“ประธาน ดาบเพชร” ประกาศอโหสิกรรม “จารุวรรณ” ชี้อยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน จวกอย่าเอาแต่อ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อประโยชน์ตัวเอง แฉ สตง.ทำผิด กม.หลายเรื่อง อ้างทำหนังสือร้องตรวจสอบพฤติกรรมแล้ว
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่โรงแรมกานต์มณี พาเลซ เมื่อเวลา 13.10 น. นายประธาน ดาบเพชร อดีตผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาได้ตัดสินให้นายปัญญา ตันติยวรงค์ อดีตประธานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) จำคุก 3 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การเลือกผู้ว่าฯ สตง.ว่า วันนี้กระบวนการยุติธรรมยังไม่ถึงที่สุด แต่ถือว่าเป็นสิ่งดีที่จะได้มีการทบทวนกันต่อไป และจะเป็นแนวทางในอนาคต ถือว่าศาลอาญาเข้าใจกฎหมายโดยถ่องแท้ว่า คตง.ต้องทำหน้าที่เป็นผู้เลือกผู้ว่าฯ สตง. และวุฒิสภามีหน้าที่ให้ความเห็นชอบเท่านั้น แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาถกเถียงกันไปคนละทาง คือการเสนอชื่อต่อวุฒิสภา ต้องเสนอเป็นบัญชีมากกว่า 1 คน แต่ถ้าย้อนไปดูคำวินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเห็นชัดเจนและสอดรับกับรัฐธรรมนูญทุกอย่างว่าการดำเนินการของอดีตประธาน คตง.ที่ได้ทำบัญชีรายชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับคัดเลือกไปให้วุฒิสภาเลือก ถือว่ามีมูลความผิดทางอาญา ดังนั้น ความสำคัญจึงไม่ได้อยู่ว่าบัญชีจะต้องมีกี่คน แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ไม่ได้เสนอชื่อผู้ที่ได้รับเลือกไปให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
นายประธาน กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะสงสัยอะไรอีกหรือไม่ โดยเฉพาะนักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ออกมาก่อนหน้านี้และขู่จะยื่นถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญ ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน เพราะศาลก็พิพากษาชัดเจนว่าอดีตประธาน คตง.เป็นผู้ลงนาม ระเบียบว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งสอดรับกับรัฐธรรมนูญ และจะมาบอกว่าเป็นอย่างอี่นได้อย่างไร แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำพิพากษาดังกล่าวจะเกี่ยวพันกับตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อย่างไร นายประธาน กล่าวว่า ประเด็นของศาลในตอนท้ายระบุว่ากรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เราควรนำมาคิดต่อว่าได้ก่อความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างไร ตนไม่ได้แปลหรือกล่าวอะไรเพิ่มเติมจากคำพิพากษานี้ แต่ตนเคยเบิกความว่ากรณีดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ สตง. เพราะในขณะที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.เคยเสนอให้ปรับยุทธศาสตร์การตรวจเงินแผ่นดินใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์ คิดว่าตรงนี้คงทำให้ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ นอกจากนี้ สิ่งที่สร้างความเสียหายคือการทำงานของ สตง.ทำงานผิดกฎหมายหลายเรื่อง ที่เน้นหรือให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามการทุจริต ทั้งๆ ที่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือการป้องกันการทุจริต ทำให้ประชาชนคาดหวังว่า สตง.ต้องเป็นมือปราบ
นายประธาน กล่าวต่อว่า ในเมื่อไม่รู้จะปราบปรามอย่างไรก็ทำรายงานการตรวจสอบอันเป็นเท็จ แจ้งผลการตรวจสอบอันเป็นเท็จ ทำรายงานผลการปฏิบัติงานอันเป็นเท็จเสนอต่อนายกฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ซึ่งตนได้ทำความเห็นในส่วนนี้เสนอไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน อย่างไร มาจนขณะนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ขอความร่วมมือมาว่าทำอย่างไรถึงจะยับยั้งการกระทำที่ผิดกฎหมายของ สตง.ได้ จึงได้ทำหนังสือเวียนไปถึงกระทรวง ทบวง กรม จังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งหลาย เพื่อแจ้งถึงภาระหน้าที่ของ สตง.ที่แท้จริง เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้ช่วยควบคุมการปฏิบัติงานของ สตง.ให้อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่ทำอะไรแบบที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า แสดงว่าช่วงที่คุณหญิงจารุวรรณดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น นายประธาน กล่าวว่า ถูกต้อง และได้แจ้งไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ส่วนตนคงไม่ดำเนินการอะไร เพราะได้ส่งเรื่องไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง คือ ป.ป.ช. อัยการ จะต้องดำเนินการต่อไป แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงประเมินเป็นตัวเงินไม่ได้ แต่มันเป็นความเสียหายของระบบบริหารราชการแผ่นดินระส่ำระสาย และถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบจริงจังก็จะเอาผิดได้ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการไปถึงผู้ว่าฯ สตง.ที่รับผิดชอบอยู่ขณะนั้น เมื่อถามว่าแสดงว่าการปฎิบัติงานของคุณหญิงจารุวรรณที่ผ่านมาเป็นการสร้างภาพ นายประธาน กล่าวว่า จะไปบอกอย่างนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ แต่ให้คิดเอาเองก็แล้วกัน
นายประธาน กล่าวว่า คำวินิจฉัยส่วนตัวของนายมานิต วิทยาเต็ม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจแต่งตั้งตามคำแนะนำขององค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ การกล่าวอ้างว่าสิ่งที่ผิดพลาดบกพร่องนั้น เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วผู้ใดจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย ดังเช่นที่มีการกล่าวอ้างกรณีการแต่งตั้งผู้ว่าฯ สตง.ถือว่าไม่ถูกต้องและเป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ บุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง หรือรับประโยชน์จากการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ที่มีผู้กระทำผิดอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ ไม่บังควรกล่าวอ้างพระราชโองการ เพื่อคงไว้ซึ่งสิทธิและประโยชน์อันมิชอบของตน แต่ใครจะคิดเห็นอย่างไรกับคำวินิจฉัยของนายมานิตก็แล้วแต่
“ส่วนคุณหญิงจารุวรรณอยากจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็อยู่ไป ทั้งที่ขณะนี้มีการเรียกร้องกันว่าไม่ชอบธรรม แต่ถ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ ไม่มีใครทำอะไรได้ แต่ขอเสียทีว่าอย่าอ้างพระบรมราชโองการ ให้เอาคำวินิจฉัยของนายมานิตไปพิจารณาให้ดีว่ากระทำนั้นสมควรเพียงใดหรือไม่ แต่ผมคงไม่กล่าวแทนคุณหญิงจารุวรรณว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร แต่ผมเห็นว่าการเอ่ยอ้างพระบรมราชโองการเป็นการไม่สมควร เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ผู้ที่รับผิดชอบ แต่ผู้ที่รับผิดชอบคือผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพราะมีหน้าที่ต้องทำ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย” นายประธาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการดำรงตำแหน่งของคุณหญิงจารุวรรณไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป นายประธาน กล่าวว่า ให้ไปคิดดูแล้วกันว่ามันถูกต้องอย่างไร เพราะเวลานี้ก็เรียกร้องกันอยู่ว่านายกฯไม่ชอบธรรม กกต.ไม่ชอบธรรม ใครๆ ก็ไม่ชอบธรรม แล้วเรื่องนี้มันชอบธรรมหรือไม่
เมื่อถามว่าจะฟ้องร้องวุฒิสภาด้วยหรือไม่ นายประธาน กล่าวว่า คิดว่า ส.ว.น่าจะรู้ตัวดี ไม่น่าจะมีใครไปฟ้องร้อง เรื่องของจิตสำนึกน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากกว่ากฎหมาย คนที่มีจิตสำนึกเขาไม่ต้องไปคำนึงถึงกฎหมายหรอก เพราะจิตสำนึกมันจะบอกได้เองว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่ตนคงไม่ไปอาจเอื้อมว่าอะไร ส.ว.เหล่านั้นหรอก จิตสำนึกเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ตราบที่ผมยังมีลมหายใจก็ยังหวังว่า ส.ว.เหล่านั้นจะมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เมื่อถามว่าทาง ส.ว.ระบุว่ามีการส่งรายชื่อไปให้วุฒิเลือกเพียง 1 คนเดียว นายประธาน กล่าวว่า คนที่พูดเช่นนั้นเป็นการกล่าวความเท็จทั้งหมด บิดเบือนข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า เมื่อ ส.ว.บางส่วนเป็นผู้ทำให้เกิดความเสียหายจะมีการดำเนินการฟ้องร้องต่อไปหรือไม่ นายประธาน กล่าวว่า “ผมขออโหสิกรรมให้ ถ้าบุคคลเหล่านั้นไม่มีวุฒิภาวะพอก็จะได้รับการอโหสิกรรมจากผม”