xs
xsm
sm
md
lg

หลวงปู่ฯชี้สังคมซึมเศร้า เหตุผู้คนต้องการเสพมากเกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ร่วมสนทนาธรรมในสภาท่าพระอาทิตย์ (1 ก.ย.49) ชี้สังคมกำลังเป็นโรคซึมเศร้า เพราะทุกคนเสพทุกสิ่งทุกอย่างและเก็บกดไว้กับตัวเองมากเกินไป ทำให้เกิดความเครียดและระบายออกในทางไม่ถูกไม่ควร ทำให้เกิดเป็นปัญหาสังคมที่ยากจะเยียวยา โดยเฉพาะผู้นำทางความคิดของสังคม และประณามเหตุระเบิดภาคใต้ ว่าผู้กระทำนั้นไม่มีสำนึกรักแผ่นดิน ทำร้ายคนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง และนอกจากนี้ยังเห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลนั้น ยังไม่ได้ไปที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง สุดท้ายฝากให้ทุกคนปฏิบัติตามตามแนวทางพระราชทานของในหลวง โดยเฉพาะการดำรงชีพแบบพอเพียงไม่ละโมบโลภมากจนเกินไป ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความสงบสุขตามมา

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการสภาท่พระอาทิตย์ ช่วงสนทนาธรรม

ราย
การสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 1 กันยายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร

สำราญ – สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่สภาท่าพระอาทิตย์ วันนี้วันศุกร์เป็นการสนทนาธรรม ก็วันนี้ต้องถือว่าเป็นวันดีวันพิเศษนะครับ ปรากฏว่าหลังจากที่ปล่อยให้เรา 2 คนเดียวดาย ท่านก็ได้กลับมาแล้ว เอ่ยเช่นนี้ท่านผู้ชมก็คงจะรับทราบเข้าใจได้ทันทีว่า ผมหมายถึงหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรายการในวันศุกร์นะครับ เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลานะครับ อาจารย์สามารถ มังสัง ผมสำราญ รอดเพชร ก็กราบนมัสการหลวงปู่ครับ

หลวงปู่ – เจริญธรรม ท่านสาธุชนพุทธบริษัทผู้รับชมรายการสภาท่าพระอาทิตย์ที่รักทุกท่าน คุณสำราญ รอดเพชร คุณสามารถ มังสัง คิดถึงฉันล่ะสิ

สำราญ – ก็ผมลองนับเดือนดู อาจารย์สามารถเคยนับไหมกี่เดือนนี่

สามารถ – ไม่ได้นับ แต่รู้ว่านั่งว่ากัน 2 คนจนเหนื่อย เลยต้องไปหาสัมภาษณ์พระมา เพราะเหนื่อยครับ

สำราญ – ผมนี่มีความรู้สึกกว้างๆอย่างนี้ครับว่า นับจากวันที่ 5 กุมภาพันธ์แล้วนะ วันที่ 5 ตอนเช้าหลวงปู่ไปเทศนาธรรมที่พระรูป ร.5 หลังจากวันนั้นนี่ก็จะค่อยๆห่างไปๆ และก็ห่างไปเลย

หลวงปู่ – เพราะฤทธิ์ที่ฉันไปเทศนาที่ลานพระรูปนี่ เมื่อเช้าอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสดนี่นะ สำนักพุทธนี่เขามีคำสั่ง มหาเถรสมาคมประชุมกันแล้วมีคำสั่งมายังสำนักเลขาสำนักพุทธ ให้ประกาศในสังฆมณฑลว่าถ้าต่อไปนี้มีแบบนั้นอีกไม่ได้ โดนเชียวนะ เขามีคำสั่งว่าไม่ให้แม้กระทั่งไปในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มชุมชน หรือเป็นสถานที่ที่แสดงพลังต่อต้าน หรือเดินขบวนประท้วง แต่ฉันก็แปลกใจว่าก่อนหน้านี้ทำไมมหาเถระไม่ออกมาว่าพวกพระที่ไปโวยๆอยู่หน้ารัฐสภาก็ไม่รู้

สำราญ – อันนั้นคือเผอิญทุกท่านห่มเหลืองหมด เป็นการชุมนุมของพระสงฆ์ อันนี้บังเอิญเป็นฆราวาส

หลวงปู่ – เขาห้ามประท้วงด้วยในคำสั่งนะ ห้ามแสดง ไปร่วมกับกิจกรรมการงานประท้วงทั้งหลาย แม้กระทั่งในสถานที่ที่เป็นของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ในสภาก็ห้ามนะ

สำราญ – อันนี้ก็จริงๆต้องเรียนท่านผู้ชมนิดนะครับ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ คุณสนธินำการชุมนุมเพื่อแสดงพลังต่อต้านคุณทักษิณที่พระรูป และบังเอิญคุณสนธิก็อย่างที่ทราบกันว่าเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ หลวงปู่ก็ห่วงใยก็เลยคล้ายๆอาสาตัวไปเทศนาธรรมในคืนวันนั้นแหละวันที่ 4 และก็ไปให้สติกับผู้ที่มาชุมนุม ซึ่งผมฟังดูหลายคนก็ดีใจที่หลวงปู่ไปนะครับ ตื่นเช้าขึ้นมาวันที่ 5 กุมภาพันธ์ก็ยังรับบาตร และก็ตอนนั้นก็จบไปเลย ก็มาร่วมรายการกับเราบ้าง พอเข้าพรรษาก็หายลับไปกับพรรษา

หลวงปู่ – ที่จริงน่ะไม่ได้หายไปไหน เหตุผลนี่มีก็คือว่าคุณก็รู้ว่าฉันทำโครงการถวายพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวชไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศ และก็ที่ผ่านมาก็ตะลอนไปแจกเพิ่งจะได้ 42 จังหวัดเอง

สำราญ – ต้องทุกจังหวัดใช่ไหมครับ หลวงปู่

หลวงปู่ – ก็ไปทุกจังหวัดไง

สามารถ – 42 จังหวัดนี่ จังหวัดเดียวไม่ใช่วัดเดียวนะ มันหลายวัดนะ

หลวงปู่ – ใช่ เพิ่งจะไปจันทบุรี ตราด กลับมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่ เผอิญฉันก็รอออกพรรษาแล้วจะต้องไปที่เหนือกับอีสาน ก็จะพยายามเร่งให้เสร็จโครงการภายในวันที่ 5 ธันวาคมนี่แหละ

สำราญ – ภายในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้

หลวงปู่ – มันก็เลยจำเป็นว่าต้องทิ้งให้คุณอยู่เหงาเปล่าเปลี่ยว เดียวดายแต่ไม่โดดเด่ เพราะว่ามีคุณสามารถ

สำราญ – อาจารย์สามารถพูดจนผอมเลย หลวงปู่ดูสิครับ

หลวงปู่ – ผอมหรือ ฉันว่าอ้วนนะนี่ ไม่เป็นไรหรอกผู้เฒ่า พูดเยอะๆน่ะดีแล้ว

สามารถ – ความจริงตอนเราคุยกัน 2 คนนี่นะ ทางทีมงานก็ปรึกษาว่าจะหาคนมาช่วย

สำราญ – ทีมงานเขาก็ไปขอความคิดเห็นจากข้างนอกมา

หลวงปู่ – ดีแล้ว เพราะว่าผู้ฟังจะได้ประโยชน์หลากหลาย ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะให้ผูกไว้กับตัวฉันเอง เพราะว่าหลายหัวก็หลายคิด มันก็หลายแง่หลายมุมมองที่เราจะได้สัมผัสรสชาติของพุทธธรรม ในมุมมองที่มันทำให้รู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิม

สำราญ – แต่ว่าความเป็นสัญลักษณ์ของอาจารย์อาจจะเปลี่ยนไปนิดนึง

หลวงปู่ – ถ้าสัญลักษณ์ของรายการนี้ต้องโลโก้หน้าฉันอะไรอย่างนี้หรือ

สามารถ – ตอนหลวงปู่ไปเทศนาวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์อะไรนี่นะ และก็เป็นที่มาของมหาเถระออกประกาศออกมานี่นะ ผมสงสัยผมมีเอกสารชิ้นหนึ่งที่ว่า พรรคไทยรักไทยนี่นะไปตั้งกรรมการชุมชนหรืออะไรของเขานี่นะ แล้วมีพระเป็นกรรมการด้วยนะ อันนี้มันเป็นกรรมการการเมืองนะ

สำราญ – กรรมการท้องถิ่นอะไรหรือเปล่า

สามารถ – ก็นั่นแหละ ซึ่งมันก็เป็นกิจกรรมทางการเมือง

หลวงปู่ – ที่วัดทางปทุมธานีนั้นหรือ

สามารถ – ผมว่าอันนั้นมันหนักกว่านะ กิจกรรมซึ่งมันเป็นการเมืองนะ

หลวงปู่ – แล้วก็ได้สตางค์รู้สึกว่าจะมีงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐด้วยนะ ได้ 60-70 ล้าน

สำราญ – วัดธรรมกายหรือครับ

หลวงปู่ – ประมาณนั้นนั่นแหละ ใช่เลยแหละ

สามารถ – อันนั้นจริงๆคือเป็นการนำการเมืองเข้าวัดนะ

หลวงปู่ – และสุดท้ายนี่ ไหนๆพูดเรื่องนี้แล้วขอพูดหน่อยเถอะ นานๆมาทีนะ ฉันอ่านข้อมูลจากคดีความของวัดธรรมกายนะ หนังสือพิมพ์ไม่ว่าเท็จจริงยังไงนะ

สำราญ – ที่พระธัมมชโย ที่มีการยกฟ้องเพราะว่าเขาไปชำระแล้วหรือครับ

หลวงปู่ – มันทำได้หรือในพระวินัยน่ะ

สามารถ – ไม่ได้ กฎหมายนี่นะเป็นเรื่องของอาณาจักร วินัยเป็นเรื่องของศาสนจักร เป็นพุทธบัญญัติ เมื่อวินัยขาดแล้วกฎหมายจะมาสวนวินัยไม่ได้

หลวงปู่ – ไม่ใช่หมายถึงว่าเอาไปแล้วและเอามาคืนได้ไม่ใช่

สามารถ – ทันทีที่มันยกขึ้นจากฐานก็ผิดแล้ว เปลี่ยนแปลงสถานภาพตรงนั้นก็ผิดแล้ว

หลวงปู่ – แล้วบอกว่าอยู่ดีๆกลับใจ โจรกลับใจมันไม่เป็นปาราชิก มันเป็นไปไม่ได้

สามารถ – วินัยไม่ใช่กฎหมาย กฎหมายนี่เกื้อกูลวินัยได้ แต่วินัยนี่เกื้อกูลกฎหมายไม่ได้

หลวงปู่ – คือนักกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยหรือเปล่า คือพระสงฆ์เวลาฉันไปอบรมพระวิปัสสนานี่ เขาก็พากันถามว่าแบบนี้เป็นปาราชิกหรือเปล่า เขาถามนะ เขาสงสัยนะ

สามารถ – คือวินัยกับกฎหมายนี่มันตีความกันคนละแบบครับ กฎหมายนี่อาศัยพยานหลักฐาน แต่วินัยนี่มีเจตนาก็ผิด มีเจตนาอย่างนี้

หลวงปู่ – มีเจตนาที่จะยักยอก นี่อยู่ในขั้นยักยอกนะ

สามารถ – ก็ชัดเจนแล้วไง และกฎหมายยก แต่วินัยไม่ได้ยกนะ

หลวงปู่ – และจะทำยังไง

สามารถ – ก็ต้องถามไปถึงมหาเถระว่าทำอะไรกัน

หลวงปู่ – เรื่องนี้มันเลวร้ายกว่าไปแสดงธรรมให้ม็อบฟังอีกนะ

สามารถ – เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฐมปาราชิก ลักทรัพย์นี่

หลวงปู่ – มีฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม และอวดอุตริมนุสสธรรม แม้จะเอามาคืนแล้วก็ตาม แต่ว่ากรรมนั้นมันสำเร็จประโยชน์ไปแล้วน่ะ

สามารถ – คือมันผิดแล้วน่ะ พระพุทธเจ้าบอกคนทำผิดวินัยร้ายแรงคือปาราชิก ก็เหมือนกับตาลยอดด้วนน่ะ เอาไปปลูกก็ไม่ได้แล้ว ต้นตาลมันออกลูกไม่ได้แล้ว มันไม่มียอดแล้ว แล้วมันไม่แขนงไม่มีรากให้ขึ้นได้นะ และมันตายเลยนะ

หลวงปู่ – และจะทำยังไง บ้านเมืองจะอยู่กันยังไง

สำราญ – เดี๋ยวจะมาคิดแก้กันนะครับ ตอนนี้หลวงปู่ก็ตระเวน

หลวงปู่ – ตระเวนแจกไปทุกจังหวัด รูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ให้ครบทุกวัดและก็ทุกจังหวัดในประเทศไทย

สำราญ – ทุกวัดเลยหรือครับ วัดในประเทศไทยตั้ง 3-4 หมื่นวัดนะครับ

หลวงปู่ – ก็ต้องไป ฉันถึงได้ไม่มีเวลามาไง แต่ไปนี่ฉันไม่ได้หมายความว่าไปทุกวัด แต่แจกทุกวัดแต่ไปเป็นจุด ก็คือเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล

สามารถ – ให้เขามารับไป

หลวงปู่ – และแต่ละวัดก็จะมารับจากเจ้าคณะไปอีกที

สำราญ – หลวงปู่ไม่ทำวีทีอาร์

หลวงปู่ – ก็ไม่มีใครไปถ่าย แต่ไม่เป็นไร ก็ไว้โอกาสหน้า แต่ก็เป็นผลดีนะ เพราะว่าพระต่างๆนี่พากันน้อมรับด้วยจิตใจโสมนัสยินดี เพราะว่าเป็นภาพที่เป็นมงคล ก็เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา และก็เป็นการแสดงออกประกาศเกียรติคุณของพระธรรมราชา ที่มีพระราชศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อพระพุทธศาสนา

สำราญ – ก็เป็นตอนที่พระองค์ทรงผนวชนะ

หลวงปู่ – และก็เหมาะสมกับวัดทุกวัด และแต่ละวัดนี่นะพอได้ไปแล้วนี่ ไปทำพิธีกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทำการฉลองแห่ ฉันไปแจกอย่างเช่นที่ชัยนาทนี่ ขบวนมาเป็นรถบัสเลยนะ เถิดเทิงกลองยาว เอารูปตั้งบนรถแห่กลับวัดใครวัดท่าน ต่างคนต่างไปกันเป็นเรื่องเป็นราว และไปถึงก็ไปทำพิธีอย่างเช่นทางเหนือนี่ ไปถึงแต่ละวัดก็มีพิธีสวดมนต์ฉลองในภาพที่ได้รับ คือกิจกรรมเป็นเรื่องเป็นราว ประชาชนก็มาร่วมกิจกรรม แต่มันไม่ดีตรงบางที่นี่สมภารเจ้าอาวาส หรือเจ้าคณะปกครองเอาไปแล้วก็ไปให้นักการเมือง นักการเมืองก็อาศัยภาพฉันไปหาเสียง ถูกลากเข้าการเมืองจนได้

สำราญ – เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าเราถูกลากไปโดยไม่รู้ตัว

หลวงปู่ – เขาเอาไป และก็สุดท้ายเอาชื่อคนที่บริจาคออก และก็ใส่ชื่อนักการเมืองแทน นี่มันน่าเกลียด

สำราญ – วันนี้ถึงแม้จะเป็นสนทนาธรรมนะครับ แต่ว่าท่านผู้ชมที่อยากแสดงความคิดเห็น หรือระบายความรู้สึกนึกคิด หรือมีข้อข้องใจก็ส่ง SMS เข้ามาได้ กด 1 เว้นวรรคและตามด้วยข้อความ และก็ส่งมาที่ 85033 ครั้งละ 3 บาทนะครับ วันนี้ถ้อยคำต้องสุภาพขึ้นมานิดนึงนะครับ คุยกับพระต้องสุภาพ แต่ไม่ถึงกับต้องตึงมากก็สบายๆนะครับ แต่ว่าก็ลดคำหยาบลงนิดนึงนะครับ จะแสดงความเห็นแสดงความรู้สึกนึกคิดเรื่องอะไรก็ได้ ระเบิดที่ภาคใต้ เรื่องของธรรมะ เรื่องของธรรมกาย เรื่องของทักษิณนะครับ หรือแม้กระทั่งเรื่องของหลวงปู่

หลวงปู่ – คุณสังเกตไหมว่าทำไมธรรมกายถึงได้มายกฟ้องเอาตอนนี้

สำราญ – หน้าเลือกตั้งหรือครับ

หลวงปู่ – และมันก็จะมีผลพวงสืบเนื่องพันพัวไปพวกพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาลด้วย มันเป็นข้อตกลงกันหรือเปล่าไม่แน่ใจ เกิดกระบวนการอะไรที่ปรากฏขึ้น คือขออภัย เด็กเลี้ยงควายก็ยังมองออกเลยเกมนี้

สำราญ – คือบ้านเมืองเราทำไมมันเต็มไปด้วยการทำอะไรต่างๆนี่ เต็มไปด้วยวาระแฝงเร้น

หลวงปู่ – ไม่ใช่เพื่อความถูกต้องน่ะ

สามารถ – คุณอย่าไปบ้านเมือง เมืองนี่มันไม่มีอะไรหรอก แต่คนอยู่ในเมืองนี่มันมี คนนี่แหละ

สำราญ – คนที่แปลว่าทำให้ยุ่งนี่นะ

สามารถ – คนนี่แหละทำให้ยุ่ง

หลวงปู่ – เมืองกับบ้านมันอยู่ของมันเฉยๆนะ แต่คนที่อาศัยบ้านกับเมืองนี้แหละ มันทำให้บ้านเมืองยุ่ง

สามารถ – คุณลองเอาคนสลับกับประเทศไหนๆดูสิ มันจะยุ่งทันทีเลย

หลวงปู่ – เอาภูฏานสลับกับคนไทยดูสิ เขาบอกว่าคนภูฏานนี่มีสถิติของความสุขทางใจนี่สูงมาก เป็นอันดับต้นๆของโลกเลย แล้วคนบ้านเมืองประเทศไทยโดยเฉพาะ กทม. มีสถิติความทุกข์ทางใจนี่สูงมากเป็นอันดับต้นๆของโลกเหมือนกัน

สามารถ – เพราะอะไร เพราะว่าคนในบ้านเมืองมันยุ่ง และคนที่ทำให้ยุ่งมากที่สุดก็คือคนที่เป็นผู้นำทางความคิด

หลวงปู่ – ที่ภูฏานเขาใช้ศาสนาเป็นตัวนำสื่อ ความสัมพันธภาพ

สามารถ – ที่เขาทำได้เพราะว่า 1. คนเขาไม่มาก 2. อุปนิสัยใจคอคนเขามีมาตรฐานเดียว ก็คือต้องการความสุขมากกว่าวัตถุ มีศีล มีธรรม

หลวงปู่ – เขาถือศีล 5 เป็นกฎหมาย

สามารถ – แล้วก็ใช้วัตถุเป็นตัวหล่อเลี้ยงร่างกายจิตใจให้พออยู่เท่านั้นเอง ไม่ได้มากมาย แต่ถ้าเรานี่วัตถุนำเลย

หลวงปู่ – พวกทำงานสถานทูตมาเล่าให้ฟังว่า บ้านเขานี่ไม่ต้องใส่กุญแจเพราะไม่มีโจรขโมย

สำราญ – ถ้าเป็นบ้านเรานี่เรียบร้อย

สามารถ – เขาจะใส่ทำไมในเมื่อทุกคนไม่โลภน่ะ

สำราญ – บ้านเรากุญแจ 5 ดอกยังงัดเสียเกลี้ยงเลย

สามารถ – กุญแจนี่เขาไม่ได้กันขโมยนะ เขากันคนดีที่เกดความโลภชั่วขณะเมื่อเห็นทรัพย์สิน

หลวงปู่ – คุณกำลังบอกว่าเมืองไทยนี่ดีทั้งหมดใช่ไหม เพียงแค่โลภชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

สามารถ – ทีนี้พอไปเจอคนงัดกุญแจนี่ไม่ใช่โลภชั่วขณะนะ

หลวงปู่ – แล้วที่ได้ไปหลายๆหมื่นล้านแล้วนี่เป็นโลภชั่วขณะหรือเปล่า

สามารถ – คือไอ้พวกที่โลภถาวรนี่แหละเป็นคนพังกุญแจ เพราะพวกโลภชั่วพอเห็นกุญแจไม่เห็นทรัพย์สินมันก็ไม่เอาน่ะ แต่โลภถาวรนี่กุญแจกี่ชั้นมันก็กันไม่อยู่ กฎหมายกี่ฉบับก็กันไม่อยู่

สำราญ – ทีนี้กุมภาพันธ์จนถึงสิงหาคม หลวงปู่มีความรู้สึกยังไงบ้างกับบ้านเมือง กับทุกอย่าง

หลวงปู่ – ฉันไม่รู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไรเท่าไหร่นัก เพราะฉันไม่ได้ติดตามข้อมูล แต่ฉันรู้ว่าฉันมีผลกระทบเยอะมาก เพราะเวลาจะเข้าวัดมันก็จะมีคนคอยจดหมายเลขทะเบียนรถเวลาจะเข้าวัด ก็ดีนะมียามช่วย

สำราญ – ไปจดเบอร์เปิดเผยเลยหรือครับ

หลวงปู่ – ก็มีคนเขาบอกว่ามีคนแอบจดทะเบียน

สำราญ – คล้ายๆว่ามาซุ่มดูว่าวัดนี้มีใครมาบ้าง

หลวงปู่ – มีผู้ใหญ่กี่คน จนกระทั่งทหารบกโทรมาบอกว่าผมไม่กล้าเข้าวัดตอนกลางวัน ตอนมาตอนกลางคืนอะไรอย่างนี้

สำราญ – ที่หลวงปู่หยิบประเด็นขึ้นมา เพื่อต้องการบอกว่าอะไร

หลวงปู่ – มันเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ แต่ว่านอกจากมีตำรวจที่พยายามจะเข้าไป คือใช้คำว่าพยายามไม่น่าจะใช่ แต่ว่ามีข่าวเข้ามาว่ามีคำสั่งที่จะให้พยายามไปค้นในวัด แต่ตำรวจก็ไม่ค้นเหตุผลเพราะว่ามันไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นแต่วาจา เขากลัวว่าจะเจอตอกลับมาก็เลยไม่กล้าไปค้น เพราะไม่มีหมายศาล ไม่มีอะไร สุดท้ายตำรวจผู้นั้นก็โดนย้ายไปอยู่ภาค 8 แล้วก็มีมือปืนมาขู่ที่วัด มีการมายิงปืนที่วัด มันมีสารพัดอย่างน่ะคุณ

สำราญ – แล้วหลวงปู่ไปทำอะไร

หลวงปู่ – นั่นน่ะสิ ฉันก็สงสัยว่าวัดฉันไปทำอะไร วัดไม่ได้ทำอะไรแต่ฉันนี่ทำ มันน่าจะมาทำให้ตรงตัว ฉันก็คงจะสืบเนื่องมาจากการที่ชอบพูดตรงๆ ชอบวิจารณ์เรื่องกิจกรรมบ้านเมืองเยอะเกินไปหน่อยล่ะมั้ง

สำราญ – หลังกุมภาพันธ์ก็ยังพูดอยู่

หลวงปู่ – ยังแสดงธรรมอยู่ และก็เวลานี้ระบบเศรษฐกิจรากหญ้านี่มันเน่า คือฉันพูดอยู่เสมอว่ารัฐบาลอื่นๆนี่อย่าดีก็กินหินกินทราย กินถนน กินน้ำกินไฟ แต่ยุคนี้นี่มันกินยันรากหญ้าเลย เพราะว่าจากหนี้ 8 หมื่นกว่ากลายเป็น 1.2 แสนนี่ และทุกครัวเรือน เพราะฉะนั้นศักยภาพความสามารถในการใช้หนี้ก็ต่ำลง และจะเอาที่ไหน

สามารถ – รากหญ้าบอกว่าเขาได้นะ เขาเป็นหนี้นี่คือเขาได้ เพราะว่า 1. เขาไม่ต้องใช้หนี้

หลวงปู่ – ก็เป็นหนี้ลอยๆ เดี๋ยวซักวันนึงก็มายกหนี้ให้ นโยบายการเงิน การธนาคาร การคลังมันอยู่ไหน

สามารถ – ก็อยู่ที่รัฐมนตรีไงครับ

สำราญ – หลวงปู่ก็ยังแสดงธรรม ดังนั้นความตึงเครียดที่วัดก็คงจะเหมือนกับความตึงเครียดข้างนอกนะ

หลวงปู่ – มันจะว่าตึงเครียดก็ไม่ตึงมาก แต่ว่ามันมีผลกระทบก็คือทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ที่เคยไปมาหาสู่กันเป็นประจำนี่ไม่กล้าจะเข้า

สำราญ – ก็จริงเหมือนคุณอานันท์ ปันยารชุนพูดเมี่อวานนะครับ สังคมอยู่ภายใต้ความอึดอัด มิตรสหายก็คุยกันน้อยลง คนที่น่าจะคุยกันได้ก็เลิกคุย

หลวงปู่ – เมื่อวานนี้ฉันนั่งรถไปสุพรรณบุรี ฉันก็ยังมานึกว่าอำนาจนี่ ถ้าคนถ่อยหรือคนเถื่อน คนไม่ดีหรือคนชั่วมันได้มานี่ แม้จะอ้างว่าได้มาโดยความชอบธรรมถูกต้องนี่ ถ้าคนเถื่อนใช้มันก็กลายเป็นอำนาจเถื่อนไป แต่ถ้าหากว่าคนดีได้อำนาจมาด้วยความชอบธรรมถูกต้องนี่ คนดีใช้อำนาจมันก็กลายเป็นอำนาจที่ปกป้องคุ้มครองภัยให้แก่คนดี

สามารถ – การได้มาซึ่งอำนาจมันเป็นการเริ่มต้นนะ ส่วนการใช้อำนาจนี่มันต้องมีคุณธรรมเข้ามากำกับในการใช้อำนาจ เพราะอำนาจนี่มันเป็นดาบ 2 คม

หลวงปู่ – ก็นั่นยังไง เวลานี้ที่บอกว่าที่ขาดอย่างชนิดที่เข้าขั้นวิกฤติ ถึงขนาดประเทศชาติจะย่ำแย่ล่มสลาย ก็คือขาดคุณธรรมนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ขาดเงินขาดทองนะ

สามารถ – มันเป็นดาบ 2 คม คือใช้ดีก็ดีใช้เสียก็เสีย กฎหมายฉบับเดียวกัน ทนาย 2 คนอ่านแต่ตีความคนละเรื่องเลยนะ ว่าจะอยู่ข้างจำเลยหรืออยู่ข้างโจทก์ นี่ปัญหามันอยู่ตรงนี้

สำราญ – เอาล่ะ ประการแรกที่ผมคุยภาพรวมกับหลวงปู่ ทีนี้ 1. ที่วัดมันมีเหตุแปลกๆตึงเครียดขึ้น อย่างที่สองมีอะไรไหมในรอบ 7-8 เดือนมานี้

หลวงปู่ – อย่างที่สองก็คือมันแปลกใจว่าคนของเราก็คือ เมื่อ 2 วันนี่ลูกน้องฉันก็โดนยิงนะ โดนยิงหน้าวัดเลยแต่ว่ามันถากๆไป

สำราญ – ลูกน้องนี่คือลูกศิษย์หรือเปล่าครับ

หลวงปู่ – ลูกศิษย์แหละ คนงานที่วัดนั่นแหละ โดนยิงถากๆไป

สำราญ – วัดไปขัดผลประโยชน์หรือเปล่าครับ

หลวงปู่ – ไม่มีกระบวนการอะไร สุดท้ายรถก็ล้ม มันไปไม่ได้ รถครัชขาด มันไปไม่ได้ คนก็หนี จับมือปืนไม่ได้แต่ว่าได้หลักฐานก็คือบัตรประจำตัวประชาชนตกไว้อีก

สำราญ – อันนี้กำลังจะบอกว่ายังไงครับ เดี๋ยวนี้มันฆ่าแกงกันได้ง่ายๆอย่างนี้

หลวงปู่ – มันมีความคิดรวมๆโดยภาพรวมๆ ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นทีละเปลาะๆ และมันมองเหมือนกับเรื่องเดียวกัน แล้วมันพยายามจะทำให้เกิดการบีบคั้นหลากหลาย ส่งมือปืนมาขู่บ้างบอกให้ระวังตัวอะไรอย่างนี้ ส่งหนังสือจดหมายมาบ้าง ฉันเองก็มีความรู้สึกว่าใครก็มาเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตของฉันไม่ได้หรอก ไม่ว่าคุณจะพยายามมีกิจกรรมอย่างไร ถ้าฉันต้องการที่จะทำและสิ่งที่ทำหวังไว้แล้ว คิดไว้แล้วว่ามันไม่ได้ผิดจารีตธรรมเนียมปฏิบัติ ตามหลักของคุณธรรมจริยธรรม ให้ตายก็ยังทำ

สำราญ – เอาล่ะ ตรงนั้นคือในส่วนที่หลวงปู่สัมผัสโดยตรงนะครับ ทีนี้มองในเชิงภาพรวม มองสังคมโดยรวมข้างนอกนะครับ เท่าที่ดูแล้วนี่ ไปพบปะผู้คน มองดูเหตุการณ์บ้านเมืองในสังคมนี่

หลวงปู่ – เห็นใจกับสงสาร

สำราญ – หนักกว่าเดิมไหมครับ

หลวงปู่ – แย่จากเมื่อก่อนที่ฉันไปแสดงธรรมที่ลานพระบรมรูป อันดับต้นเลยก็คือสภาพจิต โรคซึมเศร้ามันเกิดขึ้น กลายเป็นว่าเวลานี้ถ้าหากว่าฉันเปิดรับแขกทุกวันนี่นะ อันดับต้นก็คือว่ามันนอนไม่หลับ คนจะไปปรึกษาว่าทำยังไงจะให้นอนหลับ

สำราญ – อาจารย์สามารถเป็นเหมือนกันหรือครับ

สามารถ – คือสำหรับผมนี่ไม่เครียด แต่โทรศัพท์ที่มาหาผมทุกสายนี่เครียด มีปัญหาก็โทร ผมเลยบอกไปถามตัวเองสิ ต้นเหตุอยู่ที่ไหน

หลวงปู่ – เขานอนไม่หลับ คนไทยนี่มันมีโรคนอนไม่หลับกัน

สำราญ – จริงๆนะ เดี๋ยวนี้ใครเจอหน้าผมจะถามว่าเมื่อไหร่จะจบ ผมก็เลยบอกว่าผมจะไปรู้ได้ยังไง

สามารถ – แม้แต่พระนี่ยังถามเลย

หลวงปู่ – ว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเสียที เมื่อไหร่เขาจะหยุดกันเสียที

สำราญ – ผมก็เลยตอบเล่นๆไปว่า ทักษิณประกาศยุติเมื่อไหร่ก็จบเมื่อนั้นแหละ

หลวงปู่ – มันเกิดกระบวนการนอนไม่หลับขึ้นในครัวเรือน และมันก็เกิดความเครียด พอเครียดแล้วทีนี้มันก็มาระบายกับคนในครอบครัว ระบายกับลูก ระบายกับผัว ระบายกับครอบครัว และก็ไประบายกับคนใกล้ชิด เช่น ครูกับลูกศิษย์อย่างนี้ มันก็เลยเกิดผลพวงขึ้นว่าเวลามีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ คุณสมบัติของนักเรียนโรงเรียนต่างๆ มันถึงได้แย่ไง ล่มสลาย คุณได้อ่านข่าวไหมที่บอกว่าโรงเรียนที่ถึงขั้นเข้าห้องไอซียูตั้ง 3 หมื่นกว่าโรงเรียนน่ะ ที่ต้องแก้ไขน่ะ เพราะคุณภาพมันต่ำลงน่ะ เพราะว่าครูกับคนที่มีหน้าที่การเรียนการสอนนี่ อยู่ในสังคมเหมือนกันก็เครียดเหมือนกัน คุณภาพในการสอนก็ต่ำลง วันนี้ครูเครียดนี่ นักเรียนก็ต้องเครียด นักเรียนเครียดนี่มันก็จะเป็นผลเสียตามมาในสภาพสังคม มันก็หาวิธีระบายความเครียดแบบเด็ก มันก็เป็นผลพวงทางสังคมต่อมาว่า อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อวานเช่นฟันแล้วทิ้งเสียส่วนใหญ่ วันนึงตั้ง 50 คนนะคุณที่คลอดลูกแล้วทิ้งน่ะ

สำราญ – ทีนี้เอามาเป็นว่าปัญหาโรคเครียด โรคนอนไม่หลับใช่ไหม ที่หลวงปู่รู้สึกสัมผัสได้

หลวงปู่ – ฉันก็ต้องสอน หาวิธีสอนว่าทำยังไงโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ก็คือพยายามอยู่กับตัวเอง อย่าอยู่กับความคิดซ้ำซาก อย่าย้ำทำย้ำคิด แล้วก็อยู่กับปัจจุบัน และก็ถ้าจะคิดก็คิดในเรื่องที่เราเป็นปัจจุบันเท่านั้น ก็คือตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ ก็บอกว่าเราจะเสียเวลาไปกับการขาดทุนในการนอนทำไม ก็หยุดคิดเสียกลับมาอยู่กับอารมณ์ที่เราจะต้องหลับและก็นอน อยู่กับนาทีนั้นเลยอย่าหลุดออกไปนอก

สำราญ – อันนี้ไม่ได้สอนให้ไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองนะ

หลวงปู่ – ไม่ใช่ สอนให้มีชีวิตอยู่ในขณะที่บ้านเมืองเขาสับสนอย่างผ่อนคลาย ปรากฏแต่ปัจจุบันที่เป็นปัจจุบันในขณะนั้น แล้วจิตมันก็หยุดระงับเองชั่วคราว แต่ในขณะเดียวกันถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็หางานทำ หางานให้จิตทำ ก็คืออยู่กับลมหายใจบ้าง มาอยู่กับคำภาวนาบ้าง แม้ที่สุดมันก็ไม่ยอมอยู่ก็ลุกขึ้นไปกวาดบ้าน ทำความสะอาด ซักผ้าซักผ่อน อย่าไปนอนดิ้นจนหนังกลับแล้วก็ทนอยู่อย่างนั้นไม่หลับเสียทียันสว่าง มันไม่ถูกต้องให้เลิก พฤติกรรมอย่างนี้มันเป็นทุกข์ เหมือนกับนรกบนที่นอนน่ะ เพราะฉะนั้นอย่าไปปล่อยให้ตัวเองทุกข์อยู่อย่างนั้น ต้องลุกมาจากนรก ขึ้นมาทำงาน อ่านหนังสือ เขียนหนังสืออะไรก็ว่าไป อย่างน้อยเราก็ได้งานกลับคืนมา ถ้าจะอ่านหนังสือ หนังสือที่อ่านก่อนนอนก็ควรจะเป็นหนังสือที่ไม่ประโลมโลก ไม่เป็นหนังสือที่กระตุ้นอารมณ์ต่อมอยาก ไม่เป็นหนังสือที่ทำให้จิตของเราสับสนว้าวุ่น หรือร้อนรุ่ม หรือวิตกกังวล ควรเป็นหนังสือที่สงบและเย็น นำพาให้เกิดอารมณ์สงบและเย็นจึงจะเหมาะสมกับการนอน และนอนอย่างเป็นสุข ถ้ายิ่งไปอ่านเรื่องสนุกสนาน เรื่องครื้นเครง เรื่องหนังผีนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย เหมือนไม่ได้นอนเลยแหละ

สำราญ – เอาล่ะครับ นี่ก็คือสังคมที่หลวงปู่สัมผัสมาในรอบ 6-7 เดือนนี้

หลวงปู่ – ขนาดมาที่วัดฉันนี่ คุณคิดดูว่าเขากำลังปฏิบัติธรรมยังแหกปากลั่นโวยวายขึ้นมาเลย

สำราญ – ผมถามว่าเพราะใคร เพราะอะไร

หลวงปู่ – เขาก็แยกไม่ออกหรอกคนพวกนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เครียด บางทีเขาก็เสพไปทุกเรื่อง เสพข่าว เสพข้อมูล เสพสังคม เสพปัญหา เสพทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวเขาแล้วมาหมักหมมมาสะสม คนพวกนี้เขาแยกไม่ออกว่าเขาเครียดเพราะใคร ใครทำให้เขาเครียด

สำราญ – รวมกับปัญหาส่วนตัวที่มีอยู่แล้ว

หลวงปู่ – เพราะฉะนั้นถ้าเขาแยกออกเขาไม่เครียด ถ้าเขามีปัญญาแยกออกว่าอันนั้นมันทำให้เราเครียด อันนี้มันทำให้เราเครียดนี่มันไม่เครียดนะ ถ้าเขามีปัญญาเห็น

สามารถ – พวกนี้เป็นพวกป่วยไม่รู้สาเหตุ

หลวงปู่ – มันไม่มีปัญญาเห็นทุกข์ไง มันไม่มีปัญญาเห็นเหตุ ถามว่าเครียดเพราะอะไรมันตอบไม่ได้ ถ้าตอบได้ไม่ต้องเครียด มันรู้วิธีรักษาและเขี่ยออกไปได้เอง แต่พวกเครียดนี่คือพวกที่มองปัญหาไม่ออก และก็แยกสาเหตุของปัญหาจากปัญหาไม่ได้ คือไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นตอของปัญหา และก็เก็บเล็กผสมน้อยจนกระทั่งกลายเป็นมลทิน มลภาวะ

สามารถ – เผลอๆปัญหากับตัวเองก็กลายเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้ว

หลวงปู่ – กลายเป็นชีวิตของตัวเองไป เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีสุดถ้าอยากจะคิดมันอยากคิด ให้คิดหาต้นตอของปัญหา แล้วก็วางเหตุแห่งปัญหาและต้นตอนั้นเสีย

สามารถ – คุณไม่ต้องดูมากนะ ใครซักคนตื่นเช้ามานอนไม่หลับ ถามว่าก่อนนอนนี่คุณคิดอะไร อะไรทำให้คุณคิด และคุณคิดแล้วคุณทำยังไง มันตอบไม่ได้ซักอย่าง

หลวงปู่ – เรื่องต้นตอของปัญหา ถามว่าสังคมที่ปัจจุบันมันคืออะไรนี่เขาตอบไม่ได้ เพราะว่ามันเสพทุกเรื่องไง เสพทุกเรื่องและเก็บกดเอาไว้ บางทีเราอาจจะมองว่าเป็นปัญหาของการเมืองมั้งที่ทำให้เขาเครียด เขาก็อาจจะบอกว่ามันก็ไม่ใช่ทั้งหมด ปัญหาการเมืองก็ไม่ใช่ทั้งหมด สรุปแล้วมันคืออะไร รวมๆแล้วมันก็คือชีวิตผมเครียด เราก็ต้องหาวิธี ถ้ามีปัญหาอย่างนี้ เคสอย่างนี้ เราก็ต้องบอกว่าชีวิตคุณอยู่ไหน ปัญหาอยู่ที่ไหน ต้องตอบมาตรงๆ คุณบอกว่าชีวิตคุณเครียดฉะนั้นต้องบอกว่าชีวิตคุณอยู่ไหน เราต้องหาวิธีแก้แก้ที่จุด เราอย่าไปถามหาเหตุ แก้ที่ต้นตอของปัญหา

สำราญ – ไปยะลาซักนิดนึงนะครับ เมื่อวานก็เกิดเหตุระเบิด

หลวงปู่ – ต้องขอประณามล่ะ

สำราญ – ต้องขอประณามคนทำแน่นอนนะครับ แต่ไฉนสถานการณ์ถึงได้ลุกลามมาถึงขนาดนี้ หลวงปู่ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยไป 3 จังหวัดบ่อยนะครับ หลังสึนามิก็เคยไปช่วยไทยพุทธ ไทยมุสลิม ให้หันหน้าเข้าหากันบ้าง

หลวงปู่ – คราวนี้ธนาคารอิสลามก็โดนไม่ใช่หรือ

สำราญ – โดนครับ โดนหมด 22 แบงก์ใน 5 อำเภอครับ หลวงปู่ ยะลามี 8 อำเภอโดน 5 อำเภอ

หลวงปู่ – ถ้าพูดต้องบอกว่าขอประณาม แต่ที่ฉันรู้สึกไม่ดีกับคนที่คุมในหลักนโยบาย คือไม่ดีก็คือเขาทำอะไรกันอยู่ เห็นเวลามีการระเบิดทีไรก็บอกว่ารู้แล้ว มีข่าวมาตลอดว่ารู้แล้ว รู้มาก่อนแล้วล่วงหน้า ข้อมูลข่าวสารออกมาแล้ว

สำราญ – แต่นี่เขาเตือนกันจริงๆว่า 31 สิงหาคมนี่ เพราะก่อนหน้านี่ผมอ่านข่าวมาแล้วว่า 31 สิงหาคม ทางการแจ้งว่าจะมีการก่อเหตุร้ายอันนี้จริง

หลวงปู่ – แต่ทำไมไม่ป้องกันล่ะ

สำราญ – ทีนี้ฟังดูแล้วนี่ ฟังทหารตำรวจพูดนี่นะ เขาบอกเขานึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบงก์ เขามองไปที่โรงเรียน สถานราชการ วัดอะไรต่างๆเหล่านี้ นึกไม่ถึงว่าแบงก์ แล้วนักศึกษาถือแฟ้มไปอย่างนี้ ซุกระเบิดไว้นี่นะยิ่งนึกไม่ถึงใหญ่ เราจะทำยังไงกันดีครับ

หลวงปู่ – มันเป็นความผิดพลาดด้านนโยบายหรือเปล่า

สามารถ – คือเราต้องถามว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก่อระเบิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง ถี่ขึ้นๆ

หลวงปู่ – 5 ปีแล้วนะที่มันไม่หยุดน่ะ

สามารถ – ตั้งแต่วันที่มันก่อเหตุจนถึงวันนี้มันถี่ขึ้นทุกวันนะ

หลวงปู่ – ที่จริงพูดอย่างนี้เดี๋ยวจะหาว่าทำไมไม่ไปด่าคนทำมัน ทำไมถึงมาด่าคนที่มันไม่ได้ทำ

สามารถ – ด่าแล้ว และอีกอย่างนึงถ้าเป็นคนดีมันก็คงไม่ทำ

หลวงปู่ – แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าทำอย่างไรมันถึงจะช่วยกันให้มันหยุดยุติ และก็พวกที่กระทำนี่ถามจริงๆเถอะ ว่าคุณไม่สำนึกถึงบุญคุณของร่มโพธิสมภาร ที่ปกเกล้าบิดามารดาพวกคุณบ้างหรือไง พ่อแม่ปู่ย่าตายายเขาได้รับพึ่งใบบุญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำไมไม่ระลึกถึงบ้าง และแผ่นดินนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรให้คุณเดือดร้อนเสียหายมากมายขนาดนั้น

สามารถ – ที่สำคัญที่สุดคนตายนะเป็นคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย และไม่ใช่คนที่คุณจะแก้แค้นด้วย เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรคุณเลย

สำราญ – อย่างนี้ต้องประณามสุดๆ แต่ที่ผ่านมานะ คือผมนี่แต่ไหนแต่ไรมานะ ถึงเชื่อว่าอำนาจรัฐมีส่วนอย่างยิ่ง หรือบางทีเป็นเสียเองในการทำให้สถานการณ์มันร้อนแรงนะ แต่ผมก็เชื่อว่ามันมีเชื้อความคิดในเรื่องแยกดินแดนอะไรอยู่จริง มันมีแน่นอน และบัดนี้มันได้ก่อตัวก่อรูปนะ

หลวงปู่ – เป็นกองทัพไปแล้วนี่

สำราญ – มันทำอย่างนี้ได้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะชื่อเบอร์ซาตูหรืออะไรก็แล้วแต่เถอะ หรือจะเป็น RKK ที่เขาบอกว่าเป็นเจ้าของปฏิบัติการเที่ยวนี้นะ ซึ่งพวกนี้ฝึกมาอย่างดีนี่นะ

หลวงปู่ – ถ้าฉันจะพูดเดี๋ยวจะผิดสมณสารูป ก็ต้องยกไว้ 2 ประเด็นก็คือยกในประเด็นของผู้สำนึก และชายไทยที่สำนึกในบุญคุณแผ่นดินไทยนะ เรื่องของพระยกไว้ก่อนนะ ต้องพูดว่าอย่างนี้มันเป็นปฏิบัติการ เป็นรูปแบบของกลุ่มกองโจรที่อยู่ในระดับกองทัพแล้ว มันควรจะต้องวินิจฉัยแก้สถานการณ์กันประมาณว่าใช้ระบบกองทัพเข้ามาบริหารแล้ว

สามารถ – คือวันนี้ผู้ก่อการร้ายยกระดับนะ

สำราญ – คือผมค่อนข้างเชื่อแน่นอนว่ามันยกระดับโยงเข้าไปสู่ปัญหาระดับโลก ซึ่งพยายามมานานแล้ว แต่ทีนี้ก็คือกันยายนนี่ก็จะมีการประชุม 4 องค์กรมุสลิมโลกนะ หลายประเทศที่อาเซอร์ไบจัน ที่ซาอุดิอาระเบีย และสุดท้าย 15 ตุลาคมนี่ โอไอซีสภามุสลิมโลก องค์กรมุสลิมโลกนี่เขาจะประชุมกันที่มาเลเซีย

หลวงปู่ – ก็เลยพยายามหาเงื่อนไข

สำราญ – ก็ยิ่งเข้าล็อกตรงนี้เลย ผมคิดว่ามันมีเจตจำนงแน่นอนเลย

หลวงปู่ – ที่จะให้กองทัพเข้าไปปราบปรามและจะได้อ้าง

สำราญ – คือแค่ที่เขาปฏิบัติการเช่นนี้ ความสูญเสียและพักหลังๆตั้งแต่ปี 2548-2549 นี่แรงมาก มันก็เพียงพอที่จะขึ้นสู่เวทีของโอไอซีนะ อันนี้ก็คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศของเรา ที่จะต้องไปสกัดหรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ แต่ปัญหามันแรงมากแล้ว แต่ผมเห็นด้วยกับหลวงปู่ว่า คือในเชิงของการทหารหรือยุทธการเราต้องมาปรับกันใหม่ล่ะ

สามารถ – คือฝ่ายปราบก็ปราบไป ฝ่ายที่ต้องมานั่งหาทางเจรจาก็ว่ากันไป

สำราญ – แต่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องยึดหลักการเมืองนำการทหารนั้นแหละ การเมืองหมายถึงใช้วิธีมวลชน วิธีเจรจาอะไรก็แล้วแต่

หลวงปู่ – มันครบวงจรของกระบวนการจรยุทธ์น่ะ ทั้งซุ่มโจมตี ทั้งวางระเบิด ทั้งลอบยิง ทั้งยกขบวนเข้ามาปะทะกันต่อหน้า มันมีครบองค์ประกอบของจรยุทธ์ ของหน่วยงานที่เป็นองค์กรของทหาร

สามารถ – ที่ผมแปลกใจก็คืออาวุธที่นำมาใช้มากขึ้นๆ มันเอามาจากไหน

หลวงปู่ – อ้างว่าปล้นจากหน่วยงานรัฐมันก็ไม่น่าจะต้องเยอะแยะขนาดนั้น แล้วอย่างเรื่องซิมการ์ด ไหนบอกว่าจดทะเบียนแล้วมันจะไม่มีไง

สำราญ – สุดท้ายก็ไปติดโน่นติดนี่ ติดนิดติดหน่อย ก็คือทุกคนไม่ยอมเสียผลประโยชน์ มันกระเทือนนี่ ตอนนั้นพอจัดระเบียบซิมการ์ดกันใหม่นี่นะ ก็ทำไม่สำเร็จ

สามารถ – ทีนี้ปัญหาหลายๆอย่าง น่าแปลกใจตรงที่ว่ามาตรการที่ออกมาก็ดี กำลังคนที่ลงไปก็ดี มันมากพอสมควรนะแต่ว่าปัญหาก็ไม่ยุติ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ไหมที่ต้องมานั่งทบทวนวิธีการในอดีตว่ามันถูกต้องหรือยัง

หลวงปู่ – ฉันอ่านข้อมูลเมื่อวานนี้เรื่องหนึ่ง ตอนที่ท่านนายกฯไปเยี่ยมทหารที่เจ็บอยู่ที่พระมงกุฎนะ และก็พอนายกฯรู้ว่าที่เจ็บมากขนาดนี้เพราะไม่มีชุดกันกระสุนนี่นะ นายกฯคือโกรธจริงๆหรือทำโกรธเราก็ไม่รู้นะ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นว่าเขาบอกว่างบประมาณก็ให้ไปตั้งเยอะแล้วนี่ กับการที่จะซื้อชุดกันกระสุนแล้วมันไปอยู่ที่ไหน กำลังพลกลับไม่ได้ อย่าว่าแต่ชุดกันกระสุนเลย ลูกศิษย์ฉันไปอยู่ทางใต้บางเดือนยังตกเบิกเลย

สามารถ – การมีเสื้อเกราะก็ดี อะไรก็ดีนะ มันไม่ใช่ความป้องกันสุดท้าย เพราะว่าถ้าระเบิดตูมนะถึงมีเสื้อเกราะมันก็ตาย ปัญหาอยู่ที่ว่าต้องไม่มีระเบิดอยู่ในนั้น ถามว่าทำให้หยุดการระเบิดนี่ทำอย่างไร มากกว่าที่จะไปนั่งแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนี้ มันต้องไปแก้ที่ต้นเหตุโน่น ทำอย่างไรให้ไม่มีการวางระเบิด

สำราญ – ตอนนี้ก็ขอให้หลวงปู่ให้ศีลให้พรกับท่านผู้ชมซักนิดนึงครับ

หลวงปู่ – อยากบอกท่านที่รักทั้งหลาย ที่รับชมรายการนี้หรือไม่ หรือประชาชนในแผ่นดินไทยว่า ขอให้สนใจใส่ใจตระหนักสำนึกระลึกถึงคุณในหลวง และก็ปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่ในหลวงทรงพระราชทาน โดยพระบรมราโชวาทก็ดี ตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงก็ดี และก็มีชีวิตอยู่อย่างมีสติมีปัญญา อย่าหลง อย่าตกเป็นเครื่องมือของใครมาชักจูงให้ไปเสียหาย และก็ขอให้มีปัญญารุ่งเรืองเจริญ และก็มีสุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดสมความปรารถนา เจริญธรรม

*************************************************************************
กำลังโหลดความคิดเห็น