“ขวัญสรวง อติโพธิ” ขอบคุณคนกรุงเทพฯ เทคะแนนเลือกเข้าสภาสูง รับส่วนหนึ่งมาจากผลงาน “แก้วสรร” พร้อมสานงานตรวจสอบรัฐบาลต่อ เตือน กกต.แยกแยะเหตุผลว่าที่ ส.ว.ขึ้นปราศรัยเวทีกู้ชาติ เชื่อหากทำโดยอคติสังคมไม่ยอม วอนภาคประชาชนจับตาการทำงานร่างทรงนักการเมือง
นายขวัญสรวง อติโพธิ ว่าที่ ส.ว.กทม. ขอขอบคุณประชาชน 40,000 กว่าคนที่เลือกให้เข้ามาทำงานในหน้าที่นี้ พร้อมยอมรับว่าการที่ได้รับเลือกตั้งครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบทบาทของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กทม.ซึ่งเป็นพี่ชาย และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากกลุ่มภาคประชาชนที่ต้องการให้เข้าไปมีบทบาทในการตรวจสอบ หลังจากที่ผ่านมาเห็นว่าการทำงานของ ส.ว.กลุ่มหนึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจ
“บ้านผมอยู่ติดกัน ทำให้ได้พูดคุยปรึกษาเรื่องต่างๆ จากนายแก้วสรร ทำให้มีความรู้และพื้นฐานความเข้าใจเรื่องต่างๆ ของบ้านเมือง เมื่อได้เข้ามาเป็น ส.ว.ก็จะดูว่าจะทำอะไรให้บ้านเมืองปัจจุบันได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เวลานี้โลกทั้งโลกมีความเชื่อมโยงต่อกัน ถ้าจะค้านอะไร ต้องดูที่เหตุที่ผล เช่น เขตการค้าเสรี (FTA) ต้องดูว่ามีการดำเนินการอย่างไร ไม่ใช่จะค้านอย่างเดียว ต้องตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ค้านหรือสนับสนุนอย่างเดียว” นายขวัญสรวง กล่าว
นายขวัญสรวง กล่าวต่อว่า การปฏิรูปรัฐธรรมนูญเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเวลานี้สังคมดูเหมือนมีความแตกแยกของหลายกลุ่ม เช่น การยุบสภาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แม้จะอ้างว่าถูกต้องตามกติกา แต่ถ้าดูตามเหตุผลก็ไม่ถูกต้องอาจจะทำให้ประชาธิปไตยมีปัญหา
เมื่อภามว่า การที่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเรื่องร้องเรียนว่า ว่าที่ ส.ว.ที่เคยขึ้นปราศรัยบนเวทีเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น นายขวัญสรวง กล่าวว่า อย่าทำอย่างนั้น ต้องเข้าใจว่าการขึ้นบนเวทีถือเป็นการทำหน้าที่ และแสดงบทบาทต่อเหตุการณ์บ้านเมือง ซึ่งอาจจะมองคนละมุมกับ กกต. คนเหล่านั้นอาจจะมองในมุมของความรักบ้านเมือง ไม่ใช่การหาเสียง
“หากจะจับผิดโดยใช้กติกา เชื่อว่าสังคมจะเกิดคำถาม และหาก กกต.ทำจริง เรื่องจะไม่จบอย่างแน่นอน ผมไม่เห็นด้วยถ้า กกต.จะพิจารณาทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้นอย่าทำ” นายขวัญสรวง กล่าว และว่าบุคคลที่เข้าร่วมองค์กรนี้แต่ละคนเป็นผู้ใหญ่ มาทำงานเพื่อส่วนรวม และประชาชนในบ้านเมืองมีความคาดหวังในการทำงาน ดังนั้น ควรทำงานเพื่อให้สมกับความต้องการของผู้ที่เลือกเข้ามา ไม่ควรไม่แบ่งฝ่ายกัน
ส่วนเสียงวิจารณ์ว่า ส.ว.ส่วนใหญ่เป็นเครือญาตินักการเมืองจะทำให้การทำงานตรวจสอบรัฐบาลเป็นไปด้วยความลำบากนั้น นายขวัญสรวง กล่าวว่า ภาคประชาชนที่อยู่ข้างนอกอาจจะเห็นว่าบุคคลที่เป็นเครือญาตินักการเมืองมีการทำงาน และมีผลงานในพื้นที่ เมื่อเลือกเข้ามาแล้วควรให้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะบางคนอาจเป็นตัวของตัวเองในการทำหน้าที่ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง จึงต้องการให้การกระทำเป็นตัวตัดสิน และให้ใช้การทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์