ว่าที่ ส.ว.กทม.“มานวิภา อินทรทัต” ยอมรับ “เสธ.ไอซ์” อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ยืนยันไม่ให้อิทธิพลอยู่เหนือความถูกต้อง ประกาศยึดถือเพื่อส่วนรวมเป็นเหตุผลหลักในการทำงาน เผยเคยถูกทาบทามให้ลงสมัคร ส.ส.มาแล้ว แต่ปฏิเสธ เหตุไม่ต้องการอยู่ภายใต้กรอบของรัฐบาล และพรรคการเมือง
ผศ.ดร.มานวิภา อินทรทัต ว่าที่ ส.ว.กทม.ให้สัมภาษณ์ภายหลังทราบผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ว่า ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนเสียงให้ความไว้วางใจเข้ามาทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งตนจะใช้ความรู้ ความสามารถทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การที่ตนตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เพราะคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์อยู่แล้ว ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ปี 2539 โดยเฉพาะด้านกฎหมาย และเคยผ่านงานด้านการตรวจสอบประเมินผลมาหลายคณะ และเคยเป็นกรรมการบอร์ดของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมา 8 ปี และสอนหนังสือมาอีก 27 ปี จึงมั่นใจว่าจะทำหน้าที่ ส.ว.ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า จุดเด่นของตัวเองคืออะไรที่ประชาชนถึงเลือกตั้งเข้าทำหน้าที่ ผศ.ดร.มานวิภา กล่าวว่า การได้รับเลือกตั้งเข้ามาครั้งนี้คงเกิดจากมีการพูดกันไปแบบปากต่อปาก เพราะหลังจากที่ตนลงพื้นที่ เพื่อแนะนำตัวได้มีประชาชนเข้ามาทักทายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีแรงสนับสนุนจากลูกศิษย์ที่ตนเคยสอนอยู่ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ก็มาช่วยเหลือในการแจกใบแนะนำตัวให้ อีกทั้ง พี่ไอซ์ (พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต) ที่รู้จักคนกว้างขวางก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันที่มีคนมาลงคะแนนให้
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่า ส.ว.ที่เลือกตั้งเข้ามาจะถูกครอบงำจากการเมือง ผศ.ดร.มานวิภา กล่าวว่า การทำงานของตนไม่มีใครมีอิทธิพลเหนือความถูกต้อง ตนยึดถือความถูกต้องเพื่อส่วนรวมเป็นเหตุผลหลักในการทำงาน การเมืองไม่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของตน การที่ตนพูดแบบนี้ เพราะตนเป็นอาจารย์จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน และจะยืนหยัดในการทำหน้าที่ ส.ว.ตามที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาอยู่บนความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เคยถูกทาบทามให้ลงสมัคร ส.ส.แต่คิดว่าไม่ใช่ลักษณะของตน เพราะ ส.ส.ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของรัฐบาล และพรรคการเมือง
เมื่อถามว่า การทำหน้าที่ของ ส.ว.ชุดที่ผ่านมา ถูกมองว่า วางตัวไม่เป็นกลางในการทำหน้าที่ ผศ.ดร.มานวิภา กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาลบภาพเก่า ๆ เพราะทุกอย่างมีทั้งดำ และขาว ดีและไม่ดี เพียงแต่เราจะต้องมาปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดีนั้นให้ดีขึ้น อย่าไปคิดว่าคนเหล่านั้นจะมีแต่สิ่งที่ไม่ดี เขาต้องมีจุดดีอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ดังนั้น จึงต้องการให้มองอย่างใจเป็นกลาง แล้วช่วยกันปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
ส่วนข้อเสนอที่ว่า ควรจะให้ผู้สมัคร ส.ว.ได้มีโอกาสหาเสียงเหมือนกับ ส.ส.นั้น ผศ.ดร.มานวิภา เห็นว่า จะเป็นวิธีใดก็ตาม แต่สิ่งสำคัญ คือ การให้ความรู้กับประชาชนทางด้านการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนและวิธีคิดให้กับประชาชนเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ต้องให้ประชาชนเข้าใจก่อนว่า หน้าที่ของ ส.ว.คืออะไร เพราะจากการที่ได้พบปะ และแนะนำตัวกับประชาชน คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า ส.ว.คืออะไร ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการคัดสรรคนที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสม ให้ประชาชนได้พิจารณา ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องไม่ถูก ถ้าจะไปตำหนิหรือต่อว่า ว่าทำไมประชาชนจึงเลือกคนนั้นคนนี้เข้ามา แต่ต้องดูว่าเราให้วิธีคิดกับประชาชนเพียงพอหรือไม่
“เวลานี้เหมือนกับเป็นสิ่งที่สังคมเริ่มที่จะยอมรับ ซึ่งถือเป็นทัศนคติที่ผิด ฉะนั้น จึงต้องสร้างวิธีคิดใหม่ให้เข้าใจว่า ถ้าเห็นผลประโยชน์ของชาติแล้ว สุดท้ายผลประโยชน์นั้นก็ตกกับทุกคน ทำอย่างไรให้เขาคิดว่า เพียงพอแล้วกับสิ่งที่มี แล้วการทุจริตคอร์รัปชันก็จะลดน้อยลงไปเอง เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ เพียงแต่ทำให้คนเรามีความสะดวกมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น เราจึงจะทำให้คนตระหนักว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ” ผศ.ดร.มานวิภา กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม กล่าวว่า อาจารย์ใหม่ (ผศ.ดร.มานวิภา) เป็นคนดี และมีพวกมีเพื่อนเยอะ จึงเป็นแรงผลักดันให้เข้ามาทำหน้าที่ ส.ว.ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อาจารย์ใหม่ทำงานข้างหลังมาตลอด อย่างไรก็ตาม การที่ อาจารย์ใหม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ ส.ว.ครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีการวางแผน หรือวางกลยุทธ์ อะไร ถือเป็นความสามารถของตัวเขาเองที่ชนะใจประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ เพราะเขาตั้งใจจริงที่จะมาทำหน้าที่ จากเดิมที่ไม่มีใครรู้จัก แต่หลังจากการลงไปแนะนำตัวในสถานที่ต่าง ๆ ก็มีประชาชนให้การตอบรับเป็นจำนวนมากและเข้ามาทักทาย