xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบันทึกรายงานศาลฯ เดินหน้าคดี “แม้ว” เบิกความเท็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อเวลาประมาณ เวลา 09.00 น. วันที่ 19 มิ.ย.49 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดพิจารณาคำสั่งขอให้เร่งรัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในคดีที่ นายวิลเลียม ไลล์ มอนซัน ผู้บริหารบริษัท ซีทีวีซี อ๊อฟฮาวาย จำกัด นักธุรกิจสหรัฐอเมริกา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยฐานเบิกความเท็จ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยฟ้องร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อปี 2538 กล่าวหาว่านายวิลเลียมยักยอกอุปกรณ์เคเบิลทีวี ซึ่งคดีมีคำพิพากษาให้ยกทั้งในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์

โดยในวันนี้ นายวิลเลียมได้มอบให้ นายปรเมศร์ สุตะบุตร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ทำการไต่สวนมูลฟ้องคดีโดยเร็ว เนื่องจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานอาจทำให้เอกสารคำเบิกความของพยานถูกทำลายไป ขณะที่ฝ่ายทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แถลงคัดค้านโดยอ้างว่า คดีนี้เป็นการพิจารณาคดีต่อเนื่องจากคดีแพ่ง ต้องรอให้มีคำตัดสินของศาลฎีกาในคดีแพ่งก่อน

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้มีความล่าช้ามานาน จึงอยากให้มีการไต่สวนมูลฟ้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จึงมีคำสั่งให้รับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้อง ดังรายละเอียดในรายงานกระบวนการพิจารณาของศาลดังนี้

รายงานกระบวนการพิจารณา

สำหรับศาลใช้


ตราครุฑ

คดีหมายเลขดำที่ ...3200/2538
คดีหมายเลขแดงที่...2383/2540


ศาลอาญากรุงเทพใต้
วันที่ 19 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2549

ระหว่าง บริษัท อ๊อฟฮาวาย จำกัด กับพวก รวม 2 คน โจทก์
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร กับพวกรวม 5 คน จำเลย



ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีนี้ เวลา 9 นาฬิกา

นัดพร้อมวันนี้ โจทก์ที่ 2 และในฐานะผู้แทนโจทก์ที่ 1 ทนายโจทก์ที่ 2 ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 3 ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 4 มาศาล ส่วนจำเลยทั้งสี่และทนายจำเลยที่ 2 ไม่มา

โจทก์ที่ 2 ยื่นคำร้องว่าตามที่ศาลได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราวนั้น ขอให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง เนื่องจากศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขดำที่ 11169/2537 ได้มีคำพิพากษาแล้ว เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 5387/2544 และศาลอุทธรณ์ก็มีคำพิพากษาแล้วเช่นเดียวกัน โดยพิพากษาว่าอุปกรณ์ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ที่ 2 ในคดีนี้ตามคำร้องฉบับวันที่ 2 พฤษภาคม 2549

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้รับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ยื่นคำร้องคัดค้านว่าแม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแล้ว แต่คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งทรัพย์อันเป็นเหตุให้คู่ความฟ้องร้องกันควรจะได้มีผลคำพิพากษาที่ชี้ว่าทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของใคร ย่อมเป็นสาระสำคัญและสมควรรอฟังผลคดีดังกล่าวก่อน ขอให้จำหน่ายคดีนี้ไปก่อนจนกว่าจะทราบผลคดีถึงที่สุด ตามคำร้องฉบับลงวันที่วันนี้

ทนายโจทก์ที่ 2 แถลงว่า คดีนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนบัดนี้ปี พ.ศ. 2549 แล้ว แต่ยังมิได้มีการไต่สวนมูลฟ้อง เอกสารต่างๆ ที่จะใช้สืบพยาน หากเกินกำหนด 10 ปีแล้ว อาจมีการปลดเผาได้ ซึ่งจะทำให้โจทก์ทั้งสองไม่สามารถนำเอกสารมาสืบได้ และการรอผลคำวินิจฉัยชี้ขาดของคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 นั้น เป็นการรอผลในคดีอาญาเพื่อพิจารณาคดีแพ่ง มิใช่รอผลคดีแพ่งเพื่อจะพิจารณาคดีอาญา ประกอบกับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในคดีแพ่งดังกล่าวก็ได้มีคำพิพากษาว่า ทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวเป็นของโจทก์ที่ 2 ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 3 แถลงว่า เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ จะอยู่ในสำนวนคดีของศาลแขวงพระนครใต้และศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จึงยังไม่มีการปลดเผา และทางฝ่ายจำเลยเคยตกลงกับทนายโจทก์ที่ 2 คนเดิมว่าให้รอจนกว่าคดีแพ่งที่ฟ้องร้องกันถึงที่สุดก่อน จึงจะยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป

ทนายโจทก์ที่ 2 แถลงเพิ่มเติมว่า ศาลนี้ได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2539 ว่า ให้รอคดีนี้ไว้จนกว่าศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำพิพากษาเท่านั้น เหตุที่ผู้พิพากษาท่านเดิมนัดให้รอฟังผลคดีแพ่งดังกล่าวครั้งละ 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง ก็เพียงเพื่อรอให้ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวได้ตัดสินเท่านั้น ไม่น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อรอให้คดีดังกล่าวถึงที่สุด

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับวันที่ 2 พฤษภาคม 2539 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งไว้ว่า วันนี้ครบ 6 เดือนที่ศาลสั่งให้เสนอสำนวนเพื่อพิจารณาว่าคดีดังกล่าวนั้น ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ ทั้งได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่า หากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาแล้ว ให้คู่ความแถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อไป ประกอบกับโจทก์ที่ 2 ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 ว่า บัดนี้คดีดังกล่าวศาลแพ่งกรุงเทพใต้และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว ขอให้ยกคดีขึ้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคดีนี้ขึ้นเพื่อพิจารณาคดีต่อไป

ฝ่ายโจทก์แถลงประสงค์จะนำพยานเข้าไต่สวนทั้งหมด 10 ปาก ใช้เวลา 5 นัด เหตุที่ใช้เวลามาก เนื่องจากมีพยานบางปากต้องเดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่มีพยานประเด็นโดยขอให้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 18,25 กันยายน วันที่ 2,9 และ 16 ตุลาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา ถึง 16.30 นาฬิกา ทุกนัด ตามที่คู่ความและศาลมีวันว่างตรงกัน

ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 3 แถลงว่า ขอให้โจทก์แจ้งว่าจะนำพยานชาวต่างประเทศมาไต่สวนในวันใด เพื่อจะขอให้ศาลจัดเตรียมล่ามของสำนักงานศาลยุติธรรมมาในวันนัด

ทนายโจทก์ที่ 2 แถลงว่า จะยื่นคำร้องแถลงให้ศาลทราบว่าจะนำพยานชาวต่างประเทศมาไต่สวนในนัดใด ภายใน 14 วัน นับแต่วันนี้ และฝ่ายโจทก์จะยอมเสียค่าป่วยการล่ามในอัตราตามระเบียบ

แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 ทราบ โดยให้เจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่ง ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย และให้โจทก์เป็นผู้จ่ายค่าพาหนะและค่าป่วยการในการนำส่ง โดยให้โจทก์วางค่าพาหนะและค่าป่วยการภายใน 7 วันนับแต่วันนี้

อนุญาตให้คู่ความคัดถ่ายถ้อยคำและเอกสารในสำนานและรับรองสำเนาถูกต้องได้โดยไม่ต้องยื่นคำร้องหรือคำแถลง เว้นแต่ กรณีคัดถ่ายถ้อยคำพยานให้ดำเนินการได้เมื่อสืบพยานฝ่ายตนเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ให้อยู่ในความควบคุมของผู้อำนวยการศาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย/อ่านแล้ว

(นายปรีชา ธนานันท์) (นายวันชัย เพียรวิทยาพันธุ์) บันทึก – อ่าน (นายภูมิกิตติ แก้วมณี)

โจทก์ที่ 1                             โจทก์ที่ 2
ทนายโจทก์ที่ 2 (ไม่มา)           จำเลยทั้งสี่
ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 3 (ไม่มา)     ทนายจำเลยที่ 2
ทนายจำเลยที่ 3                     ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น