"พิรุณ ฉัตรวานิชกุล"ยกเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เตือนสติตำรวจพิจารณาจุดยืนความอิสระในวิชาชีพของตนเองก่อนจับแกนนำพันธมิตรฯ เผยการใช้ลมปากเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนพึ่งกระทำได้ แนะรัฐบาล “แม้ว” ออก พรบ.นิรโทษกรรมลดความขัดแย้งทางการเมือง จวกพวกลิ่วล้อผู้นำหวังใช้ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ปิดปากการชุมนุนอันชอบธรรมของประชาชน
คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป รู้ทันประเทศไทย ช่วงที่ 2(56k) | (256K)
คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป รู้ทันประเทศไทย ช่วงที่ 3(56k) | (256K)
นายพิรุณ ฉัตรวานิชกุล อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงถึงกรณีที่ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 8 คน ผ่านทางรายการรู้ทันประเทศไทย ASTV เมื่อคืนวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ในอดีตเมื่อเกิดคดีที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลก็จะหาวิธีลดความขัดแย้ง โดยการเสนอพระราชบัญญัตินิรโทรกรรม ความจริงการเสนอให้มีการนิรโทษกรรม คือทางออกในการผ่อนคลายความตรึงเครียดทางการเมือง การจับคนที่คัดค้านมักจะนำไปสู่ความรุนแรง เหมือนเช่นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ผ่านมา
"พ.ต.ท.ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี) ควรถือเอาวโรกาสการเฉลิมฉลองงานสิริราชสมบัติครบ 60 ปีในหลวงมาสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ อะไรที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 9 มิถุนายน ก็ให้เปรียบเสมือนหนึ่งผู้ที่ไม่เคยกระทำความผิดมากก่อน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยคิดถึงแนวทางนี้ มีแต่สร้างความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นฟ้องบุคคลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง มันจึงไม่สมดุลกัน อีกทั้งยังไม่ได้ใช้กุดสโรบายทางการเมืองที่เหมาะสม"อดีตรองเลขาฯ กกต.กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การออกหมายจับแกนหนำพันธมิตรฯ จะถือเป็นการราดน้ำมันในกองเพลิงได้หรือไม่ นายพิรุณ ตอบว่า เป็นอุทาหรณ์ที่ชัดเจน ที่ตำรวจจะต้องพิจารณาจุดยืนความอิสระในวิชาชีพของตนเอง ตนเชื่อว่า เมื่อตำรวจดูสถานการณ์แล้วคงทราบว่า มันคือคดีทางการเมือง เมื่อจับกุมแล้วคิดว่ามันจะเกิดความมั่นคง แต่มันไม่ใช่ มันเป็นเพียงการมองในสายตาของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ความจริงการใช้ลมปากเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนพึ่งกระทำได้
อดีตเลขาฯ กกต. ผู้นี้ยังกล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะนำ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง มาบังคับใช้กับบุคคลที่เคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ความจริง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เป็นการบังคับใช้กับนักการเมืองที่รับสมัครลงเลือกตั้งเท่านั้น สมมุติในช่วงนั้นชาวบ้านที่ประสบความลำบากยากจน ออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหา โดยไม่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลก็ไม่สามารถอ้างการใช้บังคับใช้ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่า คนที่นำประเด็นมาพูดนั้น เข้าใจเจตนารมณ์ของ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง หรือไม่ เราจะนำกฎหมายมาตีขุมในทุกเรื่องไม่ได้ จะต้องพิจารณาเจตนารมณ์ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เป็นสำคัญ ความจริงเมื่อการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา จะเห็นว่ายังมีการชุมนุมของประชาชนก่อนวันลงคะแนน 2 วัน แต่ก็ไม่เห็นมีใครนำ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฉบับนี้มาอ้างอิงเลยแม้แต่คนเดียว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างมาอยู่ตอลดเวลาว่า เป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลจะเสนอทางออกได้ แต่ประชาธิปไตยก็ไม่ได้ตัดสินที่คูหาการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว การเลือกตั้งเป็นการเลือก เป็นการเลือกเอาคนนั้นหรือคนนี้เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน อย่าคิดว่าการเลือกตั้งเป็นรูปแบบที่พึ่งจะต้องมี การเลือกตั้งไม่ได้ประกันว่า สังคมจะเป็นประชาธิปไตยเสมอไป ดูจากตัวอย่างการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2500 จะเห็นว่า หลังการเลือกตั้ง ประชาชนต่างออมาประท้วงพร้อมกับกล่าวหาว่าการเลือกตั้งนั้นสกปรก ดังนั้นการเลือกตั้งจึงไม่ใช่เรื่องชี้ขาดทุกอย่างทางการเมือง
ผู้ดำเนินรายการถามถึงประสิทธิภาพการทำงานของ กกต.ชุดใหม่ อดีตเลขาฯ กกต. ตอบว่า ขณะนี้คนที่จะมานั่งในตำแหน่งสูงสุดของ กกต.ยังไม่ชัดเจน คนที่จะเข้ามาทำงานเลือกตั้งจึงขาดความมั่นใจ ไม่ชื่อมั่นกับ กกต.ชุดใหม่ แต่ถ้าทุกอย่างมันเข้าสู่ระบบ สามารถระดมการเข้าร่วมจากภาคประชาชนได้ การปฏิบัติงานของ กกต.ชุดใหม่ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา กกต.ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ใช้ประโยชน์จากภาคประชาชนน้อยกว่า กกต.ชุดก่อนๆ เป็นสาเหตุทำให้องค์กรภาคประชาชนไม่อยากเข้าร่วมทำงานกับ กกต.ดังนั้น กกต.ชุดใหม่ควรหันกลับไปใช้การระดมการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาชนให้มากขึ้น
นายพิรุณ ยังเชื่ออีกว่า การเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากทุกๆ อย่างในเวลานี้ยังไม่ลงตัว ระบบการสรรหา กกต.ยังช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ถ้าได้ กกต.ชุดใหม่แล้ว ก็ไม่อยากให้เรียบร้อนกำหนดวันเลือกตั้ง กกต.ชุดใหม่ควรตั้งหลักเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจัดบุคลากรในองค์กรตัวเอง การจัดหา กกต.เขต และกกต.จังหวัด อีกทั้งอยากให้พิจารณาตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนอาสาสมัครที่มาร่วมทำหน้าที่กรรมการการเลือกตั้งด้วย