“ไกรศรี จาติกวณิช” ส่งตัวแทนขึ้นศาลเบิกความไต่สวนคดีฟ้องหมิ่น “รองโฆษก ทรท.” กล่าวหาหลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถโตโยต้า ยืนยันจำเลยหวังทำลายชื่อเสียงลูกชายที่ตรวจสอบกรณีขายหุ้นชินคอร์ป ศาลนัดฟังคำสั่ง 4 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 703 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกในคดีที่ นายไกรศรี จาติกวณิช อดีตอธิบดีกรมศุลกากร บิดาของนายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มอบอำนาจให้ นายระพินทร์ ชลพินทุ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.ไทยรักไทย และรองโฆษกพรรคไทยรักไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
กรณีเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2549 นายจตุพร แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรื่องที่พรรคแต่งตั้งให้ นายกรณ์ เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์ โดยพาดพิงถึง นายไกรศรี ว่า เคยโดนลงโทษให้ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ในความผิดร่วมกันกับผู้อื่นนำรถโตโยต้า ซอร์เรอร์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษี
โดยการไต่สวนวันนี้ ฝ่ายโจทก์นำสืบพยานเพียงปากเดียว คือ นายระพินทร์ ชลพินทุ ผู้รับมอบอำนาจจาก นายไกรศรี ยื่นฟ้องคดีนี้ โดย นายระพินทร์ เบิกความยืนยันว่า ข้อความที่จำเลยกล่าวหมิ่นประมาทพาดพิงโจทก์นั้น ล้วนแต่เป็นความเท็จทั้งสิ้น โดยจำเลยต้องการทำลายชื่อเสียงโจทก์ และนายกรณ์ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ป ให้กลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์ ความจริงแล้วข้อกล่าวหาการหลบเลี่ยงภาษีนั้น นายมนัสชัย อารียะภากุล เป็นผู้นำรถยนต์โตโยต้าใช้แล้วมาจากประเทศญี่ปุ่น และได้ชำระค่าภาษีศุลกากร จำนวน 400,000 บาท แทนที่จะเป็นเงินจำนวน 1.4 ล้านบาท ซึ่งโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนั้น โจทก์ไม่ได้ถูกสั่งลงโทษเพียงแต่ถูกพักราชการตามมาตรา 98 ระเบียบข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
นายระพินทร์ เบิกความต่อว่า หลังจากนั้น สำนักงาน ก.พ.มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า โจทก์สามารถยื่นหนังสือขอกลับเข้ารับราชการได้ แต่โจทก์ไม่ได้ยื่น เนื่องจากขณะนั้นใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว ส่วนที่โจทก์ถูกกรมศุลกากรยื่นฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ในคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่ผ่านมา ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ยกฟ้อง พร้อมกับให้เหตุผลว่า การกระทำของโจทก์ไม่ถึงขั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยความประมาทเลินเล่อ หรือจงใจ การกระทำจึงไม่เป็นการละเมิด ประกอบกับกรมศุลกากรได้ยึดรถยนต์ของกลางไว้แล้ว โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องร่วมชดใช้ความเสียหายอีก อย่างไรก็ตาม นอกจากคดีแพ่งแล้วโจทก์ก็ไม่เคยถูกฟ้องดำเนินคดีอาญา
ทั้งนี้ ภายหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลจึงนัดฟังคำสั่งในวันที่ 4 ก.ค.2549 เวลา 09.00 น.
(0301,0309)


