xs
xsm
sm
md
lg

เทศบาลชม.เมินปัญหากลิ่นเหม็นขยะชุมชนหายยา

เผยแพร่:   โดย: สำนักข่าวประชาธรรม

เชียงใหม่ : ชาวบ้านชุมชนหายยาครวญ ขยะเหม็นคลุ้ง จวกเทศบาลแก้ผ้าเอาหน้ารอด ซ้ำผัดวันประกันพรุ่ง ผังเมืองคาดการณ์เทคโนโลยีจากต่างประเทศช่วยจัดการระบบสิ่งแวดล้อมขยะได้ ด้านนักวิจัยสถาบันวิจัยสังคมชี้ทางออก เชียงใหม่ต้องคัดแยกขยะ

จากกรณีชาวบ้านชุมชนทิพยเนตร-หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้เทศบาลนครเชียงใหม่เร่งแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นรบกวน จากโรงขนถ่ายขยะของเทศบาลที่ตั้งอยู่กลางเขตชุมชน เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยชาวบ้านเรียกร้องให้ดำเนินการหาสถานที่ขนย้ายขยะแห่งใหม่ ซึ่งเทศบาลได้เจรจาขอผ่อนผันให้เปิดใช้สถานีไปก่อน และให้สัญญาว่า เมื่อผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์จัดประชุมชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของผู้สื่อข่าว พบว่า อาคารขนถ่ายขยะดังกล่าวยังเปิดทำการตามปกติ และส่งกลิ่นเหม็นกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จนชาวบ้านหลายรายมีอาการวิงเวียน ปวดหัว เจ็บหน้าอก แสบคอ แสบจมูก แสบตา ตาชื้นและมีอาการคันตา บางรายกล่าวว่าเกิดผดผื่นคัน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในชุมชนบริเวณ ร้านค้ามีรายได้ลดลงจากเดิมมาก

นางสุกัญญา พินิจวัฒนพันธุ์ ชาวบ้านชุมชนทิพยเนตร กล่าวว่า ปัญหาอาคารขนถ่ายขยะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมากว่า 3 ปีแล้ว ทั้งด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากวันที่ 17 เมษายน 2549 ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด แม้ทางเทศบาลได้ให้คำสัญญาก่อนหน้านั้นว่าจะเร่งหาทางแก้ไขก็ตาม

“ชาวบ้านต้องทนดมกลิ่นเหม็นเน่าตลอด 24 ชั่วโมงมากว่า 3 ปีแล้ว เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต การที่ชาวบ้านออกมาเรียกร้องให้ทางเทศบาลแก้ไขก็เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นหน้าเป็นตาของบ้านเมือง มีที่ไหนที่จะเอาอาคารขนถ่ายขยะมาไว้ในเขตเมืองแบบนี้ มันน่าอับอาย”

นางสุกัญญา กล่าวต่อว่า ตนสอบถามไปทางเทศบาลเพื่อทวงสัญญาที่กล่าวไว้ว่าจะดำเนินการแก้ไข และร่วมหาทางออกพร้อมกับชาวบ้าน แต่คำตอบที่ได้รับคือการขอผ่อนผันเนื่องจากอ้างว่าเป็นช่วงเลือกตั้ง

“ทุกครั้งที่ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ท้ายที่สุดแล้วชาวบ้านคงต้องพึ่งศาลปกครองสูงสุด เพราะชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม การต้องทนอยู่กับกลิ่นเหม็นแบบนี้ เสียสุขภาพอนามัย แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้” นางสุกัญญา กล่าว

นายสุผล ปัญญา เจ้าของกิจการร้านตัดผมบริเวณชุมชนทิพยเนตร กล่าวว่า ตนเปิดกิจการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2537 ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพหลังจากที่มีการก่อตั้งอาคารขนถ่ายขยะ คือ อาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ และเจ็บหน้าอก ทั้งนี้ตนเคยไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการเหล่านี้แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ รายได้จากการตัดผมยังลดลงมากจากวันละประมาณ 1,000 บาท แต่ปัจจุบันมีรายได้ที่ไม่แน่นอน บางเดือนเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่าร้านเท่านั้น

นายสุผล กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องการให้ทางเทศบาลแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ย้ายอาคารขนถ่ายขยะออกไป เนื่องจากส่งกลิ่นเหม็นมาก ชาวบ้านรับไม่ได้แล้ว อีกทั้งเศรษฐกิจในชุมชนก็ตกต่ำ ร้านค้าขายของไม่ได้ต้องปิดกิจการไปหลายราย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เสียสุขภาพจิต ปวดหัว ไม่มีลูกค้าต้องการเข้าร้านเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว

ด้านนายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ นักผังเมือง7 ว. สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวแสดงความเห็นต่อความเหมาะสมในการตั้งอาคารขนถ่ายขยะที่ชุมชน ต.หายยาว่า การจัดการปัญหาขยะของเมืองเชียงใหม่เป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งตนเห็นว่าทางเทศบาลก็พยายามหาแนวทางในการจัดการหลายอย่าง แต่ยังไม่สามารถหาทางออกได้ ก็ต้องเห็นใจฝ่ายเทศบาลด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถมองได้สองแง่คือ หากไม่ใช้พื้นที่บริเวณชุมชนหายยา จะใช้พื้นที่ตรงไหน ประเด็นต่อมาคือ ความสมบูรณ์ในการจัดการขยะให้ถูกสุขลักษณะ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นที่ในเขตชุมชน แต่การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตามกฎหมายเทศบาลเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ทั้งนี้ตนทราบมาว่าจะมีการนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการจัดการขยะ ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ปัญหา และมีการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมดีขึ้น

ดร.ดวงจันทร์ อาภาวัชรุตม์ นักวิจัยสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาขยะของเมืองเชียงใหม่ในขณะนี้คือ ไม่มีการคัดแยกขยะ มีขยะหลายชนิดปนกันทั้งขยะสารเคมี ขยะเปียก และขยะแห้ง ดังนั้นจึงเป็นปัญหาในการนำขยะมาจัดการ เช่น ทำปุ๋ยหมักจากขยะเปียก นอกจากนั้นแล้ว ยังส่งผลให้เทคโนโลยีทันสมัยที่จะนำมาใช้จัดการขยะขาดประสิทธิภาพ

“เป็นไปไม่ได้ที่จะนำเทคโนโลยีนำสมัยมาใช้จัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีการคัดแยกขยะที่ถูกวิธี ดังนั้นในเบื้องต้น ทุกคนต้องช่วยกันคัดแยกขยะก่อนนำไปทิ้ง เพื่อนำไปสู่การจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งโครงการเชียงใหม่เมืองน่าอยู่ เมืองน่าท่องเที่ยวนั้น ต้องคำนึงถึงปัญหาขยะเป็นอย่างยิ่ง เพราะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเมือง ไม่เช่นนั้นแล้วเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองน่าอยู่ที่ไม่เป็นจริง” ดร.ดวงจันทร์

ดร.ดวงจันทร์ กล่าวเสริมว่า ปัญหาขยะเป็นของทุกคน และส่งผลกระทบต่อทุกคน ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัย ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาคือ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกาแก้ไขหาทางออก ภาคประชาชนต้องรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็งเพื่อจัดการปัญหา องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ เช่นสาธารณสุข สำนักงานสิ่งแวดล้อมต้องเข้ามาร่วมมือด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น