“อภิสิทธิ์”จี้กกต.พิจารณาตัวเอง ไขก๊อกช่วยชาติ

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในงานรำลึก 14 ปีพฤษภาประชาธิปไตย (17 พ.ค.49) จี้ “กกต.” ทบทวนตัวเองว่าจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัสอย่างไร ในการมีส่วนร่วมแก้ไขวิกฤตชาติ แนะทางออกให้เสียสละไขก๊อกตามคำแนะนำศาล –ยอมรับหลังพฤภาทมิฬ ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น เตือน อย่าตายใจ เพราะอำนาจมืดมักแฝงตัวมาในรูปแบบใหม่ๆ

รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร และบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล

ทั้งนี้ ระหว่างดำเนินรายการ ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี ได้สัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะร่วมงานรำลึกเหตุการณ์ 14 ปี พฤษภาประชาธิปไตย ที่สวนสันติพร ถนนราชดำเนิน

นิชา – คุณอภิสิทธิ์คะ คิดว่า 14 ปีที่ผ่านมาถึงปีนี้ ประชาชนได้รับอะไรจากเหตุการณ์นี้ (พฤษภาทมิฬ) คะ

อภิสิทธิ์ – ผมคิดว่า 14 ปีที่ผ่านมานี่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากนะครับ เราผ่านเหตุการณ์นั้นมา และก็มีความพยายามที่จะปฏิรูปการเมือง ในแง่บวกนี่ผมคิดว่าประชาชนและสังคมก็มีความตื่นตัวในเรื่องของหลักการของประชาธิปไตยมากขึ้นนะครับ แม้กระทั่งปีนี้นี่ได้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมอะไรนี่ ทุกฝ่ายก็มีความระมัดระวังกันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย เกิดความรุนแรงอีกนะครับ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็จะเห็นนะครับว่ามาถึงวันนี้นี่ ปัญหาในระบบการเมืองยังมีมาก ทั้งเรื่องของสิทธิเสรีภาพ ทั้งเรื่องของการตรวจสอบ ทั้งเรื่องของการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็จึงเป็นที่มาของข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองอีกรอบหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราสรุปได้ก็คือว่า การต่อสู้การเรียกร้องประชาธิปไตยนี่ คงไม่สามารถที่จะหยุดลงได้นะครับ และก็สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ทำอย่างไรเราสามารถระดมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในรูปแบบที่สันติ ในรูปแบบที่ใช้เหตุใช้ผล เพื่อที่จะผลักดันสิ่งที่ดีกว่าให้เกิดขึ้น และก็การได้ประชาธิปไตยมาและรักษาประชาธิปไตยนี่ ประชาชนจะตายใจไม่ได้นะครับ เพราะว่าการใช้อำนาจในทางไม่ถูกต้องนี่ มันก็จะแฝงมาในรูปแบบใหม่ๆนะครับ ทุกฝ่ายก็ต้องติดตาม ต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ

นิชา – แต่ปีนี้นี่เกิดปรากฏการณ์หลายอย่างขึ้นในระบอบประชาธิปไตยของเรา และก็กำลังมีการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองรอบสองค่ะ ตรงนี้คิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับถอยหลัง

อภิสิทธิ์ – จากนี้คงต้องดูว่าสถานการณ์ในที่สุดคลี่คลายไปอย่างไรนะครับ แต่ว่าจะอย่างไรก็ตามนี่ผมก็ยืนยันว่าทุกพรรคการเมืองควรจะมีการผูกมัดตัวเองอย่างชัดเจน ในเรื่องของการปฏิรูปการเมืองรอบสองนะครับหลังจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

นิชา – ก็คือสิ่งที่ทุกฝ่ายร่วมกันปฏิรูปการเมืองรอบสองนี่ค่ะ

อภิสิทธิ์ – ผมคิดว่าศาลพูดจาชัดมากนะครับ ว่า กกต.น่าจะเสียสละและก็จะเป็นการคลี่คลายวิกฤติหรือความขัดแย้งไปได้อีกเปลาะหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้ กกต.อีก 3 คนได้พิจารณาคำกล่าวของศาล คำแถลงของศาล ซึ่งก็ได้แถลงหลายครั้งแล้วนะครับ แล้วก็ดูตัวอย่างของคุณจารุภัทรที่ได้ตัดสินใจไป

นิชา – คิดว่าเพราะเหตุใดที่ 3 คนยังไม่ตัดสินใจ และก็ยังดื้อรั้นที่จะทำงานต่อ

อภิสิทธิ์ – คงต้องไปถามท่านนะครับ เพราะว่าคนอื่นก็เข้าใจยากว่าในขณะที่เสียงเรียกร้องเป็นอย่างนี้ ในขณะที่ศาลได้ออกมาอย่างนี้นี่ และก็ศาลก็เป็นองค์กรหลักที่ทุกฝ่ายต้องการให้เป็นผู้นำในการคลี่คลายวิกฤติแล้วนี่ และก็สืบเนื่องมาจากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนี่ ผมคิดว่า กกต.น่าจะต้องทบทวนว่าตัวเองจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัส จะน้อมรับคำตัดสินของศาล จะมีส่วนร่วมในการคลี่คลายวิกฤติตรงนี้อย่างไร

นิชา – เห็นด้วยไหมคะ ที่ท่านประธานวุฒิสภานี่เดินหน้าสรรหา 2 คนที่ขาดไป หรือว่าต้องรอให้พร้อมกันคะ

อภิสิทธิ์ – ผมได้เสนอตั้งแต่ตอนที่คุณจรัลที่เสียไปแล้ว ว่าที่จริงแล้วนี่การมีกรรมการสรรหาไม่ครบองค์ประกอบนี่ มันเป็นเงื่อนไขที่จะให้ศาลฎีกาเข้ามาได้นะครับ แต่ว่าตอนนั้นนี่ท่านไปตัดสินใจเป็นอย่างอื่น และก็จริงๆก็ทำให้เกิดปัญหาตามมา ในแง่ขององค์ประกอบของ กกต.มาโดยตลอด วันนี้นี่ถ้าให้ชัดเจนอย่างนี้ แต่ว่าอาจจะต้องสอบถามไปยัง กกต.ที่เหลือเหมือนกัน ว่ามันจะมีความจำเป็นที่จะต้องสรรหาทั้ง 5 คนหรือเปล่า อาจจะต้องดูตรงนั้นอีกนิดนึง

นิชา – ค่ะ คุณผู้ชมคะ เมื่อกี๊ก็เป็นการสัมภาษณ์สดหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีการถามถึงเรื่องราวทางการเมือง เกี่ยวกับท่าทีของ กกต.ค่ะ ซึ่งปัจจุบันนี้นะคะ 3 คนก็อยู่กัน 3 คนแล้วนี่ ก็อยากจะเรียกร้องให้รับคำแนะนำจากทั้ง 3 ศาลค่ะ และสำหรับส่วนของเหตุการณ์พฤษภาปี 2535 นี่นะคะ ทางด้านของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็บอกว่าอยากให้มีการปฏิรูปการเมืองนับจากนี้เป็นต้นไปค่ะ