xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ย้ำค้านประกัน “3 หนา” หวั่นทำลายเอกสารสำคัญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (19 มิ.ย.49) ชี้เหตุจำเป็นที่ต้องมีการยื่นคัดค้านการประกันตัวของ กกต.ต่อศาลอาญาวันนี้ เพราะเกรงจะก่อให้เกิดการสร้างพยาน และทำลายเอกสารที่สำคัญ นอกจากนี้ ถือว่า กกต.นี้ไม่มีความเที่ยงธรรม หรือมีคุณสมบัติที่จะคงสถานภาพเอาไว้อีกแล้ว ลั่นหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์จริงอย่างมากก็แค่เลิกเล่นการเมือง แต่ไม่คิดปลุกระดมประชาชนให้มาก่อความเดือดร้อน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสัมภาษณ์ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประธิปัตย์

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สำราญ – ซักครู่จะได้คุยกันเรื่องทางการเมืองกันนิดหน่อย เวลาซัก 10 นาทีโดยประมาณนะครับ ก็จะคุยกับเลขาธิการพรรคประธิปัตย์ ซึ่งเป็นเจ้าของคดีไปฟ้องร้อง กกต. แล้วก็ได้ให้ทนายยื่นคัดค้านการประกันตัวของ กกต.

ปานเทพ – ว่าวันนี้จะคัดค้านการประกันตัวได้สำเร็จมากน้อนแค่ไหน

สำราญ – เราจะไปกันที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สวัสดีครับ คุณสุเทพครับ

ปานเทพ – สวัสดีครับ ท่านเลขาครับ

สุเทพ – สวัสดีครับ คุณสำราญ คุณปานเทพครับ

สำราญ – วันนี้ศาลท่านนัดกี่โมงครับ เรื่องประกันตัว กกต.

สุเทพ – ทนายให้ผมไปประมาณ 9 โมง เข้าใจว่าศาลคงนัด 9 โมงครึ่งอะไรอย่างนี้

สำราญ – ที่รัชดาใช่ไหมครับ

สุเทพ – ศาลอาญา ถนนรัชดาครับ

ปานเทพ – เราให้เหตุผลคัดค้านการประกันตัวของ กกต.ว่ายังไงครับ

สุเทพ – ผมก็มีเหตุผล 4-5 ประการนะครับ คือเอาว่าหลักใหญ่ก็คือว่า ผมเกรงว่าถ้าฝ่ายจำเลยคือ กกต.นี่ได้รับการประกันตัวไป มันจะทำให้การดำเนินคดีนี่ไม่เป็นธรรมกับผม เพราะว่ามีการกระทำที่ไม่สุจริต ไม่ชอบธรรม ไม่น่าเชื่อถือของฝ่ายจำเลยนี่นะครับ ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะว่าข้อแรกนี่โดยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง 2541 นี่ ในมาตรา 21 เขามีบทบัญญัติไว้ว่าให้ กกต.นี่มีอำนาจในการที่จะกระทำ เรียก หรือรวบรวมเอกสารต่างๆเพื่อมาประกอบการพิจารณา ฉะนั้นถ้าจำเลยหรือ กกต.นี่ได้รับการปล่อยตัวออกไปนะครับ ได้รับการประกัน ก็จะมีอำนาจในการควบคุมดูแลเอกสาร หลักฐานทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจำเลยอาจจะใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ไปสร้างพยาน เอกสารหรือหลักฐานเท็จขึ้นมาในการต่อสู้คดีได้ ที่ผมพูดอย่างนี้นี่เพราะว่ามันมีตัวอย่างมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคมนี่เองนะครับ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กกต.ไปรับผลประโยชน์มาจากพรรคเล็ก รับเงินมาจากพรรคเล็กนี่ ทำการปลอมแปลงแก้ไขหลักฐานในแผ่นดิสก์ของ กกต. ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย 4 คนนี้ แล้วก็เขาได้มีการสอบสวนกันและก็อนุกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ก็ได้เสนอให้ลงโทษ แล้วก็ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่คนนั้นไปแล้ว

สำราญ – อันนี้คือเหตุผลหลักที่คุณสุเทพยื่นคัดค้านไป

สุเทพ – นี่เป็นเหตุผลหนึ่งครับ เหตุผลที่ 2 ครับ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดนี่ ฟังชัดเลยว่าจำเลยคือ กกต.นี่ได้เป็นคนที่จัดการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 วันที่ 23 วันที่ 28 เมษายนนี่โดยไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรมใช่ไหมครับ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ระงับการเลือกตั้งในวันที่ 28 และก็ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดก็ได้เพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนด้วยเหตุผลสำคัญว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญนะครับ ซึ่งทำให้ประชาชนเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเลือกตั้ง ประเทศต้องเสียเงินตั้ง 2000 ล้าน คนเสียความรู้สึกเสียศรัทธาต่อระบอบเลือกตั้ง พฤติกรรมอย่างนี้แหละครับที่ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มันทำให้หมดคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่ง กกต.อีกต่อไป
ซึ่งเรื่องนี้ท่านประธานศาลฎีกา ท่านชาญชัย ลิขิตจิตถะ นี่ได้แสดงเหตุผลไว้ชัดเจน ในหนังสือที่มีไปถึงรักษาการประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนะครับ ที่บอกว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการจัด หรือจัดให้มีการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมนี่ หมายความว่าไม่ตั้งตรงอยู่ในความเป็นธรรม คือหมายความอยู่ในตัวเองแล้วว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 136 ซึ่งจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ความเห็นของท่านประธานศาลฎีกานี่แม้มิใช่คำพิพากษาของศาลฎีกานะครับ แต่ว่ามีความหมายสำคัญมากยิ่งยวดครับ เพราะว่าชี้ให้เห็นว่าสถานภาพที่แท้จริงของ กกต.นี่ มันหมดสิ้นแล้วซึ่งความชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ผมจะไปเรียนกับศาลวันนี้ก็คือว่า ผมคิดว่าคณะจำเลยทั้งชุดนี่มีอคติต่อผมครับ เพราะว่าหลังจากที่ผมได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่ามีการว่าจ้างพรรคเล็กให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตต่างๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเกณฑ์คะแนน 20% ตามที่กฎหมายกำหนดครับ คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนนี่ เขาได้ไปสรุปผลการสืบสวนสอบสวน แล้วก็รายงานว่าทั้งหมดนี่มีความผิดจริงตามที่ผมได้ร้องเรียน
แต่ว่าพวกจำเลยทั้ง 4 นี่แทนที่จะไปดำเนินการตามผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนนี่ แต่ว่าไม่ทำนะครับ กลับไปเรียกเอาคนบางคนซึ่งร่วมกันกระทำความผิดนี่มาสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคนๆนี้เมื่อเรียกมาก็ต้องให้การปฏิเสธแน่ให้ตัวเองพ้นผิด แต่ว่าจำเลย กกต.ก็ไปดำเนินการตามนั้น เพื่อที่จะเอาคำปฏิเสธของคนเหล่านี้ครับมากล่างอ้างกับสาธารณชน ทำให้พรรคของผมนี่ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียง เพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยนะครับ และก็แม้ผมไปฟ้องแล้วนะครับ กกต.บางคนนี่ก็ยังไปแถลงข่าวว่าจะยุบพรรคการเมืองที่ผมสังกัด ผมถือว่าเป็นการข่มขู่ ที่สำคัญก็คือว่าแทนที่เขาจะได้ทำคำวินิจฉัยชี้ขาดโดยพลัน กฎหมายกำหนดนี่ ชี้ขาดโดยพลันตามที่คณะอนุกรรมการที่มีท่านนาม ยิ้มแย้ม ได้สรุปออกมา แล้วส่งคำวินิจฉัยชี้มูลนี้ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
การดำเนินการต่อไปคือการเสนอยุบพรรคไทยรักไทย เพราะว่ามีพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี่นะ แต่ว่าคณะ กกต.ซึ่งเป็นจำเลยนี่ กลับไม่ทำความเห็นเรื่องนี้นะครับ ไม่ชี้มูลความผิดเรื่องนี้ ส่งสำนวนทั้งหมด ส่งเอกสารทั้งหมดให้อัยการสูงสุดพิจารณาเอาเอง ก็เหมือนกับผิดปกติ ไม่เหมือนกับที่เคยทำเมื่อคราวก่อน คราวก่อนคือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมนี่ ได้ชี้มูลความผิดเสนอยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า วันที่ 6 มิถุนายนชี้มูลความผิดเสนอยุบพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยส่งไปที่อัยการ แต่พอไปถึงพรรคไทยรักไทยไม่ทำ ไม่ชี้มูลความผิด พฤติกรรมนี้แหละครับผมเห็นว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คือเอื้อประโยชน์แก่พรรคไทยรักไทย ประวิงเวลาเพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย
หลังสุดเลยนี่ครับสิ่งที่ฝ่าย กกต.คือจำเลยได้ดำเนินการนี่ ผมเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งผมและพรรคประชาธิปัตย์ เพราะว่าไปตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อให้สอบพรรคประชาธิปัตย์ให้สอบพวกผม เขาหาว่ากระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระบุหัวข้อเลยว่าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเพื่อล้มล้างรัฐบาล เสนอขอนายกฯพระราชทาน ไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง ชักจูงผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ไปลงคะแนนในช่องที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน ไปจ้างพรรคชีวิตที่ดีกว่า พรรคพัฒนาชาติ กับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ให้ใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่น ขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่สงขลา ทั้งหมดนี้วิญญูชนทั่วไปอ่านข่าวแล้วก็ต้องเข้าใจว่าอันนี้กลั่นแกล้ง ดำเนินข้อหาที่ไร้ความจริงไร้เหตุผล ตั้งขึ้นเพื่อแก้ลำกลั่นแกล้งผมเท่านั้นเอง

สำราญ – บังเอิญเวลาน้อย ขอเรียนถามนิดเดียวนะครับ ที่เรายื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวไว้ก่อน เป็นเพราะว่าเรารู้ว่าเรากลัวเขาจะไปแอบยื่นขอประกันตัวก่อนอย่างนั้นหรือเปล่าครับ

สุเทพ – เปล่าครับ อันนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายครับ เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย คือเมื่อผมได้ไปยื่นฟ้องต่อศาล ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้อง ศาลได้มีคำวินิจฉัยรับฟ้องแล้วนะครับ ก็จะนัดที่จะให้มาพร้อมกันที่จะสู้คดีกันนี่นะครับ ฝ่ายโจทก์นี่เขาไม่เห็นว่าถ้าจำเลยได้รับการประกันไป แล้วจะทำให้ผมเสียหาย หรือว่าทำให้รูปคดีเปลี่ยนไป ผมก็ไปยื่นคัดค้านการประกันตัว

สำราญ – แต่ของคุณถาวรไปยื่นไม่ทันใช่ไหมครับวันก่อนนี่

สุเทพ – ผมก็ไม่ทราบ วันนั้นของคุณถาวรผมไม่ได้ตามไป

สำราญ – รู้สึกว่าทางจำเลยเขาไปยื่นขอประกันตัว แต่ว่าทนายคุณถาวรไปยื่นไม่ทันประมาณอย่างนั้น

สุเทพ – คงจะเป็นอย่างนั้นได้ครับ เป็นไปได้

สำราญ – มีท่านผู้ชมถามมานิดนึง สมมุตินะครับคุณสุเทพ ซึ่งศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็ไม่ทราบ และเมื่อไหร่เราก็ไม่ทราบ อาจจะวันนี้หรือวันหน้าก็ได้นะครับ ทีนี้ท่านผู้ชมถามว่าถ้าเกิดว่าศาลไม่ให้ประกันตัวกับจำเลย จะมีผลต่อสถานภาพของจำเลยหรือ กกต.ยังไงบ้าง

สุเทพ – ผมขออนุญาตไม่ก้าวล่วงไปถึงขนาดนั้น เพราะว่าเดี๋ยวจะไปพูดว่าศาลให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน ต้องแล้วแต่ดุลพินิจของศาล แต่ว่าตามที่จะถ้าศาลไม่ให้ประกันจะมีผลยังไงก็ค่อยว่ากันไปตรงนั้น

สำราญ – ค่อยว่ากันไป จริงๆกฎหมายก็เปิดดูได้อยู่แล้วใช่ไหมครับ ว่าเป็นอย่างไรนะครับ มีความคิดว่าเป็นอย่างไรในใจครับ

สุเทพ – ผมไม่คิดยังไงครับ ผมก็คิดว่าแล้วแต่ดุลพินิจของศาลนะครับ ผมก็ทำหน้าที่ของผมเพราะผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำนี่มีผลดีต่อบ้านเมืองนะครับ การกระทำที่ผมตั้งใจทำนี่เพราะผมถือว่าเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ เพราะว่าจำเลยทั้ง 4 คือ กกต.นี่ก็ทนเหลือเกิน ใครเสนอแนะอะไรก็ไม่ค่อยฟัง ไม่มีสำนึกที่จะเข้าใจได้ว่าตัวเองเป็นองค์กรอิสระ ข้อสำคัญคือสถาบันต่างๆเสนอให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้พิจารณาตัวเองให้ลาออกนี่ก็ไม่ทำ และก็พูดจาก้าวร้าวท้าทายอำนาจทุกอำนาจ ทุกสถาบันซึ่งคนไทยก็รู้ดี ผมขอเลี่ยงที่จะไม่พูด เพราะฉะนั้นผมก็ใช้วิธีการทางกฎหมาย คือเมื่อผมเห็นว่าเขาทำไม่ถูกกฎหมาย ผมก็ดำเนินคดีครับ เพียงแต่ผมคิดว่าถ้าเขาถูกจำคุก ถูกศาลพิพากษาเสีย เขาก็หมดสภาพการเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทางฝ่ายศาล ฝ่ายตุลาการเขาจะได้สรรหากรรมการเลือกตั้งคนใหม่มาทำหน้าที่แทน จะได้ทำให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ที่ยุติธรรม มันจะทำให้เป็นความหวังของประชาชนได้ ระบอบประชาธิปไตยก็ไปได้ ผมถึงทำเรื่องนี้ครับ

สำราญ – คุณสุเทพ โดยส่วนตัวนี่คิดว่ายังไงครับ สิ่งที่ กกต.เขายืนต้านอยู่อย่างนี้นี่ เป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในความสุจริตใจ เชื่อมั่นในกฎหมาย หรือเป็นเพราะเขามียาดีมียาโด๊ป

ปานเทพ – หรือมีเบื้องหลังที่ดีหรือเปล่า

สุเทพ – คือผมคิดว่า กกต.นี่ก็รู้อยู่ เพราะว่าทำถูกกฎหมาย ไม่ผิดกฎหมาย เขาคงเห็นว่า กกต.ทำอะไรที่ไม่ถูกกฎหมายหลายอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่อัยการส่งเรื่องกลับมาเมื่อวานและบอกว่าต้องชี้มูล ทั้งๆที่ กกต.เถียงว่าตัวเองไม่ต้องชี้มูลนี่นะครับ นั่นเห็นอยู่แล้วว่า กกต.ไม่ค่อยแม่นในเรื่องกฎหมาย แต่ว่าที่อยู่ทุกวันนี้เพราะนึกว่ามีขุมกำลังที่ยึดครองอำนาจของประเทศคอยสนับสนุนอยู่ คอยคุ้มครองอยู่ และผมก็สงสัยว่ามันต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันที่ล้ำลึกเป็นพิเศษ คุณตายไม่ได้ ถ้าคุณตายผมแย่ คุณต้องอยู่กับผมอะไรก็ว่ากันอย่างนี้นะครับ

สำราญ – คล้ายๆว่ามันคือไม่ใช่เป็นองค์กรโดดเดี่ยวแน่นอน ต้องมีความเชื่อมโยง

ปานเทพ – มีความเชื่อมโยงกับเครือข่าย

สุเทพ – เผื่อโยงกับเครือข่ายสำคัญที่กุมอำนาจของประเทศอยู่ขณะนี้นะครับ ที่เกื้อกูลกัน ร่วมกันทำผิดกันมา ทิ้งกันไม่ได้เวลานี้

ปานเทพ – คุณสุเทพให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเกิดพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบนี่ จะเลิกเล่นทางการเมืองเลยหรือครับ

สุเทพ – ก็คืออย่างนี้ครับ เดี๋ยวจะคิดว่าผมไปท้าทาย ผมไม่ได้ท้าทายอะไรนะครับ คือเขาคือสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ผม บอกว่าทางฝั่งพรรคไทยรักไทยเขาบอกว่าถ้ายุบพรรคเขา เขาจะเอาคน 20 ล้านมาต่อต้าน มาชุมนุม มาเดินขบวนอะไรอย่างนี้นะก็ว่าไป แล้วถามว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถ้าถูกยุบพรรคจะทำยังไง ผมบอกว่าผมนี่ไม่มีทางหรอกที่จะไปเกณฑ์เอาสมาชิกพรรคทั่วประเทศกี่ล้านๆคน มาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองขึ้นมาอีก แค่นี้บ้านเมืองก็แย่แล้วนะครับ และพรรคประชาธิปัตย์ของผมนี่ถ้าถูกยุบไปนี่ พวกผมก็ต้องเลิกเพราะว่าพวกผมมันมีอุดมการณ์ พรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มา 60 ปีนี่เพราะเขาถ่ายทอดอุดมการณ์กันมารุ่นต่อรุ่น ให้ผมไปตั้งพรรคใหม่ทำชื่อใหม่หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นนี่ผมไม่ไปหรอก ก็ให้รู้กันไปว่าอธรรมมันเอาชนะเราได้ เราก็จะสู้ด้วยวิธีอื่น นั่นความหมายผมเป็นอย่างนั้นนะครับ เดี๋ยวไม่ได้ฟังชัดๆแล้วหาว่าอวดดีท้าทายมันจะไปกันใหญ่

สำราญ – คือไม่ย้ายพรรค ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ว่างั้นเถอะ

สุเทพ – คือจุดของผมก็คือว่าไม่ไปสร้างความวุ่นวายให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง เอาเป็นเอาตายกันล้มล้างกันเลยนี่ผมไม่ทำหรอกครับอย่างนั้น

สำราญ – สุดท้ายคุณสุเทพครับ โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าวันที่ 15 ตุลาคม ที่เขากำหนดเป็นตุ๊กตาไว้นี่ จะมีการเลือกตั้งไหมครับ วิเคราะห์ส่วนตัวนี่

สุเทพ – คือผมคิดอย่างชาวบ้านนะครับ ผมคิดว่าวันที่ 15 ตุลาคมนี่น่าจะทำไม่ทัน คือภารกิจของประเทศไทย ของคนไทยวันนี้คือต้องให้ กกต.ชุดนี้ออกไปก่อน แล้วตั้ง กกต.ชุดใหม่ที่มีความเป็นกลาง ที่มีความเที่ยงธรรมขึ้นมาทำหน้าที่ ซึ่งจะต้องมีการสะสางกันพอสมควรครับ ที่จะป้องกันไม่ให้การเลือกตั้งนี่ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม คุณสำราญก็รู้ว่าเลือกตั้งคราวที่แล้วนี่ขนาดลงข้างเดียวก็ยังโกงกันระเบิดเถิดเทิง ทั้งการนับคะแนน ทั้งการส่งหีบ การซื้อเสียงอะไรหมด อย่างนี้มันทำให้ระบอบประชาธิปไตยมันหมดความหวัง

สำราญ – พอจะต้องเปลี่ยนก็ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยน

สุเทพ – ผมคิดว่าคงต้องใช้เวลา อย่างน้อยอาจจะต้องใช้เวลาไปอีกซักเดือนครึ่งเดือน จะได้คนที่เข้าใจและพร้อมที่จะมาทำงานนะครับ สำหรับผมผมไม่คิดว่าจะจัดได้ทันครับ

สำราญ – เอาล่ะครับ ก็เอาสั้นๆแค่นี้ก่อน บังเอิญเวลาหมดนะครับ ขอบคุณมากครับ คุณสุเทพครับ

สุเทพ – ครับ สวัสดีครับ คุณสำราญ คุณปานเทพครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น