xs
xsm
sm
md
lg

งานระพี มธ.49 เปิดศาลจำลองสั่งจำคุก”เหลี่ยม” 10 ปี

เผยแพร่:   โดย: สำนักข่าวประชาธรรม

กรุงเทพฯ : งานรพี 49 มธ.สุดหวือหวา น.ศ.ผุดไอเดียเปิดศาลล้อการเมือง สั่งยัดคุก“เหลี่ยม” 10 ปี ข้อหาแรง“ขายแผ่นดิน”หลังผุดกม.แปรรูปกฟผ.สร้างความเสียหายต่อประชาชน ด้าน“บวรศรี” กลับใจเป็นพยานซัดเหลี่ยมถีบเข้าตะราง หวังเตือนสติผู้มีอำนาจแต่ไร้จริยธรรม

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 211 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้จัดกิจกรรม “ศาลจำลอง” เนื่องในวันรพี ประจำปี 2549 โดยครั้งนี้ได้จำลองการพิจารณาคดีดำเลขที่ 1/2549 ตอน “วาระสุดท้ายคนขายแผ่นดิน” เป็นคดีที่นายอสนธิ ยื่นฟ้องดร.เหลี่ยม ข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตาม ม.157 กรณีที่รัฐบาลออกกฎหมายแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างความเสียหายแก่ประชาชน แต่ดร.เหลี่ยมกลับไม่ดำเนินการใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับบรรยากาศในศาลจำลองเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า100 คน ซึ่งตลอดกิจกรรมมีตัวแทนนักศึกษาคณะนิติศาสตร์อธิบายขั้นตอนต่างๆของการพิจารณาคดี ตั้งแต่การซักถามพยาน ข้อห้ามของทนายความในการซักถาม รวมถึงมารยาทของผู้ที่เข้าร่วมในห้องพิจารณาคดี

แต่ที่เรียกความสนใจและเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากคือ นักศึกษากลุ่มนี้เลือกที่จะตั้งศาลจำลองพิจารณาคดีล้อเลียนสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน โดยตัวละครต่างๆ ถอดแบบมาจากบุคคลสำคัญ ในทางการเมืองแทบทั้งสิ้นแต่สวมบทโดยนักศึกษาตั้งแต่ ดร.เหลี่ยม จัดมาก นายกเทศมนตรี เมืองทองเทียม ในฐานะจำเลย นายอสนธิ เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และเป็นผู้นำต่อต้านดร.เหลี่ยม ในฐานะโจทย์ และนางบวรศรี เนติบริกร ในฐานะพยานโจทก์ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของดร.เหลี่ยม แต่ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่งไปทำงานด้านวิชาการ ซึ่งจากลาออกไม่นานก็ถูกวางระเบิดกำแพงบ้าน โดยนางบวรศรีเชื่อว่าเป็นฝีมือของดร.เหลี่ยม

สำหรับกิจกรรมนี้ ได้ทำการจำลองรูปแบบ ขั้นตอนการซักพยานในศาล โดยทนายฝ่ายโจทก์ได้ซักถามนางบวรศรี ถึงประวัติการทำงาน นางบวรศรี ให้การว่า ก่อนหน้าที่ตนจะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับดร.เหลี่ยม เคยเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหามายในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง จึงรับปากเข้ามาร่วมงานกับดร.เหลี่ยม โดยหวังว่าหากทำงานผลงานเข้าตา ดร.เหลี่ยมอาจจะยกตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีให้ ซึ่งตนรู้สึกชื่นชมดร.เหลี่ยมในวาระแรกที่เข้ามาเป็นนายกเทศมนตรี เพราะเป็นคนหนุ่มไฟแรง แถมยังย้ำว่าจะรักเมืองทองเทียมไว้ด้วยชีวิต มีประชาชนเป็นหัวใจ แต่ในวาระสองของการดำรงตำแหน่งปรากฎว่าดร.เหลี่ยมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เริ่มลุแก่อำนาจ จากที่เคยทำงานมาก ก็ทำงานน้อยลง สนใจประชาชนน้อยลง แต่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนมากขึ้น จนขนาดจัดเรียลลิตี้โชว์สร้างภาพขึ้นมา

ด้านทนายฝ่ายโจทย์ซักว่า อะไรเป็นสาเหตุของให้ลาออก นางบวรศรี ให้การว่า เพราะดร.เหลี่ยมสั่งให้ร่างกฎหมายแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งตนเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ดร.เหลี่ยมยืนยันว่าต้องการแปรรูปให้สำเร็จให้ได้

“จากนั้นจึงเริ่มคิดว่าจะลาออก ตอนลาออกใหม่ๆ รู้สึกว้าวุ่นใจมาก เลยหนีไปปฏิบัติธรมแต่ไม่วายบ้านที่อยู่ถูกปาระเบิดใส่กำแพงบ้าน สัญญาโทรศัพท์ก็ถูกตัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของดร.เหลี่ยมที่โกรธแค้นตนที่ไม่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้อีกต่อไป”นางบวรศรี ให้การ

ต่อมานักศึกษาที่แสดงเป็น ดร.เหลี่ยม ให้การต่อว่า ตอนนี้ตนอยู่บ้านจันทคราส ต.แม้วศรี เมืองทองเทียม ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนี้ เคยเป็นนักธุรกิจขายจานดาวเทียมผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน แต่ด้วยความรักประชาชนและเล็งเห็นว่าโรงไฟฟ้าของเมืองใช้งานมานานแล้ว จึงต้องการระดมทุนเพื่อต้องการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ โดยเชื่อสิ่งที่ทำไม่ผิดกฎหมายเพราะจะทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟถูกลง ยืนยันว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นไปเพื่อประชาชนที่ตนรัก

ทนายจำเลย จึงซักว่า เหตุใดทำไมนางบวรศรีกลับมาเป็นพยานให้นายอสนธิ ดร.เหลี่ยมให้การว่า เพราะเขาโกรธแค้นที่ตนปลดออกจากตำแหน่ง และที่ผ่านมาเขาก็ไม่ชอบหน้าตนเคยด่าตนต่อหน้าเพื่อนๆ ฟังว่าตนเป็นคนปากไว ใจร้าย รักพวกพ้องญาติมิตรเป็นที่สุด

ระหว่างนี้ นายอสนธิ ซึ่งพันผ้าพันคอสีเหลืองที่มีข้อความว่า “กู้ชาติ”ได้ลุกขึ้นมาโวยวายด่าทอดร.เหลี่ยมด้วยถ้อยคำรุนแรงและปลุกเร้าประชาชนให้ลุกขึ้นมาประท้วงดร.เหลี่ยมที่กำลังให้ปากคำอยู่ ผู้พิพากษาจึงสั่งให้ตำรวจศาลนำตัวออกไปนอกห้องพิจารณาคดี

จากนั้น ตุลาการศาลจำลองได้อ่านคำพิพากษา โดยระบุว่าศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทย์ที่นำสืบมาอ้างรับฟังได้ว่าจำเลยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนออกฎหมายเพื่อแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยและพรรคพวกเข้ามาถือหุ้นได้ ซึ่งหากเป็นไปตามที่จำเลยดำเนินการแล้วจะทำให้ประเทศชาติสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ประชาชนในชาติใช้ไฟฟ้าในราคาแพงขึ้น ถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ

“การกระทำของจำเลยต้องโทษบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 แล้ว เนื่องจากจำเลยเป็นเจ้าพนักงานของรัฐในตำแหน่งนายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถให้คุณให้โทษ มีอำนาจใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่มากระทำความผิดเสียเอง เห็นควรวางโทษสถานหนัก พิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นกำหนด 10 ปี” คำพิพากษา ระบุ

นายพนรัตน์ บุญรอด นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เขียนบท กล่าวว่า กิจกรรมศาลจำลองครั้งนี้ต้องการส่งสัญญาณไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลว่าการบริหารประเทศชาติ หรือการออกนโยบายใดๆนั้นต้องมีจริยธรรม ไม่ใช่คำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนส่วนตัว พวกพ้อง บริวาร ที่ได้รับ ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อประเทศในที่สุด

“เราต้องการจะบอกผู้มีอำนาจที่มักจะอ้างกติกา กฎระเบียบ แต่สิ่งที่ปรากฎในทุกวันนี้ คือ คนที่ถืออำนาจในการตีความกฎหมายใช้ช่องว่างของกฎหมาย ในการบิดเบือนเจตนารมย์ในการแสวงประโยชน์ เราจึงพยายามชี้ให้เห็นว่ากระบวนการศาลที่มีความยุติธรรมสามารถจัดการกับผู้ที่ไร้จริยธรรมได้ ซึ่งเห็นได้จากกลไกตุลาการภิวัฒน์ที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้ที่จะสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมได้” ผู้เขียนบท กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น