“สวัสดิ์ โชติพานิช” อดีต กกต. ให้สัมภาษณ์กับสภาท่าพระอาทิตย์ (11 พ.ค.49) ชี้การลาออกหรือไม่ของ กกต.นั้นถือเป็นดุลพินิจของแต่ละคนที่จะเลือกปฏิบัติ และคิดว่าการทำงานนั้นอาจจะมีปัญหาจากประสิทธิภาพของผู้ทำงานที่อาจจะขาดประสบการณ์ ตอนนี้จำเป็นต้องหาทางสร้างความเชื่อมั่น และเรียกความศรัทธาคืนมาจากประชาชนก่อนให้ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สวัสดิ์ โชติพานิช ให้สัมภาษณ์
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำราญ – เอาล่ะครับ คุณคำนูณ อาจารย์ปานเทพ เราได้รับเกียรติจากอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง วันนี้จะมองทางออกทางเลือก
คำนูณ – อดีตประธานศาลฎีกา
สำราญ – และก็ท่านเป็นอดีตประธานศาลฎีกาด้วยนะครับ ท่านสวัสดิ์ โชติพานิช วันนี้ต้องถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองนะครับ
คำนูณ – ก็โปรดจับตาดู ใครมีเทปก็กดเทปได้ครับ
สำราญ – เอาล่ะครับ สวัสดีครับ ท่านสวัสดิ์ครับ
ปานเทพ – สวัสดีครับ
คำนูณ – สวัสดีครับ
สวัสดิ์ – สวัสดีครับ
สำราญ – ตอนนี้ก็มีคุณคำนูณ อาจารย์ปานเทพ ร่วมสัมภาษณ์ด้วยนะครับ เมื่อซักครู่เราพูดถึง กกต. ผมก็เรียนถามท่านสวัสดิ์ว่า ตอนนี้ก็มีส่วนหนึ่งก็อยากให้ กกต.ได้แสดงความเสียสละคือออกไป และจะได้มีการสรรหากันใหม่ตามกฎหมายนะครับ เพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันนี่นะ โดยทางออกความคิดเห็นของท่านสวัสดิ์นี่คิดว่า บรรยากาศแบบนี้ทางออกควรจะเป็นยังไงครับ
สวัสดิ์ – ผมคิดว่าก็ปล่อยให้เป็นดุลพินิจของท่านดีกว่าครับ ทั้ง 4 ท่านอย่างที่ผมเรียนแล้วว่า แต่ละท่านก็ผ่านงานสำคัญๆ ตำแหน่งที่สำคัญๆมานะครับ ท่านคงจะมีเหตุมีผลอะไรของท่าน ผมขออนุญาตอยู่เฉยๆไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านนะครับ
คำนูณ – ทีนี้เหตุผลของท่านถ้ามันฟังไม่ได้จริงๆเลย เราควรจะทำยังไงดีครับ
สวัสดิ์ – มันอยู่ที่ทั้ง 4 ท่านนะครับ ผมก็ไม่สามารถที่จะไปชี้ขาดหรือไปตัดสินอะไรได้นะครับ
คำนูณ – ก็คือสังคมก็มองว่าไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ที่ 3 ศาลมีความเห็นอย่างค่อนข้างจะชัดเจนออกมาอย่างนี้ เป็นเชิงเสนอแนะอย่างนี้นี่นะครับ แต่ว่า กกต.ทั้ง 4 ท่านท่านก็ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน และก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าเดินไปแบบนี้มันก็พังเหมือนเดิมอย่างนี้ครับ ทีนี้สังคมควรจะทำยังไง
สวัสดิ์ – ครับ ทั้ง 3 ศาลท่านก็มีความเห็นแล้วนะครับ ผมก็คงไม่ได้ไปมีอิทธิพลเหนือไปกว่า 3 ศาลอีกนะครับ
สำราญ – แต่ว่าท่านสวัสดิ์ก็ยอมรับใช่ไหมครับ ว่าถ้าเสียสละด้วยการลาออกจะเป็นหนทางที่ดีกว่า การลาออกน่าจะเป็นหนทางเลือกที่ดีกว่าหรือเปล่าครับ
สวัสดิ์ – ผมเรียนแล้วว่าผมไม่สามารถที่จะไม่ตัดสินใจแทนท่านได้นะครับ ผมก็ว่าให้มีเวลาให้ท่านตัดสินใจของท่านเองดีกว่านะครับ
สำราญ – จากนี้ไปนี่คือถ้า กกต.ชุดเดิมยังอยู่นะครับ ท่านสวัสดิ์ในฐานะที่ดูแลเรื่องการสืบสวนสอบสวนของ กกต.มาก่อนนะครับ คิดว่าถ้าเขายังดูแลจัดการเลือกตั้งอยู่นี่ มีด้านใดบ้างที่ควรจะปรับปรุงในการทำงาน อันนี้เป็นความเห็นในเชิงแนะนำน่ะครับ
สวัสดิ์ – คือพูดจริงๆนะครับ ผมไม่ทราบว่าการทำงานของเขานี่ ผมไม่ได้เข้าไปดูในเรื่องลึกว่าเขาทำงานกันอย่างไร เพราะที่จริงระเบียบที่ทางฝ่ายพวกผมได้มีวางเอาไว้ ก็คิดว่าท่านก็ได้ทำงานกันไปตามนั้นและทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย แต่งานอย่างนี้มันเป็นงานที่ยุ่งยากอยู่พอควรนะครับ มันเกี่ยวตั้งแต่เรื่องเรื่องพนักงานสืบสวนสอบสวน ความร่วมมือของประชาชน อะไรนี่มันต้องมามีส่วนประกอบด้วยนะครับ บางทีเราจะตั้งใจทำงานยังไงก็ตาม แต่ว่าถ้าเครื่องไม้เครื่องมือหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรของเรายังด้อยอยู่ ก็คงลำบากเหมือนกันนะครับ อันนี้คงลำบากเหมือนกัน ผมพูดถึงในแง่ของ กกต.นะครับ ในแง่ของ กกต.นี่ก็ลำบากเหมือนกันในการปฏิบัติงานนะครับ เวลานี้เท่าที่ทราบก็มีพนักงานมากกว่าสมัยที่ผมอยู่ แต่ว่าในการบริหารงานนี้ไม่ทราบว่ากระทำกันอย่างไรนะครับ เพราะว่าผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย ไม่ได้ติดตาม เพราะเห็นว่าเมื่อพ้นมาแล้ว ก็เดี๋ยวก็จะมองว่าเข้าไปก้าวก่ายอะไรต่ออะไรต่างๆ โดยมารยาทผมก็ไม่ได้เข้าไปนะครับ ก็อยู่แต่ห่างๆ ก็ติดตามข่าวคราวอยู่ แต่ว่าเมื่อมันเกิดวิกฤตการณ์อย่างนี้ ผมก็ในฐานะที่เคยอยู่ กกต.เก่า ก็รู้สึกเสียดายและก็เสียใจเหมือนกันว่ามันน่าจะไปด้วยดี แต่ว่าทำไมเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ มันเสียดายจริงๆครับ ว่าที่เราเคยวางรากฐานไว้บ้างนะครับไม่มากก็น้อย ถ้าหากว่ามันมีการส่งเสริมหรือมาต่อยอดให้ดีขึ้น เราก็ดีใจน่ะครับ เหมือนอยู่โรงเรียนเดิมมา โรงเรียนเดิมมีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตา ประชาชนพอใจก็ดีใจ แต่ว่าจริงๆการที่มันเกิดวิกฤตการณ์ศรัทธา กกต.นี่จะเป็นอย่างไร ลึกๆยังไงนี่ผมไม่ทราบจริงๆครับ
สำราญ – สมัยก่อนเขาบอกว่าสมัยท่านนี่ คือมีการยืมตัวข้าราชการมาทำงานนี่เยอะ แต่ในยุคปัจจุบันนี่คือคล้ายๆเป็นลูกจ้างประจำ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำแล้วนี่นะครับ ประสิทธิภาพเลยอ่อนลงนี่ ตรงนี้ท่านว่าเกี่ยวไหม
สวัสดิ์ – คือผมว่าที่จริงในสมัยผมนี่ ผมก็โดยเฉพาะในด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยที่ผมรับผิดชอบนี่นะครับ ผมคัดตัวคนมากนะครับ ค่อนข้างมาก และผมไม่เคยที่จะเข้าไปสั่งในการทำงานว่า เรื่องนั้นคุณจะต้องทำอย่างนั้นนะ เรื่องนี้คุณจะต้องทำอย่างนี้นะ จังหวัดนั้นนะ เขตนั้นนะ คุณต้องเอาเขาหรือไม่เอาเขาอะไรนี่ไม่เคยเลยครับ อันนี้ผมไม่เคยนะครับ ผมให้แต่เรื่องนโยบายไปเท่านั้นเองในการทำงานนะครับ ซึ่งอันนี้ผมก็นึกขอบคุณเพื่อนร่วมงานในยุคนั้นอยู่เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ แล้วที่จริงงานเรานี่ขอคนไปช่วยมากกว่าที่เราบรรจุคนเลยนะครับ แล้วขอไปก็น้อยครับ 90% ไม่ได้ระบุตัวเลย แล้วแต่ต้นสังกัดเขาจะส่งมาให้ เพราะว่าน้อยมากครับ ทีนี้ตอนหลังนี่ผมได้ทราบแต่เพียงว่าเขาได้บรรจุคนเข้าไปมากมายนะครับ แต่ว่าคนที่เข้าไปนี่จะมีประสบการณ์ในการทำงานแค่ไหนอย่างไรผมไม่ทราบ อันนี้คือตัวปัญหาของ กกต.นะครับของ กกต.เอง ถ้าหากว่ามีผู้รับผิดชอบในชั้นต้นนี่ขาดความรู้ ขาดความสามารถ ขาดประสบการณ์แล้วมีปัญหาครับ
สำราญ – สมัยท่านนี่มีการแทรกแซงจากพรรคการเมืองเยอะไหม
สวัสดิ์ – ไม่มีครับ เรื่องแทรกแซงจากไม่ว่าทางการเมือง หรือจากบุคคลหนึ่งบุคคลใด ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยมีเลยครับ และก็ถ้าเกิดว่าผู้ใดมีข้อสงสัยอะไรผมให้มาพบทุกคน จะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ให้พบทั้งนั้นนะครับ และเราก็พิจารณากันทั้ง 5 คนเลยนะครับ เราพิจารณากันจริงๆจังๆ เอาเรื่องราวมาดูกัน โต้เถียงกัน และก็อย่างที่ทราบบางทีก็ถึงตี 1 ตี 2 ก็เคยนะครับ เอาจนกว่าจะเห็นพ้องต้องกันนี่นะครับ และเราก็ไม่เคยถือเสียงข้างมากกันเลย ทุกคนเห็นด้วยเราก็ออกไปประกาศผลให้ประชาชนรู้ ว่าเราประชุมกันมายังไง ตี 1 สองยามอะไรก็เคยอย่างที่ทราบๆนะครับ ผู้สื่อข่าวอยู่ประจำ กกต.ก็คงทราบในการทำงานตรงนี้นะครับ เราไม่มีครับ เรื่องการแทรกแซงผมยืนยันได้ว่าไม่มี แต่ว่าเราก็เปิดโอกาสนะครับ อย่างผมนี่ทุกคนไปพบได้ ผมจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็มาพบได้ ก็ให้เขาได้ชี้ และตามกฎหมายนี่เราก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาอยู่แล้ว ถ้าในคดีที่ข้อกล่าวหาว่าเขามีมูลกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขามาชี้แจง แสดงพยานหลักฐานอะไรอยู่แล้วครับ
สำราญ – ตอนนี้เขาวิจารณ์ว่า กกต.ยุคปัจจุบันนี่นะ 2-3 ปีมานี้คือความเป็นอิสระนี่น้อยลงมาก ท่านเห็นด้วยหรือเปล่าครับ
สวัสดิ์ – ตรงนี้ผมไม่ทราบจริงๆนะครับ ก็น่าจะแค่ข่าวๆตามสื่อเท่านั้นนะครับ แต่ว่าจะเป็นยังไงผมไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้นี่มันต้องฟังข้อเท็จจริงกันอย่างละเอียดรอบคอบนะครับ เพราะว่าการรู้จักนี่มันก็รู้กันทั้งคนในสังคมไทยนี่ แต่ว่าการทำงานเป็นยังไงนี่ผมไม่ทราบจริงๆครับ
สำราญ – เอาล่ะครับ สุดท้ายมีอะไรแนะนำ กกต.ชุดนี้นะครับ
สวัสดิ์ – ผมก็คงไม่มีอะไรที่จะไปก้าวล่วงที่จะไปแนะนำนะครับ เพราะแต่ละท่านอย่างที่ผมเรียนในตอนต้นแล้วก็ ท่านก็มีประสบการณ์หน้าที่การงานมาสูงๆทั้งนั้น ก็ทำยังไงที่จะให้ประชาชนมีความเข้าใจ กกต. มีความเชื่อมั่น มีความศรัทธาได้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดนะครับ ผมคิดว่าก็คือความปรารถนาหรือความประสงค์ของผู้ทำงานทุกๆคน ที่อยากเห็นการยอมรับของสังคม อันนี้คือจุดสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ
สำราญ – ต้องเรียกศรัทธาคืนมาให้ได้ เอาล่ะครับ ขอบพระคุณมากครับ ท่านสวัสดิ์ครับ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สวัสดิ์ โชติพานิช ให้สัมภาษณ์
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สำราญ – เอาล่ะครับ คุณคำนูณ อาจารย์ปานเทพ เราได้รับเกียรติจากอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง วันนี้จะมองทางออกทางเลือก
คำนูณ – อดีตประธานศาลฎีกา
สำราญ – และก็ท่านเป็นอดีตประธานศาลฎีกาด้วยนะครับ ท่านสวัสดิ์ โชติพานิช วันนี้ต้องถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองนะครับ
คำนูณ – ก็โปรดจับตาดู ใครมีเทปก็กดเทปได้ครับ
สำราญ – เอาล่ะครับ สวัสดีครับ ท่านสวัสดิ์ครับ
ปานเทพ – สวัสดีครับ
คำนูณ – สวัสดีครับ
สวัสดิ์ – สวัสดีครับ
สำราญ – ตอนนี้ก็มีคุณคำนูณ อาจารย์ปานเทพ ร่วมสัมภาษณ์ด้วยนะครับ เมื่อซักครู่เราพูดถึง กกต. ผมก็เรียนถามท่านสวัสดิ์ว่า ตอนนี้ก็มีส่วนหนึ่งก็อยากให้ กกต.ได้แสดงความเสียสละคือออกไป และจะได้มีการสรรหากันใหม่ตามกฎหมายนะครับ เพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันนี่นะ โดยทางออกความคิดเห็นของท่านสวัสดิ์นี่คิดว่า บรรยากาศแบบนี้ทางออกควรจะเป็นยังไงครับ
สวัสดิ์ – ผมคิดว่าก็ปล่อยให้เป็นดุลพินิจของท่านดีกว่าครับ ทั้ง 4 ท่านอย่างที่ผมเรียนแล้วว่า แต่ละท่านก็ผ่านงานสำคัญๆ ตำแหน่งที่สำคัญๆมานะครับ ท่านคงจะมีเหตุมีผลอะไรของท่าน ผมขออนุญาตอยู่เฉยๆไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านนะครับ
คำนูณ – ทีนี้เหตุผลของท่านถ้ามันฟังไม่ได้จริงๆเลย เราควรจะทำยังไงดีครับ
สวัสดิ์ – มันอยู่ที่ทั้ง 4 ท่านนะครับ ผมก็ไม่สามารถที่จะไปชี้ขาดหรือไปตัดสินอะไรได้นะครับ
คำนูณ – ก็คือสังคมก็มองว่าไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ที่ 3 ศาลมีความเห็นอย่างค่อนข้างจะชัดเจนออกมาอย่างนี้ เป็นเชิงเสนอแนะอย่างนี้นี่นะครับ แต่ว่า กกต.ทั้ง 4 ท่านท่านก็ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน และก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าเดินไปแบบนี้มันก็พังเหมือนเดิมอย่างนี้ครับ ทีนี้สังคมควรจะทำยังไง
สวัสดิ์ – ครับ ทั้ง 3 ศาลท่านก็มีความเห็นแล้วนะครับ ผมก็คงไม่ได้ไปมีอิทธิพลเหนือไปกว่า 3 ศาลอีกนะครับ
สำราญ – แต่ว่าท่านสวัสดิ์ก็ยอมรับใช่ไหมครับ ว่าถ้าเสียสละด้วยการลาออกจะเป็นหนทางที่ดีกว่า การลาออกน่าจะเป็นหนทางเลือกที่ดีกว่าหรือเปล่าครับ
สวัสดิ์ – ผมเรียนแล้วว่าผมไม่สามารถที่จะไม่ตัดสินใจแทนท่านได้นะครับ ผมก็ว่าให้มีเวลาให้ท่านตัดสินใจของท่านเองดีกว่านะครับ
สำราญ – จากนี้ไปนี่คือถ้า กกต.ชุดเดิมยังอยู่นะครับ ท่านสวัสดิ์ในฐานะที่ดูแลเรื่องการสืบสวนสอบสวนของ กกต.มาก่อนนะครับ คิดว่าถ้าเขายังดูแลจัดการเลือกตั้งอยู่นี่ มีด้านใดบ้างที่ควรจะปรับปรุงในการทำงาน อันนี้เป็นความเห็นในเชิงแนะนำน่ะครับ
สวัสดิ์ – คือพูดจริงๆนะครับ ผมไม่ทราบว่าการทำงานของเขานี่ ผมไม่ได้เข้าไปดูในเรื่องลึกว่าเขาทำงานกันอย่างไร เพราะที่จริงระเบียบที่ทางฝ่ายพวกผมได้มีวางเอาไว้ ก็คิดว่าท่านก็ได้ทำงานกันไปตามนั้นและทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย แต่งานอย่างนี้มันเป็นงานที่ยุ่งยากอยู่พอควรนะครับ มันเกี่ยวตั้งแต่เรื่องเรื่องพนักงานสืบสวนสอบสวน ความร่วมมือของประชาชน อะไรนี่มันต้องมามีส่วนประกอบด้วยนะครับ บางทีเราจะตั้งใจทำงานยังไงก็ตาม แต่ว่าถ้าเครื่องไม้เครื่องมือหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรของเรายังด้อยอยู่ ก็คงลำบากเหมือนกันนะครับ อันนี้คงลำบากเหมือนกัน ผมพูดถึงในแง่ของ กกต.นะครับ ในแง่ของ กกต.นี่ก็ลำบากเหมือนกันในการปฏิบัติงานนะครับ เวลานี้เท่าที่ทราบก็มีพนักงานมากกว่าสมัยที่ผมอยู่ แต่ว่าในการบริหารงานนี้ไม่ทราบว่ากระทำกันอย่างไรนะครับ เพราะว่าผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย ไม่ได้ติดตาม เพราะเห็นว่าเมื่อพ้นมาแล้ว ก็เดี๋ยวก็จะมองว่าเข้าไปก้าวก่ายอะไรต่ออะไรต่างๆ โดยมารยาทผมก็ไม่ได้เข้าไปนะครับ ก็อยู่แต่ห่างๆ ก็ติดตามข่าวคราวอยู่ แต่ว่าเมื่อมันเกิดวิกฤตการณ์อย่างนี้ ผมก็ในฐานะที่เคยอยู่ กกต.เก่า ก็รู้สึกเสียดายและก็เสียใจเหมือนกันว่ามันน่าจะไปด้วยดี แต่ว่าทำไมเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ มันเสียดายจริงๆครับ ว่าที่เราเคยวางรากฐานไว้บ้างนะครับไม่มากก็น้อย ถ้าหากว่ามันมีการส่งเสริมหรือมาต่อยอดให้ดีขึ้น เราก็ดีใจน่ะครับ เหมือนอยู่โรงเรียนเดิมมา โรงเรียนเดิมมีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตา ประชาชนพอใจก็ดีใจ แต่ว่าจริงๆการที่มันเกิดวิกฤตการณ์ศรัทธา กกต.นี่จะเป็นอย่างไร ลึกๆยังไงนี่ผมไม่ทราบจริงๆครับ
สำราญ – สมัยก่อนเขาบอกว่าสมัยท่านนี่ คือมีการยืมตัวข้าราชการมาทำงานนี่เยอะ แต่ในยุคปัจจุบันนี่คือคล้ายๆเป็นลูกจ้างประจำ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำแล้วนี่นะครับ ประสิทธิภาพเลยอ่อนลงนี่ ตรงนี้ท่านว่าเกี่ยวไหม
สวัสดิ์ – คือผมว่าที่จริงในสมัยผมนี่ ผมก็โดยเฉพาะในด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยที่ผมรับผิดชอบนี่นะครับ ผมคัดตัวคนมากนะครับ ค่อนข้างมาก และผมไม่เคยที่จะเข้าไปสั่งในการทำงานว่า เรื่องนั้นคุณจะต้องทำอย่างนั้นนะ เรื่องนี้คุณจะต้องทำอย่างนี้นะ จังหวัดนั้นนะ เขตนั้นนะ คุณต้องเอาเขาหรือไม่เอาเขาอะไรนี่ไม่เคยเลยครับ อันนี้ผมไม่เคยนะครับ ผมให้แต่เรื่องนโยบายไปเท่านั้นเองในการทำงานนะครับ ซึ่งอันนี้ผมก็นึกขอบคุณเพื่อนร่วมงานในยุคนั้นอยู่เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ แล้วที่จริงงานเรานี่ขอคนไปช่วยมากกว่าที่เราบรรจุคนเลยนะครับ แล้วขอไปก็น้อยครับ 90% ไม่ได้ระบุตัวเลย แล้วแต่ต้นสังกัดเขาจะส่งมาให้ เพราะว่าน้อยมากครับ ทีนี้ตอนหลังนี่ผมได้ทราบแต่เพียงว่าเขาได้บรรจุคนเข้าไปมากมายนะครับ แต่ว่าคนที่เข้าไปนี่จะมีประสบการณ์ในการทำงานแค่ไหนอย่างไรผมไม่ทราบ อันนี้คือตัวปัญหาของ กกต.นะครับของ กกต.เอง ถ้าหากว่ามีผู้รับผิดชอบในชั้นต้นนี่ขาดความรู้ ขาดความสามารถ ขาดประสบการณ์แล้วมีปัญหาครับ
สำราญ – สมัยท่านนี่มีการแทรกแซงจากพรรคการเมืองเยอะไหม
สวัสดิ์ – ไม่มีครับ เรื่องแทรกแซงจากไม่ว่าทางการเมือง หรือจากบุคคลหนึ่งบุคคลใด ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยมีเลยครับ และก็ถ้าเกิดว่าผู้ใดมีข้อสงสัยอะไรผมให้มาพบทุกคน จะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ให้พบทั้งนั้นนะครับ และเราก็พิจารณากันทั้ง 5 คนเลยนะครับ เราพิจารณากันจริงๆจังๆ เอาเรื่องราวมาดูกัน โต้เถียงกัน และก็อย่างที่ทราบบางทีก็ถึงตี 1 ตี 2 ก็เคยนะครับ เอาจนกว่าจะเห็นพ้องต้องกันนี่นะครับ และเราก็ไม่เคยถือเสียงข้างมากกันเลย ทุกคนเห็นด้วยเราก็ออกไปประกาศผลให้ประชาชนรู้ ว่าเราประชุมกันมายังไง ตี 1 สองยามอะไรก็เคยอย่างที่ทราบๆนะครับ ผู้สื่อข่าวอยู่ประจำ กกต.ก็คงทราบในการทำงานตรงนี้นะครับ เราไม่มีครับ เรื่องการแทรกแซงผมยืนยันได้ว่าไม่มี แต่ว่าเราก็เปิดโอกาสนะครับ อย่างผมนี่ทุกคนไปพบได้ ผมจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็มาพบได้ ก็ให้เขาได้ชี้ และตามกฎหมายนี่เราก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาอยู่แล้ว ถ้าในคดีที่ข้อกล่าวหาว่าเขามีมูลกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขามาชี้แจง แสดงพยานหลักฐานอะไรอยู่แล้วครับ
สำราญ – ตอนนี้เขาวิจารณ์ว่า กกต.ยุคปัจจุบันนี่นะ 2-3 ปีมานี้คือความเป็นอิสระนี่น้อยลงมาก ท่านเห็นด้วยหรือเปล่าครับ
สวัสดิ์ – ตรงนี้ผมไม่ทราบจริงๆนะครับ ก็น่าจะแค่ข่าวๆตามสื่อเท่านั้นนะครับ แต่ว่าจะเป็นยังไงผมไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้นี่มันต้องฟังข้อเท็จจริงกันอย่างละเอียดรอบคอบนะครับ เพราะว่าการรู้จักนี่มันก็รู้กันทั้งคนในสังคมไทยนี่ แต่ว่าการทำงานเป็นยังไงนี่ผมไม่ทราบจริงๆครับ
สำราญ – เอาล่ะครับ สุดท้ายมีอะไรแนะนำ กกต.ชุดนี้นะครับ
สวัสดิ์ – ผมก็คงไม่มีอะไรที่จะไปก้าวล่วงที่จะไปแนะนำนะครับ เพราะแต่ละท่านอย่างที่ผมเรียนในตอนต้นแล้วก็ ท่านก็มีประสบการณ์หน้าที่การงานมาสูงๆทั้งนั้น ก็ทำยังไงที่จะให้ประชาชนมีความเข้าใจ กกต. มีความเชื่อมั่น มีความศรัทธาได้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดนะครับ ผมคิดว่าก็คือความปรารถนาหรือความประสงค์ของผู้ทำงานทุกๆคน ที่อยากเห็นการยอมรับของสังคม อันนี้คือจุดสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ
สำราญ – ต้องเรียกศรัทธาคืนมาให้ได้ เอาล่ะครับ ขอบพระคุณมากครับ ท่านสวัสดิ์ครับ