“การุณ ใสงาม” รักษาการ สว.บุรีรัมย์ ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (15 ส.ค.49) มั่นใจการเลือก ป.ป.ช.และ กกต.นั้นมีการบล็อกผลโหวตแน่นอน โดยเฉพาะ ป.ป.ช.นั้นมีผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมระบุที่ผ่านมามีการล็อกโผแทบจะทุกๆการลงคะแนนเลือกองค์กรอิสระ แนะการแก้ไขปัญหาต้องปฏิรูปโครงสร้างใหม่ของแต่ละองค์กร ทั้งในเรื่องของขอบเขตอำนาจและการตรวจสอบได้หากเกิดการทุจริตขึ้น ชี้สัญญาณอันตรายหากการโหวตเลือก ป.ป.ช.ครั้งนี้ แม้เข้าโผเพียง 3-4 คนจาก 9 ก็สามารถชี้มูลคดีจากผิดเป็นถูกได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ การุณ ใสงาม รักษาการ สว.บุรีรัมย์
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำราญ – ตอนนี้เราจะไปกันที่คุณการุณ ใสงาม รักษาการ สว.บุรีรัมย์นะครับ สวัสดีครับ คุณการุณครับ
การุณ – สวัสดีครับ การุณ ใสงาม ครับ
สำราญ – ครับ มีคุณคำนูณ คุณปานเทพ และผมสำราญ นะครับ ก็ให้คุณการุณให้ภาพท่านผู้ชมนิดนึง วันนี้วุฒิสภาจะประชุมกี่โมง แล้วทำอะไรกันก่อนหลังยังไงครับ
การุณ – วันนี้นะครับแทบจะทุกคณะกรรมาธิการจะประชุมกันช่วง 9 โมงเช้า 9 โมงเช้านี่คณะกรรมาธิการแต่ละคณะๆก็จะประชุมกัน คงจะเนื้อหาใจความจะเหมือนกันทุกคณะกรรมาธิการ ก็คือว่าปรึกษาหารือกันในการที่จะแต่งตั้งตัวแทนของคณะกรรมาธิการสามัญทั้งหมด 22 คณะ เพื่อจะไปเป็นคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 เพื่อจะสอบสวนทวนความตรวจสอบคุณสมบัติ ประวัติความเป็นมาต่างๆของ กกต. 10 คน ตัวแทนนะครับ ว่าที่ กกต. 10 คนเพื่อจะคัดสรรให้เหลือ 5 ก็จะใช้กรรมาธิการสามัญชุดนี้เป็นผู้ทำหน้าที่แทนวุฒิสภา ทีนี้กรรมาธิการจะได้มาก็คือตัวแทนจากของกรรมาธิการสามัญของแต่ละคณะ คณะละ 1 คนก็คือ 22 คณะมี 22 คน เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นที่ตกลงกันว่ากรรมาธิการสามัญ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติประวัติต่างๆของ กกต.ก็จะมี 22 คน
สำราญ – แต่ปกติจะมี 11 คนใช่ไหมครับตามข้อบังคับนี่
การุณ – ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 นี่นะครับ เขาให้ไปตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ ข้อบังคับกำหนดไว้ให้มี 11 คน คือตัวแทนจากกรรมาธิการสามัญนี่ 8 คน และตัวแทนจากกรรมาธิการกิจการวุฒิสภาอีก 3 คนรวมเป็น 11 อันนั้นเป็นข้อบังคับ การประชุมวุฒิสภาที่จะตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ที่โดยปกติถ้าหากว่าเป็นเรื่องด่วน หรือเป็นเรื่องที่จำเป็น หรือเรื่องสำคัญที่เราต้องการรายละเอียดมากเพื่อความชัดเจน ใช้วิธีการยกเว้นข้อบังคับข้อนี้เสีย แล้วก็ใช้กรรมาธิการที่ง่ายที่สุดก็คือว่าวิธีการส่งตัวแทนมาจากคณะกรรมาธิการสามัญ ที่มีอยู่ในวุฒิสภาทั้งหมด 22 คณะกรรมาธิการ อันนี้ก็ง่ายดี ก็ทำให้แต่ละคณะกรรมาธิการนี่นะครับ ก็จะไปปรึกษาหารือกันก่อนในคณะกรรมาธิการของตัวเองว่าเราจะส่งตัวแทนเป็นใคร เมื่อคิดได้ตัดสินใจได้อย่างนี้แล้ว ในช่วงเช้านี้ก็จะทำให้ภาคบ่ายการประชุมนี่ง่ายเข้า และไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกกรรมาธิการสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ให้เสียเวลา ก็คือหมายความว่าตัวแทนแต่ละคณะก็เสนอของคณะตนเองง่ายเข้า ก็จะได้ประกอบกันเป็นคณะกรรมาธิการสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 จะได้ไปทำหน้าที่สอบสวนทวนความ ดูประวัติความประพฤติต่างๆ รวมทั้งทรัพย์สิน การปฏิบัติหน้าที่ของว่าที่ทั้ง 10 ท่านนะครับ
สำราญ – พอตกบ่ายก็ประชุมวุฒิสภา
การุณ – ใช่ และตอนบ่ายก็จะเป็นการประชุมวุฒิสภา เพราะฉะนั้นการประชุมวุฒิสภาก็วาระมันก็จะมี 2 เรื่อง เนื่องจากว่าการประชุมวุฒิสภานี้เป็นการประชุมวุฒิสภาที่รักษาการ เมื่อการประชุมวุฒิสภารักษาการ หน้าที่ที่ทำได้ก็จะทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 นะครับ มาตรา 168 ก็มี (1) ว่าด้วยเรื่องหมวดพระมหากษัตริย์ (2) ว่าด้วยเรื่องการแต่งตั้งบุคคลก็คือตามที่วาระวันนี้ และก็ 168 (3) ว่าด้วยเรื่องการถอดถอน เพราะฉะนั้นการขอเปิดสมัยประชุมอย่างนี้นะครับของ สว.รักษาการอย่างนี้ จะต้องกำหนดภารกิจที่ชัดเจน คือจะอภิปรายหรือจะประชุมในเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการเปิดกฤษฎีกาในการเปิดประชุมนี่ จะกำหนดระบุวาระงานนี่ชัดเจนว่าจะทำใน 2 เรื่อง คือ เรื่อง กกต.กับเรื่อง ป.ป.ช.
สำหรับ กกต.ที่เป็นวาระแรกๆนี่นะครับ ก็จะว่าด้วยเรื่องตั้งกรรมาธิการสามัญอย่างที่เรียนไปแล้วแต่ต้นนะครับ อันนี้เป็นข้อกำหนดไว้บังคับไว้ตามรัฐธรรมนูญ หรือว่าขั้นตอนจะต้องทำอย่างนี้ ก็คือตั้งกรรมาธิการสามัญไปตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆของ กกต. ทีนี้ก็ถ้าหากเราเตรียมการให้ดีนะครับ อย่างเรียบร้อยในช่วงเช้าวันนี้ของแต่ละคณะกรรมาธิการสามัญ ก็จะทำให้การประชุมในภาคบ่ายช่วงบ่ายโมงนี้สะดวก รวดเร็ว และง่ายเข้า ไม่ต้องไปใช้เวลามากในการที่จะเลือกกรรมาธิการสามัญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ในกรณี กกต. ก็ง่ายเข้าเร็วเข้า
ต่อไปก็ว่าด้วยเรื่องวาระที่สำคัญก็คือว่าด้วยเรื่องการเลือก ป.ป.ช.ล่ะ ก็ ป.ป.ช.ได้เข้าไปวาระครั้งแรกแล้วนะครับ มีการตั้งกรรมาธิการสามัญคล้ายๆอย่างนี้ ที่ว่ากันเรื่อง กกต.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 สอบสวนประวัติ ป.ป.ช.ทั้งหมด 18 คน เพื่อเราจะได้เลือกให้เหลือ 9 คน ตรงนี้แหละครับเป็นเรื่องที่ด่วนสำคัญ ก็เป็นการเลือก ป.ป.ช. แต่ กกต.นั้นเขาสามารถรอไปก่อนได้ ยังมีเวลาที่จะคิดอ่านกันอีกนาน 10 วัน 20 วัน 30 วัน หรืออาจจะถึง 45 วันเหมือน ป.ป.ช.นี้ก็ค่อยว่ากัน แต่ ป.ป.ช.ต้องเลือกวันนี้ล่ะ วันนี้รู้เลย 9 คนก็ว่าด้วยเรื่องการเปิดอภิปรายกันในเบื้องต้น ว่าด้วยเรื่องความเป็นมา รายละเอียด ข้อมูลต่างๆที่พูดถึงเรื่องทั่วไป เป็นวาระของ ป.ป.ช.ว่าจะเลือกยังไง
ต่อจากนั้นไปก็ว่าด้วยเรื่องการประชุมลับ ก็ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติลึกๆ พื้นฐานต่างๆที่เป็นกฎข้อบังคับของเราว่า เรื่องอย่างนี้เป็นบุคคลภายนอก เขาไม่มีโอกาสมาเกี่ยวข้อง และก็ไม่มีโอกาสจะมีแสดงความเห็นในที่ประชุมได้ เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่องที่อาจจะอภิปราย ข้อมูลบางอย่างที่เราสอบสวนมาได้ หรือมีประวัติมาได้อาจจะกระทบกระเทือนกับตัวเขาเอง หรือกระทบกระเทือนกับบุคคลที่ 3 หรือกระทบกระเทือนกับญาติพี่น้องครอบครัวของเขา ลูกหลานของเขา พ่อแม่ของเขา ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนได้ อย่ากระนั้นเลย ข้อบังคับก็กำหนดไว้เรื่องอย่างนี้นี่ให้ประชุมลับเสีย ประชุมลับเรียบร้อนได้รายละเอียดชัดเจนครบถ้วนแล้วนะครับ ก็จะทำการลงมติแล้ว ก็ลงคะแนนกันตามรัฐธรรมนูญนะครับ
สำราญ – ทีนี้ถามเข้าประเด็นเลยที่สื่อมวลชนสนใจกันว่า มีจริงไหมที่บล็อกโหวตมา 7 คนและ 2 คนนี่เปิดอิสรเสรี คุณการุณเป็น สว.คนหนึ่งนี่ได้รับโผแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ
การุณ – คือโผนี่นะครับเขาจะให้เฉพาะที่เขาให้โผได้นะ พี่อย่าลืมนะ คนที่เขาไม่กล้าให้โผหรือให้โผมาแล้วทำให้โผเขาแตกนี่นะครับ หรือทำให้เขาอาจต้องถูกจับได้อะไรอย่างนี้นะครับ เขาก็จะไม่ให้โผหรอกอะไรอย่างนี้นะครับ ก็เป็นการทำผิดกฎหมาย เพราะการให้โผ ความหมายของการให้โผที่ว่านี่ก็คือหมายถึงการล็อกคน กำหนดตัวบุคคล และการให้โผบางทีอาจจะถึงขั้นการให้สินบาทคาดสินบนใช่ไหมครับ กำหนดกะเกณฑ์กันว่าถึงเรื่องผลประโยชน์ซึ่งควรจะแลกเปลี่ยนได้อย่างไรนะครับ ผลประโยชน์นี้มันอาจจะเป็นด้วยเงินก็ได้ อาจจะเป็นด้วยผลประโยชน์อย่างอื่นก็ได้ ยศถาบรรดาศักดิ์ตำแหน่งต่างๆในวันนี้และวันข้างหน้า ของคนใกล้ชิด ของตัวเองหรืออะไรต่างๆก็เป็นได้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ต่างๆเหล่านี้มีมากมีหลายรูปแบบใช่ไหมครับ บางท่านอาจจะบอกว่าเป็นหุ้นอะไรอย่างนี้ สิ่งต่างๆเหล่านี้นะครับที่ปรากฏผ่านมาใน สว.ชุดนี้นะครับ 6 ปีเลือกมาหลายครั้งเลือกมาหลายตำแหน่ง ก็ยอมรับความเป็นจริงกันเถอะครับว่ามันมีโผจริงๆ ถ้าไปดูคะแนน ไปดูอะไรต่างๆจะชี้ชัดนะครับ คือถ้าพอเข้าใจได้ใช้สติปัญญาแบบธรรมดาสามัญง่ายๆนี่นะครับ ก็ดูออกแหละว่านี่มันโผชัดๆใช่ไหมครับ อย่างกรณีเลือก ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้ ไม่ต้องเอาเรื่องอย่างนะครับ เอาเรื่องเดียวกันนี่แหละว่าด้วยเรื่อง ป.ป.ช. ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้นะครับที่กรณีพวกเรา สว.จำนวนหนึ่ง และก็ ส.ส.จำนวนหนึ่ง เข้าชื่อกันเพื่อไปส่งศาลฎีกาในกรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบและทุจริต จนกระทั่งก่อให้เกิดการเลือก ป.ป.ช.ชุดนี้นะครับ และศาลพิพากษาจำคุกและโทษจำคุกให้รอลงอาญา
ในการเลือกครั้งนั้นนะครับนั่นก็โผนะครับ ชุดเข้าคุกน่ะเอาง่ายๆแล้วกัน นั่นก็โผครับ โผยังไงครับ มีบางคนถูกอภิปรายหนักเลยในข้อมูลต่างๆ ความประพฤติ การปฏิบัติหน้าที่นะครับ โดยหลักแล้วนี่นะครับ โดยสามัญของผู้ฟังในการตัดสินใจที่จะลงคะแนนนี่ โดยหลักและข้อเท็จจริงข้อมูลต่างๆนี่นะครับ บุคคลผู้นี้ไม่น่าจะได้คะแนนอย่างนี้เป็นต้น แต่ปรากฏว่าได้คะแนนชนะท่วมท้นเลย ถ้าอย่างนี้ไม่เรียกว่าล็อกกันมา โผกันมา จัดตั้งกันมา สั่งกันมา แจ้งกันมาที่ชัดเจนจะเรียกว่าอะไร แล้วต่อจากนั้นมาเบอร์ที่ลงคะแนนนะครับ คนทั้งหมดต้องส่งมา 2 เท่าคือ 18 คน แต่ตัวเลขของเบอร์ออกมานะครับมันเข้าที่เข้าทางล็อก โดยหลักของการลงคะแนนของคน 200 คนนะครับ การลงคะแนนควรมีลักษณะภาพของการกระจายคะแนน
ถ้าโดยหลักธรรมชาตินะครับมันจะต้องเป็นภาพของการกระจายคะแนน คนนั้นได้มาก คนนี้ได้น้อย มีลักษณะเป็นการกระจายออกไปนะครับ และก็ดูคะแนนว่าใครได้มากสุด ใครได้น้อยสุดอะไรอย่างนี้นะครับ และคะแนนมันก็จะตัดออกมา วาระเริ่มแรกนี่ถ้าใครได้เกินกึ่งหนึ่งของ สว.ที่มีอยู่ ถ้า 200 คนก็เกิน 100 คน แต่ตอนนี้ สว.มีเหลือประมาณ 186 คนก็จะต้องเกินกึ่งหนึ่งของ 186 คน อย่างนี้ถือว่าครั้งเดียวได้เลยคนนี้ คนที่ได้รับคะแนนอย่างนี้ ต่อจากนั้นมารอบสองก็จะต้องดูคะแนนลดหลั่นกันมาว่า เอาล่ะ รอบหนึ่งต้องเกินกึ่งหนึ่งอย่างนี้แล้ว แต่ถ้ารอบสองนี่มันไม่จำเป็นต้องเกินกึ่งหนึ่งล่ะ ก็เอาคะแนนมากที่สุดเรียงมา และก็เอาจำนวนเท่าที่มีหรือที่ต้องการ เช่น ต้องการ 9 คนหรือ 8 คนหรือ 7 คน ที่เหลืออยู่ก็เอาเท่านั้น เพราะฉะนั้นรูปแบบของคะแนนมันจะต้องมีลักษณะกระจาย นี่เป็นลักษณะธรรมชาติ
แต่ปรากฏทุกครั้งที่ผ่านมานะครับมันไม่ใช่ครับ ท่านไปถอยดูการเลือกตั้งทุกองค์กรเลย หรือแม้กระทั่ง ป.ป.ช.กรณีที่ผมว่านี้ คะแนนก็จะออกมาเป็นบล็อกๆของเขานะครับ อันนี้ ป.ป.ช.ชุดที่เข้าคุกและก็รอลงอาญา ต่อจากนั้นมา ป.ป.ช.ชุด 17 คนที่ถูกตีกลับมากรณีนี้ ชุด 17 คนนั้นก็เหมือนกันครับ กรณีที่ 18 คนใช่ไหมครับเสนอเข้ามา ปรากฏว่า 1 ท่านคือท่าน พล.อ.ประวิตรท่านก็ถอนตัว อันนี้ท่านอาจจะรู้ว่าท่านไม่อยู่ในโผก็ได้ สุดท้ายมันก็โผจริงๆครับ โผก็ออกมาจริงว่าล็อกเลยครับ คะแนนออกมาจนกระทั่งพวกเราบอกว่า 18 คนส่งมา 2 เท่าให้เลือกเหลือ 9 เมื่อถอนตัว 1 มันจะต้อง 18-1 เหลือ 17 ซึ่งมันไม่ใช่ 2 เท่ามันขัดรัฐธรรมนูญ เลือกไม่ได้ จนกระทั่งพวกเราถอนตัวออกจากการเลือกครับ ออกจากห้องประชุมมาประมาณ 20-30 คนนะครับวันนั้น แต่เขาก็ยังดันทุรังเลือกและก็เกิดปัญหา จนกระทั่งมาเกิดเหตุต้องทำวันนี้อีกเห็นไหมครับ อย่างนี้เป็นต้น
แล้วก็โผออกมาชัดเจนเลยครับ ท่านไปดูคะแนนเอาใหม่เถอะ ผมก็จดคะแนนเอาไว้เผอิญไม่อยู่ในมือผม อันนั้นก็โผล็อกมาเลย พรืบออกมาเลยทั้ง 9 คนเปรี๊ยะเหมือนกันหมดเลยอย่างนี้เป็นต้น ทีนี้ ป.ป.ช.ครั้งนี้แหละในการเลือกวันนี้ตอนบ่ายจะมีโผอีกไหม เหมือนเดิมครับ มันจะต้องมีอยู่แน่นอนเพราะอะไรครับ เพราะผลประโยชน์ที่มีอยู่กับ ป.ป.ช. และจำเป็นจะต้องใช้ ป.ป.ช.นี่มีสูงมาก ท่านรู้ไหมว่าขณะนี้นี่นะครับสำนวนคดีว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่มิชอบและทุจริต ร่ำรวยผิดปกติต่างๆนี่อยู่ใน ป.ป.ช. ที่จำเป็นจะต้องคอย ป.ป.ช. 9 คนนี้ไปสะสางมีมากถึงประมาณ 1 หมื่นคดี ตอนที่ ป.ป.ช.เข้าคุกรอลงอาญาตอนนั้นเหลืออยู่ประมาณ 7 พันคดี ตอนนี้ขึ้นมาประมาณหมื่นคดีแล้วครับ แล้วท่ามกลางหมื่นคดีที่ว่านี้ก็จะมีสำนวนคดีบางสำนวนคดีนะครับ ทยอยขาดอายุความกันไปเรื่อยๆ ที่สำคัญครับในบางสำนวนคดีมีมูลค่าการทุจริตเป็นหมื่นล้าน และจะต้องมีเจ้าหน้าที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาจจะต้องเข้าคุกอีกเป็นสิบๆคนหลายสิบเลยต่อสำนวนคดีอย่างนี้
เรื่องอย่างนี้ครับ ผลประโยชน์สิ่งเหล่านี้ในการวิ่งหา ป.ป.ช.เป็นพวก หา ป.ป.ช.เป็นคนมาช่วยงาน หา ป.ป.ช.ในการมาชี้มูลให้ในการสอบสวนเข้าไปทำหน้าที่นี่นะครับสูงมาก และ ป.ป.ช.เหล่านี้นะครับท่านจะต้องทำงานอีกหลายปี ยังจะต้องมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยอีกเหมือนกันนะครับ เพราะว่า ป.ป.ช.ชุดนี้จะต้องทำ 9 ปี คือวาระการทำงานของ ป.ป.ช.มีอยู่ 9 ปี เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.ชุดนี้จะทำหน้าที่ 9 ปี หรือจะต้องทำหน้าที่เพียงแทนตำแหน่งที่ว่างลงกรณี 9 คน ถ้าแทนตำแหน่งที่ว่างลงก็จะประมาณ 6 ปีถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ เท่านั้นเองอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.นี่นะครับ จะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และทุจริตของผู้บริหารราชการนี่ โดยเฉพาะนายกฯหรือรัฐมนตรีนี่อีกมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องการคนเหล่านี้แหละครับไปช่วยแก้ไขข้อขัดข้องในการทุจริตของเขา ที่เขาคดเขาโกงเอาไว้นี่เพื่อกลบเกลื่อนหรือเพื่อล้มคดี หรือเพิ่มสั่งคดีที่มีมูลหรือไม่มีมูลนี่สูงมาก
สำราญ – ดังนั้นอันนี้คือจะล็อกไม่ล็อกดูได้จากการลงคะแนนหรือครับ
การุณ – ดูลงคะแนนครับ มากันเป็นชุดๆเรียงเป็นลักษณะเบอร์คล้ายคลึงกัน อันนี้เวลาอ่านคะแนนจะดูง่ายมากเลย จะรู้เลยว่าเอาแล้วโผมาแบบนี้แน่
สำราญ – ทีนี้คุณการุณที่ดูตามข่าววันนี้ เขาบอกวันที่ 11 สิงหาคมกลางดึกนะ
การุณ – ไม่ดึกครับ ไม่ดึก น่าจะไม่เกินทุ่มนึงนะครับ พอดีผมไปนะครับ อันนี้จริงครับผมไปเห็นจริง
สำราญ – ไปที่โรงแรมเมดิสัน
การุณ – ใช่ครับ จริงๆ
ปานเทพ – แล้วเขาทำอะไรกันอยู่ตอนนั้นครับ
การุณ – เท่าที่ผมเห็นส่วนหนึ่งกำลังทยอยมา พอเขาเห็นคือผมก็ไปธุระที่นั่นแหละพอดีด้วย บังเอิญนะครับ ไปก็เห็นส่วนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ส่วนหนึ่งก็กำลังจะเข้าไปในห้อง เป็นห้องอาหารและก็มีห้องหับเรียบร้อยนะครับ คือห้องอาหารเป็นห้องอาหารอยู่ในโรงแรม และก็ห้องอาหารนั้นเขาก็มีห้องหับเป็นโต๊ะอาหาร และก็มีห้องปิดเรียบร้อยมิดชิด
สำราญ – เป็นห้องแยก
การุณ – ผมก็ไปเห็นอย่างนั้นแหละครับ พอดีเขากำลังเดินเข้าเดินออกกัน ผมก็ไปเห็นเอ๊ะ หน้าตาแต่ละท่านเหล่านี้ ท่านเป็น สว.มาจากหลายถิ่นหลายแห่งนะ ก็มานัดหมายกันที่นี่เหมือนกันหรือ ท่านก็มีนัดหมายอยู่ตรงนี้หรือมาอะไรกันหนอ ซักครู่นึงผมก็ไปนั่งที่นั่งทางของพวกผมน่ะครับ ไปทำธุระของพวกผม ปรากฏว่าผมก็ลุกเข้าห้องน้ำก็เดินผ่านมา ผมก็ดูว่าเขายังอยู่กันไหมเพราะเห็นว่าเป็น สว.ด้วยกันนั่นแหละ ปรากฏว่าก็ไม่มีคนอยู่แล้ว ผมก็เลยบอกว่าเขาเพิ่งเข้ามานี่นะครับ ทำไมถึงรีบลุกลี้ลุกลนออกไปอย่างนั้น ผมก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรม ถามพนักงานร้านอาหารนั้นฝ่ายต้อนรับอะไรต่างๆ ถามว่าคณะตรงนี้หายไปไหน เขาไปไหนกันหมด เมื่อกี๊นี่ยังเห็นอยู่ เขาก็เลยบอกว่าเขายกเลิกแล้วครับ ทำไมถึงยกเลิกล่ะ ยกเลิกไปทางไหนล่ะ ไปร้านอื่นหรือเปล่า เขาก็ไม่บอกไม่ทราบยกเลิกไปทางไหน ผมก็เลยถามว่าแล้วเขาจองไว้กี่ที่ล่ะ เขาก็บอกว่าเขาจองไว้ทั้งหมด 12 ที่ 12 คนว่างั้นโดยประมาณก็ยกเลิกไปร้านอาหารนั้น เขาก็พากันแยกย้ายกันกลับไป ซึ่งสาเหตุของการยกเลิกเราก็ไม่ทราบนะครับ การไปนั้นเขาจะไปคุยเรื่องอะไรเราก็ไม่ทราบ เขามีการแจกเงินนับเงินกันหรือไม่ผมก็ไม่เห็น ก็ไม่ได้ดูไม่ได้อยู่ด้วย เขาทำเรื่องอะไรผมก็ไม่ทราบอีกเหมือนกันเพราะเห็นเพียงเท่านั้น และเขาก็ทำไมถึงมายกเลิกกลางคันอย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่มีรายละเอียด เขาอาจจะติดธุระอะไรหรือเปล่า หรือกำลังจะไปนัดที่อื่นอีกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะครับ
คำนูณ – ในจำนวนทั้ง 18 คนที่จะเลือกวันนี้นี่ สมมุติว่าไม่มีบล็อกโหวตนี่มีโอกาสที่จะได้คนดีๆบ้างไหม
การุณ – ในจำนวน 18 คนนี้นะครับ มีท่านที่มีความรู้ความสามารถ ที่จริงทั้ง 18 คนก็มีความรู้ความสามารถอยู่นะครับ เพียงแต่ว่าการทำหน้าที่อย่างนี้ต้องมีความเป็นอิสระ ต้องเป็นกลางใช่ไหมครับ ต้องซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเป็นลักษณะอุปถัมภ์เข้ามา หรือลักษณะเป็นการเกื้อกูลกันเข้ามา ช่วยเหลือกันเข้ามา มันก็ทำหน้าที่ ป.ป.ช.มันก็ลูบหน้าปะจมูกกันอีก ผลประโยชน์ของชาติของส่วนรวมก็เสียหายอีก ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์เลยต่อวิธีการอย่างนี้ เพราะฉะนั้นดูนะครับถ้าเป็นการเลือกโดยอิสระก็ค่อนข้างจะได้คนดีเข้าไป คนซื่อสัตย์สุจริตเข้าไปนี่ ถ้าได้จำนวนมากก็จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม ในจำนวนเหล่านั้นท่านเหล่านั้นมีหลายคนครับที่เป็นผู้ที่คุณสมบัติดีมาก เราก็เห็นด้วยอยู่หรอกตรงนี้ แต่ท่านที่มีปัญหาก็มีอยู่นะครับ ในจำนวนนั้นก็มีคนที่มีปัญหาอยู่หลายคน ที่เราสอบสวนทวนความแล้ว ประวัติความเป็นมาต่างๆก็มีความไม่เหมาะไม่ควรอยู่หลายคนนะครับ
สำราญ – ก็เที่ยวนี้ก็คงเดิมๆนะครับ สรุปแล้วนี่
การุณ – ไอ้เรื่องโผเรื่องอะไรต่างๆนี่ค่อนข้างจะ คิดว่าค่อนข้างจะผมเชื่อว่ามีนะครับ
ปานเทพ – แต่คุณการุณทราบแล้วหรือยังว่า 9 คนที่จะได้นี่จะเป็นใครบ้าง พอมีข่าวไหม
การุณ – ตอนนี้ก็เลาๆนะครับ ก็พอมีรายชื่อมาอยู่ว่ามีการเตรียมกันอยู่นะครับ ประมาณ 6-7 คนอย่างที่ว่านี้ก็ใช่ ที่จริง ป.ป.ช.ก็ไม่ต้องล็อกโผมากนะท่านนะ เพราะอะไร เพราะกฎหมาย ป.ป.ช.มันเป็นลักษณะพิเศษอันนึงนะครับ ที่การชี้มูลความผิดในกรณีที่จะนำส่งขึ้นศาลฎีกา ในกรณีนักการเมืองก็ตามอะไรก็ตามนะ เสียงชี้มูลความผิดไม่ใช่เสียงข้างมากแบบปกตินะ จะต้องใช้เสียงชี้มูลจาก 3 ใน 4 นะครับ การล็อกของเขานี่ถ้ามีคนของเขาอยู่ใน ป.ป.ช.ไม่ต้องมากครับ มีประมาณแค่ซัก 3-4 คนแค่นี้พอแล้ว จากจำนวน 9 คนนี่เขาไม่ต้องเอา 5 นะครับ ปกติ 5 จะชนะ 4 ใช่ไหมครับ แต่เสียงข้างมากคือ 5 แต่ปรากฏไม่ใช่นะครับ ในการลงมติของ ป.ป.ช.เพื่อจะส่งชี้มูลนี่ ดูเหมือนกฎหมาย ป.ป.ช.จะบังคับไว้ว่า 3 ใน 4 ถึงจะชี้มูลได้
คำนูณ – คือ 100% เอาซัก 3 ก็พอ
การุณ – พอครับ ถ้าให้ดีเอาเผื่อเหลือเผื่อขาดซัก 4 คนนี่พอเลย ถ้าได้ 4 คนนี่นะครับเรียบร้อยเลยครับ ชี้มูลนี่นะครับกรณีส่งซุกหุ้นจำได้ไหม ซุกหุ้นรอบหนึ่งนั้นน่ะมีเสียงค้านอยู่ 1 เสียง ถ้าค้าน 3-4 เสียงนี่วันนั้นเรียบร้อยครับ ไม่ได้ขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป
ปานเทพ – แต่คุณการุณก็พอทราบว่าถ้า 4 มีการบล็อกจริงๆ หรือว่าต้องการล็อกให้ใครนี่ ก็พอจะรู้แล้วว่าชื่ออะไรบ้าง
การุณ – รู้ครับ ตอนนี้อาการก็เริ่มรู้แล้วล่ะครับ เราก็พอจดๆเอาไว้อยู่ว่ามีอีกแล้ว
คำนูณ – คิดว่าดูแล้วระบบการเลือกรรมการอิสระตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี่ เลือกกันมาหลายครั้งแล้วดูจะมีปัญหาไหมครับ เพราะเมื่อไปกำหนดคุณสมบัติไว้ 1,2,3,4,5 ... อย่างที่ว่านะ มันก็หนีไปพ้นต้องเป็นข้าราชการประจำระดับสูง ถ้าเป็นข้าราชการประจำระดับสูงมันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลที่อยู่มา 4-5 ปี
การุณ – ถูกต้องเลย นี่ข้อท้วงติงตรงนี้ถูกต้องเลย รัฐธรรมนูญมันกำหนดไว้ด้วยคุณสมบัติต่างๆที่ว่านี้นะครับ ก็คือคุณสมบัติลักษณะของขุนนางไง คือคนที่จะเข้าไปอยู่สู่องค์กรอิสระอย่างนี้ได้ จะต้องมีลักษณะต้องเป็นขุนนางเก่า คืออะไรครับ จะต้องมียศถาบรรดาศักดิ์เรียกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าอธิบดี หรือศาสตราจารย์ หรืออะไรประเภทอย่างนี้นะครับ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีบ่งบอกเลยว่าเป็นประชาชนทำได้ เข้าสู่ตำแหน่งนี้ได้เห็นไหมครับ เพราะฉะนั้นมีหลายเรื่องครับในกระบวนการสรรหาขององค์กรอิสระ ไม่ใช่เฉพาะ ป.ป.ช.อย่างเดียวนะ องค์กรอิสระอื่นๆตามรัฐธรรมนูญก็ตามนี่นะครับ มีหลายเรื่องครับ กระบวนการสรรหา ขั้นตอนต่างๆ หรือการเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ หรือคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ต้องปฏิรูปครับ ต้องทำการปรับปรุงแก้ไขใหม่เสียให้หมดนี่อันหนึ่งนะครับ
อันที่สองเรื่องอำนาจหน้าที่ของเขา ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ของเขาจะต้องปฏิรูปกันใหม่ กรณี ป.ป.ช.อย่างนี้เป็นต้นนะครับ เราจะให้มี ป.ป.ช.อยู่เพียง 9 คนแล้วคดีทุกคดีทะลักเข้ามาจากทั่วประเทศ ซี 1 ซี 2 ซี 5 โกงบาทสองบาทในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าสู่ ป.ป.ช.หมดอย่างนี้ไหวไหม ป.ป.ช.ควรจะมีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นไหม ไปสู่จังหวัดไหม เป็น ป.ป.ช.จังหวัดหรือไม่ กำหนดอำนาจหน้าที่กันใหม่เสียให้ชัดเจนไหม ปฏิรูปสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ชัดเจนหมด ให้ครบถ้วนไหม และการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ล่ะถ้าหาก ป.ป.ช. ทุจริตเสียเองล่ะทำยังไง ก็จะต้องมีอำนาจในการควบคุมตรวจสอบ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของ ป.ป.ช.ด้วย ถ้าหากคุณทุจริตเราจะป้องกันได้อย่างไร เราจะปราบปราม ป.ป.ช.ที่ทุจริตได้อย่างไรอีก อำนาจหน้าที่ของภาคพลเมืองนี่จะทำอย่างไร พื้นที่ภาคพลเมืองประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมนี่ ที่จะช่วยกันควบคุมจัดการดูแลตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ควรจะทำอย่างไรนะครับ
เพราะฉะนั้นจะทำให้การควบคุม ป.ป.ช.ได้ด้วยอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจะต้องทำการปฏิรูปกันใหม่เสียให้หมดเสียให้ครบใช่ไหมครับ เห็นไหมครับการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน 11 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เรากำลังทำหน้าที่เลือก ป.ป.ช.ใช่ไหม และวันนี้เราก็จะเลือก กกต.กันอีกใช่ไหม แต่ปรากฏเรายังไม่ได้ปฏิรูปอะไรกันซักอย่างเดียวเลยรู้หรือเปล่านี่ นี่ทำมาทั้งหมด 11 เดือนนี่ ป.ป.ช.จะถือว่าชนะก็ได้นะครับ เพราะภาคประชาชนคือภาคผู้แทนราษฎรกับภาค สว.ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบคนเหล่านี้ เอาเข้าคุกเข้าตะรางรอลงอาญาและก็เลือกใหม่ กกต.ก็เป็นส่วนหนึ่งของการขับไล่ทักษิณใช่ไหมครับ สุดท้าย กกต.ก็คือส่วนหนึ่งของทักษิณ กกต.คือผู้ที่รับใช้ระบอบทักษิณ และ กกต.ก็กระทำความผิดมากมายเหลือเกิน และ กกต.ก็ถูกเอาออกไป เข้าคุกไปใช่ไหมครับ เราก็ชนะระดับหนึ่งและก็จะทำการเลือก กกต.
สำราญ – แต่มันก็ยังติดที่กฎเกณฑ์
การุณ – ถูกต้อง โครงสร้างไม่ว่าจะเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ โครงสร้างที่เป็นอำนาจตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ก็ตาม ป.ป.ช.ก็ตามยังเหมือนเดิมหมด กฎระเบียบ กติกา ข้อบังคับยังเหมือนเดิมหมด วิธีการ กระบวนการสรรหา การได้มีสู่ตำแหน่งเหมือนเดิมหมด อำนาจหน้าที่ต่างๆเหมือนเดิมหมด ตัวบุคลากรที่อยู่ในตึกเหล่านั้น โครงสร้างต่างๆเหล่านั้นเหมือนเดิมหมด ยังไม่ได้ปรับปรุงอะไรซักอย่างเดียว
คำนูณ – เอาล่ะครับ ตามไปอ่านบทความคุณการุณต่อ
สำราญ – เวลาหมดโอกาสหน้าคุยกันต่อนะครับ เชิญที่สถานีดีกว่านะครับ
การุณ – ยินดีครับ ยินดี
สำราญ – ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ การุณ ใสงาม รักษาการ สว.บุรีรัมย์
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำราญ – ตอนนี้เราจะไปกันที่คุณการุณ ใสงาม รักษาการ สว.บุรีรัมย์นะครับ สวัสดีครับ คุณการุณครับ
การุณ – สวัสดีครับ การุณ ใสงาม ครับ
สำราญ – ครับ มีคุณคำนูณ คุณปานเทพ และผมสำราญ นะครับ ก็ให้คุณการุณให้ภาพท่านผู้ชมนิดนึง วันนี้วุฒิสภาจะประชุมกี่โมง แล้วทำอะไรกันก่อนหลังยังไงครับ
การุณ – วันนี้นะครับแทบจะทุกคณะกรรมาธิการจะประชุมกันช่วง 9 โมงเช้า 9 โมงเช้านี่คณะกรรมาธิการแต่ละคณะๆก็จะประชุมกัน คงจะเนื้อหาใจความจะเหมือนกันทุกคณะกรรมาธิการ ก็คือว่าปรึกษาหารือกันในการที่จะแต่งตั้งตัวแทนของคณะกรรมาธิการสามัญทั้งหมด 22 คณะ เพื่อจะไปเป็นคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 เพื่อจะสอบสวนทวนความตรวจสอบคุณสมบัติ ประวัติความเป็นมาต่างๆของ กกต. 10 คน ตัวแทนนะครับ ว่าที่ กกต. 10 คนเพื่อจะคัดสรรให้เหลือ 5 ก็จะใช้กรรมาธิการสามัญชุดนี้เป็นผู้ทำหน้าที่แทนวุฒิสภา ทีนี้กรรมาธิการจะได้มาก็คือตัวแทนจากของกรรมาธิการสามัญของแต่ละคณะ คณะละ 1 คนก็คือ 22 คณะมี 22 คน เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นที่ตกลงกันว่ากรรมาธิการสามัญ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติประวัติต่างๆของ กกต.ก็จะมี 22 คน
สำราญ – แต่ปกติจะมี 11 คนใช่ไหมครับตามข้อบังคับนี่
การุณ – ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 นี่นะครับ เขาให้ไปตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ ข้อบังคับกำหนดไว้ให้มี 11 คน คือตัวแทนจากกรรมาธิการสามัญนี่ 8 คน และตัวแทนจากกรรมาธิการกิจการวุฒิสภาอีก 3 คนรวมเป็น 11 อันนั้นเป็นข้อบังคับ การประชุมวุฒิสภาที่จะตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ที่โดยปกติถ้าหากว่าเป็นเรื่องด่วน หรือเป็นเรื่องที่จำเป็น หรือเรื่องสำคัญที่เราต้องการรายละเอียดมากเพื่อความชัดเจน ใช้วิธีการยกเว้นข้อบังคับข้อนี้เสีย แล้วก็ใช้กรรมาธิการที่ง่ายที่สุดก็คือว่าวิธีการส่งตัวแทนมาจากคณะกรรมาธิการสามัญ ที่มีอยู่ในวุฒิสภาทั้งหมด 22 คณะกรรมาธิการ อันนี้ก็ง่ายดี ก็ทำให้แต่ละคณะกรรมาธิการนี่นะครับ ก็จะไปปรึกษาหารือกันก่อนในคณะกรรมาธิการของตัวเองว่าเราจะส่งตัวแทนเป็นใคร เมื่อคิดได้ตัดสินใจได้อย่างนี้แล้ว ในช่วงเช้านี้ก็จะทำให้ภาคบ่ายการประชุมนี่ง่ายเข้า และไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกกรรมาธิการสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ให้เสียเวลา ก็คือหมายความว่าตัวแทนแต่ละคณะก็เสนอของคณะตนเองง่ายเข้า ก็จะได้ประกอบกันเป็นคณะกรรมาธิการสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 จะได้ไปทำหน้าที่สอบสวนทวนความ ดูประวัติความประพฤติต่างๆ รวมทั้งทรัพย์สิน การปฏิบัติหน้าที่ของว่าที่ทั้ง 10 ท่านนะครับ
สำราญ – พอตกบ่ายก็ประชุมวุฒิสภา
การุณ – ใช่ และตอนบ่ายก็จะเป็นการประชุมวุฒิสภา เพราะฉะนั้นการประชุมวุฒิสภาก็วาระมันก็จะมี 2 เรื่อง เนื่องจากว่าการประชุมวุฒิสภานี้เป็นการประชุมวุฒิสภาที่รักษาการ เมื่อการประชุมวุฒิสภารักษาการ หน้าที่ที่ทำได้ก็จะทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 นะครับ มาตรา 168 ก็มี (1) ว่าด้วยเรื่องหมวดพระมหากษัตริย์ (2) ว่าด้วยเรื่องการแต่งตั้งบุคคลก็คือตามที่วาระวันนี้ และก็ 168 (3) ว่าด้วยเรื่องการถอดถอน เพราะฉะนั้นการขอเปิดสมัยประชุมอย่างนี้นะครับของ สว.รักษาการอย่างนี้ จะต้องกำหนดภารกิจที่ชัดเจน คือจะอภิปรายหรือจะประชุมในเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการเปิดกฤษฎีกาในการเปิดประชุมนี่ จะกำหนดระบุวาระงานนี่ชัดเจนว่าจะทำใน 2 เรื่อง คือ เรื่อง กกต.กับเรื่อง ป.ป.ช.
สำหรับ กกต.ที่เป็นวาระแรกๆนี่นะครับ ก็จะว่าด้วยเรื่องตั้งกรรมาธิการสามัญอย่างที่เรียนไปแล้วแต่ต้นนะครับ อันนี้เป็นข้อกำหนดไว้บังคับไว้ตามรัฐธรรมนูญ หรือว่าขั้นตอนจะต้องทำอย่างนี้ ก็คือตั้งกรรมาธิการสามัญไปตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆของ กกต. ทีนี้ก็ถ้าหากเราเตรียมการให้ดีนะครับ อย่างเรียบร้อยในช่วงเช้าวันนี้ของแต่ละคณะกรรมาธิการสามัญ ก็จะทำให้การประชุมในภาคบ่ายช่วงบ่ายโมงนี้สะดวก รวดเร็ว และง่ายเข้า ไม่ต้องไปใช้เวลามากในการที่จะเลือกกรรมาธิการสามัญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ในกรณี กกต. ก็ง่ายเข้าเร็วเข้า
ต่อไปก็ว่าด้วยเรื่องวาระที่สำคัญก็คือว่าด้วยเรื่องการเลือก ป.ป.ช.ล่ะ ก็ ป.ป.ช.ได้เข้าไปวาระครั้งแรกแล้วนะครับ มีการตั้งกรรมาธิการสามัญคล้ายๆอย่างนี้ ที่ว่ากันเรื่อง กกต.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 สอบสวนประวัติ ป.ป.ช.ทั้งหมด 18 คน เพื่อเราจะได้เลือกให้เหลือ 9 คน ตรงนี้แหละครับเป็นเรื่องที่ด่วนสำคัญ ก็เป็นการเลือก ป.ป.ช. แต่ กกต.นั้นเขาสามารถรอไปก่อนได้ ยังมีเวลาที่จะคิดอ่านกันอีกนาน 10 วัน 20 วัน 30 วัน หรืออาจจะถึง 45 วันเหมือน ป.ป.ช.นี้ก็ค่อยว่ากัน แต่ ป.ป.ช.ต้องเลือกวันนี้ล่ะ วันนี้รู้เลย 9 คนก็ว่าด้วยเรื่องการเปิดอภิปรายกันในเบื้องต้น ว่าด้วยเรื่องความเป็นมา รายละเอียด ข้อมูลต่างๆที่พูดถึงเรื่องทั่วไป เป็นวาระของ ป.ป.ช.ว่าจะเลือกยังไง
ต่อจากนั้นไปก็ว่าด้วยเรื่องการประชุมลับ ก็ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติลึกๆ พื้นฐานต่างๆที่เป็นกฎข้อบังคับของเราว่า เรื่องอย่างนี้เป็นบุคคลภายนอก เขาไม่มีโอกาสมาเกี่ยวข้อง และก็ไม่มีโอกาสจะมีแสดงความเห็นในที่ประชุมได้ เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่องที่อาจจะอภิปราย ข้อมูลบางอย่างที่เราสอบสวนมาได้ หรือมีประวัติมาได้อาจจะกระทบกระเทือนกับตัวเขาเอง หรือกระทบกระเทือนกับบุคคลที่ 3 หรือกระทบกระเทือนกับญาติพี่น้องครอบครัวของเขา ลูกหลานของเขา พ่อแม่ของเขา ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือนได้ อย่ากระนั้นเลย ข้อบังคับก็กำหนดไว้เรื่องอย่างนี้นี่ให้ประชุมลับเสีย ประชุมลับเรียบร้อนได้รายละเอียดชัดเจนครบถ้วนแล้วนะครับ ก็จะทำการลงมติแล้ว ก็ลงคะแนนกันตามรัฐธรรมนูญนะครับ
สำราญ – ทีนี้ถามเข้าประเด็นเลยที่สื่อมวลชนสนใจกันว่า มีจริงไหมที่บล็อกโหวตมา 7 คนและ 2 คนนี่เปิดอิสรเสรี คุณการุณเป็น สว.คนหนึ่งนี่ได้รับโผแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ
การุณ – คือโผนี่นะครับเขาจะให้เฉพาะที่เขาให้โผได้นะ พี่อย่าลืมนะ คนที่เขาไม่กล้าให้โผหรือให้โผมาแล้วทำให้โผเขาแตกนี่นะครับ หรือทำให้เขาอาจต้องถูกจับได้อะไรอย่างนี้นะครับ เขาก็จะไม่ให้โผหรอกอะไรอย่างนี้นะครับ ก็เป็นการทำผิดกฎหมาย เพราะการให้โผ ความหมายของการให้โผที่ว่านี่ก็คือหมายถึงการล็อกคน กำหนดตัวบุคคล และการให้โผบางทีอาจจะถึงขั้นการให้สินบาทคาดสินบนใช่ไหมครับ กำหนดกะเกณฑ์กันว่าถึงเรื่องผลประโยชน์ซึ่งควรจะแลกเปลี่ยนได้อย่างไรนะครับ ผลประโยชน์นี้มันอาจจะเป็นด้วยเงินก็ได้ อาจจะเป็นด้วยผลประโยชน์อย่างอื่นก็ได้ ยศถาบรรดาศักดิ์ตำแหน่งต่างๆในวันนี้และวันข้างหน้า ของคนใกล้ชิด ของตัวเองหรืออะไรต่างๆก็เป็นได้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ต่างๆเหล่านี้มีมากมีหลายรูปแบบใช่ไหมครับ บางท่านอาจจะบอกว่าเป็นหุ้นอะไรอย่างนี้ สิ่งต่างๆเหล่านี้นะครับที่ปรากฏผ่านมาใน สว.ชุดนี้นะครับ 6 ปีเลือกมาหลายครั้งเลือกมาหลายตำแหน่ง ก็ยอมรับความเป็นจริงกันเถอะครับว่ามันมีโผจริงๆ ถ้าไปดูคะแนน ไปดูอะไรต่างๆจะชี้ชัดนะครับ คือถ้าพอเข้าใจได้ใช้สติปัญญาแบบธรรมดาสามัญง่ายๆนี่นะครับ ก็ดูออกแหละว่านี่มันโผชัดๆใช่ไหมครับ อย่างกรณีเลือก ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้ ไม่ต้องเอาเรื่องอย่างนะครับ เอาเรื่องเดียวกันนี่แหละว่าด้วยเรื่อง ป.ป.ช. ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้นะครับที่กรณีพวกเรา สว.จำนวนหนึ่ง และก็ ส.ส.จำนวนหนึ่ง เข้าชื่อกันเพื่อไปส่งศาลฎีกาในกรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบและทุจริต จนกระทั่งก่อให้เกิดการเลือก ป.ป.ช.ชุดนี้นะครับ และศาลพิพากษาจำคุกและโทษจำคุกให้รอลงอาญา
ในการเลือกครั้งนั้นนะครับนั่นก็โผนะครับ ชุดเข้าคุกน่ะเอาง่ายๆแล้วกัน นั่นก็โผครับ โผยังไงครับ มีบางคนถูกอภิปรายหนักเลยในข้อมูลต่างๆ ความประพฤติ การปฏิบัติหน้าที่นะครับ โดยหลักแล้วนี่นะครับ โดยสามัญของผู้ฟังในการตัดสินใจที่จะลงคะแนนนี่ โดยหลักและข้อเท็จจริงข้อมูลต่างๆนี่นะครับ บุคคลผู้นี้ไม่น่าจะได้คะแนนอย่างนี้เป็นต้น แต่ปรากฏว่าได้คะแนนชนะท่วมท้นเลย ถ้าอย่างนี้ไม่เรียกว่าล็อกกันมา โผกันมา จัดตั้งกันมา สั่งกันมา แจ้งกันมาที่ชัดเจนจะเรียกว่าอะไร แล้วต่อจากนั้นมาเบอร์ที่ลงคะแนนนะครับ คนทั้งหมดต้องส่งมา 2 เท่าคือ 18 คน แต่ตัวเลขของเบอร์ออกมานะครับมันเข้าที่เข้าทางล็อก โดยหลักของการลงคะแนนของคน 200 คนนะครับ การลงคะแนนควรมีลักษณะภาพของการกระจายคะแนน
ถ้าโดยหลักธรรมชาตินะครับมันจะต้องเป็นภาพของการกระจายคะแนน คนนั้นได้มาก คนนี้ได้น้อย มีลักษณะเป็นการกระจายออกไปนะครับ และก็ดูคะแนนว่าใครได้มากสุด ใครได้น้อยสุดอะไรอย่างนี้นะครับ และคะแนนมันก็จะตัดออกมา วาระเริ่มแรกนี่ถ้าใครได้เกินกึ่งหนึ่งของ สว.ที่มีอยู่ ถ้า 200 คนก็เกิน 100 คน แต่ตอนนี้ สว.มีเหลือประมาณ 186 คนก็จะต้องเกินกึ่งหนึ่งของ 186 คน อย่างนี้ถือว่าครั้งเดียวได้เลยคนนี้ คนที่ได้รับคะแนนอย่างนี้ ต่อจากนั้นมารอบสองก็จะต้องดูคะแนนลดหลั่นกันมาว่า เอาล่ะ รอบหนึ่งต้องเกินกึ่งหนึ่งอย่างนี้แล้ว แต่ถ้ารอบสองนี่มันไม่จำเป็นต้องเกินกึ่งหนึ่งล่ะ ก็เอาคะแนนมากที่สุดเรียงมา และก็เอาจำนวนเท่าที่มีหรือที่ต้องการ เช่น ต้องการ 9 คนหรือ 8 คนหรือ 7 คน ที่เหลืออยู่ก็เอาเท่านั้น เพราะฉะนั้นรูปแบบของคะแนนมันจะต้องมีลักษณะกระจาย นี่เป็นลักษณะธรรมชาติ
แต่ปรากฏทุกครั้งที่ผ่านมานะครับมันไม่ใช่ครับ ท่านไปถอยดูการเลือกตั้งทุกองค์กรเลย หรือแม้กระทั่ง ป.ป.ช.กรณีที่ผมว่านี้ คะแนนก็จะออกมาเป็นบล็อกๆของเขานะครับ อันนี้ ป.ป.ช.ชุดที่เข้าคุกและก็รอลงอาญา ต่อจากนั้นมา ป.ป.ช.ชุด 17 คนที่ถูกตีกลับมากรณีนี้ ชุด 17 คนนั้นก็เหมือนกันครับ กรณีที่ 18 คนใช่ไหมครับเสนอเข้ามา ปรากฏว่า 1 ท่านคือท่าน พล.อ.ประวิตรท่านก็ถอนตัว อันนี้ท่านอาจจะรู้ว่าท่านไม่อยู่ในโผก็ได้ สุดท้ายมันก็โผจริงๆครับ โผก็ออกมาจริงว่าล็อกเลยครับ คะแนนออกมาจนกระทั่งพวกเราบอกว่า 18 คนส่งมา 2 เท่าให้เลือกเหลือ 9 เมื่อถอนตัว 1 มันจะต้อง 18-1 เหลือ 17 ซึ่งมันไม่ใช่ 2 เท่ามันขัดรัฐธรรมนูญ เลือกไม่ได้ จนกระทั่งพวกเราถอนตัวออกจากการเลือกครับ ออกจากห้องประชุมมาประมาณ 20-30 คนนะครับวันนั้น แต่เขาก็ยังดันทุรังเลือกและก็เกิดปัญหา จนกระทั่งมาเกิดเหตุต้องทำวันนี้อีกเห็นไหมครับ อย่างนี้เป็นต้น
แล้วก็โผออกมาชัดเจนเลยครับ ท่านไปดูคะแนนเอาใหม่เถอะ ผมก็จดคะแนนเอาไว้เผอิญไม่อยู่ในมือผม อันนั้นก็โผล็อกมาเลย พรืบออกมาเลยทั้ง 9 คนเปรี๊ยะเหมือนกันหมดเลยอย่างนี้เป็นต้น ทีนี้ ป.ป.ช.ครั้งนี้แหละในการเลือกวันนี้ตอนบ่ายจะมีโผอีกไหม เหมือนเดิมครับ มันจะต้องมีอยู่แน่นอนเพราะอะไรครับ เพราะผลประโยชน์ที่มีอยู่กับ ป.ป.ช. และจำเป็นจะต้องใช้ ป.ป.ช.นี่มีสูงมาก ท่านรู้ไหมว่าขณะนี้นี่นะครับสำนวนคดีว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่มิชอบและทุจริต ร่ำรวยผิดปกติต่างๆนี่อยู่ใน ป.ป.ช. ที่จำเป็นจะต้องคอย ป.ป.ช. 9 คนนี้ไปสะสางมีมากถึงประมาณ 1 หมื่นคดี ตอนที่ ป.ป.ช.เข้าคุกรอลงอาญาตอนนั้นเหลืออยู่ประมาณ 7 พันคดี ตอนนี้ขึ้นมาประมาณหมื่นคดีแล้วครับ แล้วท่ามกลางหมื่นคดีที่ว่านี้ก็จะมีสำนวนคดีบางสำนวนคดีนะครับ ทยอยขาดอายุความกันไปเรื่อยๆ ที่สำคัญครับในบางสำนวนคดีมีมูลค่าการทุจริตเป็นหมื่นล้าน และจะต้องมีเจ้าหน้าที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาจจะต้องเข้าคุกอีกเป็นสิบๆคนหลายสิบเลยต่อสำนวนคดีอย่างนี้
เรื่องอย่างนี้ครับ ผลประโยชน์สิ่งเหล่านี้ในการวิ่งหา ป.ป.ช.เป็นพวก หา ป.ป.ช.เป็นคนมาช่วยงาน หา ป.ป.ช.ในการมาชี้มูลให้ในการสอบสวนเข้าไปทำหน้าที่นี่นะครับสูงมาก และ ป.ป.ช.เหล่านี้นะครับท่านจะต้องทำงานอีกหลายปี ยังจะต้องมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยอีกเหมือนกันนะครับ เพราะว่า ป.ป.ช.ชุดนี้จะต้องทำ 9 ปี คือวาระการทำงานของ ป.ป.ช.มีอยู่ 9 ปี เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.ชุดนี้จะทำหน้าที่ 9 ปี หรือจะต้องทำหน้าที่เพียงแทนตำแหน่งที่ว่างลงกรณี 9 คน ถ้าแทนตำแหน่งที่ว่างลงก็จะประมาณ 6 ปีถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ เท่านั้นเองอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.นี่นะครับ จะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และทุจริตของผู้บริหารราชการนี่ โดยเฉพาะนายกฯหรือรัฐมนตรีนี่อีกมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องการคนเหล่านี้แหละครับไปช่วยแก้ไขข้อขัดข้องในการทุจริตของเขา ที่เขาคดเขาโกงเอาไว้นี่เพื่อกลบเกลื่อนหรือเพื่อล้มคดี หรือเพิ่มสั่งคดีที่มีมูลหรือไม่มีมูลนี่สูงมาก
สำราญ – ดังนั้นอันนี้คือจะล็อกไม่ล็อกดูได้จากการลงคะแนนหรือครับ
การุณ – ดูลงคะแนนครับ มากันเป็นชุดๆเรียงเป็นลักษณะเบอร์คล้ายคลึงกัน อันนี้เวลาอ่านคะแนนจะดูง่ายมากเลย จะรู้เลยว่าเอาแล้วโผมาแบบนี้แน่
สำราญ – ทีนี้คุณการุณที่ดูตามข่าววันนี้ เขาบอกวันที่ 11 สิงหาคมกลางดึกนะ
การุณ – ไม่ดึกครับ ไม่ดึก น่าจะไม่เกินทุ่มนึงนะครับ พอดีผมไปนะครับ อันนี้จริงครับผมไปเห็นจริง
สำราญ – ไปที่โรงแรมเมดิสัน
การุณ – ใช่ครับ จริงๆ
ปานเทพ – แล้วเขาทำอะไรกันอยู่ตอนนั้นครับ
การุณ – เท่าที่ผมเห็นส่วนหนึ่งกำลังทยอยมา พอเขาเห็นคือผมก็ไปธุระที่นั่นแหละพอดีด้วย บังเอิญนะครับ ไปก็เห็นส่วนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ส่วนหนึ่งก็กำลังจะเข้าไปในห้อง เป็นห้องอาหารและก็มีห้องหับเรียบร้อยนะครับ คือห้องอาหารเป็นห้องอาหารอยู่ในโรงแรม และก็ห้องอาหารนั้นเขาก็มีห้องหับเป็นโต๊ะอาหาร และก็มีห้องปิดเรียบร้อยมิดชิด
สำราญ – เป็นห้องแยก
การุณ – ผมก็ไปเห็นอย่างนั้นแหละครับ พอดีเขากำลังเดินเข้าเดินออกกัน ผมก็ไปเห็นเอ๊ะ หน้าตาแต่ละท่านเหล่านี้ ท่านเป็น สว.มาจากหลายถิ่นหลายแห่งนะ ก็มานัดหมายกันที่นี่เหมือนกันหรือ ท่านก็มีนัดหมายอยู่ตรงนี้หรือมาอะไรกันหนอ ซักครู่นึงผมก็ไปนั่งที่นั่งทางของพวกผมน่ะครับ ไปทำธุระของพวกผม ปรากฏว่าผมก็ลุกเข้าห้องน้ำก็เดินผ่านมา ผมก็ดูว่าเขายังอยู่กันไหมเพราะเห็นว่าเป็น สว.ด้วยกันนั่นแหละ ปรากฏว่าก็ไม่มีคนอยู่แล้ว ผมก็เลยบอกว่าเขาเพิ่งเข้ามานี่นะครับ ทำไมถึงรีบลุกลี้ลุกลนออกไปอย่างนั้น ผมก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรม ถามพนักงานร้านอาหารนั้นฝ่ายต้อนรับอะไรต่างๆ ถามว่าคณะตรงนี้หายไปไหน เขาไปไหนกันหมด เมื่อกี๊นี่ยังเห็นอยู่ เขาก็เลยบอกว่าเขายกเลิกแล้วครับ ทำไมถึงยกเลิกล่ะ ยกเลิกไปทางไหนล่ะ ไปร้านอื่นหรือเปล่า เขาก็ไม่บอกไม่ทราบยกเลิกไปทางไหน ผมก็เลยถามว่าแล้วเขาจองไว้กี่ที่ล่ะ เขาก็บอกว่าเขาจองไว้ทั้งหมด 12 ที่ 12 คนว่างั้นโดยประมาณก็ยกเลิกไปร้านอาหารนั้น เขาก็พากันแยกย้ายกันกลับไป ซึ่งสาเหตุของการยกเลิกเราก็ไม่ทราบนะครับ การไปนั้นเขาจะไปคุยเรื่องอะไรเราก็ไม่ทราบ เขามีการแจกเงินนับเงินกันหรือไม่ผมก็ไม่เห็น ก็ไม่ได้ดูไม่ได้อยู่ด้วย เขาทำเรื่องอะไรผมก็ไม่ทราบอีกเหมือนกันเพราะเห็นเพียงเท่านั้น และเขาก็ทำไมถึงมายกเลิกกลางคันอย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่มีรายละเอียด เขาอาจจะติดธุระอะไรหรือเปล่า หรือกำลังจะไปนัดที่อื่นอีกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะครับ
คำนูณ – ในจำนวนทั้ง 18 คนที่จะเลือกวันนี้นี่ สมมุติว่าไม่มีบล็อกโหวตนี่มีโอกาสที่จะได้คนดีๆบ้างไหม
การุณ – ในจำนวน 18 คนนี้นะครับ มีท่านที่มีความรู้ความสามารถ ที่จริงทั้ง 18 คนก็มีความรู้ความสามารถอยู่นะครับ เพียงแต่ว่าการทำหน้าที่อย่างนี้ต้องมีความเป็นอิสระ ต้องเป็นกลางใช่ไหมครับ ต้องซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเป็นลักษณะอุปถัมภ์เข้ามา หรือลักษณะเป็นการเกื้อกูลกันเข้ามา ช่วยเหลือกันเข้ามา มันก็ทำหน้าที่ ป.ป.ช.มันก็ลูบหน้าปะจมูกกันอีก ผลประโยชน์ของชาติของส่วนรวมก็เสียหายอีก ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์เลยต่อวิธีการอย่างนี้ เพราะฉะนั้นดูนะครับถ้าเป็นการเลือกโดยอิสระก็ค่อนข้างจะได้คนดีเข้าไป คนซื่อสัตย์สุจริตเข้าไปนี่ ถ้าได้จำนวนมากก็จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม ในจำนวนเหล่านั้นท่านเหล่านั้นมีหลายคนครับที่เป็นผู้ที่คุณสมบัติดีมาก เราก็เห็นด้วยอยู่หรอกตรงนี้ แต่ท่านที่มีปัญหาก็มีอยู่นะครับ ในจำนวนนั้นก็มีคนที่มีปัญหาอยู่หลายคน ที่เราสอบสวนทวนความแล้ว ประวัติความเป็นมาต่างๆก็มีความไม่เหมาะไม่ควรอยู่หลายคนนะครับ
สำราญ – ก็เที่ยวนี้ก็คงเดิมๆนะครับ สรุปแล้วนี่
การุณ – ไอ้เรื่องโผเรื่องอะไรต่างๆนี่ค่อนข้างจะ คิดว่าค่อนข้างจะผมเชื่อว่ามีนะครับ
ปานเทพ – แต่คุณการุณทราบแล้วหรือยังว่า 9 คนที่จะได้นี่จะเป็นใครบ้าง พอมีข่าวไหม
การุณ – ตอนนี้ก็เลาๆนะครับ ก็พอมีรายชื่อมาอยู่ว่ามีการเตรียมกันอยู่นะครับ ประมาณ 6-7 คนอย่างที่ว่านี้ก็ใช่ ที่จริง ป.ป.ช.ก็ไม่ต้องล็อกโผมากนะท่านนะ เพราะอะไร เพราะกฎหมาย ป.ป.ช.มันเป็นลักษณะพิเศษอันนึงนะครับ ที่การชี้มูลความผิดในกรณีที่จะนำส่งขึ้นศาลฎีกา ในกรณีนักการเมืองก็ตามอะไรก็ตามนะ เสียงชี้มูลความผิดไม่ใช่เสียงข้างมากแบบปกตินะ จะต้องใช้เสียงชี้มูลจาก 3 ใน 4 นะครับ การล็อกของเขานี่ถ้ามีคนของเขาอยู่ใน ป.ป.ช.ไม่ต้องมากครับ มีประมาณแค่ซัก 3-4 คนแค่นี้พอแล้ว จากจำนวน 9 คนนี่เขาไม่ต้องเอา 5 นะครับ ปกติ 5 จะชนะ 4 ใช่ไหมครับ แต่เสียงข้างมากคือ 5 แต่ปรากฏไม่ใช่นะครับ ในการลงมติของ ป.ป.ช.เพื่อจะส่งชี้มูลนี่ ดูเหมือนกฎหมาย ป.ป.ช.จะบังคับไว้ว่า 3 ใน 4 ถึงจะชี้มูลได้
คำนูณ – คือ 100% เอาซัก 3 ก็พอ
การุณ – พอครับ ถ้าให้ดีเอาเผื่อเหลือเผื่อขาดซัก 4 คนนี่พอเลย ถ้าได้ 4 คนนี่นะครับเรียบร้อยเลยครับ ชี้มูลนี่นะครับกรณีส่งซุกหุ้นจำได้ไหม ซุกหุ้นรอบหนึ่งนั้นน่ะมีเสียงค้านอยู่ 1 เสียง ถ้าค้าน 3-4 เสียงนี่วันนั้นเรียบร้อยครับ ไม่ได้ขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป
ปานเทพ – แต่คุณการุณก็พอทราบว่าถ้า 4 มีการบล็อกจริงๆ หรือว่าต้องการล็อกให้ใครนี่ ก็พอจะรู้แล้วว่าชื่ออะไรบ้าง
การุณ – รู้ครับ ตอนนี้อาการก็เริ่มรู้แล้วล่ะครับ เราก็พอจดๆเอาไว้อยู่ว่ามีอีกแล้ว
คำนูณ – คิดว่าดูแล้วระบบการเลือกรรมการอิสระตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี่ เลือกกันมาหลายครั้งแล้วดูจะมีปัญหาไหมครับ เพราะเมื่อไปกำหนดคุณสมบัติไว้ 1,2,3,4,5 ... อย่างที่ว่านะ มันก็หนีไปพ้นต้องเป็นข้าราชการประจำระดับสูง ถ้าเป็นข้าราชการประจำระดับสูงมันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลที่อยู่มา 4-5 ปี
การุณ – ถูกต้องเลย นี่ข้อท้วงติงตรงนี้ถูกต้องเลย รัฐธรรมนูญมันกำหนดไว้ด้วยคุณสมบัติต่างๆที่ว่านี้นะครับ ก็คือคุณสมบัติลักษณะของขุนนางไง คือคนที่จะเข้าไปอยู่สู่องค์กรอิสระอย่างนี้ได้ จะต้องมีลักษณะต้องเป็นขุนนางเก่า คืออะไรครับ จะต้องมียศถาบรรดาศักดิ์เรียกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าอธิบดี หรือศาสตราจารย์ หรืออะไรประเภทอย่างนี้นะครับ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีบ่งบอกเลยว่าเป็นประชาชนทำได้ เข้าสู่ตำแหน่งนี้ได้เห็นไหมครับ เพราะฉะนั้นมีหลายเรื่องครับในกระบวนการสรรหาขององค์กรอิสระ ไม่ใช่เฉพาะ ป.ป.ช.อย่างเดียวนะ องค์กรอิสระอื่นๆตามรัฐธรรมนูญก็ตามนี่นะครับ มีหลายเรื่องครับ กระบวนการสรรหา ขั้นตอนต่างๆ หรือการเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ หรือคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ต้องปฏิรูปครับ ต้องทำการปรับปรุงแก้ไขใหม่เสียให้หมดนี่อันหนึ่งนะครับ
อันที่สองเรื่องอำนาจหน้าที่ของเขา ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ของเขาจะต้องปฏิรูปกันใหม่ กรณี ป.ป.ช.อย่างนี้เป็นต้นนะครับ เราจะให้มี ป.ป.ช.อยู่เพียง 9 คนแล้วคดีทุกคดีทะลักเข้ามาจากทั่วประเทศ ซี 1 ซี 2 ซี 5 โกงบาทสองบาทในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าสู่ ป.ป.ช.หมดอย่างนี้ไหวไหม ป.ป.ช.ควรจะมีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นไหม ไปสู่จังหวัดไหม เป็น ป.ป.ช.จังหวัดหรือไม่ กำหนดอำนาจหน้าที่กันใหม่เสียให้ชัดเจนไหม ปฏิรูปสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ชัดเจนหมด ให้ครบถ้วนไหม และการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ล่ะถ้าหาก ป.ป.ช. ทุจริตเสียเองล่ะทำยังไง ก็จะต้องมีอำนาจในการควบคุมตรวจสอบ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของ ป.ป.ช.ด้วย ถ้าหากคุณทุจริตเราจะป้องกันได้อย่างไร เราจะปราบปราม ป.ป.ช.ที่ทุจริตได้อย่างไรอีก อำนาจหน้าที่ของภาคพลเมืองนี่จะทำอย่างไร พื้นที่ภาคพลเมืองประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมนี่ ที่จะช่วยกันควบคุมจัดการดูแลตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ควรจะทำอย่างไรนะครับ
เพราะฉะนั้นจะทำให้การควบคุม ป.ป.ช.ได้ด้วยอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจะต้องทำการปฏิรูปกันใหม่เสียให้หมดเสียให้ครบใช่ไหมครับ เห็นไหมครับการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน 11 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เรากำลังทำหน้าที่เลือก ป.ป.ช.ใช่ไหม และวันนี้เราก็จะเลือก กกต.กันอีกใช่ไหม แต่ปรากฏเรายังไม่ได้ปฏิรูปอะไรกันซักอย่างเดียวเลยรู้หรือเปล่านี่ นี่ทำมาทั้งหมด 11 เดือนนี่ ป.ป.ช.จะถือว่าชนะก็ได้นะครับ เพราะภาคประชาชนคือภาคผู้แทนราษฎรกับภาค สว.ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบคนเหล่านี้ เอาเข้าคุกเข้าตะรางรอลงอาญาและก็เลือกใหม่ กกต.ก็เป็นส่วนหนึ่งของการขับไล่ทักษิณใช่ไหมครับ สุดท้าย กกต.ก็คือส่วนหนึ่งของทักษิณ กกต.คือผู้ที่รับใช้ระบอบทักษิณ และ กกต.ก็กระทำความผิดมากมายเหลือเกิน และ กกต.ก็ถูกเอาออกไป เข้าคุกไปใช่ไหมครับ เราก็ชนะระดับหนึ่งและก็จะทำการเลือก กกต.
สำราญ – แต่มันก็ยังติดที่กฎเกณฑ์
การุณ – ถูกต้อง โครงสร้างไม่ว่าจะเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ โครงสร้างที่เป็นอำนาจตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ก็ตาม ป.ป.ช.ก็ตามยังเหมือนเดิมหมด กฎระเบียบ กติกา ข้อบังคับยังเหมือนเดิมหมด วิธีการ กระบวนการสรรหา การได้มีสู่ตำแหน่งเหมือนเดิมหมด อำนาจหน้าที่ต่างๆเหมือนเดิมหมด ตัวบุคลากรที่อยู่ในตึกเหล่านั้น โครงสร้างต่างๆเหล่านั้นเหมือนเดิมหมด ยังไม่ได้ปรับปรุงอะไรซักอย่างเดียว
คำนูณ – เอาล่ะครับ ตามไปอ่านบทความคุณการุณต่อ
สำราญ – เวลาหมดโอกาสหน้าคุยกันต่อนะครับ เชิญที่สถานีดีกว่านะครับ
การุณ – ยินดีครับ ยินดี
สำราญ – ขอบคุณครับ สวัสดีครับ