“ป๋าเปรม” ปลุกจิตวิญญาณทหารอาชีพต้องยึดมั่นในคำถวายสัตย์ เน้นย้ำอีกครั้งต้องพิทักษ์รักษาชาติ และราชบัลลังก์ ขณะเดียวกันการเป็นผู้นำถ้าไม่มีจริยธรรม-คุณธรรมจะมีแต่เรื่องโกงกิน เห็นแก่พวกพ้อง พร้อมเรียกร้องอย่าไปยกย่องสนับสนุนคนรวยที่ทุจริตโกงกิน
วันนี้ (28 ก.ค.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในเครื่องแบบทหารเรือสีขาว ได้กล่าวบรรยายให้แก่นักเรียนนายเรือทุกชั้นปี ทหารเรือจบใหม่ คณาจารย์ และ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 500 คน ในหัวข้อ “การเสริมสร้างการเป็นผู้นำ ด้วยหลักคุณธรรม ความพอเพียง และความเสียสละ” ว่า พวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ได้เคยถวายสัตย์ปฏิญาณต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และธงชัยเฉลิมพล ประโยคเดียวกัน จึงแสดงว่าเรามีหน้าที่เหมือนกันที่จะต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณเหมือนกัน ตนไม่ได้เป็นทหารเรือมาตั้งแต่กำเนิด แต่วันนี้ได้แต่งตัวแบบพลเรือเอกก็มีความสำนึกอยู่เสมอและรู้สึกภูมิใจว่าต้องมีหน้าที่ดูแลพวกนายเรือทั้งหลายให้ดีที่สุด ให้เป็นนายทหารอาชีพ ให้ประชาชนรู้สึกว่าในประเทศของเรา เขามีที่พึ่งหลายอย่าง แต่ที่ที่เขาพึ่งได้แน่นอนที่สุด คือ กองทัพ ทุกคนต้องทำกองทัพให้เป็นที่พึ่งของคนไทยให้ได้ ถ้าเราทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำจะถูกตำหนิ และไม่เป็นที่เคารพศรัทธาของคนไทย
พล.อ.เปรม กล่าวว่า เราจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้สถาบันกองทัพเรือมีเกียรติ และเป็นที่พึ่งของประชาชน โรงเรียนของเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ถือเป็นโรงเรียนที่เก่าแก่ มีหน้าที่แตกต่างกันตามที่เหล่าทัพกำหนด แต่ที่ไม่แตกต่างกันและไม่มีวันแตกต่างกัน คือ โรงเรียนนายทหารสอนให้พวกเรารู้ถึงความสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีจิตวิญญาณเลือดเนื้อของความเป็นทหารเรืออยู่ในตัว ถ้านักเรียนนายเรือคนใดเป็นนักเรียนที่ไม่เข้าใจจิตวิญญาณว่าคืออะไร ต้องพูดคำหยาบว่าใช้ไม่ได้ ไม่มีใครที่นั่งอยู่ในที่นี่ใช้ไม่ได้ เพราะพวกเราได้อาสาเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือด้วยความรักกองทัพเรือ และทหารเรือ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องมีและแตกต่างจากสถาบันอื่นก็คือ จิตวิญญาณของทหารเรือ ไม่มีสถาบันใดที่ไม่เน้นเรื่องนี้
“บ้านเมืองของเราเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครมาดูหมิ่นดูแคลนไม่ได้ เรามีหน้าที่ที่จะต้องรักและหวงแหนชาติบ้านเมืองของเรา เราต้องสำนึกอยู่เสมอว่าเราเป็นทหาร หน้าที่คือการรักษาอธิปไตยของชาติ เพราะฉะนั้น เรารู้ว่าชีวิตของเรามีครอบครัว มีพ่อแม่ มีญาติและชีวิตของเรายังมีชาติที่จะต้องรักษา เมื่อตอนที่ไปพูดที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ก็พยายามพูดให้นักเรียนเข้าใจว่าใครเป็นเจ้าของทหาร และต้องมาพูดที่นี่ชัดเจน ขอย้ำคำว่าชัดเจน และต้องฟังให้ชัดเจนว่าทหารเป็นของชาติ ของพระมหากษัตริย์ ขอเน้นว่า ทหาร เจ้าของคือชาติบ้านเมือง พระมหากษัตริย์ รัฐบาลมีหน้าที่เข้ามาดูแลพวกเราตามนโยบาย แต่รัฐบาลในที่นี้เป็นสามัญนาม ไม่เจาะจงว่าเป็นรัฐบาลไหน ทุกๆ รัฐบาลที่เข้ามามีหน้าที่ที่จะต้องดูแลกองทัพให้เป็นไปตามนโยบาย แต่ทหารเป็นของพระมหากษัตริย์ ชาติบ้านเมือง” พล.อ.เปรม กล่าว
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ คือ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง พล.ร.อ.ชุมพล ปัจจุสานนท์ พล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช เป็นคนที่น่ายกย่องและอยากให้นักเรียนนายเรือได้รู้จักว่า 3 คนนี้ได้ทำประโยชน์ให้แก่กองทัพเรือมามาก ซึ่งขอย้อนกลับไปครั้งที่ไปพูดที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ The old soldiers never died อยากให้พวกเราและนักเรียนนายเรือเข้าใจในเรื่องหนึ่งที่พยายามพูดอยู่เสมอว่า ตราบใดที่ได้เป็นทหารแล้วจะต้องเป็นไปตลอดชีวิต ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น เพราะคนที่เป็นทหารจะต้องมีเลือดเนื้อจิตวิญญาณอยู่ในร่างกายของเรา สำนึกในเครื่องแบบทหาร ทุกคนที่เป็นทหารที่ได้ปลูกฝังเรื่องนี้จะต้องเป็นทหารไปจนตายเมื่อสวมเครื่องแบบแล้ว เป็นทหารแล้วถอดวิญญาณทหารไม่ได้ ถ้าใครถอดได้คนนั้นก็เป็นทหารที่ไม่ดี ทหารที่ดีเมื่อสวมเครื่องแบบแล้วจะต้องไม่ถอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้านักเรียนคนใดคิดว่าจะไม่เป็นทหารไปจนตายขอให้คิดเสียใหม่ว่าจะเป็นทหารต่อไปหรือไม่
พล.อ.เปรม กล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับนักเรียนนายเรือขอแนะนำว่าทุกคนต้องกำหนดแนวทางชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่จบเป็นนายทหาร หรือตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายเรือด้วยซ้ำไป ว่าเมื่อเราจบแล้วเรากำหนดแนวทางชีวิตของเราอย่างไร เราจะไปให้ถึงไหน จะคิดอย่างไร ซึ่งโรงเรียนนายเรืออาจจะสอนแล้วเพียงแต่ตนอยากพูดย้ำว่า การเป็นผู้มีเกียรติไม่ต้องพูด เพราะว่าเขาสอนกันแล้ว จะต้องเป็นสุภาพบุรุษ จะต้องมีความเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้หมายความว่าเป็นพี่น้องกันในเฉพาะกองทัพเรือ ต้องเป็นพี่น้องกันทั้ง 3 กองทัพ เพื่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นในกองทัพของเรา เพื่อให้เกิดความยำเกรง เพื่อเกิดความศรัทธา และเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในอันที่จะเป็นที่หวั่นเกรงของคนที่คิดไม่ดี
“เป็นทหารต้องเป็นด้วยเลือดเนื้อ จิตวิญญาณ ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแบบ ต้องอยู่ในเครื่องแบบ จะขอมาพูดซ้ำอีกทีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะต้องมีความรู้สึกว่าเรานี่เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของชาติ ด้วยจิตวิญญาณและเลือดเนื้อของเรา เราต้องทำทุกอย่างเพื่อพิทักษ์ชาติ และพิทักษ์ราชบัลลังก์ไว้ให้ได้ ที่จะขอแนะนำอีกเรื่องก็คือ เป็นทหารไม่ประเมินค่าตัวเอง ไม่ตอบตัวเอง หรือไม่ถามตัวเราเองว่า เรานั้นเก่งกาจสามารถ แต่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาประเมินว่าเราเป็นคนอย่างไร พวกเราทุกคนต้องยอมรับความสามารถ ความรู้ของตัวเอง ว่าเรามีความรู้ ความสามารถแค่ไหน ไม่ใช่พูดเอาเอง” ประธานองคมนตรี กล่าว
พล.อ.เปรม กล่าวว่า ที่ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือพูดว่า อยากให้พูดถึงจริยธรรม คุณธรรม และเศรษฐกิจพอเพียง หรือความพอเพียง ขอพูดเรื่องความพอเพียงก่อน นักเรียนอาจจะมีความสนใจมาบ้างแล้ว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสมา 20 กว่าปีแล้ว แต่เวลาพระองค์ท่านมีพระราชกระแสรับสั่ง พวกเราไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยเข้าใจ และก็ไม่สนใจ และก็อาจเลยเถิดไปถึงว่าไม่ทันสมัย อันนี้เป็นความเข้าใจในขณะนั้น น่าเสียใจมาก แต่ในปัจจุบันนี้น่าดีใจมาก เพราะว่าคนไทยเข้าใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ความพอเพียง หรืออะไรพอเพียง ก็แล้วแต่จะเรียก อยู่ในเรื่องความพอเพียง
พล.อ.เปรม กล่าวต่อไปว่า เมื่อท่านรับสั่งใหม่ๆ ท่านทรงแปลว่า sufficiency economy ฝรั่งได้ยินแล้วเหมือนว่าเป็นคำพูดตลกๆ แต่ที่จริงเมื่อได้ศึกษาแล้ว ประเทศอื่นๆ ก็ยอมรับในเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสรับสั่ง พระเจ้าแผ่นดินประเทศต่างๆ ที่ได้เสด็จมาร่วมพระราชพิธีครองราชย์ครบรอบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราต่างก็ชื่นชมยินดีในปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง หรือเรื่องความพอเพียง ขอให้นักเรียนจำไว้ 3 อย่าง ซึ่งนักเรียนอาจจะรู้แล้วว่าการจะทำอะไรก็ตาม
“ที่ท่านรับสั่งว่าให้ทำด้วยความพอเพียงมีหลัก 3 อย่าง คือ 1.มีความสามารถในการจะทำสิ่งเหล่านั้นขนาดไหน ที่เรียกว่า ศักยภาพ หมายความว่า ถ้าเราอยากจะทำอะไรซักอย่าง เราต้องมาดูแลตัวเราเองว่า ตัวเราเองมีความสามารถ สติปัญญา อยู่ในตัวเองมากน้อยแค่ไหน 2. มีเหตุมีผลอย่างไร ที่จะทำต้องมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป 3.ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญ คือ ต้องมีหลักประกันความเสี่ยงในการที่จะทำ อันนี้ชัดเจนว่าถ้าเรารู้ว่าการกระทำสิ่งใดลงไป เราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จที่เราต้องการ หรือที่เราวางแผนไว้ ต้องมีหลักประกันความเสี่ยงว่าเราจะสามารถแก้ไขความเสี่ยงเหล่านั้นได้” ประธานองคมนตรี กล่าว
พล.อ.เปรม กล่าวว่า เหล่านี้เป็นหลักทั่วไปที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานกับคนไทย และก็เป็นหลักที่จะทำไปใช้ที่ไหนก็ได้ ในเรื่องอะไรก็ได้ ไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องกลาง เรื่องใหญ่ เรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น ได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะคนยากคนจน แต่ก่อนนี้คนไปมองเห็นว่าเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่รับสั่งนั้น คนยากคนจนมีประโยชน์ คนอื่นไม่มีประโยชน์ เพราะว่าคนที่ลงทุนใหญ่ๆ โตๆ ไม่เกี่ยวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส แต่ที่จริงนี่ถ้าเราใช้หลัก 3 ประการไปจับ จะเห็นได้ทันทีว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ใช้หลัก 3 ประการนี้ เข้าไปจับ จะเป็นประโยชน์ต่อตน และองค์กรนั้นๆ โดยแท้จริง
“เรื่องของคุณธรรม และจริยธรรม เรื่องนี้นักเรียนคงได้รับการอบรบ สั่งสอนมามากแล้วว่า ทำไมคนเราต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งคุณธรรม จริยธรรมแปลว่าอะไรต้องเปิดพจนานุกรมดูเอาเอง ที่แน่ๆ คือคนดีเท่านั้นถึงจะมีคุณธรรม และจริยธรรม คนไม่ดีไม่มี และการจะทำให้คนดี ต้องทำให้เขามีคุณธรรม และจริยธรรม คนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง กับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะโดยเป็นข้าราชการ หรือเป็นอะไรก็ตาม เป็นผู้บังคับบัญชาคน เป็นผู้กำหนดแนวทางให้กับหน่วยนั้น องค์กรนั้น ถ้าไม่มีคุณธรรม และจริยธรรม ทุกอย่างก็ล้มเหลวหมด จะมีการโกง การกิน การเห็นแก่พรรคพวก การเห็นแก่ญาติพี่น้อง การเห็นแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเขาไม่มีคุณธรรม และไม่มีจริยธรรม” ประธานองคมนตรี กล่าว
ประธานองคมนตรี กล่าวต่อว่า นักเรียนนายเรือที่จะออกไปเป็นทหารเรือ จะต้องมีทั้งคุณธรรม และจริยธรรม ถ้าไม่มีเราก็เป็นผู้บังคับบัญชาที่ไม่ดี คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม และจริยธรรมในการที่จะดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา คนที่ไม่มีจริยธรรม และคุณธรรมก็คือคนที่มีกิเลส ถ้าใครมีกิเลสมาก สองคำที่เราพูดกันก็มีมาก ถ้ามีกิเลสน้อย สองอย่างก็มีมาก ถ้าคนไม่มีกิเลสเลยก็จะมีครบถ้วนสมบูรณ์ ในพระพุทธศาสนาก็สอนไว้อย่างนี้ว่าถ้าใครไม่มีกิเลสก็จะเป็นคนดี เข้าใจว่านักเรียนนายเรือก็มีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมีอยู่บ้าง แต่มั่นใจว่าในศาสนาอิสลามก็สอนอย่างนี้ ไม่มีสิ่งแตกต่างกันเลย
“ที่จริงคนเราอยากจะมีความสะดวก ในการกิน การอยู่ ใช้สอยต่างๆ พูดถึงเรื่องเงินก็อยากจะมีเงิน ถ้าเราได้เงินมาโดยทางที่ไม่ดี โดยไม่ใช้คุณธรรม จริยธรรม ไม่น่าจะเกิดมาเป็นคนที่ต้องจะดูแลชาติบ้านเมือง เรื่องของคุณธรรม จริยธรรม มันมีเรื่องที่น่าคิดว่า วัฒนธรรมไทยของเราเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่มากๆ แต่บางอย่างทำให้เกิดความไม่ถูกต้อง โดยมากใครมีสตางค์ เราก็มักจะยกย่องนับถือ ที่จริงการนับถือคนที่สตางค์นี่ ถ้าเขามีสตางค์มาโดยชอบธรรม ก็โอเค แต่เขามีสตางค์โดยการโกง การฉ้อฉล เราไม่ควรจะไปยกมือไหว้เขา เพราะว่าถ้าเราเคารพนับถือคนมีสตางค์ โดยไม่คิดว่าเขามีสตางค์มาอย่างไร เขาเป็นคนที่ไม่สมควรได้รับการยกย่อง ตรงกันข้ามกับคนยากจนแต่ว่าเขาเป็นคนดี มีคุณธรรม เขาเป็นคนถีบสามล้อ เป็นคนขับรถแท็กซี่ แต่ก็เป็นคนดี มีคุณธรรม อย่างนั้นน่ายกย่องมากกว่า” ประธานองคมนตรีกล่าว
พล.อ.เปรม ยังกล่าวว่า ที่พูดมาวันนี้ทั้งหมด ขอให้นักเรียนนายเรือไปคิดและตรึกตรองว่าที่พูดนี้ใช้ได้ไหม เชื่อถือได้ไหม น่าสนใจไหม ถ้าคิดว่าน่าสนใจ น่าเชื่อได้ ก็ขอให้รับไปปฏิบัติ แต่ถ้าเห็นว่าใช้ไม่ได้ ก็ตามใจ ที่จริงการที่คนเราจะทำอะไรซักอย่างเขามีหลักอยู่ 3 อย่าง คือหลักในการคิด คิดว่าเราจะทำอะไร พอคิดออกแล้วเราก็ไปคิดว่าจะทำไอ้โน่น ไอ้นี่ เหมือนเป็นการแปลความรู้ที่จะทำในสิ่งที่เราอยากทำ ที่เราเรียกว่าหลักการแสวงหาความรู้ และเมื่อได้ความรู้ ได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว เขาก็ได้หลักการปฏิบัติ คือการนำไปปฏิบัติ ตามแนวความคิด และความรู้ ที่เราได้รู้มา ทางทหารเราก็มีวิชาทหารสอนกันทุกโรงเรียน แต่ในที่นี้ที่อยากให้นักเรียนเข้าใจตรงกันว่าที่พูดนี่เข้าใจแน่ๆ ว่าที่พูดหมายความว่าอย่างไร และก็ไปคิด คิดเสร็จแล้วถ้าเห็นด้วยก็นำไปปฏิบัติ แล้วก็ยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติต่อไป