“ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” ร่วมแฉกระบวนการลิดรอดสิทธิมนุษยชนอย่างมโหฬารกับ “ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” และ “วสันต์ พานิช” ชี้การแก้ทำสงครามกับยาเสพติดนั้นได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปมากมายมหาศาล ทั้งนี้มาจากการกำหนดนโยบายของรัฐบาลชุดทักษิณ ที่ต้องการให้ “จับกุม-วิสามัญ-ยึดทรัพย์” โดยปราศจากความเป็นธรรม และระบุปัญหาภาคใต้ที่ระเบิดขึ้นนั้นเพราะรัฐใช้กระบวนการที่ทำให้เกิดความรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิและรักษาชีวิตของตัวเอง สุดท้ายเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลความสัมพันธ์ไทย-พม่าว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มชิน ทำให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงที่จะปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังนอกประเทศ
รายการรู้ทันประเทศไทยกับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 20.00-21.00 น. ดำเนินรายการโดยสันติสุข มะโรงศรี
สันติสุข – เรากลับมารู้ทันประเทศไทยกันต่อครับ ช่วงนี้เราจะพูดคุยเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในสงครามยาเสพติดครับ ช่วงนี้เรานอกจากจะมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งเป็นวิทยากรประจำ และก็เป็นผู้ดำเนินรายการอยู่กับเราแล้วนี่ เรายังได้เรียนเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 ท่าน ก็คือคุณวสันต์ พานิช กรรมการสิทธิมนุษยชน และก็ท่านอาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา สวัสดีทั้ง 2 ท่านครับ
ไกรศักดิ์ – สวัสดีครับ
วสันต์ – สวัสดีครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – วันนี้ทั้ง 2 ท่านต้องขอบพระคุณที่มาให้ความเห็นในรายการนี้นะครับ ผมว่าขณะนี้นี่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ามีปัญหาเรื่องยาเสพติด อ้างว่ามีปัญหาเรื่องภาคใต้ จึงจำเป็นที่จะต้องกลับมาเพื่อที่จะดำเนินการเอง เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา ถึงแม้ว่าคนจะบอกว่ากลืนน้ำลายหรือตระบัดสัตย์ ท่านก็บอกว่าท่านจะกลับเข้ามา ผมขอถามว่าเรื่องยาเสพติดนี่ ถ้าให้อาจารย์ไกรศักดิ์ประเมินว่าถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ที่ผ่านมาคุณทักษิณได้ดำเนินการสงครามกับยาเสพติด อาจารย์ให้คะแนนเท่าไหร่
ไกรศักดิ์ – ผมคิดว่าคะแนนที่ผมจะให้ติดลบเสียอีกนะครับ แน่นอนเลย เพราะว่าปัจจุบันนี้นี่ยาเสพติดนี่ได้กลับเข้ามาอีกแล้ว และในรูปแบบที่ร้ายแรงยิ่งกว่ายาบ้าเสียอีกนะครับ ตอนนี้ยาที่ผสมผสานที่เข้ามานี่นะครับ เป็นยาบ้าชนิดที่เขาเรียกว่าเป็นไอซ์ แรงกว่ายาบ้าเม็ดที่เคยเผยแพร่อยู่นะครับ บวกกับเฮโรอีนเข้ามาอีก และจากที่ให้เอฟก็คือว่าคนนี่ล้มตายไปมาก และเท่าที่เราทราบกันมานี่นะครับ ตอนที่เราทำงานกรรมาธิการต่างประเทศอยู่นี่นะ เราทราบมาจากรายงานต่างๆว่าหลายคนที่ได้ล้มตายไปนี่นะครับ ไม่ได้เป็นผู้ที่ค้าทางอาชีพแต่เป็นผู้ที่เสพ แล้วก็ค้ารายย่อยนะครับหลายคน แล้วตายไปนี่ก็ตายไปเพื่อสถิติที่จะได้ผลงาน เนื่องจากนโยบายนั้นบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ประจำอยู่ทุกจังหวัดจะต้องมีผลงาน ผลงานนั้นก็คือว่าเขาประกอบด้วย 2 อย่าง การจับกุมและก็มีหลักฐานเพียงพอ หรือการจับตาย ส่วนใหญ่เลือกที่จะจับตายนะครับเท่าที่เราประเมินมา อันนี้แหละครับ ทีนี้การละเมิดสิทธิอันนี้ในเรื่องเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดนี่มันละเมิดมาก แต่มันกลายไปเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอันหนึ่ง
ดร.เจิมศักดิ์ – เดี๋ยวจะกลับมาในรายละเอียด แสดงว่าอาจารย์ไกรศักดิ์กำลังจะบอกว่าอย่างนี้ใช่ไหมครับ ว่าที่ผ่านมาคุณทักษิณได้แก้ปัญหายาเสพติด ประเภทปราบปรามด้วยความรุนแรงและก็เลยดูจะแก้ปัญหาได้ในระยะเดียว หลังจากนั้นก็เฟื่องฟูขึ้นมาใหม่
ไกรศักดิ์ – มันเริ่มกลับเข้ามาใหม่แล้ว
ดร.เจิมศักดิ์ – เราก็ทำลายสิทธิมนุษยชน ฆ่าคนที่บริสุทธิ์ไปจำนวนไม่น้อย เอาอย่างนั้นนะครับ คุณวสันต์ครับ คุณวสันต์ให้คะแนนเท่าไหร่จาก 10 ลองเป็นอาจารย์ซักวันได้ไหมครับ วันนี้ต้องฟันธงเลยว่าจะให้คะแนนเท่าไหร่
วสันต์ – อาจจะพูดลำบากนะครับ เดี๋ยวผมว่าอย่างนี้ได้ไหมครับ อยากให้ท่านผู้ฟังท่านผู้ชมนี่เป็นคนให้คะแนนดีกว่านะครับ ช่วงเดิมนี่กับเรานี่นะครับ เราเองเรื่องร้องเรียนสถิติในปี 2545 นี่มีอยู่ประมาณซัก 100 กว่ารายนะครับ พอมาปี 2546 นะครับเฉพาะเรื่องยาเสพติดเรื่องเดียวนี่ประมาณ 300 ราย 300 รายนี่จะประกอบด้วย 3 ประเภท 1. ก็คือประเภทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ที่เรียกว่าบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 2. นี่ถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่ม 3. ก็คือการฆ่าตัดตอน กรณีที่สุดท้ายเลยก็คือถูกฆ่าตัดตอนด้วยแล้วถูกยึดทรัพย์ด้วย หรือถูกยึดทรัพย์เปล่าๆโดดๆ ทั้งหมดมี 5 กรณี รับเรื่องร้องเรียนมาประมาณ 300 เรื่อง ซึ่งกรณีที่ร้องเรียนมา 300 เรื่องนี่ทำให้เราเองนี่ต้องลงไปตรวจสอบหมดนะครับ ก็คือเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ชี้แจงด้วยลายลักษณ์อักษร ด้วยวาจา เรียกมาให้ปากคำ รวมทั้งตลอดทั้งผู้ร้องทั้งหมดนี่นะครับ เฉพาะที่ร้องเรียนเรามานี่ยืนยันได้ว่าเกือบ 100% เป็นผู้บริสุทธิ์หมด
สันติสุข – หลังจากสอบแล้วใช่ไหมครับ
วสันต์ – หลังจากสอบแล้วครับเฉพาะที่ร้องเรียน
ดร.เจิมศักดิ์ – คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้
วสันต์ – ใช่ครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ
วสันต์ – ใช่ครับ อย่างนี้ต่อไปนะครับ การส่งสัญญาณของรัฐบาลนะครับ ที่น่าเกลียดก็คือมีจดหมายเวียนออกไปทั่วประเทศว่า กรณีผู้ปราบในการปราบปรามผู้ค้าหรือผู้ผลิตนี่ จะยอดจะลดจากบัญชีค้ายาเสพติด ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนี่มีอยู่ 3 กรณีนะครับ ลองดูนะครับ กรณีแรกก็คือการจับกุม กรณีที่ 2 ก็คือการวิสามัญฆาตกรรม กรณีที่ 3 ก็คือทำให้เสียชีวิตด้วยประการใดๆก็แล้วแต่ให้เขาเสียชีวิตไป
ดร.เจิมศักดิ์ – มีคำสั่งอย่างนั้นเป็นลายลักษณ์อักษร
วสันต์ – เป็นจดหมายเวียนครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – จดหมายเวียนอันนี้นะครับ หมายความว่าจะด้วยวิธีใดๆก็แล้วแต่
วสันต์ – ใช่
สันติสุข – จดหมายเวียนอันนี้ ถ้าเกิดว่าประกอบกับคำสั่งการ และก็การมอบหมายและชี้แจงนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมไปทราบมาจากรายงานการสอบสวนของคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ซึ่งสมัยที่อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทองนี่แหละครับเป็นประธานและก็ได้สอบเรื่องนี้ ซึ่งบังเอิญว่ามันอยู่ในหนังสือเล่มนี้พอดี คือมันมีคำสั่งการ การมอบหมายและชี้แจงนโยบายประกอบไปด้วยว่าอย่างนี้ครับ มีการบอกว่าผมคัดเป็นข้อความบางตอนมานะครับ มีการบอกว่าที่อยู่ของกระบวนการค้ายาเสพติดมี 2 ที่ คือถ้าไม่ไปคุกก็ไปวัดนะครับ นี่ก็เป็นอีกอันนึงและก็อีกอันนึงนะครับ การทำงานหนัก อันนี้พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ คุณทักษิณพูดว่าการทำงานหนักของท่าน 3 เดือน จะมีผู้ค้ายาตายไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ และก็มีตอนนึงนะครับ พูดอีกว่าถูกยิงตายแล้วต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย ผมคิดว่าเราต้องเหี้ยมพอกัน และก็อีกตอนนึงนะครับก็บอกว่า สำหรับคนที่ค้ายา ท่านต้องใช้กำปั้นเหล็ก ใช้ความเด็ดขาดอย่างชนิดไม่ต้องปราณี พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เคยกล่าวว่าภายใต้ดวงอาทิตย์ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องยาเสพติดผมมั่นใจว่าตำรวจไทยจัดการได้ อย่างนี้นี่เมื่อประกอบกันแล้วนี่ มันจะมีผลในทางปฏิบัติยังไงบ้าง
ดร.เจิมศักดิ์ – อันที่จริงชาวบ้านชอบไม่ใช่หรือ ชาวบ้านบอกว่ามันเด็ดขาดดี มันจัดการเด็ดขาดดีไม่ใช่หรือ
วสันต์ – ผมอยากให้ดูจดหมายอีกฉบับหนึ่งนะครับ ก็คือจดหมายเวียนนะครับที่นายอำเภอท่านหนึ่ง ออกไปถึงให้คนรายงานตัว ท้ายจดหมายเขียนบอกว่าถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง อาจจะไม่ปลอดภัย
ดร.เจิมศักดิ์ – จะไม่รับรองความปลอดภัยในทุกกรณี
วสันต์ – ครับ หน้าที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองคือต้องรับรองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร แต่ทีนี้ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทางการเองออกจดหมายเป็นเช่นนี้มันหมายความว่ายังไง
ดร.เจิมศักดิ์ – โดยผู้ใดฝ่าฝืน ฝืนต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดนี่นะครับ และก็ อ.บ้านแพ้วจะไม่รับรองความปลอดภัยในทุกกรณี และลงชื่อนายอำเภอ
วสันต์ – อันนี้คือจดหมายที่จะไปถึงชาวบ้าน
สันติสุข – ผู้ใหญ่บ้าน
วสันต์ – ไม่ครับ คนที่ว่ามีชื่ออยู่ในบัญชีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ก่อนเบื้องต้นนะครับ วิธีการขึ้นบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนี่ คือเขาก่อนสงคราม คือสงครามนี่เริ่ม 1 ก.พ.มาสิ้นสุดเอา 30 เมษายน 2546 เขาใช้เวลาขึ้นบัญชีนี่ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคมถึงสิ้นมกราคม ปรากฏว่าที่เราตรวจสอบดูนี่นะครับ การที่ขึ้นบัญชีนี่มันมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น กรณีแรกก็คือเกิดจากทำประชาคม ก็คือเหมือนกับลงคะแนนเลือกตั้งนี่นะครับ แต่ขณะนี้เปลี่ยนลงคะแนนให้เป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ทำประชาคมในหมู่บ้านนี่ เพราะฉะนั้นถ้าใครขัดแย้งกันมาก่อน มันก็ทำประชาคมเลือกคนนั้นเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นี่คือกรณีที่ 1 นะครับ กรณีที่ 2 นี่ถ้ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและก็เลิกไปแล้ว อย่างเช่นเคยมีอย่างนี้ครับถูกฟ้องคดี ศาลยกฟ้อง และพอช่วงสงครามกับยาเสพติดมีชื่อ มีชื่อพอเข้าไปรายงานตัวกับตำรวจลงจากโรงพักถูกยิงตาย มีอย่างนี้ด้วย
ไกรศักดิ์ – มีครับ
วสันต์ – กรณีที่ 3 ก็คือญาติพี่น้องหรือเครือญาตินี่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่างเช่นลูกแยกครัวเรือนไปแล้วนี่ ปรากฏว่ามียายคนหนึ่งอายุ 74 ทั้งลูกทั้งหลานแกค้านะครับ ก็ถูกจับกุมดำเนินคดีไปสิ แต่ว่าวันดีคืนดีแกเองนี่ในช่วงสงครามกับยาเสพติด แกเองก็มีชื่ออายุ 74 นะครับไปมีชื่อ พอมีชื่อแกไปรายงานตัว กลับมานั่งอยู่บ้านจ่อยิงคาที่
ดร.เจิมศักดิ์ – อายุ 74
วสันต์ – จะไปขายอะไรล่ะครับ เดินๆยังจะหนีไปพ้นเลยครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – แสดงว่าได้ทำสถิติ
วสันต์ – ได้สถิติครับ กรณีที่ 4 ก็คือความไม่เข้าใจหรืออิจฉาริษยา มันรวยมายังไง ในพื้นที่ของอาจารย์ไกรศักดิ์เองนี่นะครับ จังหวัดโคราชนะครับ แกถูกลอตเตอรี่วันที่ 1 สองคนสามีภรรยามีลูก 2 คน คนนึง 3 ขวบอีกคน 7 ขวบ ถูกลอตเตอรี่วันที่ 1 แกก็ไม่บอกใครเพราะครบุรีนี่มันเป็นถิ่นทุรกันดาร
ไกรศักดิ์ – ทุรกันดารจนมาก
วสันต์ – และเสร็จแล้วแกก็กลัวถูกปล้น ถูกลอตเตอรี่ประมาณ 6 ล้าน ปัญหาพอแกไม่บอกแต่ขณะเดียวแกมาขยายบ้าน ซื้อรถปิกอัพ ช่วงสงครามยาเสพติดชื่อแกไปมีอยู่ แกก็ไปรายงานตัว ไปรายงานตัวบอกเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าเอาล่ะ คุณไปหาหลักฐานมาสิที่คุณถูกลอตเตอรี่ แกวิ่งเข้า กทม.มาเอาหลักฐานจากกองสลากว่าแกถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงิน 6 ล้าน พอเอาไปให้เจ้าหน้าที่ดูเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไงรู้ไหมครับ ก็เอาเงินค้ายาเสพติดไปซื้อลอตเตอรี่ไปดักซื้อที่กองสลาก พอเสร็จแล้วช่วงพอแกมารายงานตัวแล้วนี่ แกก็กลับไปด้วยความมั่นใจว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แกออกจากบ้านมาตีสี่ครึ่งเพื่อมาจ่ายของที่ตลาด กลับไปถูกยิง 2 คนสามีภรรยาจ่อหัวยิงและก็คนที่นั่งรถไปด้วยเอาเท้าถีบส่ง
ดร.เจิมศักดิ์ – นี่เพราะว่าไปสร้างบ้านร่ำรวยขึ้นมา เขาก็เลยไปตั้งข้อสังเกตและก็ตั้งข้อสันนิษฐานไปเลยเรียบร้อย
วสันต์ – ก็พอทำประชาคม ประชาคมก็ชาวบ้านไม่รู้นี่ว่าถูกลอตเตอรี่มา ก็กลายเป็นได้รับรางวัลไปเหมือนรางวัลที่ 1 นี่ทุกข์ลาภ แต่พอเราตรวจสอบแล้วนี่นะครับ เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถามเขามีบัญชีเงินฝากกี่บัญชี ปรากฏว่ามีอยู่บัญชีเดียว และบัญชีนี่ย้อนหลังกลับไปก็คือมีเงินเข้าครั้งเดียวครั้งที่ถูกลอตเตอรี่ 6 ล้าน หลังจากนั้นเงินจ่ายออกมาหมดจนเหลือในที่สุดแล้ว 2 ล้าน ก็คือเงินไปขยายบ้าน ซื้อรถปิกอัพนั่น แล้วตำรวจก็ยอมรับว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ว่าทรัพย์สินนี่ถูกยึดหมดนะครับช่วงแรกนี่ จนเราตรวจสอบเสร็จและเป็นผู้บริสุทธิ์ถึงค่อยคืนทรัพย์สินให้ มันกินเวลานาน ในกรณีที่ 4 ก็คือกรณีความไม่เข้าใจหรือความอิจฉาริษยา กรณีที่ 5 คือขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ อันนี้ร้ายกาจที่สุด เราเจอในพื้นที่ภาคเหนือ ก่อนหน้านี้นะครับก็มีชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ มีผู้ใหญ่บ้านอยู่คนหนึ่งถูกจับยาเสพติดยาบ้านี่เม็ดนึง เขาก็เลยเดินขบวนที่จะบอกว่าให้คุณย้ายออกจากพื้นที่ไปนะ
พอหลังจากเช่นนั้นนี่ผลปรากฏว่ายังไงรู้ไหมครับก็คือถูกย้ายออกจากพื้นที่คนนึง แต่พอหลังจากที่ถูกย้ายก็ทำรายงานไป ป.ป.ส.นะครับ รายงานกองทัพ กลายเป็นชื่อนี่ผู้ค้ารายใหญ่โดยติดต่อค้ากับลาว พอช่วงสงครามยาเสพติดได้โอกาสเลย บุกเข้าค้นบ้าน ยึดทรัพย์แม้กระทั่งไม่เหลือเลยนะครับ ก็คือหม้อหุงข้าวอะไร ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดกวาดหมดจนไม่เหลืออะไรเลย แล้วบ้านก็ไปล็อกบอกว่ายึดไว้นี่กฎหมายเปิดช่องให้ ห้ามมาใช้ทรัพย์สินตรงนั้นด้วย ล็อกบ้านอีกไม่ให้เข้าไปอยู่ กำนันผู้ใหญ่บ้านพวกนี้หนีออกจากพื้นที่หัวซุกหัวซุน ก็ขนาดหนีอย่างนี้นะครับ ในที่สุดศาลสั่งไม่ฟ้องรายหนึ่ง แต่ว่าพอในที่สุดแล้วนี่ภายหลังก็ถูกยิงตายครับ แต่ว่าอีกรายนึงที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าแกเข้าไปใกล้พื้นที่ตรงนั้น ถูกยิงตายด้วยอาวุธปืนสงครามกับคนที่นั่งไปด้วย แล้วก็ข่าวลงไปก็บอกว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นั่นก็คือกรณีของความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีสุดท้ายก็คือกรณีความรู้สึกที่เรามีอคติต่อกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อยนะครับจะเยอะมากเลย เราก็มองดูกรณีของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้นะครับ เราก็บอกว่าเดิมเขาปลูกฝิ่นเพื่อจะเฮโรอีน ปัจจุบันนี้ก็ยังความรู้สึกที่มีต่อเขานี่ยังสูงอยู่
มีอยู่รายหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนกลาง วันๆนึ่งสถิติถ้าเราไปดูนี่ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ หรือชาติพันธุ์เหล่านี้ตายเยอะนะครับ ที่เราเจอพื้นที่ภาคเหนือตอนกลาง แกถูกจับเรื่องอาวุธปืนคือปืนซื้อถูกต้องตามกฎหมายนี่นะครับแต่ยังไม่ได้โอน แกก็ไปรายงานตัว วันนั้นไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อส่งตัวไปให้พนักงานอัยการส่งฟ้อง กลับออกมาจากสำนักงานอัยการถูกยิงกลางทางและก็รถหายไป แต่ว่าเลือดอาบบริเวณนั้นและศพนี่ถูกทำทารุณกรรม แต่ที่น่าเศร้าที่สุดคือว่ามีศพหนึ่งนิ้วชี้ 2 ข้างนี่หายไป เข้าใจว่าก่อนเสียชีวิตนี่ก็คืออ้อนวอนขอชีวิต ทั้งๆที่เราตรวจสอบแล้วทั้ง 4 รายไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าไอ้การขึ้นบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนี่ผิดพลาด พอผิดพลาดแล้วนี่เนื่องจากรัฐบาลตั้งเป้าว่าเดือนแรกนี่นะคุณต้องทำให้ได้ 50% เหลือสอง 75 เดือนสามนี่ 100 ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็คือไม่ว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัดต้องรับผิดชอบ หาว่าเสื่อมสมรรถภาพจะถูกย้าย ฉะนั้นคือทำยังไงให้ทำได้ตามเป้า เพราะฉะนั้นจึงเห็นว่านี่เกิดขึ้นมากมายเลยที่เราตรวจสอบอยู่
สันติสุข – ผมเข้าใจว่าอย่างนี้ถูกไหมครับ คือทางการจะมีบัญชีอยู่บัญชีหนึ่งซึ่งเขาเรียกว่าบัญชีดำ และที่นี้นี่ที่มาของบัญชีนี้มันมีข้อผิดพลาดอย่างที่คุณวสันต์ได้เรียนไปเมื่อกี๊นี้ แล้วมันมาประกอบกับการดำเนินการของทางการที่บอกว่าให้คุณไปตัดยอดบัญชีนี้ได้นะ ทำยังไงให้เหลือน้อยที่สุดโดย 3 ทางเลือกก็คือ 1. จับกุมดำเนินคดีจนถึงขั้นอัยการฟ้องศาล ทางเลือกที่ 2 วิสามัญฆาตกรรม ในกรณีที่คนที่มีชื่ออยู่ในบัญชีนั้นนี่ต่อสู้ และก็ทางเลือกที่ 3 กรณีที่คุณที่มีชื่ออยู่ในบัญชีนี่เสียชีวิตด้วยกรณีใดๆก็ตาม
วสันต์ – อย่างที่ผมเรียนตามจดหมายเวียนที่ว่าเมื่อกี๊นี้
สันติสุข – ถ้ามองอย่างนี้แล้ว ถ้าผมเป็นเจ้าหน้าที่นะครับ อันนี้เรียนตามตรงเลยหลังจากที่ได้ฟังคุณวสันต์ ถ้ามองอย่างนี้แล้วนี่ประกอบกับคำมอบหมายนโยบายของท่านนายกฯเองนี่ ก็พอรู้ว่าทางเลือกไหนเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด
ดร.เจิมศักดิ์ – ผมอยากจะยืนยันถึงที่คุณวสันต์พูดนิดนึงนะครับ ขณะที่ผมเป็นประธานกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้ตรวจสอบเรื่องนี้และก็ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพได้ไปด้วยกัน ไปที่เชียงราย และก็ได้ถามว่าบัญชีดำนี่ทำอย่างไร ก็ปรากฏว่าตำรวจก็ดี ทางผู้ว่าฯก็ดี ก็ได้อธิบายให้ฟังเหมือนกับที่คุณวสันต์พูด ก็คือให้คนในชุมชนนี่มาบอกและก็มาลงในบัตร และไม่ต้องบอกด้วยว่าใครเป็นคนเขียน เขียนว่าใครที่ค้ายาเสพติด ใครที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและไปหย่อนอยู่ในกล่อง และเขาก็มาเอาดูเหมือนเลือกผู้แทนฯ และก็ใส่ในบัญชีดำ และก็ให้คนพวกนี้เวลาที่เข้ามาเลือกพวกนี้เข้ามา ว่าถ้าไม่มานี่มึงเสร็จ แต่เข้ามาแล้วกลับไปบ้านก็เสร็จ อันนี้ก็เป็นความจริงนะครับ เรียนคุณสันติสุขว่าผมยืนยันว่ากรรมการสิทธินั้นทำของกรรมการสิทธิไป ผมในฐานะกรรมาธิการก็ทำ อาจารย์ไกรศักดิ์ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศนี่ ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร และโดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดโคราชที่อาจารย์เองก็ได้ไปฟัง ผมเองได้ตามอาจารย์ไปและได้ไปฟังความเห็นจากประชาชนมากันมากมายเลย ที่มาร้องมาบอกว่าเคสต่างๆนี่นะครับ
ไกรศักดิ์ – คือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าประเทศไทยนี่ให้ปฏิญญาเจนีวาไป และเราก็เป็นภาคีสมาชิกในหลายปฏิญญาของโลกนี้ ว่าเราจะเป็นประเทศที่ให้สิทธิต่อมนุษย์นะครับ สิทธิเสรีภาพเราจะมีประชาธิปไตย ครรลองทางกฎหมาย อันนี้มันหมายถึงว่าภาพพจน์ของเรานี่ในกระพริบตาของนโยบาย ของคุณทักษิณที่จะปรับปรามยาเสพติดนี่ ภาพพจน์ของประเทศเราที่เราพยายามจะสร้างกันขึ้นมานี่ ได้หายไปพริบตาเลย คือผมยังจำได้นะครับอาจารย์เจิมศักดิ์ ว่าเรื่องที่โคฟี่ อันนัน น่ะ เลขาธิการของสหประชาชาติเขาได้สั่งตรวจสอบประเทศไทยนี่ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับฆ่าตัดตอนเรื่องยาเสพติดเลยนะครับ ในต้นปี 2546 นี่นะครับเขาได้ส่งเจ้าหน้าที่และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบประเทศไทย ในการตายของสมาชิกของสหกรณ์ก็ดี ผู้ที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมแต่ในระดับท้องถิ่น ซึ่งตอนนั้นตายไปราวๆ 13 คนและไม่มีการสอบสวนเลย อาจจะมีการสอบสวนรายสองรายแค่นั้นนะครับใน 10 กว่าราย และขณะนั้นเขาเป็นห่วงมาก
แต่ในช่วงที่เขามาอยู่ในประเทศไทยนี่ เขามาเจอเรื่องยาเสพติดเขาเลยช็อกเลย ถึงขั้นที่ว่าเขาเลยเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมานะครับกับคุณทักษิณ ที่ทำให้คุณทักษิณมีประโยคที่ทุกวันนี้ก็ยังอ้างอิงถึงว่า สหปะชาชาติไม่ใช่พ่อนะครับ ไม่ได้ไปขอข้าวเขากิน ก็เพราะประเด็นนี้ใช่ไหมครับมากระทบกระเทือน รู้สึกว่าในนโยบายของคุณทักษิณที่คุณทักษิณมองว่าเป็นนโยบายที่ประชานิยม ที่สูงสุดของเขาแล้วนะครับ ว่าเขาได้คะแนนเสียงมากที่สุดแล้ว คือการปราบปรามยาเสพติดโดยฆ่าคนในจำนวนมากที่สุดที่จะมากได้นะครับ ถือว่าอันนี้นี่เป็นสิ่งที่เศร้าโศกอันหนึ่ง เพราะว่าสิ่งที่คุณทักษิณได้ทำไปนั้นกลายไปเป็นสิ่งที่ประชาชนชอบจริงๆ จนกระทั่งตัวเองนั้นโดน ญาติพี่น้องโดนบ้าง เลยเรื่องนี้เริ่มกลับ แต่จะเห็นได้ว่าเพราะว่าประชาชนไทยนี่ ผมคิดว่าการขาดแคลนวัฒนธรรมเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนก็ยังมีอยู่ เพราะเราอยู่ภายใต้เผด็จการมาเป็นเวลายาวนาน แต่เผด็จการในอดีตก็ตามไม่เคยกระทำต่อประชาชนมากถึงขนาดนี้เลย ในเวลาช่วงที่สั้นมากนะครับ วิธีการปราบปรามยาเสพติดนี่เพราะว่ามันติดเป้าของความประชานิยมนี่นะครับ คุณทักษิณก็ใช้วิธีคล้ายๆกันนี่ เมื่อเห็นปัญหาภาคใต้กำลังเข้มข้นขึ้นใช้วิธีเดียวกันเลย ก็คือว่ามันมีเท่าไหร่ มีกี่คน ให้อุ้มฆ่า คือใช้จำนวนการปราบปรามการฆ่านี่
และดูเหมือนว่านี่คือวิธีเดียวนะครับในการปราบปรามปัญหา ซึ่งมันน่าจะมองเป็นปัญหาเรื่องเกี่ยวกับสังคม ปัญหาทางวัฒนธรรม ปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการศึกษา ปัญหาอื่นๆรวมๆกันนะครับ ไม่เลยก็ใช้วิธีอันนี้ และทุกๆวันนี้อาจารย์เจิมศักดิ์ก็ดูสิ ปัญหาการรุนแรง พอเราใช้การรุนแรงกับประชาชน ประชาชนก็หันกลับมาใช้การรุนแรงด้วย มันก็เห็นแล้วที่ครูตายไปนี่นะครับอย่างสยดสยองอันนี้ และตอนนี้มันมีการกระพือข่าวเอาว่ามันเลวยังไงนะครับ คนที่ทำร้ายครูนี่นะครับ และก็จะสร้างบรรยากาศของความเกลียดชัง สร้างบรรยากาศของการรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลย มันแก้ปัญหาได้ชั่วคราวคือว่าคะแนนนิยมของคุณทักษิณแค่นั้น และก็ไม่ใช่กับคนปักษ์ใต้นะครับ แต่คนจังหวัดอื่นๆซึ่งยังไม่มีจิตสำนึกลึกซึ้งเพียงพอว่า ไอ้การปลิดชีวิตคนนี่นะครับ ไอ้ตัดขั้นตอนของกระบวนการกฎหมายนี่ และกระบวนการศาลทั้งสิ้นไปเลยนี่ แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงตัดสินใจทำอะไรตามใจชอบนี่นะครับ นี่คือนำไปสู่การหายนะของประเทศชาติเรา และก็การขยี้ผมเรียกว่าอารยธรรมที่เรากำลังสร้างกันอยู่ วัฒนธรรมของการประนีประนอม ของการรักใคร่กันนะครับ ของการดูแลกันจะหายไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ดร.เจิมศักดิ์ – อาจารย์ไกรศักดิ์พูดอยู่ตอนหนึ่งน่าสนใจมากว่า จนกระทั่งตัวเองและญาติพี่น้องโดนบ้างนี่จะรู้สึก ซึ่งประเดี๋ยวจะกลับมาถามว่าตัวเองนี่คือใคร และญาติพี่น้องใครที่โดนบ้างนะครับ เราพักตรงนี้ดีไหมครับ
สันติสุข – ครับ เดี๋ยวช่วงนี้พักซักครู่ครับ
**********************************************************************
สันติสุข – กลับมารู้ทันประเทศไทยกันต่อครับกำลังเข้มข้นเลย ผมได้เรียนรู้จากวิทยากรทั้ง 2 ท่านในช่วงที่แล้วครับ คือผมเรียนตรงๆครับก่อนหน้านี้นี่ผมได้ยินคำถามมาโดยตลอดว่า คนที่ชอบในนโยบายสงครามยาเสพติดนี่นะครับ เขาจะบอกเสมอว่าคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าเกิดว่าญาติพี่น้องของคุณเป็นคนติดยา ผมจะได้ยินคำถามนี้มาโดยตลอด แต่พอได้คุยได้เห็นข้อเท็จจริงวันนี้แล้วนี่ทำให้ผมเกิดคำถามใหม่ว่า คุณจะรู้สึกยังไงถ้าเกิดญาติพี่น้องของคุณนี่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าตาย อันนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าที่จะติดตามกันต่อไปมาก เรียนถามคุณวสันต์ครับว่าทางกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบอิสระนี่ ได้มีการไปติดตามไหมครับว่าเคสเหล่านี้นี่ที่มีการฆ่าตัดตอนไปนี่ ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ต้องเคลียร์คดีนี่มีการดำเนินการยังไงต่อไปบ้างครับ
วสันต์ – ผมอยากเรียนอย่างนี้นะครับ เรื่องเฉพาะเรื่องฆ่าตัดตอนนี่มีร้องที่เรามานี่ประมาณซักเกือบ 50 กรณี 50 กรณีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากที่เราตรวจสอบแล้วผลปรากฏว่ายังไงรู้ไหมครับ 1. ก่อนเสียชีวิตนี่ได้มีการเข้าไปตรวจค้นบ้านเขาหลายครั้งและไม่พบอะไรเลย ดังนั้นพูดง่ายๆว่าไม่มีพยานหลักฐานที่จะไปดำเนินคดีกับเขา ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด พอถึงวันนั้นตายเนื่องจากไม่มีพยานหลักฐาน
ดร.เจิมศักดิ์ – เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเลยตาย
วสันต์ – เขาอยู่ในบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ดร.เจิมศักดิ์ – ในต่างประเทศนี่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานนี่เขาต้องบอกว่าบริสุทธิ์ ต้องรอ
วสันต์ – ต้องรอก่อนสิครับ กรณีที่ 2 พบยาเสพติดที่ไม่เหมาะสมนะครับ ที่เราเจออย่างนี้ครับ กรณีเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ แกอุตริไปเจอเงินแบงก์นะครับปลวกกินแล้วประมาณซัก 6 หมื่นบาท ก็มีคนมาหลอกแกเอาไปแลกให้มาให้แกใช้นี่ประมาณซักครั้งละ 2-3 พันบ้าง ทีนี้ข่าวลือออกไปว่าแกเจอเงินเป็นกระสอบเลย ช่วงสงครามยาเสพติดแกก็ถูกจับตัวไป จับตัวไปถูกซ้อม เสร็จแล้วตกเย็นนี่ก็เอาศพมาส่งที่โรงพยาบาลแล้วก็บอกว่าเสียชีวิตแล้ว ตำรวจเอาศพมาส่งที่โรงพยาบาล หมอเองนี่ที่เราได้ข้อมูลคือจากหมอจากแพทย์ แพทย์บอกว่าเอ๊ะ ผมแปลกใจถ้ากรณีนี้ เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเป็นวิสามัญฆาตกรรม คือยิงต่อสู้กับตำรวจ แต่ว่าถ้าวิส่ามัญฆาตกรรมตามกฎหมายแล้วนี่ ต้องรับหมอไปตรวจ ณ สถานที่เกิดเหตุ แต่นี่ไม่ใช่เอาศพมาตรวจที่โรงพยาบาล และหมอก็บอกยังไงรู้ไหมครับ บอกว่าเนื่องจากกรณีนี้ตำรวจอ้างว่าเจอยาเสพติดที่เขานี่แสนกว่าเม็ด แสนกว่าเม็ดนะครับรายใหญ่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เนื่องจากว่าไปดูบ้านแล้วนี่ บ้านหลังคามุงจาก ฟากก็ทำมาจากไม้ไผ่ตีนะครับขนาด 4 คูณ 4 จนดักดาน จะเอายาเสพติดที่ไหน เอาเงินที่ไหนไปซื้อยาเสพติดจำนวนแสนเม็ด นับ 1-100 ยังนับไม่ครบ
ปรากฏว่าหมอเป็นคนเฉลยเองบอกว่า ก่อนหน้านี้มันมีชาวเขาเหมือนกันนะถูกจับ อีกคนหนึ่งยิงต่อสู้กับตำรวจ แล้วเจอยานี่แสนกว่าเม็ดเช่นเดียวกัน และก็มีคนตายคนหนึ่ง ก็เลยเท่าที่เราฟังจากหมอแล้ว ก็คือการโยกย้ายพยานหลักฐานจากคดีโน้นมาใส่คดีนี้ เพราะยามันแสนกว่าเม็ดนี่ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ในที่สุดเราตรวจสอบแล้วตอนนี้ส่งเรื่องให้ทนายความที่จะดำเนินคดี อันนี้คือยาเสพติดที่ไม่เหมาะสม แต่ทีนี้การตายหลังจากที่ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ น่าเชื่อไหมว่าใครจะพกยาเสพติดไป 2 คนผัวเมียในพื้นที่ภาคเหนือนะครับ แกค้าขายร่ำรวยจากรถบรรทุก 10 ล้อ รถขนส่งสินค้า แต่ว่าขณะเดียวกันแกเป็นหนี้แบงก์ 30-40 ล้านแล้วทุกจับอ้างว่าบรรทุกน้ำหนักเกิน วันนั้นน่ะไปด้วยความที่ไปพบ 2 สามีภรรยาไปพบ เพื่อที่จะเคลียร์เรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ปรากฏว่าไงรู้ไหมครับ ภรรยาออกไปนี่โดยขณะที่ยังไม่พร้อมเลยคือไปทั้งชุดนอน ชุดชั้นในไม่ใส่ พอออกจากโรงพักนี่มี ว.ออกมาบอกว่ามันเพิ่งออกไปนะ เก็บให้ได้ ผลสุดท้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามนะครับ 2 คนผัวเมียตาย และเสร็จแล้วในรถนี่ปรากฏว่าค้นเจอยาบ้าอยู่ในส้นรองเท้า ซึ่งผู้หญิงพ่อแม่ยืนยันบอกว่า พ่อของคนเสียชีวิตนี่ก็บอกว่าเขาไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูงขับรถ และไปอยู่ในส้นรองเท้าส้นสูงน่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไง ผลสุดท้ายนี่ยึดทรัพย์หมดเลยและนำออกขายทอดตลาดด้วย
กรณีที่ 4 ก็คือหลังจากที่พบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพื้นที่ภาคเหนือเช่นเดียวกัน ถูกขึ้นชื่ออยู่ในบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็เพียรพยายามโทรเข้าไปบอกให้รายงานตัว แกเป็นนายก อบต. โทรให้ไปรายงานตัว แต่พอรายงานตัวเสร็จแกมานั่งกินข้าวกินเหล้าอยู่ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ มีโทรศัพท์เข้ามาเรียกไป พอออกจากที่ตรงที่กินข้าวนี่แค่ 100 เมตร ถูกยิงคาถนนเลย แล้วในรถก็เจอยาเสพติดอีก แบบเดียวกันไม่ต่างกันเลย เอาอย่างนี้ จะไปพบเจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอนี่ ซึ่งจะต้องไปรายงานตัวกับเขาน่ะ จะพกยาเสพติดไปหรือ และในที่สุดเมื่อตรวจสอบเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์อีกรายหนึ่ง กรณีสุดท้ายนี่เจอยาเสพติดที่ตัวแต่รายนี้ตลกมาก คืออย่างนี้แกถูกยิงที่หน้าบ้านนะครับ ตำรวจก็ไปถอดกางเกงชั้นนอกแกออกก็เหลือกางเกงชั้นในนะครับ ก็เอาศพนี่ไปโรงพยาบาล ไปห้องพิธีกรรมศพ ลูกกับเจ้าหน้าที่ห้องพิธีกรรมก็ถอดกางเกงในออกและก็โยนทิ้งถังขยะ อยู่ดีๆซักพักเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาไล่ญาติใส่คนอื่นออกจากห้องหมด และอ้างว่าไปค้นเจอยาเสพติดนี่ในถังขยะอยู่ในซอกกางเกงใน เป็นไปได้ไหมครับว่ายาเสพติด 100 กว่าเม็ดนี่ ตอนที่อยู่ที่หน้าบ้านนี่ถ้าเห็นก็เห็นตรงกางเกงในแล้ว หรือตอนที่รูดออกมาเป็นเลข 8 นี่ มันต้องเห็นแล้ว แต่ว่าโชคดีเรื่องนี้เป็นยังไงรู้ไหมครับ แพทย์ได้มีการถ่ายเอ็กซเรย์ทั้งตัว แพทย์ยืนยันกับเราว่าไม่มี มีการถ่ายเอ็กซเรย์ไว้บริเวณกางเกงในด้วย ไม่พบยาเสพติดร่องรอยยาเสพติดที่เป็นซองอยู่ในกางเกงในเลย งั้นก็เห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นจากยาเสพติด อันนี้คือกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างนี้
และต่อมานิดนึงก็คือเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 ในหลวงท่านได้มีพระราชดำรัสนะครับ ว่าให้มีการแยกแยะคนไหนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ให้แยกแยะ คนไหนที่ไมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนะครับก็ถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ให้แยกแยะเสีย เพราะมิฉะนั้นแล้วนี่ก็เป็นตราบาปติดเข้าไป พอหลังจากที่ในหลวงท่านมีพระราชดำรัสอย่างนั้นแล้วนี่ ให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาตินี่เป็นคนไปแยกแยะ ผลที่สุดหลังจากที่แยกแยะแล้วนี่ปรากฏว่าได้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนี่นะครับพันกว่าราย แต่ว่าได้ผู้บริสุทธิ์นี่พันกว่ารายเหมือนกัน พอสถิติแยกออกมาอย่างนั้น เราก็เสนอทันทีเลยบอกว่านี่นะคนที่เขาเสียชีวิตและเป็นผู้บริสุทธิ์นี่ 1. รัฐต้องไปเยียวยาในกรณีที่เขาเสียชีวิต ไม่ใช่ให้เขาร้องขอเพราะสิทธิตามรัฐธรรมนูญนี่บอกว่า ในกรณีที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์นี่นะครับ ผู้เสียหายนี่ที่ถูกกระทำให้ตายหรือบาดเจ็บนี่ รัฐมีหน้าที่ต้องเยียวยาถ้าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ปรากฏว่าก็เสนอว่าสิทธิอันนี้ชาวบ้านไม่รู้นะ และรัฐเองนี่รู้อยู่ในเมื่อคุณแยกผู้บริสุทธิ์ออกมานี่พันกว่ารายนี่ไปให้เยียวยาเสีย ไปชดใช้ค่าเสียหายให้เขา 2. นี่รัฐต้องประกาศเลยว่าพวกนี้เป็นพวกบริสุทธิ์ เพราะตอนที่เกิดเหตุนี่ช่วงสงครามยาเสพติด สื่อนะครับไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ นี่ประณามครอบครัวเขาแล้ว เขาขณะนั้นอยู่ในสังคมไม่ได้ กลายเป็นว่าสังคมรังเกียจเขา และเขาบอกว่าเมื่อเขาเป็นผู้บริสุทธิ์นี่ รัฐต้องประกาศว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์
ดร.เจิมศักดิ์ – อาจารย์ไกรศักดิ์ครับ มีพระราชดำรัสส่วนหนึ่งใช่ไหมครับที่พูดอย่างนี้นะครับ แล้วที่บอกว่า 2500 คนนี่ก็ไม่เชื่อ มีมากกว่า ที่เขาตายแต่เราไม่รู้ และก็พวกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้สังหาร ไม่ใช่ 2500 คน นี่เขาสังหารกันเอง และนี่เราจะรับผิดชอบได้อย่างไร เขาด่าว่านายกฯทำสงครามทำให้คนตาย 2500 คน ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น 2500 คน ทั้งหมดเขานับแต่ว่าพวกที่ตายเป็นส่วนใหญ่ เป็นพวกที่เขาฆ่ากันเอง พวกที่ค้าพวกที่ผลิตเขาฆ่ากันเองจำนวนมาก ที่ทางราชการจะรับผิดชอบก็อาจจะมีจำนวนหนึ่ง ก็ลองถามทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแยกจำแนกเป็นเท่าไหร่ ก็เชื่อว่าใน 2500 นี่มากที่เขาฆ่ากันเอง แล้วก็ความผิดของเขา มาโยนความผิดให้แก่ท่าน ซุปเปอร์นายกฯ ตกลงมีการแยกแยะไหมครับ
วสันต์ – อย่างที่ผมเรียนแยกแยะนะครับ ผู้บริสุทธิ์แยกไว้ส่วนหนึ่งที่เราเสนอให้รัฐบาลเยียวยา แต่ขณะเดียวกันนี่ที่อ้างว่าเกี่ยวกับยาเสพติด ก็คือที่เราตรวจสอบนี่ก็คือเกือบ 50 กรณี ซึ่งเราตรวจสอบและก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน ทีนี้กลายเป็นว่าถึงแม้ว่าในส่วนของว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่เราตรวจสอบก็คือผู้บริสุทธิ์ นึกถึงว่าผมถึงว่าต้องถามว่า แล้วถ้าคุณเป็นครอบครัวของคนที่เสียชีวิตล่ะ หรือคนที่ถูกกระทำโดยถูกยึดทรัพย์เนื่องจากว่านายกฯไปส่งสัญญาณว่า 1. มันตายไม่พอ ต้องยึดมันให้หมด อย่าให้ลูกหลานอยู่ได้ ลูกหลานเมื่อกี๊ที่ผมเล่าถึงนี่ ลูกหลานอายุ 3 ขวบ 7 ขวบ ยึดทรัพย์หมดจะอยู่ยังไงครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – อาจารย์ไกรศักดิ์บอกมันเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ และเป็นอาชญากรด้วยหรือเปล่า
ไกรศักดิ์ – คืออย่างนี้นะ อาจารย์เจิมศักดิ์ครับ คุณทักษิณเข้ามาผมจำได้เลยวันแรกๆที่คุณทักษิณเข้ามานี่นะครับ มีการเสนอโดยฝ่ายความมั่นคงนะครับ ผมเข้าใจว่าที่เชียงรายว่าแหล่งที่ผลิตยาเสพติดทั้งหมดนี่ อยู่ในพม่าและอยู่จุดไหนๆกันบ้างนะครับ คุณทักษิณนี่ก็ตกอกตกใจคงไม่เคยเห็นอันนี้มาก่อน หรือทำเป็นตกใจ และก็ให้สื่อมวลชนได้รับรู้ ได้เห็น power point อันนี้ทั้งหมดนะครับ และก็ดูเหมือนว่าจะเอาจริงเอาจังกับพม่าล่ะ จะเอาจริงเอาจังกับว้าแดงที่อยู่ในพม่า และที่รัฐบาลพม่านั้นอนุญาตให้มีเขตปลดปล่อยของเขาเองในการผลิตยาเสพติดนี่ตามใจชอบ ซึ่งตอนแรกส่งเข้าไปในประเทศจีนเสียเยอะเลยนะครับ ตอนนี้ในช่วงที่คุณทักษิณเข้ามานี่เริ่มส่งเข้ามาในประเทศไทย ปีนึงเป็นล้านๆเม็ดนะครับ ทีนี้เวลาเราเห็นภาพอันนี้เราก็เริ่มดีใจ แต่ในที่สุดแล้วมันไม่ใช่เป็นเช่นนั้น
ในที่สุดแล้วเราเห็นคุณทักษิณนี่ไปเป็นพันธมิตรค่อนข้างจะมากเลยกับทางรัฐบาลพม่า สิ่งที่เกิดขึ้นเราก็เห็นว่ากระบวนการปราบปรามยาเสพติดในภาคเหนือนี่ มีการสลายตัวหมดเลยโดยคุณทักษิณเอง ทั้งแม่ทัพภาคก็ดี หรือ ผบ.ทบ.ก็ดีนะครับ ท่าน ผบ.ทบ. ท่านสรยุทธ์ทุกคนก็ทราบว่าเป็นคนที่ยืนหยัดมากในการปราบปราม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งต่อต้านยาเสพติดมาเป็นเวลายาวนาน เป็นที่รู้กันนะครับว่าใช้ไม้แข็งตลอดเวลา ปรากฏว่าไม้แข็งอันนี้ของกองทัพไทยในช่วงนั้น ของ ผบ.ทบ.นี่ไปกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ มิตรไมตรีของคุณทักษิณที่อยากจะสร้างกับทางฝ่ายพม่า เราไปรู้ทีหลังว่ามันเป็นเรื่องธุรกิจส่วนตัวด้วย มันเป็นเรื่องธุรกิจเกี่ยวโยงกับที่ลูกชายของนายพลขิ่น ยุ้นต์ได้สร้างขึ้นมา และก็มีพาร์ตเนอร์กันกับชินขึ้นมา และปรากฏว่ามันไปไกลยิ่งกว่านั้นว่า สถานีเขาเรียก Earth Station ที่ใหญ่ที่สุดของไอพีสตาร์ ของบริษัทไทยคอมนี่ ที่ในเครือชินวัตรนี่ มี Earth Station อันแรกเลยนะครับที่ทดลองระบบไอพีสตาร์นี่ เป็นเกจเวย์ที่ใหญ่ที่สุดนี่อยู่ที่พม่านะครับ เพราะฉะนั้นเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างจะถาวรของครอบครัวชินวัตร
ในเวลาเดียวกันนี่ในการตรวจสอบของเรานี่ เราก็ประเมินออกมาว่าเอาล่ะ สมมุติว่าไอ้ความสัมพันธ์ที่ดีเป็นอย่างนี้ เราก็พอจะรับได้นะ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนนี่เราก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์ใช่ไหมครับ เพราะว่ามีการใช้งบประมาณ มีการใช้เงินกู้จากเอ็กซิมแบงก์ไปใช่ไหมครับ แต่ว่าเราถามว่าความสัมพันธ์ที่ดีอันนี้กับพม่านี่ มันลดเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเปล่า 1. มันไม่ได้ลดนะครับ คือไม่ได้ลดการผลิตเลย 2. ผมก็ถามตลอดเวลาในช่วง 6 ปีที่เป็นกรรมาธิการต่างประเทศอยู่นี่ว่า มี่การจับตัวเบ้งๆนี่ ที่รู้กันทั่วโลกนี่ที่ขึ้นบัญชี FBI อะไรของโลกอยู่แล้วนี่มาให้มันตายบ้างไหม เขาก็บอกมีบ้างครับ ผมบอกว่าทำไมตาขุนส่ายังอยู่ได้ ทำไมตาเหว่ยเชียะกังนี่ยังอยู่ได้นะครับ และทำไมบังรอนนี่เคยโดยจับแล้วนะครับ แต่หนีออกจากตำรวจไปได้นะครับ และก็ไม่เคยโดนพม่าจับหรือเอาเข้ามาในประเทศไทยเลย
ตรงกันข้ามเราไปได้ข้อมูลมาว่าขุนส่านี่นะครับ ตอนนี้มีธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายหมดแล้ว มีธนาคารของตัวเอง มีการขนส่งของตัวเอง มีการตั้งบริษัทประมูลขึ้นมา ก็คือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจและธุรกิจของพม่าไปแล้ว ซึ่งมันนำไปสู่อะไร มันนำไปสู่เกือบจะการยอมรับเลยให้มีธุรกิจเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะฉะนั้นวิธีการนี่นะครับแทนที่จะทำให้รั้วของเรานี่เข้มแข็ง คุณทักษิณตัดสินใจว่าต้องเป็นมิตรกับพวกนี้ดีกว่า และก็หันมาปราบปรามภายใน สถานการณ์ตัวเลขมันเลยขึ้นมาบานปลายไม่ใช่ 2500 ผมเคยได้ยินเขานะครับในปี 2546 นี่ เขาเคยประกาศมา 3000 กว่านะครับ เคยประกาศมาว่า 3000 พอพวกเราโวยกันนี่ในรัฐสภา อาจารย์เจิมศักดิ์จำได้หรือเปล่า เราโวยกันฝ่ายค้าน โวยกันบอกนี่จะฆ่าคนไปถวายในหลวงหรือยังไงกันนี่นะครับ ผมยังจำได้คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน พูดขึ้นมาในสภาอันนี้เลยนะครับ เขาเลยลดตัวเลขลงมา อยู่ดีๆลดตัวเลขลงมาเฉยเลยจาก 3000 กว่ามาเป็น 2550 ก็ไป 2624 ขึ้นมาอีกหน่อยครับ
สันติสุข – ตอนนี้เราเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 นาทีนะครับ อาจารย์เจิมศักดิ์ครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – ทีนี้ผมเป็นห่วงอย่างนี้ว่า ในอนาคตนี่คุณทักษิณกำลังจะกลับมา กลับมาแล้วล่ะแล้วก็บอกว่าจะจัดการเรื่องยาเสพติด เที่ยวนี้นี่มันจะฆ่ากันทั้ง 2 ฝ่ายหรือเปล่า เพราะว่าถ้าเป็นผมนี่นะหรือเป็นใครก็ตาม ที่รู้ว่าเวลาไปรายงานตัวแล้วตัวเองถูกฆ่านี่ ต่อไปมันจะไปรายงานไหมหรือมันจะต้องฆ่าก่อน เที่ยวนี้เจ้าหน้าที่จะโดนหรือเปล่า
ไกรศักดิ์ – คือผมเรียนอย่างนี้ครับว่า ในกรรมาธิการหลังจาก 6 ปีแล้วทำรายละเอียดออกมาแล้วครับ ร่วมกับนักวิชาการและเราก็ประเมินว่า สรุปงานวิจัยว่าปัญหาของความรุนแรงของจังหวัดภาคใต้นี่ เราประเมินมาว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2546 มันมาจากการปราบปรามยาเสพติดนะครับ มันมาจากการปราบปรามยาเสพติด แล้วมันมาจากการปราบปรามที่เขาเรียกว่าอำนาจเถื่อน อำนาจท้องถิ่นอะไรทำนองนี้นะครับ นี่แหละครับเป็นจุดเริ่มต้นของพวกมูจาฮีดีน จีฮัจญ์ที่มีปัญหาขึ้นมานะครับ และก็มาตอบโต้ทันทีเลยฟันต่อฟันนะครับ ทุกวันนี้ปัญหานี่มันเกี่ยวโยงกัน ก็คือการเลือกที่จะใช้นโยบายการใช้ความรุนแรงนะครับ คนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งตอบโต้ไม่ได้ก็ต้องหันกลับมาใช้การรุนแรง เพื่อที่จะป้องกันตัวเองหรือจะตอบโต้กับฝ่ายรัฐบาล อันนี้มันจะไม่มีวันจบอีกแล้ว ถ้าคุณทักษิณกลับมาและเลือกที่จะใช้วิธีเก่า ผมคิดว่ามันจะลุกเป็นไฟมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้
ดร.เจิมศักดิ์ – คุณทักษิณนี่เป็นปัญหาจิตวิทยาหรือเปล่า ว่ามีคนใกล้ชิดไปพัวพันกับยาเสพติดหรือเปล่า จึงทำให้ต้องใช้ความรุนแรงอย่างนี้
ไกรศักดิ์ – อันนี้อาจจะเป็นไปได้นะครับ อาจจะเป็นไปได้ว่ามีคนที่รู้จัก คนที่ใกล้ชิด ญาติพี่น้อง หรือใครก็ตามที่อาจจะมีปัญหาในเรื่องนี้นะครับกับคดียาเสพติด แต่สิ่งที่เศร้าที่สุดกึคือว่าถ้าเรามีปัญหาอันนี้แล้ว แล้วเอาปมปัญหาอันนี้มาใช้เป็นนโยบายนะครับ ซึ่งทำให้ชาติอยู่ในสภาพที่ต้องโดนสหประชาชาติเขากล่าวหาตอนนี้นะครับ มี 26 คดีนะครับของเรา คล้ายๆกับคดีเลยนะครับ 26 เรื่องนะครับที่สหประชาชาติเขาเรียกเราไปนะครับ ให้ไปตอบ มันเป็น 26 เรื่องที่เกี่ยวข้องไม่ใช่กับยาเสพติดอย่างเดียว แต่เรื่องเกี่ยวกับกรือเซะ เรื่องเกี่ยวกับตากใบ เรื่องอื่นๆนะครับ เรื่องเกี่ยวกับการหายไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งสหประชาชาติเขาสรุปว่าเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้นี่ คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ได้โดนผลักดันโดยนโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องเดียวยาเสพติดเท่านั้น มันบานปลายไปไม่รู้กี่เรื่อง
ดร.เจิมศักดิ์ – อาจารย์ก็รู้จักคุณทักษิณนะครับ วันหลังเจอคุณทักษิณแนะนำว่าต้องตรวจตัวเองหน่อยดีไหมครับ ว่ามีปมอะไรที่อยู่ข้างใน ที่มันออกมาในแง่การใช้ความรุนแรงอย่างนี้ เพราะฟังอาจารย์วสันต์ก็ดี ฟังอาจารย์ไกรศักดิ์ก็ดีนี่ ผมพูดตรงๆผมเศร้ามากๆ ที่เห็นผู้นำของเรานี่ใช้ปมอะไรส่วนตัวหรือเปล่า ในการที่แสดงออกไปในทางใช้ความรุนแรง และก็ไปจับได้หรือเปล่าว่าคนไทยส่วนหนึ่งนี่ชอบความสะใจ ชอบการข่มหมูชอบการข่มคน เพราะฉะนั้นถ้าตัวเองไม่โดนไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ถ้าลูกตัวเอง ญาติตัวเองโดนเมื่อไหร่จะรู้นี่นะครับ อาจารย์วสันต์เป็นห่วงไหม ถ้าเกิดคุณทักษิณเข้ามานี่นะครับ
วสันต์ – คือผมอย่างนี้ครับ เราเองนี่ช่วงเวลาช่วงสงครามยาเสพติด เป็น 8 เดือนที่เสาร์อาทิตย์ผมไม่ได้อยู่บ้านเลย เนื่องจากว่าส่วนใหญ่คนที่โดน 90% หรือเรียกว่าเกือบ 100% ก็ว่าได้ ก็คือบรรดาคนระดับรากหญ้านะครับ อันนี้ปัญหาที่ผมกังวลก็คือพวกนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ ที่เราตรวจสอบมาเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกัยยาเสพติดเลยและเสียชีวิตอย่างที่ผมเรียนนี่เกือบ 100% และขณะเดียวกันอ้างว่าฆ่าตัดตอน ถ้าฆ่าตัดตอนนี่จำเป็นไหมที่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เพราะขบวนการหักหลังกันในเรื่องยาเสพติด เพราะฉะนั้นถ้าคุณจับไม่ได้นี่เท่ากับขบวนการค้ายายังอยู่นะ มันไม่ได้หายไปเลยนะ เพราะฉะนั้นผมเองนี่ห่วงอย่างยิ่ง ห่วงว่าถ้ากลับเข้ามาแล้วยังทำแบบเดิมนี่ ญาติพี่น้องของผู้บริสุทธิ์นี่จะเจอกับเรื่องแบบเดิมอีก ถูกยึดทรัพย์อย่างมโหฬาร ถูกฆ่า ถูกทำร้ายให้เสียชีวิตโดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย
สันติสุข – เรียนถามคุณวสันต์นิดนึงครับ ก่อนจะหมดเวลาเพราะว่าเรามีเวลาน้อยเหลือเกิน ในเมื่อไปแยกแยะแล้วนี่ มีคนผู้บริสุทธิ์ที่เขาแยกแยะเองนะครับเป็นพันกว่าคนที่ตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่นะครับ เมื่อมีคนตายมันต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะว่าการฆ่าคนตายนี่ผิดกฎหมายแน่นอน และคนที่สั่งให้ฆ่าก็ผิดกฎหมายใช่ไหมครับ แต่ทีนี้นี่มันมีสิ่งที่น่าคิดก็คือว่าผู้ที่เป็นผู้ที่ชี้นำด้วยนโยบาย มอบหมายด้วยนโยบายให้เกิดการฆ่านี่ อย่างนี้ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายไหมครับ
วสันต์ – อย่างนี้ครับ ก็คงจะมีญาติของเขาขณะนี้นะครับ ที่เรารวบรวมข้อมูลได้นี่คงจะต้องมีการดำเนินคดีแน่นะครับ
สันติสุข – พิจารณาคดีหรือยังครับ
วสันต์ – ตอนนี้กำลังเตรียมดำเนินคดี
ดร.เจิมศักดิ์ – คนกำหนดนโยบายหรือครับ
วสันต์ – คือคนที่ส่งสัญญาณผิดๆนะครับ คนส่งสัญญาณผิดให้แปรความได้ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ดูสิครับอย่างที่ผมเรียนจดหมายเวียนนั่นแหละ ก็คือจับกุมไม่ต้องรอ อย่างที่ผมเจออย่างที่ผมเรียนนี่ จนถึงวันตายไม่มีพยานหลักฐานอะไรเลย
ไกรศักดิ์ – ไม่ใช่ส่งสัญญาณผิดนะครับ ส่งสัญญาณนี่ถูกว่าเขาจะฆ่า
สันติสุข – คือเขาดำเนินคดีได้ใช่ไหมครับ
วสันต์ – ได้ครับ
ดร.เจิมศักดิ์ – หลักฐานก็มีอยู่ว่ากรณีการให้ปราบปรามผู้ค้าผู้ผลิตนะครับ จะลดยอดใน 2 กรณี ได้แก่ จับกุม วิสามัญ หรือเสียชีวิตสิ้นอายุขัยด้วยเหตุต่างๆ
สันติสุข – คนที่ชี้นำให้เกิดการฆ่าหรือว่ามอบหมายให้เกิดการฆ่านี่มีโทษแค่ไหนครับ เท่าคนที่ฆ่าไหม
วสันต์ – เท่ากันครับ ผู้ใช้จ้างวานมีค่าเท่ากับคนที่กระทำ
สันติสุข – ครับ ก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับที่ต้องติดตามกันต่อไป
ดร.เจิมศักดิ์ – ซึ่งคนนี่นะครับยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะว่าตัวเองยังไม่ได้โดนเองนี่นะครับ และก็มีคำพูดของบุคคลสำคัญของบุคคลสำคัญที่อยู่ในอดีตที่เคยพูดไว้ คุณสันติสุขเลยเฉลยได้ไหม ลองอ่านอีกทีได้ไหม ที่ถามให้ประชาชนได้โทรศัพท์เข้ามานี่คำถามว่าอะไร และคำตอบคืออะไร
สันติสุข – ครับ เป็นคำกล่าวของบุคคลสำคัญนะครับ ที่บอกว่าเสรีภาพของประชาชนนี่เป็นเรื่องแปลก ถ้าตัวเราไม่ได้ถูกลิดรอนเสรีภาพเองนี่ก็จะไม่รู้สึก ถ้าคุณเองเป็นชาวนาและบุตรของคุณถูกตำรวจนำตัวไป โดยที่เขาไม่ได้ก่อกวนแต่อย่างใด มิได้ทำอะไรทั้งนั้น ถูกนำตัวไปโดยปราศจากข้อหา เมื่อนั้นแหละคุณจะรู้สึกขมขื่นอย่างมาก
ดร.เจิมศักดิ์ – นี่พูดไว้ตั้งแต่
สันติสุข – นานมากแล้วครับ อาจารย์ เพราะว่าเป็นคำกล่าวของท่านอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์
ดร.เจิมศักดิ์ – ยังทันสมัยอยู่ เหตุการณ์ปัจจุบันนี้กลับไปทำสิ่งที่ท่านเป็นห่วงอยู่ บัดนี้มันกลับมาใหม่ ผมคิดว่าคุณทักษิณต้องพิจารณาตัวเหมือนกันนะครับ ว่านึกว่าเป็นฮีโร่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นอาชญากรสงคราม อาชญากรในเรื่องของการฆ่าคนตรงนี้นะครับ
สันติสุข – วันนี้ได้เรียนรู้เยอะมาก ต้องขอบพระคุณวิทยากรทั้ง 3 ท่านครับ ขอบคุณครับ วันนี้หมดเวลาครับต้องลาไปก่อน เดี๋ยวพบกับรู้ทันประเทศไทยจันทร์ถึงศุกร์ ลาไปก่อน สวัสดีครับ
**********************************************************************