รายการคนในข่าว (22 ส.ค.49) ร่วมเปิดโปงข้อเท็จจริงจากอดีตตำรวจสันติบาล ระบุชัดว่า “จรัญ จงอ่อน” และ “ชัยสิทธิ์ ลอมะห์” 2 กุ๊ยที่ร่วมรุมทำร้ายประชาชน เป็นบุคคลอาชีพล่อแหลม ฉายา"ใต้" และ"เล็ก สตาร์" ที่ตำรวจรู้จักเป็นอย่างดี และมีเสธ.คนดังในสนามม้าอยู่เบื้องหลัง เชื่อทั้ง 2 คนเป็นผู้ประสานงานในแผนการที่วางมาอย่างดีโดยอำนาจรัฐ พร้อมเตือนผู้กำกับสืบสวน 6 อย่าตัดตอนว่าไม่รู้จักกัน ชี้การแถลงข่าวนั้นเป็นการจัดฉากที่ไม่เนียนของตำรวจ พร้อมฝากอย่าใช้อำนาจรัฐมาทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์ ด้านพันธมิตรแจงเหตุต้องขีดเส้นตาย 7 วันนั้นไม่ได้บีบคั้นตำรวจ เพราะเชื่อว่าอยู่ในวิสัยที่จะสะสางและแจกแจงได้ว่าใครเป็นใคร และมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไรในการรุมทำร้ายประชาชนที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์
รายการคนในข่าว ออกอากาศทาง News 1 เวลา 21.10-22.00 น. ดำเนินรายการโดยเติมศักดิ์ จารุปราณ
เติมศักดิ์ – สวัสดีครับ รายการคนในข่าววันนี้เราจะพยายามไปแกะรอยกันนะครับ ว่าใครเป็นใครในเหตุการณ์ที่ผมอยากจะใช้คำว่าสิงหาทมิฬ ที่เกิดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่าเมื่อวานนี้ ซึ่ง ASTV ได้นำเสนอภาพข่าวเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมนะครับ จนนำไปสู่สมมุติฐานในเบื้องต้นได้ว่าตำรวจหรือว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง อาจจะรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้าย ที่กระทำกับประชาชนที่นั่น เพราะว่าภาพและเสียงที่ปรากฏอย่างที่เห็นเมื่อซักครู่นะครับ เป็นประจักษ์พยานหลักฐานได้เป็นอย่างดีว่า ชายฉกรรจ์ 2 คนซึ่งล่าสุดไปมอบตัวกับ สน.ปทุมวันแล้วนะครับ ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซึ่งเป็นระดับผู้กำกับการสืบสวน ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 เข้าไปพูดคุยทั้งก่อนและหลังทำร้ายประชาชนที่เป็นคนแก่อายุ 60-70 ปีนะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะตั้งคำถามถึงบทบาทของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในเหตุการณ์สิงหาทมิฬที่ว่านี้สมควรได้ถูกตั้งคำถามครับ และคงต้องทบทวนกันอีกครั้งนึงว่า ผู้คนเขามีเหตุผลอย่างไรถึงต้องมาแสดงออกถึงการต่อต้านตัวคุณทักษิณ และก็ต่อต้านระบอบทักษิณ อันเป็นที่มาของเหตุการณ์เมื่อวานนี้และก็หลายวันที่ผ่านมา หลายครั้งนะครับทั้งในต่างจังหวัดและใน กทม. วันนี้แขกรับเชิญ 3 ท่านนะครับ ท่านแรกผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณสุริยะใส กตะศิลา ครับ สวัสดีครับ
สุริยะใส – สวัสดีครับ
เติมศักดิ์ – และถัดมานะครับ อุปนายกสภาทนายความ คุณดนัย อนันติโย ครับ สวัสดีครับ คุณดนัยครับ
ดนัย – สวัสดีครับ
เติมศักดิ์ – และก็ท่านสุดท้ายครับ จะมาช่วยเราแกะรอยว่าใครเป็นใครในสิงหาทมิฬนะครับ อดีตตำรวจสันติบาล พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ครับ สวัสดีครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – สวัสดีครับ
เติมศักดิ์ – คงเริ่มสั้นๆกับคุณสุริยะใสก่อน เพราะว่าวันนี้พันธมิตรแถลงจุดยืน เห็นบอกว่าต้องได้คำตอบภายใน 7 วัน ไม่อย่างนั้นชุมนุมใหญ่
สุริยะใส – ใช่ครับ คือผมคิดว่าสถานการณ์อย่างที่ปรากฏนี่ คงต้องทำความจริงให้ปรากฏ ถ้ามันเป็นเหตุการณ์ที่มันเป็นประชาชน 2 ฝ่ายยกพวกตีกันเองนี่ ผมว่ามันอาจจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยตามลำพัง แต่ว่าเท่าที่เราดูนี่ผมคิดว่าเหมือนเป็นการผสมโรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับชายฉกรรจ์ ซึ่งคือคนที่มามอบตัวแล้วก็บอกว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผมคิดว่าแล้วปล่อยให้เข้ามาแทรกแซงการจัดการของเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร หละหลวมมาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าวันศุกร์ที่เราจะไปยื่นนี่ คงต้องการความชัดเจนว่าถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้เขาเข้ามาได้อย่างไร นี่เรื่องที่ 1 นะครับ
2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าเราดูทั้งหมดนี่ จะเห็นได้ว่า 2 คนนี่แค่ส่วนหนึ่ง มีหลายจุดที่เกิดอำนาจเถื่อนขึ้น เช่น วัยรุ่นเป็น 10 รุมคุณลุงอิทธิพลนี่นะครับจนอาการสาหัส รวมทั้งการตบตีพี่ผู้หญิงที่หัวแตกและก็เย็บ 2 เข็มนี่ มีหลายจุดนะครับซึ่งผมคิดว่าคงต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพื่ออะไรครับ ไม่ใช่การแก้แค้นหรือเอาคืนอะไร แต่ผมคิดว่าต้องให้เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ถ้าหากความจริงไม่ปรากฏ ไม่ได้ข้อยุติที่พึงพอใจนี่ แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนได้ และเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ถ้าสมมุติว่าอีกฝ่ายเขาคับแค้นใจหรือจะเอาคืนล่ะ บ้านเมืองจะวุ่นวายนะครับ ตรงนี้คงเป็นเหตุผลหลักที่เราต้องการความชัดเจน ในวันศุกร์ที่จะไปพบทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ สตช.
เติมศักดิ์ – เดี๋ยวจะกลับมาถามคุณสุริยะใสอีกครั้งนึงว่า คงต้องทบทวนกันหน่อยว่ากว่าจะมาถึงวันนี้นี่ คุณทักษิณได้จุดไฟอะไรไว้บ้างจนไฟมันลามทั่ววันนี้นะครับ คุณดนัยครับ วันนี้คนที่ถูกทำร้ายที่เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวานนี้ และก็ถูกดำเนินคดีข้อหาส่งเสียงอึกทึกนี่
ดนัย – ส่งเสียงอื้ออึง และก็สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งโทษก็เป็นลหุโทษนะครับ จำคุกไม่เกิน 1 เดือนปรับไม่เกิน 1 พันบาท
เติมศักดิ์ – เขาขอให้ทางสภาทนายความช่วยเหลือ
ดนัย – ครับ ช่วยเหลือว่าเขาไม่ได้กระทำความผิดดังที่กล่าวหาครับ เขาไปแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่ก็ถูกทำร้าย เพราะอีกฝ่ายหนึ่งบอกทักษิณสู้ๆ เขาบอกทักษิณออกไปก็เลยถูกรุมทำร้าย และทำไมคนที่บอกว่าทักษิณสู้ๆไม่ถูกดำเนินคดีด้วย เขาบอกว่ามันไม่เป็นธรรมก็เลยไปขอความเป็นธรรม
เติมศักดิ์ – คือนอกจากเราจะเข้าไปช่วยเหลือทางด้านคดีกับเขาแล้วนี่ เราก็ดำเนินคดีกับคนที่ อย่างเช่นเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยใช่ไหมครับ
ดนัย – ครับ เพราะว่าในภาพวีซีดีก็เห็นชัดนะครับ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นร้อยยืนอยู่ แล้วก็นอกเครื่องแบบอีก ปล่อยให้มีการทำร้ายร่างกายต่อหน้าเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าและตามกฎหมายนี่จับได้ทันที ไม่ต้องไปขอหมายจับจากศาล ทำไมไม่ปฏิบัติปล่อยให้กระทำได้เลย
เติมศักดิ์ – ตำรวจอ้างได้ไหมว่านี่มันเหตุการณ์ชุลมุน
ดนัย – มันอ้างไม่ได้ครับ อีกคนนึงถูกรุมกระทืบอยู่อย่างนี้ อีกคนเขาก็ล็อกไปต่อยไปอะไร มันไม่ใช่ชุลมุนแต่เป็นการทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายครับ
เติมศักดิ์ – คือตำรวจเป็นร้อยนี่ แต่ปรากฏว่าจับคนที่เข้าไปกระทืบคุณลุงอิทธิพลนี่ จับแทบไม่ได้เลยพูดอย่างนั้นก็ได้นะ
ดนัย – วันนี้คุณลุงอิทธิพลไม่ได้ไปที่สภาทนาย เพราะว่าแกอยู่โรงพยาบาล แต่มีหมอไปชี้แจงว่าดั้งจมูกหัก ก็รู้สึกว่าอาการจะบาดเจ็บสาหัส และหมอเขาต้องเอาไว้ที่โรงพยาบาล เพราะว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องสมองกระเทือน และก็อาจจะมีเส้นโลหิตในสมองแตกได้ และก็เฝ้าดูอาการครับ
เติมศักดิ์ – ส่วนทางด้านคุณสันธนะนะครับ เบื้องต้นเอาแค่ 2 คนนี้ก่อนคือนายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอมะห์ ที่เข้ามอบตัวและตำรวจได้แถลงข่าววันนี้ตอนประมาณ 6 โมงเย็น เนื่องจากเป็นตัวละครสำคัญนะครับ คนนึงบอกว่าทำสวนยางอยู่สุราษฎร์ธานี คนนึงขับวินมอเตอร์ไซด์อยู่ กทม. บอกว่าเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมา 10 ปี มากันแค่ 2 คน ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ชอบนายกฯรักนายกฯ เห็นคนไล่นายกฯรับไม่ได้ ตำรวจไม่ทำอะไรเลยล็อกคอเสียเลย คุณสันธนะเชื่อไหมครับ 2 ท่านนี้
พ.ต.ท.สันธนะ – คุณเติมศักดิ์ ประโยคแรกที่อยากจะพูดคุยกันในรายการวันนี้นะครับ ผมอยากพูดว่าสังคมกำลังจะถูกบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอีกแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมอยู่ด้วย
เติมศักดิ์ – ร่วมอะไรครับ จัดฉากหรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมพูดแต่ 2 คนนี้แล้วกัน ผ่านรายการตรงนี้ต่อหน้าประชาชนหลายๆท่าน ใต้กับเล็ก สตาร์ ผมเรียกเขาอย่างนี้แล้วกัน ใต้คือนายจรัญ เล็ก สตาร์ คือชัยสิทธิ์ และก็จะบอกถึง ป. ถึงฉลาม ถึงน้องๆอีกหลายคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นะครับทุกคน ตรงนี้คือบ้านเมืองนะครับ ไม่ใช่ปัญหาทะเลาะวิวาทที่อยู่ในหมู่ในกลุ่มของพรรคพวก ของทุกๆคน ของน้องๆเหล่านี้นะครับ อย่าเข้ามานะครับ แต่ถามว่าถ้าน้องเข้ามา ณ วันนี้ พี่ตอบขอบใจใต้ ขอบใจเล็ก สตาร์ ที่เข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จะด้วยเหตุผลคือเพื่อลดกระแสก็ได้ แต่สิ่งที่ 2 คนพูดต้องพูดเรื่องจริง ต้องพูดให้สังคมเขารับรู้ด้วยนะครับ
เติมศักดิ์ – เอาเป็นว่าเรื่องจริงในมุมของคุณสันธนะนี่ 2 คนนี้คือใคร จรัญ จงอ่อน หรือใต้ และชัยสิทธิ์ ลอมะห์ หรือเล็ก สตาร์ นี่เขาเป็นใครที่คุณสันธนะเคยรู้มาก่อนนี่
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมเรียกเขาอย่างนี้ได้ เขาก็มีสิทธิที่จะเรียกผมว่าพี่ต่อได้นะครับ ผมพูดกันตรงนี้นะครับ ก็ผมถึงบอกเขาออกไปผ่านรายการ เพื่อว่าจะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก และประชาชนที่ถูกทำร้ายที่ถูกร้าย ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นประชาชนที่บริสุทธิ์ นั่นคือความเห็น นั่นคือประชาธิปไตย แต่เขาไม่ควรจะถูกทำร้ายรังแกถึงขนาดนี้
เติมศักดิ์ – พวกนี้นี่ใต้กับเล็ก สตาร์นี่ วงการไหนครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็เราอย่าไปพูดถึงอาชีพของเขาในสังคม ผมไม่อยากให้กล่าวถึง ตรงนั้นคือเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ผมตำหนิเขาว่าในอาชีพ ในสังคมนี้ที่เขาอยู่ได้ จริงๆเขาก็ค่อนข้างจะล่อแหลมอยู่แล้ว แต่การที่เขาไม่พึงระมัดระวังตัว เขากลับก้าวเข้ามาในตรงนี้ในเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง เขาต้องคำนึงถึงสังคมนะครับ สังคมที่กำลังจะถูกทำร้าย และก็ภาพลักษณ์ของประเทศชาติบ้านเมืองตรงนี้ด้วยนะครับ
เติมศักดิ์ – สองคนนี้นี่ไม่ใช่ตำรวจแน่ ไม่ใช่ทหารแน่
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ เขาให้การถูกต้อง
เติมศักดิ์ – ไม่ใช่สีเขียว ไม่ใช่สีกากีนะครับ แต่พอบอกได้ไหมว่าเป็นพวกมาเฟียไหม
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมถามกลับแล้วกัน ว่าทำไมเขาเข้ามาอยู่ในจุดนี้ในพื้นที่ตรงนี้ได้ ขณะที่โดยส่วนตัวโดยอาชีพผมบอกว่าเขาล่อแหลม แต่ที่รอบๆเขานี่คือเจ้าหน้าที่รัฐนะครับ ทำไมเขาเข้ามาในจุดนี้ตรงนี้ได้
เติมศักดิ์ – คือดูจากลักษณะการกระทำของเขาในเหตุการณ์นี้ เข้าไปล็อกคอแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำอะไรเลยนี่ เป็นไปไม่ได้ในสายตาของคุณสันธนะ
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ ภาพที่เห็นอยู่ ประชาชนทั่วไปก็น่าจะพิจารณา น่าจะตัดสินได้นะครับ
เติมศักดิ์ – ลำพังคนรักนายกฯเห็นตำรวจไม่ทำอะไรกับคนที่ตะโกนด่านายกฯนี่ เขามาล็อกคอคุณลุงแบบที่เห็นในภาพนี่มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ ผมว่ามันก็มากมายเกินกว่าปกตินะครับ
เติมศักดิ์ – หมายถึงว่าเขาน่าจะเป็นคนมีเจ้าของแล้วทั้ง 2 คนนี้
พ.ต.ท.สันธนะ – พูดกันในเรื่องของการทำงานรักษาความปลอดภัยนะครับ ในการปฏิบัติหน้าที่ ภารกิจนี้เป็นภารกิจซึ่งมีกำหนดการถูกไหมครับ ในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานจะต้องมีแผนการปฏิบัติ ถามกลับไปว่าคนเหล่านี้น้องๆเหล่านี้ถึงขนาด ผมเชื่อว่าเข้าไปอยู่ในแผนการปฏิบัติด้วย
เติมศักดิ์ – อยู่ในแผนตั้งแต่ต้น
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ
เติมศักดิ์ – คุณสันธนะครับ ปกติการเซ็ตระบบรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่คาดได้ว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้นี่ ส่วนใหญ่เขาจะเซ็ตกันยังไง การอารักขานายกฯหรือว่าการเซ็ตระบบแบบนี้ มันจะมีทีมไหนบ้างพูดกันตรงๆเลย
พ.ต.ท.สันธนะ – ถ้าพูดถึงในภารกิจนะครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่แน่นอนจะต้องรองรับในเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ นั่นคือว่าจะมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบส่วนหนึ่ง หรือเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกส่วนหนึ่งนะครับ และก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ และก็จะมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยศูนย์รักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ในภาวะซึ่งเหตุการณ์ปกติก็จะเป็นชุดปฏิบัติโดยทั่วไปนะครับ ก็เป็นแผนปฏิบัติก็เหมือนแผนรูทีมที่จะออกไป แต่ถ้าในภาวะเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็เชื่อว่าก็จะต้องมีการประชุม มีการวางแผน และก็มีการเสริมกำลังในส่วนอื่นเข้ามาอีก ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้อยู่ร่วมในเรื่องการปฏิบัติด้วยเราคงไม่ทราบ แต่จากการทำงานจากประสบการณ์นี่ หรือกระทั่งประชาชนทั่วไปนี่นะครับก็ต้องเห็นภาพ เราก็วิเคราะห์ได้ว่าน้องๆเหล่านี้ที่ผมเอ่ยชื่อถึงเขานี่เขาต้องอยู่ในแผน ท่านเจ้าหน้าที่คนนั้น ท่านผู้กำกับคนนั้น อย่าไปปฏิเสธ ท่านอย่าปฏิเสธนะครับว่าท่านไม่รู้จัก ท่านไม่ได้สั่งการคือท่านอย่าปฏิเสธเลย ภาพออกมาชัดเจนขนาดนี้ ท่านรับราชการนี่ ท่านทำหน้าที่ ท่านดูแลใคร จริงอยู่ภารกิจท่านมาเพื่อปกป้องคุ้มครอง ดูแลความปลอดภัยให้กับท่านนายกฯ แต่ถามว่าในภารกิจเหล่านั้นนี่ประชาชนทั่วไป ก็มีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองปกป้องสิทธิเสรีภาพด้วยเหมือนกัน
เติมศักดิ์ – คือเป็นไปได้ไหมว่าตำรวจในพื้นที่ สน.ปทุมวัน อาจจะไม่รู้จัก 2 คนนี้ อาจจะไม่รู้จักใต้กับเล็ก สตาร์นี่ และก็เป็นไปได้ว่าตำรวจหน่วยอื่นก็อาจจะไม่รู้จัก แต่ น.6 นี่ต้องรู้จักใช่ไหมครับ 2 คนนี้
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ท่านปฏิเสธใครปฏิเสธไปเถอะ แต่ท่านอย่าปฏิเสธกับผมแล้วกัน ผมพูดอย่างนี้ แต่ถ้าท่านจะปฏิเสธก็เชิญมานั่งตรงนี้ด้วยกัน และจะได้ลำดับกันไอ้ที่ท่านปฏิเสธไม่รู้จักนี่มาลำดับกัน
เติมศักดิ์ – แต่ด้วยความที่เขาไม่มียศไม่มีตำแหน่งนี่ ตำรวจก็ตัดตอนได้ถูกไหมครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็ผมถึงบอกไงครับว่า ผมเชื่อว่าเขาน่าจะอยู่ในแผนตรงนี้ด้วย เพราะการที่จะใช้ทุกวันนี้นะครับ การที่จะใช้เจ้าหน้าที่แม้ว่าจะนอกเครื่องแบบก็ตามนะครับ
เติมศักดิ์ – ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องเลือกใช้คนแบบนี้ คนแบบใต้ คนแบบเล็ก สตาร์ คนแบบจรัญ คนแบบชัยสิทธิ์นี่
พ.ต.ท.สันธนะ – คือวันนี้พอดีว่าคุณสุริยะใสได้มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เพราะเหตุการณ์เหล่านี้นะครับ ผมบอกว่าพร้อมที่จะเบี่ยงเบนถูกไหมครับ อาจจะกลายเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือพูดง่ายๆว่าอาจจะเป็นฝ่ายพันธมิตรขึ้นมาก็ได้ หรือจะบอกเป็นบุคคลที่ 3 หรือจะเป็นอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มันถูกออกแบบกัน ก็อย่างที่ทราบกันถูกไหมครับ แต่เมื่อวันนี้เหตุการณ์มันมาถึงตรงนี้แล้ว จะไปในทางอื่นไม่ได้ก็เข้ามาเพื่อลดกระแส แต่กลับกลายเป็นว่าอย่างคำพูดที่ทั้ง 2 คนพูดออกมา ผมถึงบอกว่าน้อง อย่าทำอย่างนี้กันต่อไปอีกเลย
เติมศักดิ์ – ผมได้รับรายงานจากนักข่าวของผมอีกทางหนึ่งนะครับ ว่า 2 คนนี้เข้าออกสนามม้าเป็นประจำ และก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นเด็กของ เสธ.คนดังบางคน ตรงกับคุณสันธนะไหมครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็ส่วนใหญ่เขาจะรู้จักกันนะครับ ในบุคคลหลายๆท่านที่เอ่ยชื่อมาก็รู้จักกัน ความสัมพันธ์อะไรทั้งหลายก็สำหรับคนที่อยู่ก็เนื่องจากเป็นกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม
เติมศักดิ์ – ก็อยู่ในวงการนักเลง กว้างขวาง และก็เป็นคนที่เจ้าหน้าที่รัฐนี้ใช้มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็อย่างที่เรียนนะครับว่าผมเชื่อเลยนะครับผมเชื่อ และท่านจะมาแก้อะไรท่านก็แก้ไป ท่านพูดไป ท่านบอกไป
เติมศักดิ์ – เพราะฉะนั้นที่บอกว่าคนนึงมาจากสุราษฎร์ธานี คนนึงขับมอเตอร์ไซด์ แค่มาดูแล้วไม่พอใจที่คนมาด่านายกฯนี่ก็ไม่เชื่อนะ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็ท่านพูดกับคนที่ไม่ทราบก็พูดได้ แต่ถ้าท่านพูดวันนี้อย่างที่ผมได้ยินได้ฟังได้เห็นนี่ ผมถึงบอกว่าอย่าทำแบบนั้นอีกเลย
เติมศักดิ์ – ซึ่งตรงนี้เรามีวีทีอาร์ที่เป็นการพูดคุยกันระหว่างชายฉกรรจ์ 3 คน ซึ่ง 2 ใน 3 เราทราบชื่อแล้ว ว่าคือจรัญ จงอ่อน หรือใต้ และชัยสิทธิ์ ลอมะห์ หรือเล็ก สตาร์ นี่ เข้าไปคุยกับผู้กำกับการสืบ 6 แบบค่อนข้างจะสนิทสนมนะครับ แล้วก็ในวีทีอาร์นี่ก็จะได้เห็นว่าทางตำรวจนี่พูดอะไรกับคนเสื้อขาว และก็พูดอะไรกับจรัญ และพูดอะไรกับชัยสิทธิ์นะครับ ซึ่งมันเป็นบทสนทนาที่สะท้อนว่ามีการเตรียมและก็จัดตั้งแผนการมาเป็นอย่างดี ก่อนจะเข้าไปล็อกคอคุณลุงคนนี้นะครับ เขาได้เข้าไปล็อกตัวและก็ทำร้ายประชาชนอีกคนนึง ชายเสื้อแดงนี่นะครับ พอล็อกตัวเสร็จเขาก็เข้ามาคุยกับผู้กำกับสืบ 6 นะครับ และผู้กำกับก็บอกเขาว่า “เสื้อเหลืองนี่ล็อกไม่ได้เลยว่ะ ดูเสื้อเหลืองที่มันคู่กับเสื้อแดง” คือเสื้อแดงนี่ถูกล็อกไปแล้วนะครับแล้วเขามาคุย คนเสื้อขาวซึ่งผมยังไม่รู้ว่าเป็นใครนะครับ คุณสันธนะพอทราบไหมครับ
สันธนะ – ก็ ป.
เติมศักดิ์ – ตกลงนี่คือ ป.นะครับ ป.นี่บอกว่าเสื้อเหลืองนี่มันแก่แล้วนะนี่ ล็อกมันดีไหม สืบ 6 บอกไปหามันให้เจอ ไหนล่ะ เดี๋ยวจะเอาไปโรงพัก เอามันไปทำประวัติให้ได้ พอช่วงที่แยกกันนะครับก็มีเสียงออกมาว่า เสื้อเหลืองมันผู้ใหญ่แล้ว แก่แล้ว หลังจากนั้นก็เข้าไปล็อกคอคุณลุงเสื้อเหลือง ซึ่งวันนี้ก็ไปที่สภาทนายความด้วยนะครับ ลุงเขาเล่ายังไงให้ฟังไหมครับ
ดนัย – ไปล็อกคอคุณลุงแกก็นึกว่าจะอุ้มแกแบบอุ้มหาย แกก็กลัวแกก็ร้องใหญ่ นี่มันข้อหาทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพนะ ทำร้ายร่างกายด้วย ข่มขืนใจ เขาไม่ไปก็จะไปบังคับให้เขาไป มีอำนาจอะไรถึงไปบังคับให้เขาไป เป็นใครถึงมาจับใส่รถ
เติมศักดิ์ – ข้อหานี้หนักแค่ไหนครับ
ดนัย – ก็จำคุกถึง 3 ปีครับ ก็เหมือนคุณสมชาย นีละไพจิตรที่โดนล็อกใส่รถ ศาลก็ลงเต็ม 3 ปี
เติมศักดิ์ – แสดงว่าทั้งนายใต้ นายเล็ก สตาร์ กับนาย ป.นี่ต้องโดนข้อหานี้นะครับ ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ เสื้อขาวนี่คือชื่อ ป. ก๊วนเดียวแก๊งค์เดียวกับจรัญกับชัยสิทธิ์ เป็นวงการนักเลงเหมือนกันหรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันครับ ก็รวมถึงคนอื่นอีกหลายๆคนด้วยนะครับ ก็ที่เห็นภาพเห็นมั่งชัดบ้างไม่ชัดบ้างนะครับ ก็เป็นกลุ่มเดียวกันทั้งนั้นนะครับ
เติมศักดิ์ – คุณสันธนะเห็นใครบ้างครับนี่
พ.ต.ท.สันธนะ – คิดว่า 3 คนนี้เขาน่าเป็นระดับที่เข้ามาประสาน ส่วนคนอื่นๆก็คงจะอยู่ข้างหลังก็คงจะกระจายกันอยู่
เติมศักดิ์ – คือที่คุณสันธนะเห็นจากในวีทีอาร์นี่ ยังมีพวกในวงการนักเลงเหมือนพวก 3 คนนี้อีกหลายคนหรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ก็เขากระจายกันอยู่นะครับ ก็เห็นหน้าบางคนอาจจะไม่ได้รู้จักชื่อ ถึงขั้นรู้จักชื่อหรือว่าอะไร แต่ก็พอทราบว่าเขาเป็นใคร และก็ในงานแบบนี้ไม่น่าที่เขาจะมานะครับ มามีส่วนร่วมในงานนะครับไม่น่าจะใช่ แล้วไม่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญที่เขาจะมาพร้อมๆกันหลายคนในงานแบบนี้เช่นนี้
เติมศักดิ์ – เสธ.สั่งมา เสธ.ท่านนั้นน่ะ
พ.ต.ท.สันธนะ – เป็นเรื่องที่รับมอบกันมาอีกทอดหนึ่งนะครับ แต่แน่นอนคนที่รับมอบภารกิจสุดท้ายนี่ ผมบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่
เติมศักดิ์ – ทางผู้กำกับสืบสวนนครบาล 6 หรือที่เรียกสืบ 6 นี่ น่าจะรู้จักทุกคนในนี้
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมบอกท่านอย่าปฏิเสธนะครับ
สุริยะใส – คือผมฟังแล้ว เราต้องขอบคุณท่านสันธนะนะครับ คือทำให้ผมคิดว่าผมได้คำตอบนะ
เติมศักดิ์ – นี่เท่ากับเอานักเลงมาคุมม็อบเลยนะครับ
สุริยะใส – คือผมเท้าความไปถึงพฤษภาด้วยซ้ำ ว่าเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าไอ้แหลมเผาโรงพักนางเลิ้งนี่ ทฤษฎีมือที่ 3 ที่เราพูดๆกันมาเป็นงานวิชาการ เอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ใครนะครับเป็นรัฐบาล เป็นอำนาจรัฐ อำนาจรัฐนี่กรณีนี้ก็คือสร้างอำนาจหนึ่งขึ้นมาสำรองไว้ คืออำนาจรัฐนี่กระทำกับประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยตรงอาจจะต้องระมัดระวัง ฉะนั้นก็ใช้อำนาจแฝง ผมคิดว่า 3 คนนี้เป็นอำนาจแฝงคืออำนาจมืดชนิดหนึ่ง ที่กำกับและก็บงการโดยอำนาจรัฐอีกทีนึง ผมฟังท่านสันธนะพูดนี่ สามคนก็รายงานตลอดเวลาถ้าเราดู ASTV ฉายเมื่อกลางวันนี่ มีชายข้างบนอยู่บนตึกอีกใช่ไหมครับ ใส่ชุดซาฟารีและโทรศัพท์กันเป็นระยะๆนี่ ผมคิดว่าออกแบบมาเป็นกระบวนการ และมุ่งเป้าชัดเจนว่าจะต้องสลายฝ่ายตรงกันข้าม ในลักษณะที่ไม่ต้องอะลุ้มอล่วยแล้ว เลือดตกยางออกก็ต้องเอา คือพร้อมเผชิญหน้าเต็มที่
แล้วเขาคงคิดว่าที่จะไปที่เซ็นทรัลเวิลด์อาจจะเป็นร้อยเป็นพันด้วยซ้ำ ซึ่งผมคิดว่าเตรียมการมาก ใช้ทั้งมวลชนทั่วไป มวลชนสนามทั่วไปที่เป็นวัยรุ่นนะครับมาผสมโรง ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีอาชีพล่อแหลมอย่างที่ท่านสันธนะว่า เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าไม่หมูเลยนะครับที่ตำรวจพยายามตัดตอนวันนี้ วันนี้ที่ 2 คนสารภาพว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ บอกว่าขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง หรือมาเที่ยวมาเยี่ยมเพื่อนนี่ จัดฉากอย่างสิ้นเชิง เป็นการจัดฉาก เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของกรมตำรวจไทยอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นวันศุกร์ถ้าไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจน ผมว่ากรมตำรวจหนักแล้วล่ะครับ ยิ่งกำลังจะตัดตอนแบบนี้ยิ่งไม่เป็นผลดีครับ ถ้ารับว่าเป็นเจ้าหน้าที่นี่อาจจะผ่อนหนักเป็นเบานะครับ แต่ตัดตอนแบบนี้นี่ผู้กำกับสืบ 6 ต้องรับผิดชอบนะครับ เหมือนกับว่าปล่อยคนมาแทรกแซงการจัดการของเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร คนแก่คนเดียวนะครับ ไม่ต้องใช้กำลังเป็น 10 หรอก คนเดียวก็ไปได้แล้วและอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ด้วย ฉะนั้นผมคิดว่างานนี้ตำรวจหนักแล้วล่ะครับ
เติมศักดิ์ – นี่แสดงว่าอำนาจรัฐหรือตำรวจนี่ เขาก็เลี้ยงนักเลงไว้ นักเลงคุมบ่อน คุมซ่องอะไรก็แล้วแต่นะครับ แล้วก็เอานักเลงนี้มาใช้งาน และก็มาใช้งานในงานแบบนี้ด้วย
สุริยะใส – ถูกยกระดับนะครับ สองคนนี้เขาถือว่าเป็นเกียรติมากนะ ที่เขามาและพิทักษ์ผู้นำโดยตรง แต่ก่อนอาจจะพิทักษ์แค่ เสธ. พิทักษ์แค่คนมีสี คนมีสีที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเขาอาจจะคิดว่าเป็นเกียรติประวัติของเขาก็ได้นะ ที่ถูกยกระดับมาพิทักษ์ผู้นำ เขาพูดว่าเขารักนายกฯ ท่านมาแค่เจอ เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าอย่าตบตาประชาชนเลยครับ
ดนัย – ผมคิดว่ามีความจริงที่สังคมคงต้องช่วยกันสืบ และผมคิดว่าข้อมูลของท่านสันธนะนี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่สังคมต้องตรวจสอบและก็พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ไกลกว่าที่จะยอมรับการแถลงวันนี้ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการจัดฉากอย่างสิ้นเชิง ผมไม่เชื่อ
เติมศักดิ์ – แต่แม้จะพยายามจัดฉาก แม้จะพยายามตบตานี่ แต่ก็ตัดตอนไม่ได้
สุริยะใส – ตัดตอนไม่ได้หรอกครับ และยิ่งงานในทางกฎหมายผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ผิดเต็มๆ ต้องโดนวินัยด้วยนะครับ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอาคนไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่มาร่วมด้วย คนที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ถ้าเป็นผู้สนับสนุน ก็มีโทษน้อยกว่าโทษตามจริงแต่ก็ถึง 2 ใน 3 ครับ
เติมศักดิ์ – เพราะว่าการที่จะเข้าไปควบคุมตัวประชาชนได้นี่ แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนก็ตามนี่ อย่างน้อยคือถ้าไม่มีเครื่องแบบก็ต้องแสดงตัว ต้องแสดงบัตร
ดนัย – คุณไปจับเขา ไปใช่อำนาจข่มขืนใจอย่างนี้มันทำไม่ได้ครับ
เติมศักดิ์ – เมื่อซักครู่เราเห็นผู้กำกับสืบ 6 นะครับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ซึ่งวันนี้ทั้งวันนี่พยายามจะปฏิเสธว่าไม่รู้จัก 2 คนนี้ 2 คนนี้ไม่ใช่ตำรวจ ก็พยายามจะปฏิเสธ และในภาพก็จะเห็นนะครับว่า พอเห็นว่ากล้องถ่ายนี่ก็พยายามจะเอาเครื่องหมายใส่กระเป๋า ก็ดูแล้วตบตาไม่ได้นะครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – วันนี้ที่มาพูดนะครับแล้วก็พูดกันชัดทุกอย่างนี่ เพราะว่าเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นได้ผ่านพ้นไป และผู้ที่ถูกเข้ามาร่วมในแผนในการปฏิบัติได้รับการคุ้มครอง จะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก ผมถึงอยากบอกผู้ที่ยังคิดจะเข้ามาอีกหลายๆพื้นที่นะครับ ในอีกหลายๆภารกิจที่จะต้องมีการทำงานลักษณะแบบนี้ ความผิดอาญามีโทษกำหนดชัดเจน แต่อยากจะบอกผู้ที่กำลังคิดและจะเข้ามานะครับ ว่าความผิดที่จะมีที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นแค่ความผิดอาญานะครับ เป็นความผิดที่ท่านกำลังทำร้ายสังคม ท่านกำลังทำร้ายประชาชน เป็นความผิดมหันต์ ขอให้ท่านได้สำนึกได้ตรองตรงนี้ด้วย แล้วเจ้าหน้าที่ซึ่งคุ้มครองดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ ผมไม่ตำหนิเขาเพราะว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้น ผมเพิ่งเห็นกลุ่มพวกเขาออกมา เขาจำเป็นเพราะว่าในอาชีพของเขา เขาจำเป็นจะต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าหากเขาไม่ดำเนินการจะด้วยความเต็มใจหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถที่จะทำมาหากินในอาชีพของเขาต่อไปได้ เพราะฉะนั้นผมเห็นใจเข้าใจ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า พี่ต่อบอกน้องทุกๆคนว่า ขอให้ตระหนักตรงนี้นี่คือประเทศชาติบ้านเมือง
เติมศักดิ์ – พวกนี้น้องๆทั้งนั้นเลยหรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ ผมก็ดูแลเขาได้นะครับ แต่ก็ไม่สามารถจะไปใกล้ชิดเขาได้ หรือว่าไปบอกเขาได้ทันในอีกหลายๆเรื่องหลายๆเหตุการณ์ ในเมื่อวันนี้มีโอกาสก็ถึงอยากจะพูดและบอกกันต่อๆไปด้วย
เติมศักดิ์ – ถ้าพี่ต่อจะโทรศัพท์หาน้องๆ 3 คนนี้นี่ บอกได้เลยหรือครับว่าอย่าทำอย่างนี้อีก
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมก็ยินดีนะครับ หลังจากรายการเลิกถ้ามีโอกาสก็ถ้าหากเขายังอยู่ที่สถานีก็จะไปเยี่ยมเขา ไปพูดคุยกับเขา แต่บังเอิญได้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวเขาไปแล้ว ก็คิดว่าคงต้องพูดคุยกันในโอกาสต่อไปครับ
เติมศักดิ์ – ฟังจากที่เขาพูดดูจากแววตาของทั้ง 2 คน และก็ฟังจากประโยคบอกถ้ามีคนมาตะโกนอีก ผมจะไปล็อกอีกก็แสดงว่าไม่ธรรมดา คนที่ดูแลเขาอยู่นี่ไม่ธรรมดานะครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ
ดนัย – เขาบอกว่าด่านายกฯ คำว่าทักษิณออกไปนี่ไม่ใช่คำด่านะ ผมว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น แต่คำด่ามันต้องเป็นคำที่หยาบ ผมว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นไม่พอใจผู้ปกครอง มันเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพธรรมดาของประชาชน
เติมศักดิ์ – มีคนพยายามชี้ช่องให้นายกฯ บอกว่าเอากล้องมาถ่ายคนพวกนี้ และก็แจ้งข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า
ดนัย – ดูหมิ่นซึ่งหน้าก็ปรับ 500 บาท
เติมศักดิ์ – ทักษิณออกไปนี่เป็นดูหมิ่นซึ่งหน้าได้ไหมครับ
ดนัย – ถ้าท่านทักษิณยังอยู่ซึ่งหน้านี่ก็ปรับ 500 บาท แต่ถ้าไม่อยู่พูดกับบุคคลที่ 3 ก็หมิ่นประมาท หมิ่นประมาทมันก็สู้คดีได้ว่าเป็นการไม่พอใจผู้ปกครอง ซึ่งไม่มีความโปร่งใสอะไรหลายๆอย่างที่เราก็รู้ๆกันอยู่นะครับ เป็นสิทธิของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง
เติมศักดิ์ – คุณสุริยะใสครับ เขาบอกว่าถ้ามีทักษิณออกไปอีกนี่ เขามาอีกแน่
สุริยะใส – ต้องมาอย่างที่ท่านสันธนะพูด เขาไม่มีทางเลือกนะ คือถ้ามองอีกมุมหนึ่งนี่คนเหล่านี้น่าเห็นใจ เขาไม่มีทางเลือก เขาอยู่ในอาชีพที่ 50/50 ถ้าพูดตรงๆอนาคตเขาอยู่ในกำมือของคนบางคน ฉะนั้นคือความที่เขาเป็นคนที่อยู่ในสภาวะที่ล่อแหลมหรืออาชีพ 50/50 นี่ เลยตกเป็นเครื่องมือของอีกฝ่ายหนึ่งได้ง่าย
เติมศักดิ์ – คือเขาอยู่ในพื้นที่สีเทาๆ
สุริยะใส – ถูกต้องครับ คนเหล่านี้ใช้ไปตายก็ตายได้นะครับ เขาพร้อมตายได้ ตรงผมคิดว่าไม่ธรรมดาแล้วนะครับ ถ้าข้อมูลของท่านสันธนะเป็นจริง ผมเป็นห่วงเหลือเกินว่าข้างหน้าเราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นนะครับ อันนี้แค่โอเคอาจจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิตนะครับ ข้างหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ และเขาก็ประกาศชัด เหมือนภารกิจเขายังไม่จบน่ะ เพราะเขาคงมองว่าอีกฝั่งก็คงต้องตามไปตะโกนด่า อย่างท่านสันธนะบอกว่าด่าแล้วมันเป็นอะไร ด่าแล้วถ้ามันผิดตำรวจก็แจ้งข้อหาลงบันทึกก็ว่าไปใช่ไหมครับ ปรับอะไรก็ว่าไป แต่นี่ถึงขั้นต้องเข้าไปสลายนี่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าถ้าไม่มีอำนาจรัฐกำกับและบงการอีกต่อนึงนี่ คนเหล่านี้ไม่กล้าทำหรอกครับ และยิ่งเขามีชื่อที่ต้องหลบๆซ่อนๆด้วยนี่ และยิ่งต่อหน้ากล้องนักข่าวเป็นสิบๆร้อยๆตัวแบบนี้ด้วย ไม่มีทางเลือกนะ ถ้าดูสีหน้าเขานี่แบกโลกทั้งใบไว้เลยนะครับ
ดนัย – ก่อนจะมอบตัว ก่อนจะสารภาพกับทางพนักงานสอบสวนที่ปทุมวันวันนี้ ผมคิดว่าเตี๊ยมกันพอสมควร
เติมศักดิ์ – คุณสันธนะคิดว่าเจ้านายเขา หรือคนที่ดูแลเขานี่ เล็ก สตาร์หรือใต้พวกนี้ เขาจะบอกว่าพอก่อนหยุดก่อนหรือว่ายังไงครับ หรือไฟเขียวต่อ
พ.ต.ท.สันธนะ – เรากลับมาพูดที่เจ้าหน้าที่รัฐ ผมอยากเรียกร้องว่าขอให้พวกท่านท่านมีคุณธรรมเถอะ การปฏิบัติหน้าที่ถ้าท่านปฏิบัติตามเหตุที่เกิดขึ้นจริงนะครับ ท่านดำเนินการไปนะ เพราะเราคงไปสกัดกั้นอะไรไม่ได้ และเหตุการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้ามาร่วมรู้เห็นสั่งการ เพราะฉะนั้นผมอยากกลับมาพูดกับเจ้าหน้าที่ตรงนี้ ในการที่สถานีตำรวจที่ สน.ปทุมวัน ที่จริงๆก็หลายๆท่านก็มีประสบการณ์ในการรับราชการ การทำงานมาพอสมควรนะครับ ผมเชื่อว่าภายใต้จิตสำนึกของท่าน ท่านมีความไม่สบายใจหรอก แต่การที่ท่านจะพูดหรือจะชี้ข้อเท็จจริงอะไรออกมามากกว่านี้ เข้าใจว่าคือตำแหน่งหน้าที่ คือความก้าวหน้าในชีวิตราชการ มันคือผลกระทบที่มันจะเห็น แล้วมันก็เป็นหลายๆเหตุการณ์หลายๆครั้งซึ่งมันมีผลทันที ทำให้เขาหรือท่านเหล่านี้จำเป็นต้องเฉย และก็ทำเหมือนว่าไม่ทราบ
เติมศักดิ์ – เหตุการณ์นี้มันยิ่งตอกย้ำใช่ไหมครับ คุณสุริยะใสครับ เรื่องรัฐตำรวจนี่
สุริยะใส – ชัดเจนเลยครับ ผมว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ตอกย้ำความเชื่อของเรามา ว่ามันไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดดๆโดยไร้การจัดตั้ง ผมคิดว่านี่มีการจัดตั้งและก็มีเป้าประสงค์ที่ชัดเจนที่จะสลายอีกฝั่งหนึ่ง นี่ยังไม่พูดถึงกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อันนั้นยิ่งเข้าไปใหญ่ที่เป็นภาษีประชาชนด้วย เดินชนผู้หญิงที่จังหวัดตาก แทนที่เข้าไปคุยหรือว่าเข้าไปขอกันดีๆก็ได้ก็ไม่ทำ เหมือนอย่างที่จันทรเกษมที่ผมเรียนนะครับ ข้างบน 300 ข้างล่าง 30 ที่มาเชียร์นายกฯ เราเดินลงมาแล้วมาคุยกับเขา ว่าคุณว่านายกฯดียังไงว่ามา คนเขาก็กลับไปไม่มีความรุนแรงอะไรเลย ถ้าจะไม่พูดดีๆ 300 มันก็กระทืบเละใช่ไหมกับ 30 นี่ แต่ไม่มีเหตุการณ์ที่จันทรเกษม นี่เพราะเราต้องคำนึงถึงสิทธิของอีกฝ่ายหนึ่ง เขามีสิทธิที่จะเชียร์นายกฯ ผมเรียนว่าเขามีสิทธิ แต่เขาไม่มีสิทธิเด็ดขาดที่จะไปตีฝ่ายตรงกัน เหมือนที่เกิดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ อันนี้เพราะอะไรเพราะว่ารัฐตำรวจนะครับ และก็ใช้คนที่พร้อมจะตายได้ตลอดเวลานี่ คนสีเทาแบบนี้มาปฏิบัติการด้วย ผมถึงเรียนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และที่น่ากลัวที่สุดครั้งหน้านี่จะหนักกว่านี้กี่เท่า
เติมศักดิ์ – สิทธิในการไปตะโกนทักษิณออกไปนี่ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญรองรับไว้นะครับ
ดนัย – รองรับไว้ เราไม่พอใจการบริหารงานของผู้นำ เรามีสิทธิที่จะให้ออกได้เพราะเราเห็นว่าบริหารงานไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้อะไรพวกนี้ สภาไม่ได้ผิดอะไร เขากำลังจะคุยจะซักถาม คุณไปยุบเขา และเลือกตั้งก็ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินว่าไม่เป็นกลาง ไม่สุจริต เวียนเทียนกัน ศาลฎีกาบอกว่าเวียนเทียนไม่ได้ก็ไปเวียนเทียน แม้แต่ครูบาอาจารย์ยังต้องฉีกบัตรนะครับ อย่างอาจารย์ไชยยันต์ หมอเกรียงศักดิ์ที่สงขลา ศาลก็ยกฟ้องถือว่าเป็นการใช้สิทธิ ฉีกบัตรมันเป็นเรื่องของการตะโกนทักษิณออกไปนะ ศาลสงขลานี่ยกฟ้องว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 65 ถือว่าเป็นการต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม
เติมศักดิ์ – คือจากเหตุการณ์นี้นี่ ก็เชื่อว่าคนที่ไม่ชอบทักษิณก็ยังกล้าที่ไปตะโกนอยู่ แต่อยากให้วิเคราะห์ว่าที้ล็อกคอนี่จะกล้าทำอีกหรือเปล่าครับ เหตุการณ์ข้างหน้านี่
พ.ต.ท.สันธนะ – ความรุนแรงนี่ผมเชื่อว่ามีเกิดขึ้นแน่นะครับ เพราะว่าในการทำงานครั้งนี้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่มีการกีดกัน เราปล่อยเฉยให้ผ่านไป ความรุนแรงข้างหน้าต้องเกิดขึ้นแน่
เติมศักดิ์ – เราต้องเปิดโปงว่ากระบวนการนี้เป็นยังไง เขาจ้างใครมา เขาเลี้ยงใคร เขาสั่งมายังไง มาจากสายไหน ต้องเอาให้ชัดเลยนะครับ
สุริยะใส – คือฟังท่านสันธนะแล้วผมนึกถึงท่านเลขานุการนายกฯ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พูดเมื่อตอนสายๆวันนี้นะครับ ว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วน้ำตาคลอ ก็สรุปได้ทันทีครับว่าตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ จริงๆถ้าท่านมีบทเรียนจาก 6 ตุลานี่ ท่านต้องเข้าใจว่า 69 ตุลานี่เงื่อนไขของความรุนแรงเกิดจากอำนาจรัฐนะครับ ประชาชนทั้งฝ่ายที่มาเชียร์หรือสนับสนุน ไม่มีปัญญาสร้างเงื่อนไขของความรุนแรงหรอกครับ ต่อให้จะยกพวกตีกันยังไงพวกนี้ก็จะมีความกล้าๆกลัวๆ อย่างน้อยก็กลัวติดคุกน่ะ แต่มันเกิดได้ไปฆ่านักศึกบริสุทธิ์ในธรรมศาสตร์ได้เพราะอะไร เพราะอำนาจรัฐบงการ ครั้งนี้ก็เหมือนกันนะครับ ถ้าหมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ ซึมลึกกับเหตุการณ์ 6 ตุลาจริงต้องไปคุยกับท่านนายกฯ ต้องไปคุยกับตำรวจ ต้องไปคุยกับทหารในเครื่องแบบแต่ทำตัวเหมือนมาเฟียที่อยู่ในรัฐบาลนี้เต็มไปหมด ต้องไปคุยกับเขาว่าอย่าทำแบบนี้ อย่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ คนแก่ สุภาพสตรีอย่างนี้นะครับ ไปทำเขาได้ยังไง เขามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เงื่อนไขทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ที่รัฐ รัฐตำรวจอย่างที่ว่า
เติมศักดิ์ – คุณสันธนะเมื่อซักครู่วิเคราะห์ว่า ถ้าเราเปิดโปงเขานี่เขาจะหยุด แต่คุณสุริยะใสประเมินอย่างนั้นหรือเปล่า ว่าถ้าเปิดโปงนี่เขาจะหยุดไหมหรือว่าไม่กลัว
สุริยะใส – การเปิดโปงของท่านสันธนะนี่ดี อย่างน้อยทำให้เรารู้ที่มาที่ไป เห็นขบวนการ เห็นการทำงานของกลุ่มนี้นะครับ และถ้าต่อไปมีอะไรเราก็ต้องระวังตัว และก็ที่สำคัญผมคิดว่ารัฐเองก็ต้องกลับไปคิดแล้วล่ะ ว่าขบวนการแบบนี้ถูกเปิดโปงแล้วนะ ประชาชนรู้ทันแล้ว คุณใช้คนสีเทามาไล่ตีผู้บริสุทธิ์นี่มันไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าถ้ารัฐลองรู้สึกเป็นเรื่องปกติ รู้สึกก็เอาเขามาปรับแล้วก็ปล่อยไป ก็ตามกฎหมายก็ลงโทษแล้ว ถ้าแบบนี้ผมคิดว่าจะมีกรมตำรวจไว้ทำไมล่ะครับ มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ทำไม เราตั้งกำลังพิเศษมาคุ้มครองดูแลกันเองไม่ดีกว่าหรือ ใช่ไหมครับ ถ้าแบบนี้สวัสดิภาพและความมั่นคงของประชาชน ในชีวิตและทรัพย์สินนี่มันไม่มีแล้วนะครับ เราออกรายการสดนี่กลับไปนี่มีสิทธิถูกทุบใหญ่ถ้าแบบนี้นะครับ ผมว่ามันอันตรายแล้ว
เติมศักดิ์ – เราจะพูดได้ไหมว่างานนี้สีกากีเลี้ยงคนสีเทาไว้ แล้วเอาคนสีเทามาช่วยค้ำจุนระบอบของคนสีดำไว้
สุริยะใส – มีคนบอกว่ามีคนติดยา มีคนที่อยู่ในขั้นของการบำบัดเรื่องยาเสพติด ผมก็ไม่ค่อยเชื่อนะ แต่ผมดูสีหน้าดูแววตา คือเราไม่ได้ไปดูถูกเขาน่ะ คือเชื่อมโยงกับข้อมูลของท่านสันธนะ ผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่าต้องมีความชัดเจนแล้วล่ะจาก สตช.วันศุกร์นะครับ ทั้งวัยรุ่น 10-20 คนที่เตะลุงอิทธิพลด้วยนะครับติดยาเสพติดไหม นี่ต้องขออนุญาตครูประทีป อึ้งทรงธรรม ที่มาตอบโต้พันธมิตรว่าเอะอะก็โทษคลองเตย ก็คุณเป๋ คลองเตยก็เคยมาถล่มที่ผู้จัดการน่ะ แต่คนที่มาคราวนี้ไม่ใช่นะครับ เพียงแต่ว่าครูประทีปก็ต้องยอมรับนะครับ คนที่คลองเตยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ทุกที่แหละครับ แต่ถ้าคนไม่ดีออกมานี่ เราก็ต้องมีการตรวจสอบกัน เราทำหน้าที่ตรวจสอบกันไม่ได้กล่าวหาหรอกครับ ผมทำงานกับคนจนมาเยอะ เข้าใจพี่น้องในสลัม ยาเสพติดไม่ได้มีแค่ในสลัมหรอก คฤหาสน์ร้อยล้านพันล้านก็มีเหมือนกันแหละถ้ามันจะมีนะครับ ฉะนั้นผมคิดว่าวันนี้เราต้องพูดความจริงกันว่า ต้องช่วยกันตรวจสอบว่าถ้าคนในชุมชนไหนทำตัวแบบนี้เราก็ต้องปราบปรามกัน แต่ถ้ามันผิดพลาดไปนี่ ไปกล่าวหาเขาลอยๆ อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย
เติมศักดิ์ – จริงๆยังมีอีกคนนึงนะครับที่เป็นตัวละครสำคัญเลย คล้ายๆกับเขาเข้ามาดูงานด้วยนะครับ และเข้าควบคุม คือไม่รู้ควบคุมหรือประเมินผลงานหรือเช็คผลงานก็ไม่รู้นะครับ แต่ว่าคนๆนี้เป็นคนของฝ่ายการเมือง เป็นเด็กของนักการเมือง และก็เป็นเด็กของคนที่ดูแลเรื่อง สก. สข.ด้วย ซึ่งเดี๋ยวเรามาดูตัวละครต่างๆเหล่านี้ว่าเป็นยังไงนะครับ ตอนนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อยู่ในสายจะร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นนะครับ สวัสดีครับ คุณสนธิครับ
สนธิ – สวัสดีครับ คุณเติมศักดิ์ และท่านผู้สนทนาทุกท่านนะครับ ผมอยากจะฝากข้อคิดอะไรเล็กน้อยนะครับ ในเชิงปัจจุบันและในเชิงประวัติศาสตร์นะครับ เอาปัจจุบันก่อนก็แล้วกันนะครับ คุณสันธนะพูดนี่ถูกต้องหมดทุกอย่าง ก็คือว่าจริงๆแล้วคุณสุริยะใสคงทราบ ถ้าวันนี้เราไม่ออกแถลงข่าวและเอาภาพออกมาให้เห็นนี่ ไอ้สองตัวนี้ไม่มีวันที่จะเข้ามามอบตัวหรอก เหตุผลก็เพราะว่าเราไปเปิดโปงเขา เพราะเราไปกล่าวหาว่าเขานี่สมรู้ร่วมคิดกับพวกกุ๊ย ก็คือไอ้พวกสีเทาซึ่งเขาเลี้ยงเอาเป็นมือเป็นเท้า คือตำรวจนี่ผมรู้จักหมดแหละ สมบัติ อมรวิวัฒน์นี่ก็ลูกศิษย์เก่าผม เรียนหนังสือมากับผม ผมสอนโรงเรียนผู้การมา เส้นทางเดินเป็นยังไง เยาวราชมาใคร มีก่งก๊ง ใครเลี้ยงดูก่งก๊งนะครับ มีคนชื่อก่งก๊งอยู่ ทีมงานพวกนี้ สมัยนายแคล้ว ธนิกุลนี่ ผมรู้หมดว่าใครเลี้ยงสีเทาที่ไหน ทำไมผมจะไม่รู้ ไอ้พวกเป๋ คลองเตย พวกนี้นี่ถ้าตำรวจท่าเรือไม่เอาด้วยมันจะอยู่ได้ยังไง ในเมื่อคลองเตยนั้นมียาเสพติดทั้งนั้น
และตำรวจไทยนี่ถ้าพูดถึงผู้ร้ายนี่เก่งมากถ้าต้องการจะจับ เหตุผลก็เพราะตำรวจไทยเลี้ยงโจรเอาไว้ แต่ถ้าเลี้ยงโจรเพื่อมาเป็นสายเพื่อจับโจร แล้วก็อย่างคุณสันธนะพูด หลับตาข้างนึงมึงจะไปทำมาหากินก็ทำไม แต่ถ้ากูใช้มึงมึงต้องมาทำให้กูนะ ทีนี้ถ้าใช้นี่เรียกมาใช้นี่เรียกมาจับโจรด้วยกันนี่ไม่เป็นไร แต่ใช้เรียกมาทุบตีประชาชนนี่ตำรวจพวกนี้นี่ใช้ไม่ได้ เสียภาษีอากร เลวทรามต่ำช้าที่สุดนะครับ คือเดี๋ยวนี้นี่ผมคนนึงที่ตำรวจคุยด้วย ไม่ว่าจะชั้นผู้ใหญ่ระดับไหนนี่อายผมทุกคน คุณอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ที่ปากเก่งปากกล้านี่ กล้าเจอกับผมในทีวีไหมล่ะ มาเที่ยวพูดว่ามีขัดผลประโยชน์กัน วันดีคืนดีก็ให้สัมภาษณ์บอกว่ากับสนธินี่สนิทกันดี ขอกันกินมากกว่านี้ ผมถามคุณอชิรวิทย์ว่าผมเคยขออะไรคุณกินหรือ มีแต่คุณขอผมกินมาตลอด อย่าให้ผมพูดเลยนะ เพราะฉะนั้นแล้วนี่ไอ้พวกนี้นี่ผมจะเล่าให้ฟัง ถ้าเราย้อนหลังไปดูประวัติศาสตร์นี่นะครับ ตำรวจนี่มันมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงนึงนี่คนที่อายุมากคงจะได้ คือช่วง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เลี้ยงอันธพาลทั่วเมือง อั้งยี่ เอาอันธพาลไปฆ่าคน ไปทุบตีชาวบ้านเขา ไปกลั่นแกล้งประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จนถึงที่สุดจอมพลสฤษฏิ์ต้องออกมาปฏิวัติ ปฏิวัติตำรวจนะ ครั้งที่สองคุณสุริยะใสและพวกเราคงจำได้ ยุค 14 ตุลา พล.ต.ท.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น นี่เสียผู้เสียคนไปตั้งนาน ก็เพราะว่าใช้ตำรวจนี่ลุยตีประชาชน จนกระทั่งพอตอนหลังนี่พอมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เขาถึงต้องเอาทหารมาเป็นอธิบดีตำรวจ นั่นคือที่มาของ พล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร เป็นอธิบดีตำรวจ และเอา พล.ท.วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ มาเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ มาสางกรมตำรวจเสียใหม่
เพราะฉะนั้นแล้วตำรวจทั่วประเทศไทยนี่ต้องรู้ ว่าพวกคุณนี่ผมคิดว่าพ้นระบอบทักษิณออกไปเมื่อไหร่นี่ เขาจะมีการผ่ากรมตำรวจและปฏิรูปกรมตำรวจใหม่ ทีนี้พอมันทำอย่างนี้แล้วนี่คนทำมันเคียดแค้น กระแสสังคมมันเคียดแค้น มันก็จะไปผ่าตำรวจเข้าสู้ระดับที่ผมเรียกว่าทำให้ตำรวจทำงานแทบไม่ได้เลย ทั้งๆที่ไม่ควรจะต้องถูกผ่าเยอะขนาดนั้น แต่เพราะว่าความชั่วของตำรวจเพียงไม่กี่คนที่มารับใช้นายทักษิณนี่ ก็เลยทำให้ประชาชนเขามองเห็นว่าตำรวจนี่ใช้ไม่ได้ อย่าไปให้มันมีอำนาจ ทีนี้พอผ่าตำรวจในอนาคตหลังจากที่ทักษิณไปแล้วนี่ ก็ทำให้ตำรวจพิการไปเลย สังคมก็เสียหายอีก คือทั้งขึ้นทั้งล่องเสียหายหมดเพราะไอ้คนเลวระยำพวกนี้ ที่มันไม่รู้สำนึก มันไม่มีศักดิ์ศรีในเครื่องแบบที่มันใส่ ตลอดจนมันไม่มีสำนึกว่าเงินทองที่มันได้ใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นเงินภาษีอากรของประชาชน คือถ้าจะให้ผมพูดเรื่องตำรวจนครบาลนี่ผมพูดได้นาน มันมีผลประโยชน์กันทุกคนเลย เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่าวันนึงข้างหน้านี่ ถ้าเขาเอาอำนาจสอบสวนไปเลยตำรวจอย่าร้องนะ ตำรวจร้องนะ และพอถึงวันนั้นก็มาโวยวายมาบอกว่าทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจสอบสวน ก็พวกคุณทำระยำแบบนี้มา เขาจะให้พวกคุณมีอำนาจสอบสวนในมือได้ยังไง ผมก็เลยอยากจะฝากเอาไว้แค่นี้แหละครับ
เติมศักดิ์ – ครับ ขอบคุณมากครับ คุณสนธิครับ เดี๋ยวคงได้แลกเปลี่ยนเพิ่มเติมนะครับ เพราะว่าคุณสนธิได้พูดถึการเลี้ยงโจรไว้จับโจร การเลี้ยงโจรไว้จับโจรมันยังพอรับได้ระดับนึงนะครับ แต่นี่เลี้ยงมาทุบตีประชาชน นี่เรากำลังจะย้อนกลับไปยุคอัศวินเผ่าหรือครับนี่ กี่ปีแล้วนะครับ 50 ปีมาแล้วนะครับ เลี้ยงอำนาจเถื่อนไว้ทุบตีประชาชนนี่รับไม่ได้นะครับ คุณสันธนะในฐานะที่เป็นตำรวจเก่า วงการนี้เป็นอย่างนี้หรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ผมเรียนว่าบุคคลเหล่านี้ที่เราบอกว่าเขาอาชีพหมิ่นเหม่หรืออะไรก็แล้วแต่ ในประสบการณ์ในชีวิตรับราชการตำรวจที่ผ่านมา เราก็ทราบเราเข้าใจ เราไม่ได้รังเกียจเขานะครับ แต่ผมก็อยากจะเรียนกลับไป ในเมื่อเหตุการณ์นี้มีการพาดพิงถึงเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ ผมอยากเรียนกลับไปว่าเราไม่ได้รังเกียจพวกเขาจริง แต่ขอครับอย่าใช้วิธีการที่น่ารังเกียจแบบนี้มาทำกับประชาชน
เติมศักดิ์ – เห็นว่าวัยรุ่นที่เข้าไปรุมกระทืบคุณลุงอิทธิพลนี่ ก็เห็นว่าดูหน้าตาก็เครือข่ายคลองเตยหรือครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – ครับ ตรงนี้ทำกันลักษณะนี้นะครับ สำหรับตัวเขาจะมีความภูมิใจก็คือเขาได้กลับไปอยู่ในวงการ อยู่ในสังคมของเขา และเขานี่เหมือนกับว่าเขาได้พลีชีพเพื่อชาติในกลุ่มของเขา นั่นคือความเข้าใจของเขา เราเรียนว่าผิด ไม่ใช่ ถูกไหมครับ ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่มองถึงผลที่จะสะท้อนกลับไปไกลๆถึงตรงนั้น และเดี๋ยวก็เป็นการปลุกกระแสให้ลุกฮือขึ้นมา ซึ่งมันเป็นกระแสที่ไม่ชอบ ผิดทั้งกฎหมายบ้านเมือง ผิดทั้งศีลธรรม จรรยาบรรณทุกอย่างถูกไหมครับ
เติมศักดิ์ – พูดถึงเครือข่ายคลองเตยนี่ คุณสุริยะใสครับ ที่ผ่านมานี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้เครือข่ายนี้ใช่ไหมครับ การคุกคามสื่อหลายครั้งที่ผ่านมาเขาก็ใช้เครือข่ายคลองเตย ซึ่งวันนี้อย่างที่คุณสุริยะใสบอก ก็มีสุ้มเสียงออกมาจากครูประทีปบอกว่าอย่าเหมารวม
สุริยะใส – จริงๆผมก็เห็นใจครูประทีป อึ้งทรงธรรม นะครับ คือคลองเตยนี่มันใหญ่ใช่ไหมครับ และก็มันมีผลประโยชน์หลายแบบ ยาเสพติดก็มีบ้างแหละ ผมคิดว่าคนดีก็มีเยอะ ก็เป็นปกติของชุมชนทั่วไป เพียงแต่ว่าวันนี้ที่พันธมิตรไปพาดพิงถึงคลองเตยคือมันมีจริง ข้อเท็จจริง เช่น คุณเป๋ คลองเตยที่มา เอาวินมอเตอร์ไซด์มากดดันที่หน้าสำนักงานผู้จัดการ เมื่อซัก 3-4 เดือนที่ผ่านมา หรือหลายๆที่นะครับที่คม ชัด ลึก หรืออะไรด้วยนี่รครับ ผมคิดว่าเราคงต้องพูดยืนอยู่บนข้อเท็จจริงและก็จำแนกเป็นกลุ่มๆไป เช่น เวลาเราพูดว่า เป๋ คลองเตย หรือเครือข่ายคลองเตยนี่ ผมก็อยากให้เข้าใจว่าคงไม่ได้หมายถึงคนคลองเตยทั้งหมด คนดีก็มีแน่นะครับ
เพียงแต่ว่าชุมชนคลองเตยนี่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันปรามและก็ให้ข้อมูล และก็สกัดคนไม่ดีได้อย่างไร เช่น ถ้าเมื่อวานนี่นะครับ ถ้าทั้งหมดหรือบางส่วนอย่างวัยรุ่นนี่ ถ้าเป็นคนที่มาจากคลองเตยนะครับ หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกที่ติดยาอะไรมานี่นะครับ ซึ่งจะต้องมีการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงนะครับ อันนี้ไม่ได้ไปกล่าวหาเขา ถ้าเป็นจริงนี่น่ากลัวแล้วนะครับ น่ากลัวตรงที่ว่ารัฐบาลก็บอกว่าปราบปรามยาเสพติดได้ แต่ทำไมมันยังอยู่ และก็รัฐบาลนี่จงใจที่จะเลี้ยงคนบางกลุ่มไว้หรือเปล่า เพื่อเป็นมวลชนทางการเมือง อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนนะครับ และก็ผมอยากให้ทางคนในคลองเตยก็คงจะต้องมีกระบวนการที่จะตรวจสอบเขาด้วย ผมเห็นด้วยนะครับว่าเราต้องช่วยกันดูไม่ให้คนไม่ดี ทำให้ชื่อเสียงของชุมชนของคนย่านเรานี่เสียหาย ต้องช่วยกันกำจัดนะครับ
เติมศักดิ์ – วันนี้โฆษกเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับท่านนายกฯนะครับ ก็ทำหน้าที่โฆษกให้นายกฯด้วย ก็บอกว่านี่วัยรุ่นที่ไปทุบตีประชาชนนี่นะครับ วัยรุ่นพวกนี้คงหมั่นไส้เสียงตะโกนด่าทักษิณออกไป คงหมั่นไส้ก็เลยทำอย่างนั้น คิดว่างานหน้าถ้าเจอกันอีกก็ต้องฉะกันอีก และคงจะแรงกว่านี้แน่เพราะว่าทั้ง 2 ฝ่ายเป็นคู่อริกันแล้ว ต่อไปนี้มันจะกลายเป็นเกมที่ลงทุนถูกแต่สะใจ คือลงทุนเสียค่าปรับแค่ 500 ก็สามารถหาความมันส์ได้ นี่เพื่อนร่วมรุ่นนายกฯวิเคราะห์นะครับ
สุริยะใส – พูดเหมือนเจ๊หน่อยเลย บ้านเมืองจะนองเลือดก็เพราะแบบนี้ น่ากลัวมากเลย
เติมศักดิ์ – วันนี้มีสุ้มเสียงจากฝ่ายการเมือง บอกว่านี่เป็นเพราะว่าพันธมิตรไปล้างสมอง ในฝังชิพให้คนเกลียดนายกฯ
สุริยะใส – ผมเรียนคุณเติมศักดิ์และก็ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างนี้นะครับ ว่ากลุ่มที่เกิดขึ้นที่พารากอนและก็ที่เซ็นทรัลเวิลด์นี่เราไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ จะใช้คำว่าสาบานอะไรก็แล้วแต่ที่จะเชื่อนี่นะ แต่ผมเรียนด้วยว่าสุจริตใจว่าแกนนำไม่ได้ไปเกี่ยวนะครับ เพียงแต่ว่าที่เราออกมาปกป้องนี่เพราะคนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ เขาไปไม่ได้พกพาอาวุธ และเขาก็ไม่เห็นด้วยกับนายกฯก็ไปตะโกน ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นว่ามันรบกวนก็ต้องดันออกผลักออก มีวิธีการจัดการความขัดแย้งที่ไม่ต้องเกิดการนองเลือดหรืออาจจะบานปลายได้ แต่เมื่อวานนี่นอกจากจะไม่จัดการความขัดแย้งอย่างละมุนละม่อมแล้วนี่ ยังใช้คนสีเทา ใช้อำนาจมืดนอกระบบเข้ามาเล่นงานอีกฝ่ายนี่ ความรับผิดชอบอยู่ตรงไหนครับ ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ฉะนั้นผมคิดว่าพันธมิตรถึงอยู่เฉยไม่ได้ไงครับ เพราะเราเองก็ต้องพิทักษ์สิทธิของประชาชนด้วย เพราะเราก็ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นคนที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญควรได้รับการคุ้มครอง ถ้าวันนี้ไม่มีใครไปคุ้มครองเขานี่ไม่ได้หรอกครับ ต่อไปเราต้องกลัวกันหมดเลย
เติมศักดิ์ – คือคุณสุริยะใสยืนยันว่า เวลาเราไปเห็นคนที่ตะโกนทักษิณออกไปตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือ กทม.นี่ ไม่ใช่เป็นการจัดตั้งจากพันธมิตร เพียงแต่ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มันเกิดชุมชนต่อต้านขึ้นมา
สุริยะใส – ผมใช้คำว่ามันเป็นบันดาลโดยพลังที่เรียกว่าพลังคุณธรรม คือไม่ต้องรอคุณสนธิสั่ง ไม่ต้องฟังท่านจำลองชี้นำอะไรหรอก คนเหล่านี้รู้สึกว่า 4 ปีถูกหลอกมาจากสื่อของรัฐนี่ว่ารัฐบาลนี้เหมือนเทวดา แต่ที่ไหนได้หลีกเลี่ยงภาษีอุตลุดเลย หาเงินเข้าพวกพ้องเข้าตระกูล เล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม อ้างนโยบายปราบผู้มีอิทธิพล ถ้าใครไม่ภักดีกับตัวเองก็เป็นโจรหมดแหละ คนพอรู้นี่เขารู้สึกผิดนะ คนถูกหลอก ถูกกะลาครอบมา 4 ปีนี่ พอรู้อีก 1 ปีหลังว่าถูกโกงถูกหลอกนี่เขาแค้นนะครับ เขาก็มีอารมณ์ เขาก็มีสิทธิที่จะตะโกนได้นะครับ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ไปทำร้ายใครนี่ฉะนั้นเขาไม่ผิด ตรงนี้ผมคิดว่ามันเป็นพลังที่ต้องสำนึกใหม่ของพลเมือง คือไม่ต้องไปชุมนุมกันเป็นแสนล่ะ ผมถึงบอกว่าต่อไปท่านไปที่ไหนก็จะเจอแบบนี้ ผมไม่ได้ยุ และผมไม่เห็นด้วยถ้าจะต้องเกิดความรุนแรง
ผมจะห้ามด้วยถ้ารู้ว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรง ถ้าผมทราบเรื่องผมจะขอห้ามอย่าทำเลย เกิดกับฝ่ายโน้นก็ไม่ดี ฝ่ายเราเจ็บก็ไม่ดีอีกนะครับ เพียงแต่ว่าเรากำลังจะบอกว่าให้ทุกฝ่ายหยุด แต่ไม่สนใจต้นเหตุของปัญหา คือผู้นำนี่ทำให้เกิดความแตกแยกต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ นายกฯบอกทุกคนว่าต้องคิดแบบวิทยาศาสตร์ คราวนี้ก็ต้องแก้แบบวิทยาศาสตร์บ้าง คือต้องแก้ที่ต้นเหตุอย่าไปแก้ที่ปลายเหตุ จับแยกทั้ง 2 ฝ่ายอีกแยกออกไป ทั้ง 2 ฝ่ายนี่ไม่รู้จักกันมาก่อนนะ และไม่ได้ยกพวกตั้งใจจะมาตีกันไม่ใช่หรอก ส่วนหนึ่งมาเชียร์นายกฯ ส่วนหนึ่งมาไล่นายกฯ มันเกิดสภาพที่นายกฯเป็นสายล่อฟ้าทำให้เกิดการเผชิญหน้าและตบตีกัน และท่านก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย และมาเล่นงานตำรวจอีก บางทีก็เห็นใจตำรวจชั้นผู้ใหญ่ด้วย เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำนะครับ ผมคิดว่าสถานการณ์แบบนี้นายกฯต้องเสียสละแล้วล่ะ
เติมศักดิ์ – ฝ่ายการเมืองเขาจะพูดได้ไหม ว่าคนที่ไปตะโกนทักษิณออกไปไปคุกคามสิทธิเสรีภาพของนายกฯ นายกฯจะไปเปิดงาน อย่างวันก่อนจะไปเปิดงานเรื่องในหลวง
สุริยะใส – พูดได้ครับ แต่เขาไม่ได้อนุญาตให้คุณใช้กำลังไปไล่ตีอีกฝ่ายหนึ่งนะครับ กฎหมายมีถ้ามันเป็นความผิดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หมิ่นประมาทก็ดำเนินการ ข้อกฎหมายมีนะครับ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายไปไล่ทุบตีกันแบบนี้ ตรงนี้ไม่ถูกนะครับ
เติมศักดิ์ – ต้องให้คุณดนัยได้ย้ำนิดนึงว่า สิทธิเสรีภาพในการทำแบบนี้ ทำแบบที่พันธมิตรทำ ทำแบบที่ประชาชนที่ผมขอใช้คำว่าเกลียดชังนะครับ เกลียดชังระบอบทักษิณ หรือแม้กระทั่งเกลียดชังทักษิณก็ตามนี่ สิทธิเสรีภาพต่างๆเหล่านี้มีอยู่
ดนัย – มีและได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
เติมศักดิ์ – เพียงแต่ว่าก็ต้องมีขอบเขต ไม่ใช้ความรุนแรง
ดนัย – ครับ เขาอาจจะมองว่าคำว่าทักษิณออกไปเป็นความรุนแรงสำหรับเขา แต่ผมว่ามันเป็นความถูกต้องชอบธรรมที่ประชาชนต้องแสดงออกได้ ไม่ได้ไปทุบตีอะไรเหมือนที่คุณสุริยะใสว่า แล้วที่มันเกิดขึ้นนี่ ผมว่าที่คุณสนธิเคยพูดว่าเทียนมันได้ถูกจุดต่อๆกัน โดยที่คุณสนธิไม่ต้องไปจุดทุกคน ผมว่าตรงนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ มันโดยธรรมชาติ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจว่ามันเกิดปัญญาขึ้นนะครับ แม้ว่าจะถูกทักษิณบอกว่าคนกรุงเทพฯโง่ หลอกได้ แต่บางคนบอกว่ายอมเป็นคนโง่ดีกว่าคนฉลาดในชนบท
เติมศักดิ์ – คุณสันธนะเห็นภาพที่ผู้นำประเทศจะไปเปิดงานต้องขึ้นลิฟท์ขนของนี่รู้สึกยังไงครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – คือศักดิ์ศรี คือความสง่างามนะครับ และในสถานที่สาธารณะ สถานที่เปิด ผมว่าเคยมีครั้งหนึ่งในชีวิตรับราชการนะครับ ผมเชื่อว่าในวันเวลานั้นที่ย้อนหลังไปก็หลายสิบปีของท่านนะครับ ท่านเคยคิดและก็ท่านต้องตัดสินใจว่าจะยังคงอยู่ในราชการต่อไปหรือไม่ หรือท่านจะลาออกนะครับ ณ วันนี้เหตุการณ์ในส่วนตัวของท่านผมว่าก็น่าจะใกล้เคียงกัน ที่ท่านน่าที่จะต้องลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาและตัดสินใจ ณ วันนี้ เพื่ออย่าให้อะไรที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่อยากจะให้เห็นในสังคมนี้เกิดขึ้น
เติมศักดิ์ – คุณทักษิณจะประเมินไหมว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมารายวันนี่ท่านคงอยู่ลำบากแล้วล่ะ ถึงเลือกตั้งกลัยมาได้ ไทยรักไทยกลับมาได้นี่ท่านคงเป็นผู้นำไม่ได้แล้ว
สุริยะใส – คือมองในด้านดีผมรู้สึกว่าท่านอาจจะคิดนะ แต่รอบข้างท่านไม่ได้คิดเลย เหมือนเหตุการณ์ที่ท่านสันธนะอธิบายที่เซ็นทรัลเวิลด์นี่ ผมไม่รู้ไม่แน่ใจว่าท่านออกคำสั่งหรือมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่า แต่คนใกล้ตัวเหมือนเอาเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาป่วนเมืองไทยรายสัปดาห์ เหมือนหลายๆที่ครับ มันเกิดสภาพว่าใครจะได้ปูนบำเหน็จจากผู้นำ ต้องแข่งกันเชลียร์นะครับ แข่งกันสร้างผลงาน เพราะฉะนั้นคุณทักษิณต้องดูว่าตัวเองประเมินผลงานรัฐมนตรี ผ่านคุณภาพงานจริงหรือผ่านใครเกณฑ์คนได้มากกว่าใคร ใครไปเล่นฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า คือถ้าประเมินกันแบบนี้สังคมอันตราย จากนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นนี่นายกฯคงต้องยอมรับความจริงแล้ว ว่าตัวท่านเองเป็นปัญหานะครับ และที่สำคัญคนรอบข้างก็ใช้จุดอ่อนของท่านไปขยายอำนาจสร้างบารมี ใช้อำนาจรัฐในนามรัฐมนตรีเข้าไปจัดตั้งกองกำลังอะไรเข้ามาแบบนี้เพื่อพิทักษ์ท่าน เอาใจท่านนี่ ตรงนี้ผมเป็นห่วงนะครับ สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเจ็บปวดมาตลอด
เติมศักดิ์ – ที่พันธมิตรขีดเส้นไว้ 7 วันต้องได้คำตอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาตินี่ ต้องถามคุณสันธนะหน่อยว่าพอคาดหวังได้ไหมครับ
พ.ต.ท.สันธนะ – เจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ กระบวนการเบื้องต้นก็คือกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นถูกไหมครับ และตรงนี้นะครับเกิดขึ้น ท่านอย่าไปพึงนึกถึงตำแหน่งหน้าที่หรือเก้าอี้ที่ท่านนั่งอยู่เลยนะครับ สังคมกำลังมองว่าถูกต้อง เป็นกลาง เป็นธรรมจริงไหม ท่านแสดงให้เห็นเถอะ จากเหตุการณ์ตรงนี้ท่านแสดงเถอะ นั่นก็คือศักดิ์ศรีในอาชีพ และในการรับราชการสนองพระคุณแผ่นดินของท่านนะครับ
เติมศักดิ์ – คุณดนัยครับ พอคาดหวังได้ไหมว่า 7 วันนี้จะได้คำตอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าใครเป็นใคร ใครมาทำอะไร
ดนัย – ผมว่าต้องร้องเพลงเกียรติตำรวจของไทยให้กระจ่างชัด ถ้าทำได้จริงอย่างที่ท่านว่ามันก็จะคาดหวังได้ แต่ถ้าคิดว่าเป็นรัฐตำรวจอยู่ก็น่าเป็นห่วงครับ
เติมศักดิ์ – คุณสุริยะใสล่ะครับ นี่เป็นการตั้งเงื่อนไขสูงเข้าไว้เพื่อหาเรื่องชุมนุมหรือเปล่า
สุริยะใส – คงไม่ใช่ครับ คือผมคิดว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ อย่างถ้าท่านสันธนะว่าก็คือว่า ต้องคำนึงถึงความสงบสุขของบ้านเมือง อย่างน้อยผมคิดว่าต้องมีความชัดเจนอย่างที่ข้อสังเกต หรือว่าข้อสันนิษฐานของท่านสันธนะและก็เวทีตรงนี้นะครับ ว่ามีอำนาจนอกระบบและก็มีคนสีเทาเข้ามาเกี่ยว วัยรุ่นที่ไปเตะลุง และอีกหลายส่วน ผมติดว่าต้องเอาคนเหล่านั้นมาดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่มีเหตุที่จะถอยหลัง ก็คงต้องจัดชุมนุม
เติมศักดิ์ – ก็ฝากกันไว้นะครับ อำนาจเถื่อนกับการใช้คนเถื่อน คนสีเทามาเป็นเครื่องมือในการทุบตีประชาชน วันนี้ข้อมูลที่เราได้คงต้องมาขยายความกันต่อไปครับ จรัญ จงอ่อน หรือว่าใต้ กับชัยสิทธิ์ ลอมะห์ หรือเล็กสตาร์นี่ กับ ป.อีกคนนึงนะครับ คงได้ขยายความกันว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นใครกันแน่ คงต้องดูกันว่าสิ่งที่เขาได้บอกกับตำรวจนี่เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ นี่เป็นข้อมูลที่เราพยายามจะบอกคุณผู้ชมนะครับทาง ASTV ที่นี่ วันนี้ก็ขอบคุณนะครับทั้ง 3 ท่านครับ วันนี้ลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ
***********************************************************************