“หมออรพรรณ” อดีตเพื่อนรักหมอเลี้ยบสุดทน หลังถูกโกงเงินค่ายอมความ 1 ล้านบาท แถมยังฉีกหน้ากล่าวหาว่าเป็นแก๊งรีดทรัพย์ เตรียมกู้ศักดิ์ศรีคืน เดินหน้าฟ้องอาญาหมอเลี้ยบและภรรยา ฐานหมิ่นประมาท-แจ้งความเท็จ
วันนี้ (24 ก.ค.) พญ.อรพรรณ เมธาดิลกกุล อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เดินทางมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดแถลงข่าวการเตรียมยื่นฟ้องศาลอาญากับคู่กรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางปราณี ภรรยา ในคดีหมิ่นประมาทในสัปดาห์หน้า
พญ.อรพรรณ กล่าวว่า ทั้งนี้ภายหลังที่ตนเดินทางไปยังบ้านพักของ นพ.สุรพงษ์ เพื่อทวงถามเงิน 1 ล้านบาท กรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข เคยรับปากว่าจะจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เป็นค่ายอมความเมื่อปีกลางปี 2545 กรณีระบุว่าอาหารเสริม “วี-1 อิมมูนิเตอร์” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของตนไม่สามารถรักษาโรคเอดส์ได้ จากนั้นมีการฟ้องร้องจนตนยอมถอนแจ้งความให้
อีกทั้ง นพ.สุรพงษ์ และนางปราณีภรรยายังกล่าวหาตนต่างๆ นานา รวมทั้งยังมีการแจ้งความดำเนินคดีกล่าวหาตนอีกครั้งว่าตนบุกไปยังบ้านเพื่อรีดทรัพย์ทั้งที่ตนก็ไปคนเดียว และไปสอบถามดีๆ ว่าจะจ่ายให้หรือไม่ “ดิฉันเดินทางไปยังบ้านเขา จะเป็นการข่มขู่ได้อย่างไร และก็ได้ทำบันทึกเล็กๆ ให้กับหมอเลี้ยบ มีเนื้อหาว่าจากแบน (ชื่อเล่น พญ.อรพรรณ) ถึงเลี้ยบ มารับเงินจ้ะ ไปที่ทำงานไม่พบ เธอบอกว่าไม่มีเวลา ฉันจึงมาหาเธอที่บ้าน” แต่สุดท้ายบันทึกดังกล่าวหมอเลี้ยบกลับมีการนำไปยื่นให้ตำรวจ และบอกให้จับดิฉันฐานรีดเงิน และยังมาว่าดิฉันว่าสมองซีกซ้ายขวาไม่เท่ากัน เป็นหมออะไรฉลาดซะเปล่า” พญ.อรพรรณ กล่าว
พ.ญ.อรพรรณ ยอมรับว่า เรื่องสัญญาตนขอบอกว่าไม่มี เพราะเราสองคนสนิทกันมากเพราะจบการศึกษาแพทย์รามาธิบดี โรงเรียนเตรียมอุดม และเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์เหมือนกัน บิดาของดิฉันก็ซื้อขายข้าวเปลือกที่นครสวรรค์ บิดามารดาของนายแพทย์สุรพงษ์ก็ขายเกี้ยมฉ่ายที่ตลาด ทำให้ครอบครัวของเราก็สมควรที่จะรู้จักกันพอสมควรจึงวางใจที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนเอกสารอะไรกัน
พญ.อรพรรณ กล่าวว่า ตนได้ปรึกษากับทนายความแล้วว่าจะฟ้อง 3 คดี ประกอบด้วย 1.คดีอาญาขอหาหมิ่นประมาท กรณีที่นางปราณีหมิ่นประมาทว่า ตนเป็นคนบ้าจะมาล้มล้างรัฐบาลและคำกล่าวหาต่างๆ ทั้งที่ตนไปทวงหนี้ 2.คดีอาญาข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ที่กล่าวหาว่าตนไปก่อกวนและ 3.คดีอาญาเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ว่าตนเกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์และกุข่าว ซึ่งทั้งหมดวางแผนว่าอาจจะยื่นฟ้องพร้อมกันหรือรวมกันเท่านั้น
“ส่วนเรื่องหนี้สิน ดิฉันปรึกษากับทนายแล้วว่า หากเป็นสัญญาลักษณะเพื่อน แต่มีมูลกรณี และมีการติดตามทวงหนี้มาตลอด ในทางคดีจะดำเนินการได้หรือไม่ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่อยากจะติดใจเรื่องต่างๆ แค่ไปทวงถามว่าจะให้หรือไม่ ซึ่งดิฉันผิดหวังเพื่อนอย่างมากเพราะเราก็ทำงานโดยไม่เคยทะเลาะอะไรกัน แต่ดิฉันเพียงต้องการกู้ศักดิ์ศรีกลับคืน” พญ.อรพรรณ กล่าว