เชียงใหม่ : เครือข่ายวิทยุชุมชนคนหางดงจัดเวทีหารือเอาหรือไม่เอาโฆษณา เหตุผู้จัดทำแตก 2 ความคิด ได้ข้อสรุปยุติดำเนินการชั่วคราว แนะชุมชนต้องชัดเจนและปฏิบัติตามหลักการวิทยุชุมชน
วันนี้(24 ส.ค.) ชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จัดประชุมหารือในปัญหาการดำเนินงานวิทยุชุมชน คลื่น เอฟเอ็ม 90.5 MHz เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความเห็นสองด้านทั้งในเรื่องการลงโฆษณาในรายการวิทยุชุมชน และไม่ต้องการให้มีโฆษณา แม้ว่าตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ตามมาตรา 26 ในวรรคสุดท้ายที่มีเนื้อหาว่า
เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ภาคประชาชนได้ใช้ และการสนับสนุนการใช้คลื่นความถี่ของภาคประชาชนให้ กสช.กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะของภาคประชาชนที่พึงได้รับการจัดสรรและสนับสนุนให้ใช้คลื่นความถี่ รวมทั้งลักษณะการใช้คลื่นความถี่ที่ได้รับการจัดสรร โดยอย่างน้อยภาคประชาชนนั้นต้องดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ ศาลาการเปรียญภายในวัดเดชดำรงค์(วัดบ้านกาด) ต.ขุนคง อ.หางดง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้คนในชุมชนทราบถึงกฎข้อบังคับของการจัดตั้งวิทยุชุมชน และแนวทางการบริหารจัดการวิทยุชุมชนว่า โดยเฉพาะในประเด็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุชุมชนเพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ พระครูจารุวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดเดชดำรงค์ จึงกล่าวเสนอให้ที่ประชุมหยุดดำเนินการวิทยุชุมชนก่อนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วจึงทำการหารืออีกครั้งในภายหลัง
นายอินทอง ไชยลังกา หัวหน้าสถานีจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนคนหางดง เอฟเอ็ม 90.50 MHz กล่าวถึงเหตุผลของการที่ตนไม่เห็นด้วยกับการใก้มีโฆษณาในรายการวิทยุชุมชนว่า ที่ผ่านมามีการปล่อยให้มีโฆษณา ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของวิทยุชุมชนตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543
“การที่วิทยุชุมชนมีการลงโฆษณาเป็นการผิดบทบัญญัติวิทยุชุมชน เพราะวิทยุชุมชนมีหลักการณ์เพื่อประโยชน์สาธารณะและไม่แสวงผลกำไรซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม และวิทยุชุมชนเป็นของคนในชุมชนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นเราต้องชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร” นายอินทอง กล่าว
ด้านนายบุญมา ตาติรังษี มัคทายกวัดเดชดำรงค์ และผู้จัดรายการ อสม.พบประชาชน วิทยุชุมชนคนหางดง เอฟเอ็ม 90.5 MHz กล่าวว่า วิทยุชุมชนบ้านกาดก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือน ม.ค.2548 โดยไม่หวังผลกำไร ผู้จัดรายการทั้งหมดเป็นอาสาสมัครมาทำงาน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางวิทยุชุมชนให้เครดิตแก่ทางหน่วยงานหรือผู้สนับสนุนด้านการเงินด้วยความยินดี เพื่อแสดงความขอบคุณ ซึ่งไม่ได้เป็นการโฆษณาแต่อย่างใด
“การทำวิทยุชุมชนต้องค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญทุกคนต้องช่วยกันหลายๆ ด้าน ทั้งการอาสาสมัครทำงานจัดรายการ สละเวลามาช่วยกัน รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินด้วย” นายบุญมา กล่าว
นางสาวพร ทาโย ตัวแทนชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า วิทยุชุมชนควรเปิดดำเนินการต่อไปแต่ขอฝากไปยังคณะกรรมการหมู่บ้านว่าเวลาจะทำเรื่องอะไรภายในชุมชน เช่น กรณีการเปลี่ยนคลื่นวิทยุ และชื่อรายการของชุมชนโดยที่ไม่มีการแจ้งให้ทุกฝ่ายรับทราบจะมีปัญหาตามมา และหาทางแก้ไขกันไม่ได้ดังเช่นกรณีเดียวกันกับวันนี้
นางบัวคำ ดอกแดง ตัวแทนชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง กล่าวว่า อยากให้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนต่อไป โดยให้เหตุผลว่าวิทยุชุมชนมีประโยชน์ต่อชุมชนมาก เช่น ทางด้านการส่งข้อมูลข่าวสารของชุมชนได้อย่างทั่วถึง อย่างปัญหาน้ำท่วมที่ผ่ามาวิทยุชุมชนทำหน้าที่ได้ดีมาก ดังนั้นหากหยุดดำเนินการไปถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง
วันนี้(24 ส.ค.) ชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จัดประชุมหารือในปัญหาการดำเนินงานวิทยุชุมชน คลื่น เอฟเอ็ม 90.5 MHz เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความเห็นสองด้านทั้งในเรื่องการลงโฆษณาในรายการวิทยุชุมชน และไม่ต้องการให้มีโฆษณา แม้ว่าตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ตามมาตรา 26 ในวรรคสุดท้ายที่มีเนื้อหาว่า
เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ภาคประชาชนได้ใช้ และการสนับสนุนการใช้คลื่นความถี่ของภาคประชาชนให้ กสช.กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะของภาคประชาชนที่พึงได้รับการจัดสรรและสนับสนุนให้ใช้คลื่นความถี่ รวมทั้งลักษณะการใช้คลื่นความถี่ที่ได้รับการจัดสรร โดยอย่างน้อยภาคประชาชนนั้นต้องดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ ศาลาการเปรียญภายในวัดเดชดำรงค์(วัดบ้านกาด) ต.ขุนคง อ.หางดง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้คนในชุมชนทราบถึงกฎข้อบังคับของการจัดตั้งวิทยุชุมชน และแนวทางการบริหารจัดการวิทยุชุมชนว่า โดยเฉพาะในประเด็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุชุมชนเพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ พระครูจารุวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดเดชดำรงค์ จึงกล่าวเสนอให้ที่ประชุมหยุดดำเนินการวิทยุชุมชนก่อนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วจึงทำการหารืออีกครั้งในภายหลัง
นายอินทอง ไชยลังกา หัวหน้าสถานีจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนคนหางดง เอฟเอ็ม 90.50 MHz กล่าวถึงเหตุผลของการที่ตนไม่เห็นด้วยกับการใก้มีโฆษณาในรายการวิทยุชุมชนว่า ที่ผ่านมามีการปล่อยให้มีโฆษณา ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์ของวิทยุชุมชนตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543
“การที่วิทยุชุมชนมีการลงโฆษณาเป็นการผิดบทบัญญัติวิทยุชุมชน เพราะวิทยุชุมชนมีหลักการณ์เพื่อประโยชน์สาธารณะและไม่แสวงผลกำไรซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม และวิทยุชุมชนเป็นของคนในชุมชนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นเราต้องชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร” นายอินทอง กล่าว
ด้านนายบุญมา ตาติรังษี มัคทายกวัดเดชดำรงค์ และผู้จัดรายการ อสม.พบประชาชน วิทยุชุมชนคนหางดง เอฟเอ็ม 90.5 MHz กล่าวว่า วิทยุชุมชนบ้านกาดก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือน ม.ค.2548 โดยไม่หวังผลกำไร ผู้จัดรายการทั้งหมดเป็นอาสาสมัครมาทำงาน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางวิทยุชุมชนให้เครดิตแก่ทางหน่วยงานหรือผู้สนับสนุนด้านการเงินด้วยความยินดี เพื่อแสดงความขอบคุณ ซึ่งไม่ได้เป็นการโฆษณาแต่อย่างใด
“การทำวิทยุชุมชนต้องค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญทุกคนต้องช่วยกันหลายๆ ด้าน ทั้งการอาสาสมัครทำงานจัดรายการ สละเวลามาช่วยกัน รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินด้วย” นายบุญมา กล่าว
นางสาวพร ทาโย ตัวแทนชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า วิทยุชุมชนควรเปิดดำเนินการต่อไปแต่ขอฝากไปยังคณะกรรมการหมู่บ้านว่าเวลาจะทำเรื่องอะไรภายในชุมชน เช่น กรณีการเปลี่ยนคลื่นวิทยุ และชื่อรายการของชุมชนโดยที่ไม่มีการแจ้งให้ทุกฝ่ายรับทราบจะมีปัญหาตามมา และหาทางแก้ไขกันไม่ได้ดังเช่นกรณีเดียวกันกับวันนี้
นางบัวคำ ดอกแดง ตัวแทนชาวบ้านบ้านกาด ต.ขุนคง อ.หางดง กล่าวว่า อยากให้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนต่อไป โดยให้เหตุผลว่าวิทยุชุมชนมีประโยชน์ต่อชุมชนมาก เช่น ทางด้านการส่งข้อมูลข่าวสารของชุมชนได้อย่างทั่วถึง อย่างปัญหาน้ำท่วมที่ผ่ามาวิทยุชุมชนทำหน้าที่ได้ดีมาก ดังนั้นหากหยุดดำเนินการไปถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง