xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส”แฉรัฐปลุกปชช.ปะทะพันธมิตรฯ-ลั่นอารยขัดขืนไม่มอบตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุริยะใส กตะศิลา” ผู้ประสานองค์กรพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์สภาท่าพระอาทิตย์ (3 ก.ค.49) หลังถูกออกหมายเรียก รวม 5 คดี ลั่นอาจจะมีการรวมตัวกันอารยขัดขืน ไม่ไปมอบตัวจนกว่าจะออกหมายจับ ระบุการออกหมายเรียกมีการตั้งข้อหาที่ไม่เป็นธรรม ชี้ขณะนี้รัฐบาลใช้เหตุ “ปกป้องรัฐธรรมนูญ” มาปลุกระดมปชช. เพื่อให้ออกมาเคลื่อนไหวปะทะกันเองกับกลุ่มพันธมิตรฯ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สุริยะใส กตะศิลา

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย ร่วมรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สำราญ – ก็จะไปคุยดูกันซักนิดนึงกับคุณสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานขององค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะครับ ตอนนี้มารออยู่ในสายแล้วครับ สวัสดีครับ คุณสุริยะใสครับ

คำนูณ – สวัสดีครับ

ปานเทพ – สวัสดีครับ

สุริยะใส – ครับ สวัสดีครับ คุณสำราญ คุณปานเทพ คุณคำนูณ สวัสดีครับ

สำราญ – ตกลงชัดๆมีกี่คนครับรอบนี้

สุริยะใส – คือเท่าที่เช็คแน่นอนนี่ 8 คนนะครับ (สุริยะใส กตะศิลา , สุวิทย์ วัดหนู , การุณ ใสงาม , ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ , รสนา โตสิตระกูล , ศิริชัย ไม้งาม) ที่คุณสำราญไม่ได้เอ่ยนี่มีคุณอวยชัย วะทา เป็นอาจารย์ทางกลุ่มตัวแทนครูกู้ชาตินะครับ และก็อีกคนคือคุณเพียร ยงหนู แต่ผมจำได้ว่าจะ 17 คนนะครับ ผมพยายามจะเช็คกับเจ้าตัวเมื่อวาน ไม่ได้รับสายหรือบางคนก็โทรไม่ติด เพราะว่าตามข่าวที่ออกมานี่ก่อนหน้านี้ซักเดือนนึงถ้าจำกันได้ใช่ไหมครับ เขาบอกว่าจะออกหมายเรียกทั้งหมด 17 คน แต่ ณ วันนี้นับได้ชัวร์ๆนี่คือ 8 คน อย่างกรณีคุณสุวิทย์นี่ ในทีมของกองโฆษก 3 หลักๆที่อยู่ในเป้าก็มีสาวิทย์ แก้วหวาน ด้วย คุณสาวิทย์ผมก็โทรไม่ผิด ก็เลยเมื่อวานก็คุยกับคุณสำราญว่าได้หมายหรือยัง ผมว่ามีความเป็นไปได้เพราะตำรวจคงไม่แยก

สำราญ – เท่าที่ทราบมีอาจารย์ปานเทพด้วย

สุริยะใส – คุณสโรชาก็มีข่าวนะครับ

สำราญ – และก็ข้อหาชัดๆ คุณสุริยะใส

สุริยะใส – ข้อหาเดียวกับ 5 แกนนำทั้งหมดนะครับ ตั้งแต่ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ไล่มาจนถึงข้อหาเรื่องก่อความวุ่นวาย ทำให้เกิดความเสียหาย เรื่องขัดขวางการจราจรอะไรทำนองนี้นะครับ ผมจำรายละเอียดไม่ได้ แต่ว่าโดยหลักๆก็ตั้งข้อหาตั้งแต่ระดับที่เป็นระดับความผิดที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ก็คือมีเจตนาการเคลื่อนไหวที่ไม่อยู่ในจุดมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ คล้ายๆกับล้มล้างรัฐธรรมนูญ และเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรทำนองนั้นนะครับ ไล่มาจนถึงระดับพื้นฐานก็คือเรื่องของไม่ขออนุญาตใช้เครื่องเสียงอะไรแบบนี้ 5 ข้อด้วยกันนะครับ

สำราญ – และใครเป็นโจทก์ครับ ใครเป็นคนแจ้งความ

สุริยะใส – เดิมทีนี่นะครับผมไล่นิดนึง คือเดิมทีนี่คดีนี้ 5 ข้อหานี่นะครับ เป็นคดีที่คุณฉลาด วรฉัตร เป็นผู้กล่าวโทษไปที่ทางพนักงานตำรวจ ทีนี้ทาง 5 แกนนำตอนนั้นซึ่งเป็นผู้ต้องหาชุดแรก ก็ทำหนังสือทักท้วงไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า คดีที่มันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงนี่ให้นาย ก. นาย ข. เป็นผู้ร้องไม่ได้นะ โดยหลักนี่คุณฉลาดไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย ต้องเป็นเจ้าพนักงานของรัฐเท่านั้น เขาก็เลยไปเปลี่ยนก็ไปหาไปวิ่งหาเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจซักคนเป็นคนกล่าวโทษ ผมทราบมาว่าช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ตำรวจเองก็ตื่นตระหนกกัน เพราะหลายคนก็ถูกขอมาตั้งแต่ทางนครบาลบ้าง ทางสอบสวนกลางบ้าง หรือทางระดับบริหารของ สตช.บ้างก็หนีกันนะ พูดง่ายๆว่าไม่อยากเป็นเจ้าทุกข์เอง ก็ไปได้ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ นะครับ ตอนนี้คดีนี้ก็เลยกลายเป็น พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ เป็นคนกล่าวโทษ ซึ่งเป็นผู้ช่วยตำรวจนครบาล

สำราญ – รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

สุริยะใส – ใช่ครับ ก็อันนี้ที่มาที่ไปนะครับ เพราะว่าตอนนั้นเราเห็นว่าหมายนี้ไม่ชอบธรรม ก็เลยไม่ไปมอบตัวกันนะครับ แต่ว่าล่าสุดเมื่อวานผมได้คุยกับหลายคนใน 8 คนนี่นะครับที่ได้รับหมายเรียกนี่ ว่าที่เราจะไปมอบตัว ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 ไหม เพราะตามหมายนี่เขานัดวันที่ 5 เพราะเราเห็นว่าข้อหานี่อาจจะเกินเลย และเราก็เคลื่อนไหวโดยสุจริต ยึดกรอบรัฐธรรมนูญ และก็หลักสันติวิธีมาตลอด 2-3 เดือนนี่นะครับ ก็พิสูจน์กันเห็นชัดว่าเราก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อความวุ่นวาย หรือไปทำลายล้างรัฐธรรมนูญอะไร คือคิดกันว่าถ้าไม่ไปมอบตัวนี่จะดีไหม หรือใช้รูปแบบอารยขัดขืนอีกแบบหนึ่งนะครับ ก็รอหมายจับเอาเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราไม่ไปมอบตัวนี่ ตำรวจเขาคงไปขอหมายจับจากศาล ซึ่งตอนนั้นเราก็คงต้องปรึกษาทางทนายว่า เราจะใช้สิทธิต่อศาลว่าเราไม่ไปมอบตัว คือคัดค้านการออกหมายจับนะครับ อาจจะยังไม่ถึงขั้นประกันตัวอะไรตรงนั้น แต่ว่าถ้าศาลออกหมายจับแล้วก็ค่อยว่ากันอีกที อันนี้ก็เป็นแค่ความเห็นเบื้องต้นก่อนนะครับ ซึ่งวันพรุ่งนี้ช่วงเช้าประมาณซัก 9 โมงครึ่งก็จะมีการประชุมร่วมกัน ระหว่างทีมทนายซึ่งผมยังไม่ได้เชิญพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ นะครับ เพราะเมื่อวานนี่พอดีติดต่อแกไม่ได้ ก็มีคุณนิติธร และก็ทางทีมสภาทนายความบางส่วน ซึ่งจะเชิญพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ด้วย ซึ่งดูคดีพันธมิตรทั้งหมดนี่นะครับ และก็ทั้ง 8 ท่านประชุมที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เพื่อกำหนดท่าทีต่อเรื่องนี้ที่จะเป็นทางการนะครับ

คำนูณ – และมีความคิดที่จะฟ้องกลับในข้อหา ไม่ว่าจะเป็นแจ้วความเท็จ ฟ้องเท็จอย่างนี้นี่ มีความคิดอยู่ไหมครับ

สุริยะใส – ถ้าเป็นส่วนตัวผมคิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะครับ เพราะที่ผ่านมาผมเองก็รอท่าทีทางตำรวจเหมือนกัน ที่มีปล่อยข่าวออกมาเรื่อยๆใช่ไหมครับว่าจะออกหมายเรียกเรา แต่ว่าทั้ง 5 แกนนำนี่ผมเข้าใจว่ายังไม่ได้แจ้งความตำรวจเก่าในประเด็นนี้อย่างเป็นทางการ อาจจะมีคดีที่คุณสนธิได้แจ้งไปบ้างกรณี พล.ต.ต.วินัย ทองสอง เฉพาะในคดีนี้ซึ่งผมว่ามันเป็นการกล่าวหาเราเกินเลยนี่ยังไม่มีการแจ้งความกลับ ซึ่งคงต้องพิจารณากันเหมือนกันว่าจะแจ้งความกลับหรือเปล่า ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นะครับ

สำราญ – คดีนี้ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ ไปกล่าวโทษกับกองปราบใช่ไหมครับ

สุริยะใส – ใช่ครับ เราต้องไปที่กองปราบนะครับ

สำราญ - เราก็ต้องไปกองปราบเหมือนกัน ถ้าจะไปนะ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะไปหรือเปล่า พรุ่งนี้ก็ต้องประชุมกันอีกทีนึงนะครับ

สุริยะใส – ครับ เราจะกำหนดประชุมกันอีก คุณการุณ ใสงาม ก็เสนอไอเดียมาดีนะครับ ว่าอยากให้ยกระดับสาระของการประชุมขึ้นมาอีก ก็คือแทนที่จะพูดเรื่องหมาย เรื่องทางคดีว่าชอบไม่ชอบโดยตรงนี่ อยากให้ประเมินบทบาทและสถานภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ว่าสถานะปัจจุบันถ้าประเมินจากคดีความที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรโดยตรงทั้งหมดนี่ ก็หลาย 10 คดีอาจจะเป็น 100 แล้วนะครับถ้าไล่เลียงกันหมด เพราะตอนนี้นะครับมีชาวบ้าน มีมวลชนที่ไปร่วมชุมนุมกับเรานี่ ที่มาลงทะเบียนไว้ที่ผมหลาย 10 คนนะครับ ก็อาจจะเชิญเขามาทั้งหมดเลยนะครับ เอาข้อหามาดูแล้วก็ไล่เลียงกันว่า เจ้าหน้าที่ในภาพรวมนี่ กรมตำรวจตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองไปทั้งกรมแล้วหรืออย่างไร แล้วเราจะมีมาตรการที่จะแก้ปัญหาการเกิดภาวะที่เรียกว่ารัฐใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้อย่างไร เพราะว่าถ้าแบบนี้เราก็ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำตลอดนะครับ เพราะว่าถ้าเขาใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราก็ไม่ต้องทำอะไรกันวันๆก็ขึ้นโรงขึ้นศาลกัน ก็จะลองดูว่าพรุ่งนี้เราจะยกระดับมาประเมิน และก็ดูว่าจะมีช่องทางที่จะแก้ปัญหาอย่างไรนะครับ ในระยะยาวด้วยครับ

สำราญ – ขออีกซัก 2 นาทีครับ คุณสุริยะใส ผมสนใจข่าวในผู้จัดการออนไลน์ที่คุณให้สัมภาษณ์เอาไว้นะครับ ว่าตอนนี้มีขบวนการจัดตั้งพิทักษ์ระบอบทักษิณ และก็พูดถึงบันได 5 ขั้นนะ ปล่อยข่าว กล่าวหา ปลุกระดม ชี้เป้า และสุดท้ายก็เอามวลชนมาเผชิญหน้ากันนี่นะครับ ซึ่งผมคิดว่าในหลายขั้นตอนก็พอจะมองเห็นรูปธรรมอยู่ และขั้นตอนนี้เท่าที่ดูข่าวในผู้จัดการ ในกรุงเทพธุรกิจ ในไทยโพสต์ มติชน ก็ตามนะครับ ก็จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวมวลชนของอีกฝ่ายนั้นก็ กลับมาเที่ยวนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าเดิมนะครับ จริงๆเป็นยังไงครับลองมองในภาพรวมนิดนึง

สุริยะใส – คือผมคิดว่าต้องต่อจิ๊กซอร์นะครับ คือมีกระบวนการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง นับจากตั้งแต่ที่พันธมิตรยุติการชุมนุมชั่วคราวนะครับ ในช่วงนั้นเราก็แทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวในส่วนกลาง ก็จะมีประปรายบ้างที่เราไปพบปะพี่น้อง มีสัมมนา มีอภิปรายกันในสถาบันการศึกษา โรงแรมบ้าง ส่วนใหญ่ก็จัดกันแบบเป็นงานที่ไม่ค่อยได้เป็นการชุมนุมใหญ่นะครับ แต่ว่าที่เราไปดูในซีกของทางรัฐบาลนี่ เขาก็มีการซ่องสุมกำลังเป็นระยะๆนะครับ เราคิดว่าในหนังสือพิมพ์บางฉบับเมื่อวาน ที่บอกว่ากรมป่าไม้เจ้าหน้าที่ใช่ไหมครับทั้งในและนอกเครื่องแบบ 1000-1200 คน จริงๆผมทราบมานานแล้วเพียงแต่ว่าไม่มีหลักฐาน รวมทั้งการใช้กลไกตำรวจระดับท้องถิ่นนะครับเช่นตำรวจชุมชน หรือใช้กลไกรัฐตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ หมู่บ้าน เพื่อที่จะซักซ้อมและเตรียมความเข้าใจกับประชาชนว่า จะมีขบวนการที่จะแกนนำของคนรักทักษิณบางคน ก็ใช้คำว่าขบวนการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ขบวนการขัดขวางการเลือกตั้ง เขาพยายามชี้เป้ามาที่พันธมิตรและนักวิชาการ รวมทั้งสื่อมวลชนหาว่าเป็นผู้ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง ผิดรัฐธรรมนูญ จะเอานายกฯคนนอกมา เขาบอกว่าขบวนการเหล่านี้เป็นขบวนการทำลายรัฐธรรมนูญ

ฉะนั้นเขาก็จะอ้างความชอบธรรมเพื่อมาปกป้องรัฐธรรมนูญ เขาไม่ได้บอกว่าปกป้องคุณทักษิณนะครับ แต่จะเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ อย่างเมื่อวานก็มีการจัดอภิปรายที่ฐานเศรษฐกิจ อาทิตย์ก่อนที่หลังจากที่จบสมัชชาที่ธรรมศาสตร์ก็ดี เขาก็จัดที่เดอะมอลล์คนมาเป็นพันนะครับ เมื่อวานนี้ผมทราบมาว่าคนมาเป็นพันเพราะว่าทางคนของเราก็นั่งฟังอยู่นี่นะครับ และก็มีลักษณะของการอภิปราย การพูดจากันที่สัมมนาก็เป็นการปลุกระดมยั่วยุนะครับ และก็ชี้เป้าชัดเจนว่าใครเป็นมิตรเป็นศัตรู และก็รวมทั้งผู้มีบารมี แม้แต่ศาลวันนี้ก็ถูกพ่วงเข้ามากับเราด้วยนะครับ ซึ่งคงไม่เป็นธรรมกับผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง หรือแม้แต่ศาลที่พยายามคลี่คลายวิกฤติการอยู่นะครับ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ในภาพรวมแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นช่วงขั้นที่ 5 ครับ ผมคิดว่าเป็นขั้นที่เขาพร้อมจะเอามวลชนออกมาเคลื่อนไหว และเป็นการเคลื่อนไหวที่หวังผล 2 ทาง ทางหนึ่งก็อาจจะดูสิว่าลงมา 5 หมื่นก็จะมาแสน และมาแสนก็มาสองแสน ผมคิดว่าคราวที่แล้วที่เขาระดมไม่ได้ เพราะว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็นการส่วนตัวที่ระบอบทักษิณเองก็ตะลึงกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตร ที่ระดมคนได้ในช่วงทันทีทันทีใดนี่ก็เป็นแสนเหมือนกันนะครับ

สำราญ – เที่ยวนี้เขาแค่ขู่หรือว่าเขาจะเอาจริงครับดูท่าทาง

สุริยะใส – ผมคิดว่าเอาจริงนะครับ เอาตั้งแต่ที่ส่งคนไปคุกคามคุณพ่อคุณแม่ผมที่บ้านที่ต่างจังหวัดโดยแกนนำแท็กซี่ และหลังจากนั้นมาก็ยังมีโทรศัพท์ มีจดหมายไปข่มขู่นะครับ ทำนองว่าอย่าไปแจ้งความ อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพราย ก็มีเรื่อยๆนะครับทั้งแกนนำทุกคน เท่าที่ผมทราบนี่หลายๆคนก็โดนโทรศัพท์มืด โดนข่มขู่คุกคาม แม้กระทั่งที่สำนักงานผมก็ตลอดเวลาเหมือนกันนะครับ จนใช้โทรศัพท์สำนักงานไม่ได้ตอนนี้นะครับ

สำราญ – เอาล่ะครับ ก็เดี๋ยวบ่ายโมงไปที่ สตช.ด้วยใช่ไหมครับ

สุริยะใส – ไปครับ

สำราญ – ไปด้วยนะครับ ขอบพระคุณมาก คุณสุริยะใสครับ

สุริยะใส – ครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น