xs
xsm
sm
md
lg

"ปชป."ไม่กลัวถูกยุบ ลั่นเดินหน้าสู้อยุติธรรมต่อไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยกับสภาท่าพระอาทิตย์ (28 มิ.ย.) ย้ำหนักแน่น จะเดินหน้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อไป หลังคณะทำงานอัยการชี้มูลเตรียมเชือด พร้อมทรท. พร้อมตั้งข้อสังเกต อัยการตอบไม่ชัดเจนถึงความผิดของพรรคฯ เชื่อ เป็นกระบวนการกลั่นแกล้ง เหตุเพราะมีคดีความกับ “กกต.”อยู่ ยัน ที่ผ่านมาทำทุกอย่างภายใต้แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามความถูกผิด ยืนยันทุกอย่างที่พรรคดำเนินการชอบธรรมด้วยสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล

สำราญ – เราไปฟังตัวจริงเสียงจริง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ

บัณฑิต – สวัสดีครับ

อภิสิทธิ์ – สวัสดีครับ

สำราญ – คุณอภิสิทธิ์ครับ ผ่านไป 1 คืนพอจะได้มีข้อมูลเพิ่มเติม จนสามารถสรุปได้แล้วหรือยังว่า ทำไมต้องมีการเสนอยุบประชาธิปัตย์ค่อนข้างจะรวดเร็วมาก

อภิสิทธิ์ – มีข้อมูลเพิ่มเติมนะครับแต่คงไม่มีคำตอบ เพราะว่าเมื่อสักครู่นี่ผมเข้าใจว่าทางโฆษกของอัยการก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ ว่าบางเรื่องนี่ได้ดูแล้วนี่ไม่ใช่ความผิด อย่างกรณีที่ผมไปปราศรัยไปอะไรต่างๆนะครับ แต่ว่าเมื่อถูกสอบถามว่า แล้วสรุปแล้วพรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรผิด ก็บอกว่าให้ไปดูคำร้องที่จะส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ต้องขอเรียนว่าจนถึงขณะนี้เราก็ยังไม่ทราบเลย ว่าที่บอกว่าเรากระทำความผิดนี่เราทำอะไร พิจารณามีการสรุปบอกว่าเราทำผิดกฎหมายมาตรา 66 (2) (3) ของกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งสาระสำคัญก็เป็นเรื่องความมั่นคงกับความเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย ผมก็ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าที่เราเคยได้รับแจ้งให้ไปชี้แจง มี 6 ข้อกล่าวหานะครับ ถ้าตัดประเด็นที่ผมปราศรัยออกไปก็เหลือ 5 ข้อกล่าวหา 2 ข้อเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจว่าตั้งขึ้นมาเป็นเรื่องของความผิดได้อย่างไร เช่น การไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กับการที่อาจจะมีสมาชิกของพรรคไปรณรงค์ให้คนกาช่องไม่ลงคะแนน เพราะว่าทั้ง 2 ส่วนนี้มันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

สำราญ – กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้นี่ครับ

อภิสิทธิ์ – ครับ คือนอกจากไม่ห้ามแล้ว ผมคิดว่าเขาจงใจเขียนไว้เพื่อยืนยันว่ามันเป็นหลักการสำคัญหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ก็คือประชาชนย่อมมีสิทธิที่ไม่ไปลงคะแนนให้ใครก็ได้ ถ้าเห็นว่าผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ใช่คนที่เขาอยากจะเลือก ไม่ใช่พรรคที่เขาอยากจะเลือก และพรรคการเมืองก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะว่ากิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ได้มีแต่การเลือกตั้ง และจุดยืนของพรรคประชาธปัตย์ที่ไม่ลงเลือกตั้งนั้นนี่ ผมคิดว่าได้รับการยืนยันในที่สุดว่าศาลเองก็ตัดสินว่าการเลือกตั้งมันมิชอบ เพราะฉะนั้น 2 ข้อนี้นี่ผมก็ไม่เห็นเป็นประเด็นนะครับ อีก 2 ข้อนี่นะครับก็จะเป็นเรื่องที่ไปคาบเกี่ยวกับภาคประชาชน ก็คือ 1. บอกว่าร่วมกับพันธมิตรล้มล้างรัฐบาล อีกเรื่องหนึ่งก็บอกว่าไปขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้งที่สงขลา ซึ่งเรื่องหลังนี่ก็ต้องเรียนก่อนว่าเป็นเรื่องของกลุ่มประชาชน ที่เขาไปชุมนุมขอร้องกราบไหว้ว่าคนไปลงสมัครเพื่อไปเป็นเครื่องมือให้พรรคใหญ่นี่อย่าไปทำเลย และก็ประธาน กกต.สงขลาก็เคยทำรายงานขึ้นมาที่ กกต.ว่า มันไม่ได้มีการไปขัดขวางการรับสมัคร และจริงๆก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรค
ส่วนเรื่องแรกนี่ถ้าบอกว่าไปร่วมกับพันธมิตรล้มล้างรัฐบาลนี่ ก็ต้องบอกก่อนว่าพรรคประชาธิปัตย์นี่ ไม่เคยมีการไปร่วมกับพันธมิตรทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดนะครับ แต่การที่จะมีคนของพรรคไปฟังหรือไปขึ้นเวทีพันธมิตร ก็เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และถ้าเราบอกว่าต่อไปนี้นี่ใครเอาความจริงเกี่ยวกับรัฐบาล ใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาพูดนี่ เป็นการล้มล้างรัฐบาลและเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยนี่ ผมว่าเราเข้าใจประชาธิปไตยผิดอย่างแรงใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นสิทธิของประชาชน ถ้าประชาชนไม่สามารถตำหนิวิจารณ์รัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบเมื่อไปทำให้ประเทศชาติ ประชาชนเสียหาย อย่างเช่นที่ผ่านมานี่ ที่ชุมนุมกันมากที่สุดคือเรื่องหุ้นชินคอร์ปเรื่องอะไรนี่นะครับ ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้นี่ผมว่ามันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว

สำราญ – จริงๆถ้าบอกว่าร่วมกับพันธมิตรนี่ ตอนนี้พันธมิตรเขาโดนกองปราบดำเนินคดีอยู่

อภิสิทธิ์ – ก็ผมเข้าใจว่าคงจะคาบเกี่ยวกัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายระบอบประชาธิปไตยมากเลยนะครับ ว่าถ้าเราบอกว่าต่อไปนี้นี่ ทุกคนต้องเรียบร้อย รัฐบาลบอกยังไงก็ต้องเชื่อ รัฐบาลไม่ยอมให้มีการตรวจสอบก็ต้องปล่อยผ่านๆไปนี่ ผมว่านั่นแหละเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย ผมคิดว่าการมีประชาธิปไตยก็คือว่าเจ้าของอำนาจต้องตรวจสอบได้ ขายหุ้นไปแล้วไม่เสียภาษีตรวจสอบได้ไหม ขายหุ้นไปแล้วนี่ธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงไปอยู่ในมือของต่างชาตินี่เยอะ มันต้องเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ถูกไหมครับในระบอบประชาธิปไตย

สำราญ – โดย 5-6 ประเด็นที่ผมฟังแล้วก็โอเคแหละนะครับ

อภิสิทธิ์ – มันก็เหลืออีกประเด็นเดียวที่เขาพูดมาก็คือบอกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไปจ้าง 3 พรรคการเมือง ให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย จริงๆเขาไม่ได้ระบุว่าไทยรักไทยหรอก แต่บอกให้ใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่น ผมก็สันนิษฐานว่าหมายถึงพรรคไทยรักไทยนะครับ ก็ถามว่า 3 พรรคที่ว่านี่คือเขาไปทำอะไร ก็ปรากฏข้อเท็จจริงค่อนข้างจะเป็นที่ยุติว่า 3 พรรคนี้มีการไปส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยไปแก้ไขคุณสมบัติข้อมูลของ กกต.เองนะครับ ว่าคนไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งนี้ก็ไปเอาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะต้องการที่จะไปช่วยพรรคการเมืองใหญ่ให้หนีปัญหาเรื่องต้องได้คะแนน 20% นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วก็บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์นี่ไปจ้างพรรคเหล่านี้ให้ใส่ร้าย ผมก็เอาง่ายๆก่อนว่าก็ในเมื่อข้อเท็จจริงมันปรากฏว่าคนเหล่านี้ กกต.ก็สรุปเองว่าไปรับจ้างสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่มีคุณสมบัติ มีการจ้างวานกันจริง มันก็ไม่มีกรณีใส่ร้ายหรอกครับเพราะมันเป็นเรื่องจริง ใช่ไหมครับ ผมก็เลยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าใน 6 ข้อนี่ ตกลงมันคือข้อไหนนะครับ มีแต่ว่าเมื่อเช้าเข้าใจว่าท่านอัยการบอกว่าตัดไปข้อนึงล่ะที่ไม่เกี่ยว คือกรณีที่ผมไปปราศรัยที่สนามหลวง เสนอให้ท่านนายกฯกับ ครม.นี่ไปลาออก เพื่อที่จะได้เข้าสู่เงื่อนไขมาตรา 7

สำราญ – ตรงนั้นไม่เกี่ยวนะครับ

อภิสิทธิ์ – ทางโฆษกอัยการว่าอย่างนั้นครับ

สำราญ – คุณอภิสิทธิ์ครับ ถ้าถามตรงๆเลยนี่พอตั้งสติพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ตรวจสอบข้อมูลดูแล้วนี่ คุณอภิสิทธิ์กล้าพูดไหมครับว่าเรื่องนี้มันเป็นเกมการเมือง

อภิสิทธิ์ – ผมพูดอย่างนี้ก็แล้วกันครับ ว่าถ้าดูจากข้อเท็จจริงเหมือนที่เราไล่เมื่อกี๊นะครับ เราก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร วันนี้นี่ถ้าเกิดผมถามคุณสำราญบอกเขาจะยุบพรรคไทยรักไทย แล้วพรรคไทยรักไทยไปทำอะไร ผมว่าคุณสำราญตอบได้ เขาจะยุบพรรคพัฒนาชาติไทยเพราะอะไร ผมว่าคุณสำราญตอบได้ วันนี้นี่ถ้าถามคุณสำราญว่าเขายุบพรรคประชาธิปัตย์นี่ พรรคประชาธิปัตย์ไปทำอะไร ผมว่าคุณสำราญยังตอบไม่ได้

สำราญ – ตอบยากเหมือนกันนะครับ

อภิสิทธิ์ – เพราะว่าผมยังไม่รู้เลยนะครับ เพราะเขายังไม่บอกผมเลย ว่าที่บอกว่าไปทำผิดกฎหมายนี่ไปทำอะไรนะครับ แต่ว่าเขาไปสรุป ทีนี้ถามว่าทำไมมันเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็บอกข่าวที่บอกว่ามันจะต้องยุบทั้ง 2 พรรคนี่ มันเกิดขึ้นมาได้สักเดือนกว่าๆแล้ว

สำราญ – มันเป็นธงอย่างนั้นหรือครับ

อภิสิทธิ์ – เพราะว่ามันเป็นเรื่องสืบเนื่องว่า เมื่อไปสอบข้อเท็จจริงและพบว่าพรรคไทยรักไทยนี่ กระทำผิดเข้าข่ายที่จะต้องถูกยุบพรรคนี่ มันก็มีความพยายาม เป็นยุทธการความปกติของผู้มีอำนาจในขณะนี้นะครับ ว่าให้มันกวนน้ำให้ขุ่นน่ะ เขาใช้คำว่ายุทธการกวนน้ำให้ขุ่น ถ้าฝ่ายหนึ่งมาทำอะไรอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายนั้นก็ต้องทำแบบเดียวกันบ้างนึกออกไหมครับ มีคนมาชุมนุมขับไล่ ก็ต้องมีคนชุมนุมมาเชียร์นะครับ ถ้าเกิดทางนี้บอกว่าเขาโกง ก็จะต้องหาเรื่องบอกว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็โกง พอทางนี้จะถูกยุบพรรคก็ต้องบอกว่าอีกพรรคก็ต้องถูกยุบด้วยอะไรทำนองแหละครับ มันก็เป็นกระบวนการทางการเมือง เพื่ออาจจะนำไปสู่ประเด็นที่บอกว่าในที่สุดให้เจ๊าๆกันไป ที่เราได้ติดตามได้เบาะแสมาก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด และก็ผมก็เรียนว่าในส่วนของ กกต.นี่ เราก็ไม่สงสัยหรอกครับ คือคุณสำราญก็ต้องยอมรับติดตามข่าวอยู่ทุกวันนี่ ฝ่ายผมกับ กกต.นี่ขึ้นศาลกันเกือบทุกวัน อยู่คนละข้าง เพราะฉะนั้น กกต.ส่งสำนวนให้อัยการนี่ กกต.คงเขียนถึงพวกเราไม่ดีหรอกครับ ใครๆก็ต้องเดาออกครับ

สำราญ – อีกนิดเดียวครับ ที่เขาตั้งข้อสังเกตว่าอนาคต เผลอๆประชาธิปัตย์อาจจะดูแล้ว 6 ข้ออาจจะกว้างๆดีนะ แต่ว่าถ้ามองในเชิงของการสอบสวน อนุกรรมการเชิญหัวหน้าเชิญเลขา แต่ไทยรักไทยนี่เขาเชิญแค่รองหัวหน้าพรรคกับรองเลขาพรรค หัวหน้าพรรคของเขานี่ไม่ได้ไปถูกสอบปากคำเลยนี่

อภิสิทธิ์ – คือผมว่านี่เป็นความพยายามของเขานะครับ คือผมฟังทางหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเมื่อวานนี่ พยายามย้ำอย่างเดียวว่านิติบุคคลนะ อย่างนั้นอย่างนี้นะ ของผมก็บอกว่าไม่ต้องไปดูตรงนั้นหรอก เอาง่ายๆก่อนว่าทำผิดหรือเปล่า คือถ้าพวกผมไม่ได้ทำอะไรผิด มันก็ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าใครทำ ถูกไหมครับ แล้วผมก็บอกว่าที่บอกมาทั้งหมดว่า ที่เคยกล่าวหาว่า 6 ข้อนี่ผมก็ยืนยันเลยว่า บางข้อทำจริงครับ พรรคมีมติจริงไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง แต่มันไม่ผิดน่ะครับ เมื่อมันไม่ผิดแล้วมันก็ไม่เป็นประเด็นนะครับ แต่ว่าพฤติกรรมของทางโน้นนี่ ถ้ามันมีการจ้างวานลงสมัครนี่มันผิดชัดเจน ถามว่าผิดชัดเจนก็ต้องไปสืบว่ามันเป็นเรื่องของพรรคหรือเป็นเรื่องของบุคคล ผมก็ถามว่าทำแล้วบุคคลได้ประโยชน์หรือพรรคได้ประโยชน์ และคนที่ทำเป็นใครเกี่ยวข้องกับพรรคไหม ก็พิจารณากันไปตรงนั้น แต่ของประชาธิปัตย์อย่าเพิ่งไปบอกว่าเป็นมติพรรค บอกก่อนว่ามันผิดอะไรถูกไหมครับ

บัณฑิต – อยากให้คุณอภิสิทธิ์ช่วยมองคำตัดสินของคณะกรรมการ สำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวานนี้ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ และก็ใช้เวลาพิจารณาสำนวนนี่ บอกว่าเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้นเอง เอกสาร 1500 หน้าเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์นี่ครับ

อภิสิทธิ์ – ผมก็ได้ตั้งข้อสังเกตไปเมื่อวานนะครับ ว่าของ 4 พรรคนี่รู้สึกจะ 2000 หน้าใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลย ของเรานี่ออกมา 1500 หน้า พิจารณากับอีก 4 เรื่องได้ในครึ่งวัน และก็เอาล่ะ ผมเชื่อว่าท่านก็คงยอมรับว่าไม่ได้อ่านทั้งหมดหรอก แต่บอกสรุปสำคัญๆ ผมก็ต้องย้ำอีกครั้งแหละครับว่า กกต.ที่เขาเขียนขึ้นไป เขาจะเขียนถึงพวกผมดีได้อย่างไร ในเมื่อมีสมาชิกของผมไปฟ้องอาญาเขาอยู่ตั้งกี่คดีใช่ไหมครับ คือผมก็ยืนยันนะครับว่าประชาธิปัตย์ก็ต้องทำแหละครับ เพราะประชาธิปัตย์เห็นว่า กกต.นี่จัดเลือกตั้งไม่ชอบ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบก็ต้องทำแหละ นั่นแหละหน้าที่ของพรรคการเมืองรักษาประโยชน์ของประเทศ

สำราญ – มีท่านผู้ชมถามมาว่า สุดท้ายแล้วคุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยไหม ถ้าจะบอกว่าเที่ยวนี้คือเกมที่จับตัวประชาธิปัตย์เป็นตัวประกัน

อภิสิทธิ์ – ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าเขาก็ขอให้พ่วงกันเข้าไปก่อน และก็พยายามจะให้มันเกิดกระแสขึ้นมาว่ามันยุ่งกันนักก็เจ๊าๆกันไป จะยุบทั้ง 2 ก็ได้หรือจะไม่ยุบทั้ง 2 ก็ได้ ผมว่าอันนี้นี่เป็นสิ่งซึ่งผมว่าสังคมต้องเข้มแข็งนะครับ ของอย่างนี้นี่มันเป็นเรื่องที่ว่าทำถูกหรือทำผิด ก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง

สำราญ – ก็ตอนนี้นี่เห็นว่าประกาศจุดยืนพรรคชัดเจน ว่าจะไม่ขยับขยายหรือไปเตรียมพรรคสำรองใดๆทั้งสิ้นใช่ไหมครับ

อภิสิทธิ์ – ไม่มีหรอกครับ ไม่มีความคิดอย่างนั้นหรอกครับ พรรคไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วก็เราต้องยืนยันเลยครับว่าที่ผ่านมาทั้งหมดนี่ ตั้งแต่ต้นปีมานี่ เราทำเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศกับระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนะครับ มีระบอบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมา ต้องการให้ผู้มีอำนาจทำอะไรก็ได้ เอาประโยชน์ให้พวกพ้องและไม่ต้องมีการตรวจสอบนี่ ประชิปัตย์ยอมไม่ได้ เพราะนั่นคือประโยชน์ของประชาชนนะครับ ว่าเราจะต้องดูว่าคนมีอำนาจเขาใช้อำนาจแล้วนี่ ประชาชนเสียประโยชน์ไหม เหมือนอย่างที่ผมยกตัวอย่างเมื่อกี๊ครับ ที่เขาไปชุมนุมกันนี่ หยิบยกเรื่องชินคอร์ปเรื่องอะไรขึ้นมานี่ มันเป็นความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตย ประชาชนในระบบระบอบประชาธิปไตยที่จะมีได้ครับ

สำราญ – ประเมินกันไหมครับว่า ขบวนเที่ยวนี้จะใช้เวลายาวนานสักกี่เดือนครับ

อภิสิทธิ์ – เราไปตอบแทนศาลคงไม่ได้นะครับ ศาลรัฐธรรมนูญก็คงจะต้องเป็นผู้ชี้แจงเองว่า ท่านจะมีกระบวนการอย่างไร

สำราญ – เมื่อวานคุยกันถึงขั้นที่ว่า ถ้าเกิดยุบจริงนี่จะทำยังไงกันไหมครับ

อภิสิทธิ์ – ไม่ได้คุยหรอกครับ เพราะว่าก็ยืนยันอย่างเดียวว่าเราต้องบอกความจริงกับประชาชนนะครับ ว่าที่ผ่านมานี่เราทำอะไรนะครับ ไม่ได้ทำอะไร แล้วก็ยืนยันว่าสิ่งที่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่ก็เพราะว่าเราสู้กับอะไร ก็ กกต.และก็ระบอบที่ว่านี่แหละครับ

สำราญ – สู้กับระบอบทักษิณว่าอย่างนั้นเถอะ

อภิสิทธิ์ – นั่นแหละครับ

สำราญ – เมื่อวานคุณชวน หลีกภัย ท่านให้คำแนะนำหรือให้ข้อคิดยังไงบ้างครับ

อภิสิทธิ์ – ท่านก็เห็นและพูดสอดคล้องกันกับทุกคนในพรรคนะครับ ว่ามันไม่แปลกใจหรอก คือ กกต.จะส่งสำนวนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่เกี่ยวกับเรื่องดีได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นคู่ความกันอยู่ มันมีความเป็นปฏิปักษ์กันอยู่ ท่านก็พูดครับ

สำราญ – ก็ไม่ได้แปลกใจ คล้ายๆว่าก็ให้สู้กันไปว่างั้นเถอะ

อภิสิทธิ์ – ครับ คือเราทำงานการเมือง เราต้องเชื่อในความถูกต้องและเชื่อความจริง จะไปคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อ

สำราญ – วันนี้มีโปรแกรมจะประชุมจะไปหารือกับใครยังไงบ้างครับ

อภิสิทธิ์ – วันนี้ผมมีกำหนดการของผมอยู่ครับ เรื่องของวาระประชาชนนะครับ ผมก็ช่วงนี้เดินหน้าในการพบปะพูดคุยกับกลุ่มคนต่างๆนะครับ ทั้งที่เปิดเผยบ้าง ไม่เปิดเผยบ้าง เพื่อไปขอความคิดไปแลกเปลี่ยนความเห็น ว่าจากนี้ไปนี่เราจะแก้ปัญหาของบ้านเมืองอย่างไร ทำยังไงให้รัฐบาลนี่กลับมาเป็นของประชาชนจริงๆ นโยบายของรัฐบาลนี่เป็นประโยชน์เพื่อประชาชนจริงๆนะครับ ก็จะทำอย่างนี้ต่อไป

สำราญ – ขอคำถามสุดท้าย คุณอภิสิทธิ์ครับ ที่คุณสุเทพหรือท่านใดพูดก็ไม่ทราบว่า เผลอๆถ้าในอนาคตถ้าเกิดมันทางตัน จะต้องเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้นี่ ตรงนั้นมีนัยอะไรหรือครับ

อภิสิทธิ์ – ผมยังไม่ทราบเลยครับ อันนี้ใครพูดว่าอะไรอย่างไร มันไม่มีหรอกครับ เราอยู่ในกรอบของกฎหมายตลอดนะครับ แล้วก็สิ่งเดียวที่ผมยืนยัน ผมพูดอย่างเดียวนะครับ ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ตัวผมและคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ ยังไงก็ต่อสู้กับระบอบที่ไม่ถูกต้องนะครับ ยังไงก็ต่อสู้กับการทุจริต ยังไงก็ต่อสู้กับการที่จะพยายามปิดปาก ปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน

บัณฑิต – คุณอภิสิทธิ์ครับ ถ้าหากเรามองไปข้างหน้านะครับ การเลือกตั้งที่ทางรัฐบาลเขาพยายามจะให้เกิดขึ้นวันที่ 15 ตุลาคมนี่นะครับ และถ้าไปดูระยะเวลาของศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ก็มีข่าวว่าต้องใช้เวลา 3-6 เดือน แล้วถ้าจะมีการเลือกตั้งขึ้นมา ในขณะที่การพิจารณาคดีก็ยังไม่แล้วเสร็จ การเมืองไทยมันจะเป็นยังไงครับ

อภิสิทธิ์ – คือมันก็คงเป็นความไม่แน่นอนที่อยู่ในใจคนว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าในทางเทคนิค ทางกฎหมายนี่ คนที่มองแต่ว่าช่องทางทางกฎหมายนี่ ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่านี่มันก็ไม่ค่อยจะมีผลอะไร ถ้ามองเฉพาะในช่องทางกฎหมาย เช่นว่าสมมุติว่าเลือกตั้งกันไป 15 ตุลาคมนี่ ใครจะชนะใครจะแพ้ก็แล้วแต่ ทุกคนเข้าไปเป็น ส.ส.นี่ สมมุติว่าต่อมาเกิดศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคใดพรรคหนึ่ง เขาก็บอกว่า ส.ส.พรรคนั้นก็มีสิทธิที่จะไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น

สำราญ – ก็ไปหาพรรคอื่นได้

อภิสิทธิ์ – มันก็ไม่กระทบกระเทือนอะไร ถ้ามองในแง่กฎหมายนะครับ แต่ถ้ามองในแง่ของความถูกต้องชอบธรรมอะไรก็คงจะถกกันอีกยาว

สำราญ – เอาล่ะครับ ก็ขอบพระคุณมากที่ให้เวลานะครับ

อภิสิทธิ์ – ครับ ยินดีครับ ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น