กระทรวงกลาโหมจัดสร้าง “พญาคชสีห์” สัญลักษณ์กระทรวงเพื่อตั้งไว้ทางเข้าออกกระทรวง รวมทั้งรูปหล่อจำลองและเหรียญที่ระลึก รวมทั้งพิมพ์หนังสืออีก 3 เล่ม เพื่อแจกจ่ายบุคคลสำคัญและหน่วยทหารในโอกาสปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และในโอกาสที่กระทรวงกำลังจะมีอายุครบ 120 ปี
พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงแนวคิดการจัดสร้าง “พญาคชสีห์” สัญลักษณ์กระทรวงกลาโหม ซึ่งจะนำมาจัดตั้งบริเวณทางเข้าออกกระทรวงกลาโหมว่า องค์พญาคชสีห์เป็นสัตว์ในเทพนิยาย เป็นส่วนผสมระหว่างราชสีห์กับช้าง (คช) ซึ่งในสมัยโบราณถือว่าคชสีห์เป็นเครื่องหมายแทนทหาร รวมทั้งตราประจำตำแหน่งของสมุหกลาโหมก็ใช้ตราคชสีห์เป็นสัญลักษณ์ จึงมีแนวคิดว่าต้องการจะทำเป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และในปี 2549 นี้เป็นปีที่เริ่มปีที่ 120ของกระทรวงกลาโหม จึงกำหนดให้มีการจัดสร้างขึ้น
ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สำหรับความสูงของพญาคชสีห์ ซึ่งวัดจากพื้นถึงหลังตามหลักการวัดส่วนสูงของม้าจะมีความสูง 120 เซนติเมตร เท่ากับ 120 ปี กระทรวงกลาโหม แต่ถ้าวัดจากฐานถึงลายกนกที่เป็นส่วนสูงสุด จะสูงทั้งหมด 4.50 เมตร โดยพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นผู้ดูแลในเรื่องของพิธีกรรมทางศาสนาและตั้งชื่อพญาคชสีห์ ซึ่งจะมีพิธีเททองในวันนี้ (14 เม.ย.) ที่โรงหล่อที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเมื่อหล่อเสร็จแล้วจะนำมาตั้งที่แท่นที่กำลังก่อสร้างบริเวณประตูทางเข้าออกกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ ในการหล่อจะหล่อ 2 องค์ โดยมีลักษณะต่างจากดวงตราที่เคยมี เพราะดวงตราดังกล่าวนั้นจะมองในทางข้าง ซึ่งจะมีท่ายืนยกเท้าขางหนึ่ง แต่องค์คชสีห์ที่จะหล่อขึ้นใหม่จะยืน 4 เท้ามั่นคง และเท้าหลังย่างไปข้างหน้า
“ทั้งสององค์จะมาตั้งที่ประตูทางเข้าออกของกระทรวง ประตูทางเข้าอยู่ทางทิศใต้ มีชื่อว่า “พญาคชสีห์สยามปฐพีพิทักษ์” หมายความว่าพิทักษ์แผ่นดินไทย ส่วนองค์ทางประตูออกซึ่งอยู่ทิศเหนือชื่อว่า “พญาคชสีห์ราชเสนีพิทักษ์” หมายความว่าเป็นทหารพิทักษ์พระราชา ซึ่งความหมายรวมคือเราจะพิทักษ์ประเทศชาติและราชบัลลังก์ สำหรับพิธีพุทธาภิเษกจะมีขึ้นในวันที่ 2 มิถุนายน 2549 ที่กระทรวง และในวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 10.30 น. เราได้กราบเรียนเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดแพรคลุมป้าย” พล.อ.สิริชัย กล่าว
ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า นอกจากองค์คชสีห์ดังกล่าวแล้วยังจะสร้างองค์คชสีห์จำลองรุ่นที่ 1 อีก 109 องค์ โดยจะเข้าพิธีพุทธาภิเษกเช่นกัน โดยจะมีหมายเลขประจำองค์กำกับตั้งแต่ 001/109-109/109 ทั้งนี้ องค์แรกหมายเลข 001 จะเก็บไว้เป็นต้นแบบพร้อมกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างไว้ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อให้ไว้เป็นประวัติศาสตร์ องค์ที่ 2 จะถวายพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา องค์ที่ 3 มอบให้ พล.อ.เปรม ส่วนองค์ต่อ ๆ ไปจะมอบให้สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ยังมีชีวิตอยู่ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะกรรมการที่มีส่วนจัดสร้าง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาชั้นสูง หรือผู้มีอุปการะคุณต่อกระทรวงกลาโหมในโอกาสข้างหน้า
“นอกจากนี้ จะจัดสร้างเป็นเหรียญที่ระลึกอีก 10,000 เหรียญ โดยด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ส่วนด้านหลังเป็นรูปคชสีห์ เพื่อแจกจ่ายให้กำลังพลในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมทั้งหมดและผู้บังคับบัญชาต่าง ๆ ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่จะทำในโอกาสปีมหามงคลและโอกาสที่กระทรวงกลาโหมจะมีอายุครบ 120 ปี คือจัดพิมพ์หนังสือ 3 เล่ม เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการทหาร หนังสือองค์จอมทัพไทย และหนังสือเรื่องศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทำเพื่อแจกจ่าย ไม่ได้ทำเพื่อเชิงพาณิชย์ แต่จะให้เป็นที่ระลึกกับหน่วยต่าง ๆ จะได้เอาไว้ศึกษาในเรื่องที่ควรรู้ทั้งเรื่ององค์พระมหากษัตริย์ก็ดี ตัวศาลาว่าการก็ดี และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่ทหารควรรู้” ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์ พล.อ.สิริชัย ได้นำตรา “ปลัดทูลฉลอง” ซึ่งเป็นรูปคชสีห์และได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กระทรวงกลาโหมใช้สำหรับประทับตราลงบนหนังสือราชการต่าง ๆ ของกระทรวงมาให้ชมด้วย โดยตราดังกล่าวยังใช้วิธีประทับแบบโบราณด้วยการทา “ชาด” ลงบนตราแล้วจึงประทับบนกระดาษ