปรมนั้น จัดเป็นการยกย่องบุคคลที่เป็นตัวอย่างของผู้มีคุณธรรม ไม่ใช่เป็นการโยงการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และนอกจากนี้การชุมนุมอย่างสงบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 5 กันยายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สำราญ – เราไปกันที่เครือข่ายประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณนะครับ ซึ่งมีอาจารย์ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์เป็นผู้ประสานงานหรือเป็นแกนนำนะครับ ก็นอกจากวันที่ 9 กันยายน จะไปยื่นจดหมายให้กับ พล.อ.เปรม แล้วนี่ รู้สึกวันนี้ก็จะไปยื่นจดหมายให้กำลังใจกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา นะครับ ตอนนี้อาจารย์สังศิตมาแล้วครับ อาจารย์ครับ สวัสดีครับ

ปานเทพ – สวัสดีครับ

คำนูณ – สวัสดีครับ

ดร.สังศิต – สวัสดีทั้ง 3 ท่านด้วยนะครับ

สำราญ – กิจกรรมวันนี้ อาจารย์สังศิตกับเครือข่ายจะไปยื่นหนังสือที่ไหนครับ

ดร.สังศิต – ไปเอาช่อดอกไม้ไปให้กำลังใจแก่คุณหญิงจารุวรรณ ท่านผู้ว่า สตง.เวลา 10.00 น.ครับ เพราะเราเห็นว่าคุณหญิงเป็นข้าราชการที่ได้แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในวิชาชีพของตัวเอง รวมทั้งเป็นบุคคลที่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง คือในแง่ของการเป็นข้าราชการก็แสดงถึงความซื่อสัตย์สุจริตและความสามารถ และก็ในทางการเมืองก็วางตัวเป็นกลางด้วย ผมคิดว่านี่เป็นคุณลักษณะที่เราอยากให้ข้าราชการนี่ได้เห็นเป็นแบบอย่างนะครับ ว่าคนที่เขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และก็วางตัวเป็นกลางทางการเมืองนี่เป็นอย่างไรนะครับ

สำราญ – มีสัญญาณหรือมีอะไรเป็นการเฉพาะหรือครับ ถึงได้จงใจไปที่คุณหญิงจารุวรรณเป็นคนแรกๆก่อน

ดร.สังศิต – คือเครือข่ายของเรานี่นะครับ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญที่จะส่งเสริมคุณธรรมกับจริยธรรมในสังคมไทย เราคิดว่าการจะหยุดระบอบที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นนี่ ต้องใช้พลังทางคุณธรรมเป็นพลังที่มีความเข้มแข็ง เราอยากส่งเสริมความเข้มแข็งของคุณธรรม เพราะฉะนั้นนี่ในการทำกิจกรรมนี่ ทางหนึ่งก็คือไปให้กำลังใจ ไปแสดงความชื่นชมยินดีนะครับ กับบรรดาข้าราชการหรือคนดีๆในสังคม ให้คนในสังคมนี้ได้เห็นว่าคนดีนี่คืออย่างไร เพราะฉะนั้นนี่คุณหญิงก็เป็นคนหนึ่งที่เราตั้งใจในวันนี้ และก็รวมทั้งท่านอธิบดีอรจิต ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่เราต้องประกาศอยู่ และก็เราก็อยากจะเอาดอกไม้ไปให้กำลังใจท่านด้วยครับ

สำราญ – ท่านอรจิตก็เป็นอธิบดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ นะครับ ทีนี้มาถึงเรื่องของวันที่ 9 กันยายนนะครับ ที่อาจารย์สังศิตกับเครือข่ายจะไปพบ พล.อ.เปรม นะครับ ยื่นหนังสือและก็เมื่อวานก็รู้สึกจะมีทีมไทยรักไทยออกมาถล่มอาจารย์เป็นชุดเลย บอกว่าแบบนี้ระวังกบฏนะ เห็นเขาโยงไปเปรียบเทียบกับกบฏ 9 กันยายนเลยนะ เอาเป็นว่าเรามีจุดประสงค์อะไรที่จะไปยื่นหนังสือให้กับ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ครับ

ดร.สังศิต – ผมคิดว่าท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นี่ เป็นแบบอย่างของข้าราชการที่ดีมาตลอดชีวิตนะครับ ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย มีข้อครหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น และที่สำคัญนี่ท่านเป็นบุคคลที่ส่งเสริมเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ในสังคมไทยนี่อย่างแข็งขันมากนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่ท่านได้กระทำในช่วงระยะเวลาหลายๆปีที่ผ่านมา รวมทั้งในระยะใกล้ๆที่ท่านเดินทางไปบรรยายแก่นักเรียนทหาร ให้เห็นถึงคุณค่าของความดี ซึ่งเป็นคุณค่าแบบดั้งเดิมของสังคมไทยนี่ เป็นพลังที่สำคัญที่จะช่วยคุ้มครองสังคมไทยนี่ไม่ให้มีความแตกแยก ไม่ให้คนไม่ดีนี่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในบ้านเมือง เพราะฉะนั้นนี่เราก็อยากไปแสดงความชื่นชนท่านประธานองคมนตรีนะครับ และก็อยากให้คนไทยนี่ได้เห็นแบบอย่างที่ดี ผมคิดว่าการที่พลังของคุณธรรมจะเกิดขึ้นในสังคมไทยนี่ ทางนึงก็คือต้องยกย่องคนดี และก็ชื่นชูเพื่อให้คนได้เห็นว่าที่พูดว่าเป็นคนดีนี่ คือหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นนี่ผมคิดว่านี่ก็เป็นกิจกรรมอันหนึ่ง ที่เราอยากจะทำให้คุณธรรมในสังคมไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้นครับ

สำราญ – คือไทยรักไทยที่เขาแถลงเมื่อวานนี่นะ เขาก็พยายามคล้ายๆดักคออาจารย์ หรือโจมตีอาจารย์ว่านี่ ดึงเอา พล.อ.เปรม มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และเผลอๆเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยไปถึงโน่นเลย อาจารย์คิดอย่างไรครับ

ดร.สังศิต – ผมคิดอย่างนี้ครับว่า เวลาที่เราพูดถึงเรื่องของระบอบประชาธิปไตยนี่นะครับ มันก็มีสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง การมีรัฐบาล การมีสภานิติบัญญัติ การมีองค์กรอิสระ การมีองค์กรพวกนี้ไม่ใช่หมายความว่าเท่ากับว่ามีประชาธิปไตย เพราะว่าสถาบันเหล่านี้เป็นเพียงรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย นี่ก็คือต้องมีปรัชญา มีหลักการ มีแนวความคิด อันนี้เป็นสาระสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นปรัชญา หลักการ แนวคิดประชาธิปไตยนี่ เขาต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ผู้ปกครองหรือว่าบุคคลสาธารณะนี่ ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมจริยธรรมในระดับสูง รวมทั้งประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะ สิทธิมนุษยชนของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง อันนี้เป็นส่วนเนื้อหาสาระ เป็นส่วนจิตวิญญาณของระบอบประชาธิปไตยนี่ เพราะฉะนั้นการที่เราไปชื่นชมยินดีคนที่ทำความดี คนที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าตลอดชีวิตนี่ได้ทำความดี มันเป็นส่วนที่ส่งเสริมคุณค่าจิตใจของระบอบประชาธิปไตย

เพราะฉะนั้นนี่อย่าไปมองทุกอย่างเป็นเรื่องการเมืองเสียทั้งหมด อันนี้เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี ท่านก็บอกว่า 10 ประการที่นายกฯคนใหม่ควรกระทำนี่ ท่านก็บอกว่านายกฯควรจะเป็นคนที่มีความต่อมจริยธรรมในระดับที่สูงอย่างนี้เป็นต้น ผมคิดว่าการเมืองในขณะนี้นี่ไม่ให้ความสำคัญ ไม่ให้คุณค่ากับจริยธรรม และก็ทำให้จริยธรรมดีๆ จริงๆนี่เรื่องคุณธรรม จริยธรรม เป็นเรื่องที่อยู่ในสังคมไทย แต่ว่านักการเมืองในปัจจุบันนี่ไม่ให้ความสำคัญนะครับ เรานี่เป็นองค์กรภาคประชาชน เราเห็นถึงความสำคัญของคุณค่าอันนี้ เพราะฉะนั้นนี่เราชื่นชมใครที่ช่วยรักษา ช่วยส่งเสริมนะครับ อย่าไปมองว่าคนดี คนมีคุณธรรม คนที่ต่อสู้พวกคุณธรรมนี่จะต้องเป็นกบฏ ทำผิดกฎหมาย ผมว่าอันนี้คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจ ปรัชญาของระบอบประชาธิปไตยนะครับ

ปานเทพ – อาจารย์มองว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลานี้ครับ ที่ประชาชนจะเข้ามาร่วม

ดร.สังศิต – ผมคิดว่าอย่างนี้ครับ แนวร่วมของเราเองนี่ งานส่วนใหญ่ของเราเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อยกย่องคนดีนะครับ ยกเว้นแต่ว่าคนไหนที่ควรจะมีบทบาทในสังคมแล้วก็ไม่ทำ กลับไปช่วยสนับสนุนคนไม่ดี อย่างเช่นบริษัทแกรมมี่นี่นะครับ ในวันพฤหัสเวลา 11.30 น.นี่ ทางเครือข่ายเราก็จะไปทำเอกสารแจกให้ประชาชนได้เข้าใจว่า นี่เป็นธุรกิจที่ไม่อินังขังขอบกับวิกฤติทางสังคม ทางการเมืองที่เกิดขึ้น และก็ไม่ช่วยเยียวยา อันนี้เราก็ไปเตือนให้ทราบว่าเป็นนักธุรกิจนี่ ก็ไม่ใช่มุ่งแต่หากำไรอย่างเดียว ต้องนึกถึงผลประโยชน์ของสังคมของประเทศด้วย

คำนูณ – วันที่ 9 นี่นอกจากจะไปยื่นหนังสือให้ พล.อ.เปรม แล้วนี่ ยังจะเป็นวันจุดเริ่มต้นของกิจกรรมต่างๆของเครือข่ายด้วยใช่ไหมครับ

ดร.สังศิต – วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2549 เวลา 9.00 น. นี่นะครับ ผมคิดว่าก็จะทำให้คนนี่เห็นว่านี่เราต้องช่วยกันแล้ว และจริงๆนี่วันที่ 9 เดือน 9 ก็เป็นเพียงสัญลักษณ์นะครับ เพราะว่าเราก็เริ่มทำมาเรื่อยๆ อย่างเช่นวันนี้ก็ไปให้กำลังใจคุณหญิงจารุวรรณ ต่อไปนี่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาเขาก็ตามมาคุณพินิจ จารุสมบัติกันอยู่นี่ ไม่ทราบว่าคุณพินิจอยู่ที่ไหนนะครับ ถ้ารู้แล้วก็ขอให้ทราบว่ากลุ่มนักศึกษาเขาอยากจะพบ เพื่อจะไปขอพูดคุยให้แสดงจุดยืนทางการเมืองด้วยนะครับ

คำนูณ – ก็คือวันที่ 9 นี่ก็คือกิจกรรมต่างๆของเครือข่ายนี่จะเดินหน้าหมด

ดร.สังศิต – ใช่ครับ

คำนูณ – พอจะยกตัวอย่างได้ไหมครับ

ดร.สังศิต – ก็จะมีตั้งแต่คนที่เขาจะทำเอกสารแจกเผยแพร่กันทั่วไป บางคนก็จะส่งข้อมูลเข้าสู่เว็บไซด์ www.stoptuksin.com นี่ให้คนเขารู้ว่าสินค้าอะไรบ้างที่พวกเราควรจะร่วมกันบอยคอต พวกกลุ่มอาจารย์ที่อยู่ในเครือข่ายของเรา ก็จะเร่งพยายามจัดการประชุมสัมมนาต่างๆ ตามมหาวิทยาลัยต่างๆนะครับ เพื่อให้ครูบาอาจารย์นักศึกษานี่ ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลให้มากขึ้น ใครที่ไม่พร้อมจะออกมานอกมหาวิทยาลัยก็เดินกันอยู่ในมหาวิทยาลัย เคลื่อนไหวกันอยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างนี้เป็นต้นนะครับ นี่ก็เป็นกิจกรรมรวมทั้งเรายังมีการจัดประกวดคำขวัญด้วยนะครับ จัดประกวดคำขวัญต่อต้านระบอบทักษิณ แต่ว่าเน้นเรื่องของความขบขันนะครับ และก็ทำให้เห็นว่าระบอบนี้เป็นเรื่องตลกอย่างนี้เป็นต้นนะครับ ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่ใช้คำดูถูกเหยียดหยามดูหมิ่นอะไรไม่ทำนะครับ แต่ว่าประกวดประเภทตลกอย่างนี้เป็นต้นนะครับ

คำนูณ – ภาพรวมที่เราจะเห็นได้ชัดบนท้องถนนจะมีไหมครับวันที่ 9 นั้น

ดร.สังศิต – ไม่มีหรอกครับ เราก็เรียกร้องประชาชนทั้งประเทศ และก็คนไทยทั่วโลกนี่ไปชุมนุมในที่สงบนะครับ ที่ไหนก็ได้ในจังหวัด ตาม กทม.ก็ชวนกันไปที่บริเวณลาน กทม.บนเสาชิงช้านะครับ เวลา 11.00 น. และก็ไปแสดงความไม่พอใจอย่างสงบและก็กลับบ้าน ผมคิดว่าทำอย่างไรให้ระบอบนี้ได้รู้ว่า ความไม่พอใจนี่มันแผ่กระจายทั่วไปหมด

คำนูณ – กิจกรรมประเภทเขาเคยเรียกร้องให้เปิดไฟหน้ารถ หรือบีบแตรอะไรนี่จะมีไหมครับ

ดร.สังศิต – ใช่ครับ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยนี่นะครับ เปิดไฟหน้ารถ บีบแตร คือเครือข่ายของเรานี่ คนที่มารวมกันนี่สามารถที่จะมีกิจกรรมของตัวเองได้อย่างเป็นอิสระนะครับ ในเครือข่ายของแต่ละเครือข่ายเขาก็จะทำกันไป เราตอนนี้ก็มีอยู่ 40-50 เครือข่าย ทุกคนนี่มีความเป็นอิสระที่จะริเริ่มกิจกรรมต่างๆ ตามที่ได้มาพูดคุยกันทุก 2 สัปดาห์นี่นะครับ

สำราญ – แต่ทีนี้จะมีกิจกรรมที่ทำพร้อมกันทั้งประเทศซักอย่างซักครั้งไหมครับ อาจารย์สังศิต

ดร.สังศิต – ผมคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะว่าเราก็ถือว่าทุกกลุ่ม ทุกองค์กรที่มานี่ ก็เคลื่อนกันหมด พวกกลุ่มเกษตรกรก็จะเคลื่อนให้ความรู้ รวมทั้งพวกกลุ่มครูบาอาจารย์ กลุ่มครูทางอีสานเขาก็เคลื่อนขบวน เขาบอกเขาจะจัดการประชุมของเขานี่ พูดคุยกันทุกวันพฤหัสบดีตอนเย็นอะไรอย่างนี้นะครับ ผมคิดว่ากิจกรรมอย่างนี้มันเกิดขึ้นทั่วไปหมดนะครับ จะมองเห็นบ้างมองไม่เห็นบ้าง แต่ว่านี่ก็คือจุดเริ่มต้นก็คือวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2549 นะครับ อันนี้ก็ถือเป็นธงนะครับ

คำนูณ – อาจารย์ครับ ทีวีเรานี่คนไทยในอเมริกาดูกันเยอะ อาจารย์อยากจะให้ทางโน้นเขาประสานอะไรบ้างไหม ในวันที่ 9 เดือน 9 อะไรอย่างนี้

ดร.สังศิต – อันนี้ก็ขอบคุณมากเลยครับ ถ้าหากว่าจะช่วยแนะนำให้เราทำอะไรได้ เราก็ยินดีนะครับ เราก็อยากจะให้คนไทยนี่ไปพบปะกันในที่ใดที่หนึ่ง และถ้าเป็นไปได้ไม่ลำบากมากก็ใส่เสื้อเหลืองกัน แล้วก็จัดให้ความรู้แก่คน สำคัญที่สุดให้ความรู้ให้คนนี่ได้เปลี่ยนความเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ผมคิดว่าการเปลี่ยนความคิด การเปลี่ยนจิตสำนึกนี่ จะเป็นพลังที่สำคัญที่สุดนะครับ

ปานเทพ – ช่วงนี้ประชาชนที่เขาไปมุงคุณทักษิณ ไปตะโกนขับไล่นี่ ยังทำอยู่ใช่ไหมครับ

ดร.สังศิต – ก็ยังทำอยู่นะครับ คือตอนนี้นี่เขาก็มีคนมาห้อมล้อมเขามาก แต่ว่าถ้าเรารู้ว่าไปที่ไหนนี่นะครับ เราก็ไปกันเลยครับ อันนี้ยังต้องทำอยู่นะครับ

สำราญ – ไปชูป้ายหรือไปตะโกนครับ

ดร.สังศิต – ตะโกนครับ ถ้าผมเจอผมก็ตะโกนครับ ผมประกาศเลยนะครับ เพราะว่าผมทำไมจะไม่กล้าตะโกน ผมเคยทำอะไรมายิ่งกว่าการตะโกนตอนผมเป็นนักศึกษา เพราะฉะนั้นนี่ถ้าใครบอกว่าผมนี่เพียงแต่แนะนำให้คนตะโกน ตัวเองไม่กล้าตะโกน ก็ขอให้ทราบว่าตอนผมเป็นนักศึกษา ผมเคยทำอะไรมากกว่าการตะโกน เพราะฉะนั้นนี่ผมถือว่าอันนี้เป็นสิทธิและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยนะครับ

สำราญ – ชีวิตส่วนตัวหลังจากมาออกโรงร่วมเครือข่ายอย่างเป็นรูปเป็นร่างนี่ อาจารย์โดนอะไรบ้างครับ

ดร.สังศิต – ก็โดนกันทั้งครอบครัวแหละครับ ก็คุกคามครอบครัว พี่น้องผมอะไรอย่างนี้นะครับ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ และก็ที่หน้าบ้านก็มีคนมาคอยยืนอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้นะครับ ก็ไม่เป็นไร ผมก็คิดว่าผมยืนยันอย่างแน่ชัดเลยว่า ผมทำด้วยวิธีการสันติ ไม่มีการใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้นนี่ก็ขอให้เข้าใจว่าผมทำทุกอย่างตามกติกา เขาก็บอกว่าไอ้การตะโกนนี่มันนอกกติกา ไม่นอกกติกาครับ เป็นกติกานะครับ และก็บอกว่าผมไม่เป็นกลางทางการเมือง ผมก็อยากจะเรียนอย่างนี้นะครับว่า คำว่าเป็นกลางหรือความเป็นกลางทางการเมืองนี่ ความเป็นกลางนี่หมายความว่าเรานี่จะต้องพินิจพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็ต้องดูว่าจริงๆนี่มันเป็นอย่างไร

ระหว่างความดีกับความชั่ว ระหว่างคุณธรรมกับความไม่มีคุณธรรม ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ไม่มีอะไรที่อยู่ตรงกลาง ความเป็นกลางนี่หมายความว่าเราต้องพิจารณาพิเคราะห์แล้วนี่ ต้องอยู่กับฝ่ายที่เป็นธรรม มีคุณธรรม ฝ่ายที่ถูก คือถ้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ด้วยเหตุด้วยผลแล้วนี่ต้องอยู่กับฝ่ายที่เป็นธรรม ฝ่ายที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันนี้จึงจะเรียกว่าเป็นกลางนะครับ เป็นกลางนี่ไม่ใช่หมายความเพิกเฉย ยืนอยู่เฉยๆด้วยความไม่สนใจ ปิดหูปิดตา อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่าเป็นกลาง อย่างนี้เรียกว่าเพิกเฉยนะครับ เป็นกลางก็คือต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ต้องอยู่กับฝ่ายคุณธรรมนะครับจึงจะเรียกว่าเป็นกลาง

สำราญ – เอาล่ะครับก็ชัดเจน วันนี้ขอบพระคุณและก็เป็นกำลังใจให้กับอาจารย์สังศิตนะครับ

ดร.สังศิต – ครับ ขอบพระคุณทุกท่านนะครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น