xs
xsm
sm
md
lg

ภาคีคนฮักเชียงใหม่จวกสุดชุ่ยทำหมาป่าหลุดจากไนท์ซาฟารี

เผยแพร่:   โดย: สำนักข่าวประชาธรรม


เชียงใหม่ : ภาคีคนฮักเชียงใหม่ออกโรงอัดไนท์ซาฟารีปกปิดข้อมูล เผยสัตว์หลุดจากโครงการนานกว่า 2 เดือนเพิ่งบอกชาวบ้านรู้ เผยดีที่ไม่เป็นเสือ-สิงโต จี้โครงการยอมรับผิดและเร่งแก้ไขพร้อมทบทวนการบริหารจัดการ ด้าน”ปลอดประสบ”ไม่รอช้านำทีมไล่จับจ้าละหวั่น

วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ ภาคีคนฮักเจียงใหม่เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกกรณีหมาป่าสีเทา(Grey Wolf) 1 ตัวหลุดออกจากโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว และได้เข้าไปกัดกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านบริเวณบ้านโป่งน้อย บ้านร่ำเปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่นับร้อยตัว การยื่นจดหมายเปิดผนึกของภาคีคนฮักเชียงใหม่ครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการฯรับผิดชอบและธรรมาภิบาลต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

โดยจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว นางกนกวรรณ อุโฆษกิจ ตัวแทนภาคีคนฮีกเชียงใหม่ เป็นผู้อ่านมีใจความว่า 1.ผู้บริหารของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเข้ามาดำเนินกิจการภายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมชาวเชียงใหม่ เพราะโดยหลักการแล้วการที่มีสัตว์หลุดออกมาจากการควบคุมนั้น โครงการฯ ควรประกาศแจ้งให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีถิ่นที่พักอาศัยทราบทันที เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียด และลักษณะพื้นฐานของสัตว์ที่หลุด เพื่อที่จะปฏิบัติตัวได้ถูกต้องหากเผชิญกับสัตว์ดังกล่าว แต่โครงการฯ ไม่ได้ถือหลักความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

2.โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไม่ได้ถือหลักการบริหารจัดการตามแนวทางธรรมาภิบาล เพราะสัตว์ภายในโครงการถือเป็นสมบัติส่วนรวมของประเทศชาติ มีการเพิกเฉยละเลย เพราะปล่อยเวลาให้ล่วงนานไปกว่า 1 เดือน จนกระทั่งมีข่าวผ่านสื่อมวลชนออกไปก่อน แล้วจึงค่อยมา ยอมรับทีหลัง นอกจากนี้ ข่าวสารที่แจ้งออกมามีความสับสน ไม่ชัดเจน ประหนึ่งว่าไม่มีนโยบายเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น ดังจะเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ตรงกันหลายประเด็น

3.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้รับผิดชอบโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แสดงท่าทีไม่เหมาะสมกับความเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่ระดับสูงของบ้านเมือง โดยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 (4 ส.ค.49) ในทำนองไม่ยอมรับความผิดพลาด แล้วยังมีคำพูดไม่เหมาะสมพาดพิงไปยังนายนิคม พุทธา เจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้เปิดประเด็นเรื่องดังกล่าวออกมาให้สังคมได้รับทราบ ดังนั้นนายปลอดประสพจึงควรรีบขอโทษต่อประชาชนถึงความผิดพลาดของตนเอง

4.เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ตอกย้ำการดำเนินการของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันว่าขาดความโปร่งใส ไม่รับผิดชอบต่อสังคมและประชาชนชาวเชียงใหม่ทั้งมวล จึงเรียกร้องให้ผู้บริหารโครงการฯ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริหารจัดการเสียใหม่ โดยเริ่มจากการเปิดเผยรายละเอียดการดำเนินโครงการที่เป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันโครงการอุทยานช้างที่ยังไม่มีรายละเอียดออกมาสู่สาธารณะ

นายนิคม พุทธา ผู้ประสานงานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชฯ ภาคเหนือ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าเป็นความบกพร่องในการบริหารจัดการที่ต้องมีการเร่งปรับปรุงแก้ไข เพราะนอกจากกรณีสัตว์หลุดแล้วก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นสัตว์บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก จึงอยากให้ทางโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีออกมายอมรับความผิดพลาดและรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนด้วย อีกทั้งพื้นที่โครงการฯเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เป็นทรัพยากรแผ่นดิน และเงินงบประมาณในการสร้างก็เป็นงบประมาณของแผ่นดิน ดังนั้นทางโครงการฯต้องยอมรับในข้อผิดพลาดและเร่งดำเนินแก้ไขโดยด่วน อีกทั้งกรณีที่มีสัตว์หลุดอกมาเป็นเวลาถึง 2 เดือนเป็นเรื่องที่ไม่พึงกระทำ ถ้ามีสัตว์หลุดออกมาก็ควรแจ้งให้ชาวบ้านทราบ

“เหตุการณ์ดังกล่าวหากเกิดขึ้นอีกไม่ว่าด้วยสาเหตุใดควรมีการแจ้งให้ชาวบ้านรับทราบ จะได้มีการระมัดระวังและป้องกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นสัตว์ดุร้ายหรือสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร เช่น เสือ สิงโต ก็ยิ่งสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับชาวบ้าน หากยังมีการปกปิดข้อมูลไม่มีการแจ้งให้ชาวบ้านทราบ ยิ่งจะเป็นเรื่องอันตรายกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบโครงการฯในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น” นายยิคม กล่าว

นายนิคม กล่าวอีกว่า การที่มีสัตว์หลุดออกมาแสดงให้เห็นว่าสัตว์ป่าที่อยู่ข้างในโครงการฯไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ข้างในจึงมีความพยายามดิ้นรน แม้กระทั่งเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อที่จะหนีออกมาเพื่อใช้ชีวิตอิสระตามธรรมชาติ

“ผมคิดว่าต้องมีการทบทวนถึงการอ้างว่าการสร้างไนท์ซาฟารีเพื่อการศึกษาและการพักผ่อนจริงหรือเปล่า หรือเป็นภาพที่เศร้าสลดหดหู่เมื่อเห็นสัตว์ถูกกักขัง และการที่เห็นสัตว์ทุกทรมาน ในฐานะคนเชียงใหม่รู้สึกว่า จ.เชียงใหม่เป็นเมืองที่เลวร้ายมีการทารุณต่อสัตว์จนสัตว์ต้องหนีออกมา และในขณะเดียวกันทางโครงการฯกำลังประสบปัญหาการขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นภาระของคนทั้งประเทศ จึงอยากให้มีการทบทวนแก้ไขด้านการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน” นายนิคม กล่าว

นายนิคม กล่าวทิ้งท้ายถึงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี พาดพิงถึงตนผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 (4 ส.ค.) ว่า คำพูดของนายปลอดประสบที่ท้าให้ตนไปกัดใครต่อใครนั้น เป็นคำพูดของคนที่ไร้ซึ่งภาวะทางความคิด อารมณ์ และจิตใจที่ดี

นายเฉลิมพล แซมเพชร สมาชิกภาคีคนฮักเจียงใหม่ กล่าวว่า ทางภาคีฯเพิ่งทราบข่าวดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้เพราะทางไนท์ซาฟารีมีการปกปิดเรื่องดังกล่าว ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมาถึง 2 เดือนแล้วแต่ไม่มีการแจ้งให้ประชาชนรับทราบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมาทางภาคีฯมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลางไปแล้วในประเด็นการรุกล้ำที่อุทยานแห่งชาติ แต่การดำเนินการของภาคีฯต่อไปจากนี้ไม่ยุติแค่นี้ เพราะอยากให้โครงการฯยุติก่อนที่จะสร้างปัญหาและส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวมีนายกฤษฎาภรณ์ เสียมภักดี รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับและกล่าวว่า กรณีที่มีสัตว์หลุดออกมานั้นทางจังหวัดเพิ่งทราบ แต่อย่างไรก็ตามโดยหลักการแล้วทางโครงการฯไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทางจังหวัดทราบเพราะเป็นเรื่องที่โครงการฯสามารถจัดการปัญหาเองได้ เพราะอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนทางโครงการฯ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเดียวกันนี้นายปลอดประสบ และคณะประมาณ 30 คนได้นำอุปกรณ์ซึ่งมีทั้งปืนยาสลบ และอวนขนาดความยาว 50 เมตรจำนวน 4 ผืนไปตามจับหมาป่าสีเทา(Grey Wolf) ที่หลุดออกมาบริเวณบ้านโป่งน้อย บ้านร่ำเปิง อ.เมือง ด้วย ซ่ำการดำเนินการดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นแก่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น