xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “แม้ว”อ้าง 16 ล้านเสียง ตั้ง กก.สมานฉันท์ซื้อเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ นายอดศักดิ์ ศรีสม ในรายการ กรองสถานการณ์ ทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ คืนวันที่ 3 เมษายน ถึงแนวทางทางการเมือง หลังการเลือกตั้ง โดยรักษาการนายกฯ อ้างว่า พรรคไทยรักไทยได้รับเลือกถึง 16 ล้านเสียง เกินครึ่งของผู้ไปใช้สิทธิ์ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องลาออก เว้นแต่จะเป็นมติของคณะกรรมการอิสระที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อสมานฉันท์กับฝ่ายต่างๆ

คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป "ทักษิณ" เปิดใจในรายการ "กรองสถานการณ์" (ช่วงที่1) (56k) | (256K)

คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป "ทักษิณ" เปิดใจในรายการ "กรองสถานการณ์" (ช่วงที2) (56k) | (256K)

คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป "ทักษิณ" เปิดใจในรายการ "กรองสถานการณ์" (ช่วงที่3) (56k) | (256K)

อดิศักดิ์ ศรีสม - สวัสดีครับท่านผู้ชม กรองสถานการณ์ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2549 ก็เป็นที่ทราบกันดี เพราะว่าข่าวสารกระจายไปกว้างขวาง ว่าแขกรับเชิญของเราในคืนวันนี้ก็คือท่านนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร จริงๆ นัดแนะกันไว้ก่อน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 เมษายน เมื่อวานนี้ แต่ว่าเนื่องด้วยกฎกติกาทางด้านการเลือกตั้ง ซึ่งต้องเคารพกัน ก็นัดแนะกันใหม่ว่าหลังเลือกตั้งจะมาพูดคุยกัน และที่สำคัญก็คือผลของการเลือกตั้งบางส่วนก็ออกมา ก็ปรากฏอย่างที่เราได้รับทราบกันว่า ส่วนหนึ่งแน่นอน หลายคนมองไปว่าการเลือกตั้งคราวนี้เปรียบเสมือนการทดสอบหรือการวัดต่อความศรัทธาต่อตัวท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง ถ้าพูดกันอย่างนั้นก็คงเห็นภาพชัดขึ้น ส่วนหนึ่งก็คงมองว่าคะแนนที่ไทยรักไทยได้รับวันนี้เท่าไร แต่ปรากฏการณ์สำหรับการไม่เลือกพรรคหนึ่งพรรคใด ด้วยการกาลงไปในบัตรเลือกตั้ง ที่เราเรียกกันว่า โนโหวต ผ่านสื่อมวลชนนั้น ก็เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งคงจะได้เรียนซักถามกันด้วยในวันนี้ ว่าจะมีผลไหมต่อการตัดสินใจอะไรนับจากนี้เป็นต้นไป แนวทางที่จะดำเนินการกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องของการพยายามที่จะเกิดความสมานฉันท์กันในชาติ ในสังคม ในแนวคิดของท่านเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือปัญหาหลักๆ ของประเทศที่ยังคงต้องได้รับการแก้ไขบางเรื่องวันนี้ และดำเนินการในวันนี้ มีอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเราจะพูดคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ครับ สวัสดีครับท่านนายกฯ ครับ

ทักษิณ ชินวัตร - สวัสดีครับคุณอดิศักดิ์

อดิศักดิ์ - นี่คือรายการสดนะครับ หมายเลขโทรศัพท์อยู่หน้าจอโทรทัศน์แล้ว นอกเหนือจากการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ช่อง 11 แล้ว วันนี้เรายังถ่ายทอดเสียงผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั้งหมด รวมไปถึง MBT ของทางช่อง 11 ด้วย เป็นเคเบิล นะครับ
ติดตามผลการเลือกตั้งแล้ว วันนี้เห็นผล เห็นตัวเลขที่ประชาชนไปใช้สิทธิกันเมื่อวานแล้ว ออกมา ข่าวก็ปรากฏว่ามันมีเรื่องของการ No Vote คือการไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร คิดเห็นอย่างไรต่อคะแนนที่ได้รับวันนี้ ของส่วนไทยรักไทย และส่วนที่ไม่เลือกใคร

ทักษิณ - ครับ ก่อนอื่นอธิบายก่อนว่า ไอ้โนโหวต หรือว่าไม่ลงคะแนนเนี่ย มันคืออะไร ก็ จริงๆ แล้วผมเนี่ยเป็นคนสร้างบรรยากาศแห่งการแข่งขัน เพราะว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้ คล้ายๆ ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านเขาบอยคอต เขาไม่ลง ไม่ลงเนี่ย ผมก็ต้องการให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนของแต่ละพรรค เขามีทางออก ก็เลย ผมก็เลยปราศรัยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่สนามหลวง คงจำได้ ว่า ถ้าหากว่าพี่น้องคิดว่าผมควรจะทำหน้าที่ต่อ ก็เลือกผม ถ้าไม่เหมาะสมที่จะ ไม่ให้ทำหน้าที่ต่อ ก็ไปลงโนโหวตได้ นะครับ ซึ่งในนั้นก็จะประกอบด้วยแฟนของประชาธิปัตย์ แฟนของชาติไทย แฟนมหาชน รวมทั้งผู้ซึ่งอาจจะมองว่า อาจจะอยากเป็นกลาง อยากเห็นเหตุการณ์ที่มันขัดแย้งกันอยู่ยุติ ก็ไปลงคำว่าไม่ลงคะแนนได้ ซึ่งจากเรื่องนี้เนี่ยผมรู้ก่อน เพราะว่าเราทำโพลไว้แล้ว

อดิศักดิ์ - ทำโพลไว้แล้ว สำรวจไว้แล้ว

ทักษิณ - ทำโพล สำรวจไว้แล้วว่ามันจะต้องมีโนโหวตอยู่เยอะพอสมควรทีเดียว ซึ่งเราก็ถามว่า ถ้าไม่ลงคะแนน จริงๆ แล้ว สมมุติว่าพรรคประชาธิปัตย์ลง พรรคชาติไทยลง พรรคมหาชนลง เขาจะลงยังไง เขาก็บอกมาเสร็จว่าเขาจะลงพรรคประชาธิปัตย์ 25 เปอร์เซ็นต์ ลงพรรคชาติไทย 4 เปอร์เซ็นต์ อะไรพวกนี้นะฮะ มันก็จะมีตัวเลขออกมาหมด แล้วก็ยังมีโนโหวตอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่มากนะครับ นั่นก็คือว่า คำว่าโนโหวต หรือไม่ลงคะแนนเนี่ย คือส่วนผสมของผู้ที่เป็นแฟนประชาธิปัตย์ แฟนชาติไทย แฟนมหาชน รวมทั้งผู้ซึ่งอาจจะเชื่อสิ่งที่สนธิพูด หรือว่าผู้ที่อาจจะเคยชอบผม แล้ววันนี้ไม่ชอบผม บางส่วน แต่ทั้งหมดรวมกันเป็นก้อน คือโนโหวต

อดิศักดิ์ - ที่ว่าทำสำรวจในตอนแรก มันเห็นภาพอะไรครับ ตอนนั้น

ทักษิณ - เห็นครับ เห็นชัดเลยครับ อย่างสมมุติว่าเนี่ย เราถามเมื่อเดือนมีนาคม วันที่ 22 เขาก็บอกว่า สมมุติผมบอกว่า สมมุติว่าไทยรักไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ก็ลงด้วย ชาติไทยลงด้วย เขาจะเลือกอย่างไร เขาก็บอกว่าจะเลือกไทยรักไทยทั้งประเทศ ในวันนั้นนะครับ บอกว่า ที่กรุงเทพฯ 43 เปอร์เซ็นต์ จะเลือกไทยรักไทย 23 เปอร์เซ็นต์ จะเลือกประชาธิปัตย์ 4 เปอร์เซ็นต์ เลือกชาติไทย และ 21 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ลงคะแนน

อดิศักดิ์ - นี่คือในกรุงเทพฯ

ทักษิณ - กรุงเทพฯ ครับ

อดิศักดิ์ - 43 เปอร์เซ็นต์ จะเลือกไทยรักไทย 23 เปอร์เซ็นต์ จะเลือกประชาธิปัตย์ ถ้าลงด้วย ใช่ไหมฮะ

ทักษิณ - ครับ ถ้าลงด้วย แสดงว่ารวมแล้วไทยรักไทยก็ ถ้าเอาทุกอย่างมารวมกันเนี่ย เราแพ้ แต่ถ้ารวมเป็นรายพรรค รายพรรคเนี่ย เราชนะ

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้น ถ้าดูเฉพาะไทยรักไทยนะฮะ ตั้งแต่วันที่ท่านไปทำสำรวจเนี่ย ก็แพ้อยู่แล้ว ถ้าเอาพรรคอื่นรวม

ทักษิณ - ถ้ารวมกันทั้งเป็นก้อนเนี่ย เราแพ้อยู่แล้ว แต่เฉพาะกรุงเทพฯ นะครับ แต่ทั้งประเทศเนี่ยเราชนะ

อดิศักดิ์ - ชนะนี่หมายความว่าจำนวนของ

ทักษิณ - จำนวนของคนซึ่งลงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้ไทยรักไทย เปรียบเทียบกับลงปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคเล็กพรรคน้อย รวมทั้งไม่ลงคะแนน หรือโนโหวต รวมกันเป็นก้อน เรายังชนะอยู่

อดิศักดิ์ - ปาร์ตี้ลิสต์เท่าไรฮะ ทำตอนแรก มีตัวเลขไหมฮะ

ทักษิณ - ตอนแรก เราคิดว่าเราได้อยู่ประมาณที่ 52 กับ 41 ฮะ

อดิศักดิ์ - 52 เปอร์เซ็นต์

ทักษิณ - ครับ กับ 41 เปอร์เซ็นต์

อดิศักดิ์ - กับ 41 เปอร์เซ็นต์ นี่คือสิ่งที่มั่นใจ ประกาศว่าถ้าไม่เลือกผมต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เป็นนายกฯ

ทักษิณ - ไม่เป็นนายกฯ แต่อันนี้วันที่ 22 นะ ทำ แต่ว่าเราทำมาเรื่อยๆ ฮะ ทำตั้งแต่กุมภาพันธ์ กุมภาพันธ์ตอนเรายุบสภาฯ เนี่ย เราก็ถามประชาชนว่า เห็นด้วยกับการยุบสภาฯ หรือไม่ ก็ 76 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วย 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วย นะครับ มันก็ทำมาโดยตลอด เสร็จแล้วเราก็เช็กมาเรื่อย เช็กแม้กระทั่งว่าเสียงของเราเป็นยังไง ตกที่ไหน ยังไง แต่ทีนี้ ก่อนอื่นนะครับ ต้องอธิบายก่อนว่า วันนี้การเมืองมันเปลี่ยนไป แต่ละพรรคมีสมาชิกพรรค แล้วสมาชิกพรรคเนี่ย แนวโน้มจะเลือกพรรคที่ตัวเองเป็นสมาชิกมากขึ้น เมื่อก่อนนี้เรื่องสมาชิกพรรค เราไม่จริงจัง ตอนหลังมา หลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การมีสมาชิกพรรคจริงจัง พรรคไทยรักไทยมี 14 ล้าน 4 แสน สมาชิกนะฮะ พรรคไทยรักไทยทุกครั้งที่เลือก ได้คะแนนเนี่ย ไม่เคยได้น้อยกว่าสมาชิก ตอนแรกเรามีสมาชิก 11 ล้าน เราได้มา 12 ล้านกว่า ตอนหลังมา มี 14 ล้าน เราได้มา 18 ล้านกว่า คราวนี้มี 14 ล้าน 4 เรายังได้ 16 ล้านอยู่

อดิศักดิ์ - 16 ล้าน

ทักษิณ - ครับ

อดิศักดิ์ - ตกลงได้ 16 ล้านแล้ว

ทักษิณ - ครับ ทั้งประเทศรวมกันแล้วประมาณ 16 ล้าน

อดิศักดิ์ - อันนี้อย่างไม่เป็นทางการนะฮะ

ทักษิณ - ยังไม่เป็นทางการ

อดิศักดิ์ - 16 ล้าน แล้วมันมากกว่า 50 หรือไม่

ทักษิณ - มากกว่าเยอะครับ เพราะว่าคะแนนที่ให้กับพรรคอื่น และไม่ลงคะแนน หรือโนโหวตเนี่ย รวมกันแล้วเพิ่ง 10 ล้าน โดยประมาณหยาบๆ ครับ เพราะฉะนั้นก็เท่ากับ 60 - 40 โดยประมาณ

อดิศักดิ์ - รวมบัตรเสียหรือยังฮะอันนี้

ทักษิณ - ไม่เกี่ยวสิครับ บัตรเสียนี่เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาจะเลือก บัตรเสียนั้นคืออะไร บัตรเสียอาจจะเลือกไทยรักไทยก็ได้ อาจจะเลือกคนอื่นก็ได้ บัตรเสียเราต้องตัดทิ้ง ถ้าเอาบัตรเสียมารวมก็จะเป็น 57 ต่อ 42

อดิศักดิ์ - ก็ยังถือว่ามากกว่าอยู่ดี

ทักษิณ - มากกว่าอยู่ดีครับ

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้นตรงนี้คะแนนที่ออกมาวันนี้ถือว่าพอใจไหมฮะ หลังการเลือกตั้ง

ทักษิณ - ผมว่าพอใจนะคุณอดิศักดิ์ครับ เพราะลองนั่งดูนะครับ ดูคะแนนเนี่ย คราวที่แล้วเมื่อปี 48 นะครับ มีประชาชนมาใช้สิทธิ 32 ล้านคน เราได้มา 18.9 หรือ 19 ล้านเนี่ยนะครับ พรรคอื่นๆ กับผู้ไม่ใช้สิทธิรวมกันเนี่ย เขาได้ไป 13 ล้าน 6 แต่พอมาถึงคราวนี้ มีผู้ใช้สิทธิเพียง 28 ล้าน หายไป 4 ล้านนะฮะ หายไป 4 ล้าน เราได้ 16 ล้านครับ เราหายไป 2 ล้าน 8 แล้วก็พรรคอื่นๆ กับโนโหวตรวมกันเนี่ย จาก 13 ล้าน 6 เหลือ 10 ล้าน เขาหายไป 3 ล้านกว่า ทางกลุ่มนี้หายมากกว่าทางเรา

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้นผมกำลังจะเรียนถามว่า มันเหมือนกับไทยรักไทยสู้กับตัวเองพอสมควรคราวนี้

ทักษิณ - ใช่ครับ ใช่ครับ

อดิศักดิ์ - จาก 19 ล้านเดิม เหลือ 16 ล้าน นี่ไม่ได้ทำให้ท่านหวั่นไหวหรือฮะ

ทักษิณ - เพราะว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิ ที่ไปใช้สิทธิ น้อยลงฮะ

อดิศักดิ์ - ภาพรวมน้อยลง

ทักษิณ - ภาพรวมน้อยลงครับ มันก็น้อยลงตามไป เพราะว่าคราวที่แล้วมีคนออกไปใช้สิทธิ 32 ล้าน คราวนี้คนออกไปใช้สิทธิ 28 ล้าน คนออกไปใช้สิทธิน้อยลงกว่าเดิม 4 ล้าน เพราะฉะนั้นคะแนนเสียงของเราหายไป 2 ล้าน 8

อดิศักดิ์ - นี่คือเป็นสิ่งที่เป็นภาพปรากฏขึ้น

ทักษิณ - ครับ ใช่ครับ

อดิศักดิ์ - กระบวนการในการแปรผลจากการเลือกตั้งคราวนี้ ไปสู่การกำหนดบทบาทและทิศทางของตัวท่านเอง ท่านจะมองยังไงจากผลการเลือกตั้งคราวนี้

ทักษิณ - ครับ ก็คืออย่างนี้ก่อนฮะ ผมเนี่ย ที่อธิบายตัวเลขให้ฟังก็เพราะว่า บางทีสื่อเนี่ย เห็นตัวเลขนิดเดียวแล้วก็รีบไปสรุป ซึ่งผม สังเกตดู ผมไม่ให้สัมภาษณ์เมื่อคืนนี้ เพราะว่าตัวเลขมันยังไม่มา ไปให้สัมภาษณ์ได้ยังไง วันนี้เนี่ย ตัวเลขยังไม่ แต่ว่ามันเกือบหมดแล้ว เรียกว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ถึงพูดได้นะครับ ทีนี้ก็ ผมอธิบายให้ฟังเนี่ย คือให้เห็นว่าผมเกิน 50 เปอร์เซ็นต์นะ ตามที่คุยกันไว้ ผมเกินนะ ไม่ต้อง คือ เพราะฉะนั้น หนึ่ง ผมเกิน สอง ในกรุงเทพฯ เนี่ย ทั้งหมดในกรุงเทพฯ เนี่ย โนโหวต กับปาร์ตี้ลิสต์เนี่ย ผมแพ้ 31,000 31,000 คะแนนเท่านั้นนะฮะ รวมกันแล้วทั้งกรุงเทพฯ แพ้ 31,000 คะแนนเท่านั้นเอง

อดิศักดิ์ - หมายความว่ายังไงฮะ หมายความว่า

ทักษิณ - หมายความว่าปาร์ตี้ลิสต์ของไทยรักไทยได้รับจากคนกรุงเทพฯ กับคนที่ไม่ลงคะแนน โนโหวตเนี่ย น้อยกว่ากันเนี่ย ทางปาร์ตี้ลิสต์ไทยรักไทยได้น้อยกว่าเพียง 31,000 เท่านั้น

อดิศักดิ์ - หลักหมื่นเท่านั้น

ทักษิณ - เท่านั้นเองครับ เมื่อรวมกันแล้วครับ ที่เราชนะ ที่เราแพ้ รวมกันแล้วเราแพ้ไป 31,000 คะแนน เท่านั้นเอง

อดิศักดิ์ - คิดว่าผลการเลือกตั้งคราวนี้มันก็คือการวัด วัดความไว้วางใจที่มีต่อตัวท่านโดยตรง

ทักษิณ - ใช่ครับ ใช่ครับ ในเมื่อผลออกมาอย่างนี้ คือคนที่ไว้วางใจผม มี 60 เปอร์เซ็นต์ คนที่อาจจะไม่ไว้วางใจหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ตีความหนักๆ ไปเลยว่าไม่ไว้วางใจแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์ 60 ต่อ 40 ถามว่าจะให้ผมทำยังไง ผมบอกว่า สำหรับตัวผมเองเนี่ย ที่วันนั้นที่ผมบอกว่าผมยุบสภาฯ เพราะอะไร ฝ่ายหนึ่งมาบอกผมว่า ให้ออกไป อีกฝ่ายหนึ่งบอก สู้ สู้ ผมก็บอกว่าถามประชาชนสิ เพราะระบอบประชาธิปไตย ก็ถามไปทางประชาชน แล้ววันนี้ประชาชนตอบแล้วเนี่ย ผมจะอยู่หรือจะออก ผมต้องมีเหตุผลเท่านั้นเอง วันนี้เนี่ย ถ้าหากว่าผมออกแล้วประเทศดีเนี่ยนะ ผมรีบออกเลย นะฮะ แล้วผมก็จะได้ไปบอกเหตุผลว่า ประเทศจะดีขึ้นนะถ้าไม่มีผมเนี่ย เพื่อให้คน 16 ล้านคนที่เลือกผมใหม่คราวนี้ เขาได้เข้าใจว่า อ๋อ ที่เลือกผมมาแล้วเนี่ย ผลสุดท้ายที่ผมจำเป็นต้องออกเพราะมันเป็นผลดีต่อประเทศ ผมออกเลย ออกทันทีเลยนะครับ ไม่ติดยึดเลย แต่เพียงแต่ว่า ผมออกแล้วจะมีสมานฉันท์จริงไหม บรรดาผู้ที่อยากจะเห็นผมออกเนี่ย ช่วยแนะวิธีหน่อย

อดิศักดิ์ - เดี๋ยวคุยกันตรงนั้นนะฮะว่าหลังจากนี้ไปจะเป็นยังไง แสดงว่ากระบวนการแปรผลจากปาร์ตี้ลิสต์ที่ได้ วันนี้คร่าวๆ อย่างไม่เป็นทางการประมาณ 16 ล้านเสียง ซึ่งท่านมองว่านี่คือมากกว่า 50 ล่ะ แล้วก็ตามสัญญาที่ให้ไว้ เป็นสัญญาประชาคม ก็คือว่าถ้าเกิน 50 เนี่ย ก็จะเป็นนายกฯ ต่อ อะไรทำนองนั้น

ทักษิณ - ใช่ครับ ใช่ครับ ใช่ครับ

อดิศักดิ์ - คราวนี้แบบเขตล่ะฮะ แบบเขตที่ลงกันคนเดียวบ้าง หรือว่าลงในส่วนที่ไปแข่งกับพรรคเล็กๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าโนโหวตสูงกว่า

ทักษิณ - อันนี้ก็ มันเป็นธรรมดาฮะ เหมือนกับว่าเราไปแข่งในเขตภาคใต้นี่เราแพ้มาตลอด คราวที่แล้วเรามีผู้แทนคนเดียว จำได้ไหมฮะ

อดิศักดิ์ - ครับ

ทักษิณ - เพราะว่าภาคใต้เป็นเขตยึดครองประชาธิปัตย์

อดิศักดิ์ - แพ้เป็นเรื่องธรรมดา

ทักษิณ - แพ้เป็นเรื่องธรรมดานะครับ ทีนี้ ถ้าสมมุติว่าผมแปรนะฮะ เอาปาร์ตี้ลิสต์นี่นะฮะ เอากับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์กับคะแนนโนโหวตมานับกัน ไล่เป็นเขตเลยนะ ถ้าเขตไหนชนะ สมมุติว่าพรรคไทยรักไทยชนะก็ถือว่าให้ ส.ส. 1 คน เขตไหนพรรคไทยรักไทยแพ้ ก็ถือว่าไม่ได้ ส.ส. รวมกันแล้ว เราได้ 200 กว่า นะครับ รวมกันแล้วเนี่ยเราได้ 292 เขตนะฮะ ที่เราชนะ นอกนั้นเราแพ้ แต่พอเอาเปอร์เซ็นต์ไปบวกเข้าไป สมมุติว่าบวก 57 เปอร์เซ็นต์ ก็ได้ 349 เราน้อยกว่าคราวที่แล้วฮะ คราวที่แล้วเราได้ 377 คราวนี้ 349 เหมือนกับว่าคนสอบได้ เอ วันนี้เหลือ บี สอบตกหรือเปล่า

อดิศักดิ์ - ก็ถือว่าผ่าน

ทักษิณ - ฮะ นี่คือสิ่งที่ คือต้องการอธิบายตรงนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมติดยึดนะ ไม่ใช่ว่าอธิบายแล้วบอกว่า โหย ยังไงผมต้องเป็นนายกฯ ต่อ แต่ผมถามว่า วันนี้เนี่ย ถ้าผมไม่เป็นนายกฯ แล้วประเทศดีขึ้นเนี่ย ช่วยบอกหน่อย แล้วช่วยบอกว่าจะสมานฉันท์กันอย่างไร นะฮะ ถ้ามีสมานฉันท์โดยที่ไม่มีผมเนี่ย มันสมานฉันทืได้ดีกว่าเนี่ย ผมก็จะไปบอกกับคน 16 ล้านเสียงว่า ที่ผมบอกว่าเลือกผมมาเยอะๆ แล้วผมจะเป็นนายกฯ นะ แล้ววันนี้เนี่ยคณะกรรมการที่ดูกันแล้วเนี่ย บอกว่าถ้าผมออกจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศกว่า ผมก็จะได้ไปบอกเขาว่า ผมจำเป็นต้องขออภัยที่ต้องออก นะฮะ อันนี้ผมพร้อมเลย แต่เพียงแต่ว่า เออ เรามีกลไกมาคุยกันดีไหมว่า เราจะสมานฉันท์กันอย่างไร เพราะผมอยากเห็นประเทศนี่มีสมานฉันท์ ผมไม่อยากเห็นการแข่งขันทางการเมืองเป็นการแตกแยก เพราะสังเกตดูไหมครับว่า บุช กับอัล กอร์ เมื่อเลือกตั้งปี 44 บุชเนี่ย ชนะอัล กอร์ 2,000 คะแนนนะ 2,000 กว่าคะแนน ที่ฟลอริดา นะครับ แล้วในที่สุดเนี่ย เขาก็ไม่เห็นมีความแตกแยกเลย

อดิศักดิ์ - นั่นคือ

ทักษิณ - นั่นคือกติกามันต้องรักษาครับว่า กีฬาเนี่ย ไม่ใช่พอแข่งฟุตบอลชนะแล้วไปดวลปืนกันต่อ แข่งฟุตบอลชนะแล้วก็ต้องปรบมือให้ผู้ชนะไป ผู้ชนะก็รับถ้วยไป ผู้แพ้ก็ไปฝึกกันใหม่ คราวหน้าแข่งกันใหม่

อดิศักดิ์ - แต่ว่าก่อนหน้านี้การไม่ยอมรับเรื่องการเลือกตั้งมีอยู่นะฮะ เพราะฉะนั้น ในทัศนะของท่านที่มองว่าการเลือกตั้งเนี่ยจะเป็นกระบวนการที่จะก้าวไปสู่การทำเรื่องอื่นต่อ แต่ตั้งแต่ต้นมาเนี่ย ทั้งซีกพันธมิตรฯ ประชาธิปไตยเอง ซีกนักวิชาการเอง เขามองว่ากติกานี้ไม่ถูก

ทักษิณ - ไม่ถูกเพราะอะไร เพราะว่าประชาธิปไตยเนี่ย เขาให้อำนาจฝ่ายบริหารในการยุบสภาฯ ใช่ไหม ให้ใช่ไหมครับ แล้วก็ยุบกันมากี่ครั้งแล้ว ขอประทานโทษที่เอ่ยถึงป๋าเปรม ป๋าเปรมยุบ 3 รอบ ทางคุณชวนก็ยุบไป 2 รอบ ใช่ไหมฮะ ยุบตอน ส.ป.ก.4-01 ครั้งหนึ่ง แล้วยุบตอนคราวที่ ปี 43 อีกครั้งหนึ่ง ถูกไหมครับ เพื่อเลือกตั้งปี 44 ก็เป็นเรื่องกติกาที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารในการยุบ ใครจะมาบอกว่าเหตุผลไม่ดี มันเป็นอำนาจในการยุบสภาได้ ใช่ไหม เมื่อมีความขัดแย้ง เมื่อต้องการถามประชามติประชาชน คือเป็นการ เมื่อไรเนี่ย เราหาคำตอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปถามประชาชนว่า คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน แล้วประชาชนเป็นคนตอบ นี่คือประชาธิปไตยภายใต้ระบบรัฐสภา ใช่ไหม

อดิศักดิ์ - ครับ แต่อย่างไรก็ตามนะฮะ ก่อนที่จะก้าวไปสู่จุดที่ว่า จะสู่ความสมานฉันท์ได้ไหม มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในสังคมไทย เอาเป็นว่ามันจะสามารถหลุดล็อกของปัญหาไปได้ยังไงจากการเลือกตั้ง เพราะว่าหลายเขตก็ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้มาใช้สิทธินะฮะ

ทักษิณ - อันนี้ก็ว่าไปตามกติกาที่ กกต. คือเราถือว่า กกต.เป็นผู้จัด กกต.คือกรรมการ เราคือผู้เล่น เมื่อเราเป็นผู้เล่นเนี่ย กรรมการว่ายังไงต้องเคารพ กรรมการว่ายังไงต้องเคารพ แต่ทีนี้กรรมการก็มีกรรมการอีกชั้นหนึ่ง สมมุติว่ากรรมการบอกว่า ถ้ามันไม่ครบ 500 เนี่ย จะประชุมสภาได้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องไปถามกรรมการอีกที่หนึ่ง

อดิศักดิ์ - คือศาลรัฐธรรมนูญ

ทักษิณ - ก็ไปถาม

อดิศักดิ์ - เป็นหน้าที่ กกต.ต้องไปถาม

ทักษิณ - เป็นหน้าที่ กกต. ไม่ใช่หน้าที่ผู้เล่น ผู้เล่นมีหน้าที่เล่นตามกติกาไป

อดิศักดิ์ - ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งนี่มีข่าวว่าทางรัฐบาลเองก็เตรียมร่างพระราชกฤษฎีกาที่จะเปิดสภาฯ จะอะไรกันแล้ว

ทักษิณ - ไม่จริงเลยฮะ ปัดโธ่ ร่างกฤษฎีกาเปิดสภาฯ นี่มันร่าง 5 นาที ก็เสร็จ เพราะมันร่าง มันมีต้นแบบอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปเตรียมอะไรเลย วันนี้ข่าวลือเยอะจริงๆ ข่าวลือเยอะมาก นะฮะ วันนี้ท่านรองฯ สมคิดไปพบผม ก็บอกว่า เนี่ยผมเรียกรองฯ สมคิดมาเตรียมรับตำแหน่งนายกฯ ข่าวลือเยอะ ความจริงแล้วเราก็ไปพูดคุยกันธรรมดา

อดิศักดิ์ - เดี๋ยวๆ คุยเรื่องนั้นนะฮะ เพราะที่ถามอย่างนี้เพราะว่าจะต้องถามท่านว่าจะเปิดสภาฯ ได้เมื่อไร และจะมีรัฐบาลได้เมื่อไร

ทักษิณ - อันนี้ผมไม่มีอำนาจ เป็นอำนาจ กกต. ถ้า กกต.ประกาศได้เมื่อไร เราก็ต้องมีการเรียกประชุมสภาฯ เมื่อนั้น ถ้าได้เมื่อไรก็เรียกได้เมื่อนั้น แต่ว่ามันมีข้อกฎหมายอยู่ ระบุเรื่องของเงื่อนเวลา 30 วัน มันมีเงื่อนเวลา 30 วันเป็นหลัก ฉะนั้นเงื่อนเวลา 30 วันเนี่ย อันนี้ก็ต้องไปถามผู้ที่รักษากติกาแล้ว

อดิศักดิ์ - ก็เป็นหน้าที่ กกต.ที่จะต้องหาทางออก กับศาลรัฐธรรมนูญด้วยนะครับ น่าจะมีทางออกยังไง มีข้อเสนอเยอะมากที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องทางออก

ทักษิณ - ผมคิดว่านะฮะ กฎหมายเนี่ยเขามีไว้แก้ปัญหา เขาไม่ได้มีไว้สร้างปัญหา เพราะฉะนั้นกฎหมายทุกกฎหมายเนี่ย เจตนารมณ์ก็คือไว้แก้ปัญหา เพราะฉะนั้นกฎหมายต้องมีทางออกเพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมือง ไม่ใช่กฎหมายเพื่อมาสร้างปัญหาให้บ้านเมือง ไม่มีล่ะ

อดิศักดิ์ - ครับ ส่วนเรื่องต่อไป จะก้าวเดินไปยังไง เพื่อนำไปสู่สิ่งที่สังคมยอมรับได้ ความสมานฉันท์ ที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วก็พาประเทศต่อไปได้

ทักษิณ - ครับ ผมนี่สนใจอยากจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสักชุดหนึ่ง เพื่อเป็นคน กรรมการอิสระชุดหนึ่ง เพื่อให้เขาไปรวบรวมผู้คนทั้งหลายที่เห็นต่างทั้งหลาย แล้วมาหาแนวทางที่จะทำร่วมกันว่า เราจะให้ถอยกันคนละก้าวยังไง แนวทางอาจจะบอกว่า ทักษิณ คุณออกไปก่อนได้ไหม เพราะว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ผมก็ออกทันทีเลย

อดิศักดิ์ - ถ้ากรรมการชุดนั้นบอกอย่างนั้น

ทักษิณ - อ่ะ ถ้าสมมุติว่าเป็นอย่างนั้น แต่ว่ามันจบไหมล่ะ ทุกคนจะสมานฉันท์กันแล้วนะ เลิกทะเลาะกันแล้วนะ เราจะเคารพกติกานะ เวลาเลือกตั้งเราจะเป่านกหวีดปี๊ด ลงไปเลือกกัน เลือกเสร็จแล้วก็ปี๊ด ตอนนี้หยุดแล้วนะ ไม่ทะเลาะกันแล้วนะ ต่อไปนี้ทำงานให้บ้านเมืองด้วยกันนะ เราทำอย่างนี้ได้ไหม ถ้าทำอย่างนี้ได้ ผมว่าประเทศชาติเราเจริญมาก วันนี้ที่เรามีปัญหาก็เพราะว่าเรา เมื่อหมดการแข่งขันเรายังไม่เลิกทะเลาะกัน

อดิศักดิ์ - ถ้าสมมุติว่าตั้งรัฐบาลได้ จะตั้งกรรมการ ผมพูดถูกไหม ผมแปลความหมายถูกนะ

ทักษิณ - ใช่ครับ

อดิศักดิ์ - จะตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง จะใหญ่โตขนาดไหน จะมีองค์ประกอบมากขนาดไหน

ทักษิณ - ผมกำลังคิด ผมคิดคร่าวๆ นะ โยนไปก่อนนะ ผมไม่รู้ว่าเขาจะเอาด้วยกับผมหรือเปล่า อาทิเช่น อดีตประธานรัฐสภาที่เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว มีชีวิตอยู่กี่คน ไปเชิญท่านมาสัก 3 คนได้ไหม อดีตประธานศาลฎีกา ที่ท่านเกษียณไปแล้ว หรือว่ากำลังจะเกษียณ อะไรอย่างนี้นะฮะไปเชิญท่านมาสัก 3 คนได้ไหม แล้วก็อาจจะไปเชิญอดีตนายกฯ ที่เลิกการเมืองไปแล้ว หรือจะเชิญอดีตอธิการบดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เหล่านี้ ลองเชิญกันมาจากฝ่ายละ 3 แล้วมานั่งเป็นกรรมการ แล้วกรรมการเหล่านี้ก็จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง มา มานั่งคุยกัน มา เพื่อสมานฉันท์บ้านเมืองนะ เอ้า คุณอยากทำอะไร คุณอยากเห็นอะไร อยากจะปฏิรูปการเมืองแนวไหน เอ้า คุณบอกมา แล้วก็บอกมา แล้วท่านก็พยายามเอาข้อแตกต่างของคนเหล่านี้มาพยายามหาให้ข้อเหมือนกัน เมื่อลงตัวเรียบร้อยแล้ว ผลมันออกว่ายังไงเนี่ย ทุกฝ่ายต้องเคารพนะ ผมก็ต้องเคารพนะ ฝ่ายบริหารต้องเคารพนะ ฝ่ายปฏิรูปการเมืองก็เคารพนะ ฝ่ายจะฝ่ายอะไรก็แล้วแต่ เคารพกันนะ ไอ้ตรงนี้มันจะดีกว่าไหม ผมอยากจะถามอย่างนั้นว่า ถ้ามันดีเนี่ย ผมอยากดี วันนี้เนี่ยผมต้องการความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ยังไงก็ได้

อดิศักดิ์ - แค่เริ่มต้นว่าจะตั้งกรรมการ จะตั้งได้ไหมครับ เพราะว่าทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหมฮะ ฝ่ายพันธมิตรฯ ฝ่ายคุณสนธิเอ้าพูดง่ายๆ ฝ่ายคุณสนธิด้วยหรือเปล่า ฝ่ายค้านด้วยหรือเปล่า

ทักษิณ - ก็อยู่ที่กรรมการไง อยู่ที่กรรมการชุดนี้จะไปเชิญมาไง กรรมการชุดนี้เห็นว่ายังไงเนี่ย ผมไม่เกี่ยวแล้ว เพราะเป็นกรรมการอิสระแล้ว

อดิศักดิ์ - มิได้ฮะ หมายถึงว่าก่อนจะมาเป็นกรรมการ ก็หมายความว่าท่านจะเป็นฝ่ายเลือกคนเดียว เดี๋ยวทางฝ่ายอื่นไม่ยอม

ทักษิณ - โนๆๆ ผมบอกว่า อย่างสมมุติว่าอดีตนายกฯ ที่ยังมีชีวิตแล้วไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเนี่ย มีอยู่กี่คน ก็เลือกมา 3 คน อดีตประธานรัฐสภามีกี่คน ก็เลือกมา 3 คน อดีตประธานศาลฎีกาที่มีกี่คน ก็เลือกมา 3 คน

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้นนี่ถือว่ากำหนดจากอดีตสถาบันต่างๆ

ทักษิณ - ใช่ฮะ

อดิศักดิ์ - ตามโครงสร้างอำนาจอธิปไตย คือว่าเอาอดีตนายกฯ อดีตประธานสภาฯ อดีตประธานศาลฎีกา

ทักษิณ - ถ้าอยากได้นักวิชาการ เอาอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐก็ได้

อดิศักดิ์ - มานั่งแล้วก็มีข้อเสนอแนะอย่างไร ถ้าเขาบอกว่าท่านนายกฯ ช่วยบริหารต่อในระหว่างนี้ พวกผมจะทำปฏิรูปการเมือง ก็ว่ากันไป หรือว่าท่านนายกฯ ลงก่อนเถอะ เพื่อให้บ้านเมืองมันสามารถปฏิรูปการเมืองได้ในช่วงนี้ ก็ยินดีรับฟัง

ทักษิณ - เอาๆๆ เอาทั้งนั้นเลย ขอให้บ้านเมืองไปได้ วันนี้นี่บ้านเมืองสำคัญกว่านะ

อดิศักดิ์ - แต่ก็ต้องไปถามฝ่ายที่เขาอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลอยู่วันนี้ด้วยว่าเขายอมรับไหมกรรมการชุดนี้ในการดำเนินการ

ทักษิณ - ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ แล้วก็ ผมก็คิดว่า วันนี้เนี่ย แต่บ้านเมืองก็ต้องมีกฎหมายนะ มีกฎหมาย มีความสันติสุขนะ คือไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจชอบ มันคงไม่ได้หรอก มันต้องมีกติกา

อดิศักดิ์ - กรรมการชุดนี้หมายถึงจะทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองในแนวคิดท่าน

ทักษิณ - ไม่ฮะ ไปทำเรื่องความสมานฉันท์ แต่ปฏิรูปการเมืองเนี่ย เราต้องแก้มาตรา 313 ของรัฐธรรมนูญ

อดิศักดิ์ - อันนั้นต้องใช้เสียงในสภาฯ

ทักษิณ - ต้องใช้เสียงในสภาฯ ไม่มีสภาฯ แก้ตรงนี้ไม่ได้ครับ ไม่มีสภาฯ แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ต้องมีสภาฯ ถึงแก้รัฐธรรมนูญได้ไง วันนี้ถึงต้องมีเลือกตั้ง เพื่อต้องการมีสภาฯ

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้นกรรมการชุดนี้ที่ว่าทำเรื่องสมานฉันท์ รายละเอียดจะเป็นยังไงบ้าง

ทักษิณ - เอ่อ ก็ คือผมคิดว่าอยากจะขอให้ท่านเนี่ยช่วยไป อะไรล่ะ

อดิศักดิ์ - เจรจา

ทักษิณ - ไปเอาข้อที่เห็นต่างกันทั้งหลายเนี่ย เอามานั่งขึงกันได้ไหม แล้วหาข้อที่มันเห็นด้วยตรงกันว่า เพื่อประเทศจะได้เดินต่อไปได้ อย่างฝ่ายค้าน อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค อยากเห็นอะไร นะครับ ก็ว่ากันมา นะฮะ อยากเห็นอะไรก็บอกกันมา ไอ้ฝ่ายที่ค้านทั้งหลายอยากเห็นอะไรก็บอกกันมา นะครับ เพื่อจะให้บ้านเมืองมีความสมานฉันท์ โดยทิ้งเรื่องส่วนตัวซะ ทุกคนทิ้งเรื่องส่วนตัว แล้วเอาเรื่องส่วนรวมของบ้านเมืองไว้

อดิศักดิ์ - ถ้าสมมุติว่าฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านเขามีข้อเสนออยู่แล้วนี่ฮะของเดิม ก็คืออย่างเช่น ใช้มาตรา 7 ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี

ทักษิณ - ไอ้นั่นมันไม่ใช่วิถีทางทางประชาธิปไตย คือเราต้องดูวิถีทางประชาธิปไตยได้ไหม นะครับ ดูวิถีประชาธิปไตยได้ไหม ผมยังตกใจมากเลย เป็นข้อเสนอที่ออกมาจากประชาธิปัตย์เนี่ย ผมตกใจแทบเป็นลมเลย

อดิศักดิ์ - เขาเสนอตามรัฐธรรมนูญไม่ใช่เหรอฮะ มาตรา 7

ทักษิณ - ไม่ใช่ครับ รัฐธรรมนูญนั้นหมายความว่า มันเกิดปัญหาที่ว่า มันไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญแล้วถึงต้องใช้ ถ้าตราบใดยังมีข้อบัญญัติรัฐธรรมนูญอยู่เนี่ย เขาไม่ใช่กัน

อดิศักดิ์ - พอมาตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ถ้าไปถามทางฝ่ายค้านอะไร เขาก็จะเสนอเรื่องมาตรา 7 เข้ามา ส่วนท่านก็จะไม่ยอมรับ เพราะฉะนั้นคณะกรรมการชุดนี้ก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ทักษิณ - ก็ไม่ได้ก็เดินตามรัฐธรรมนูญไปสิครับ ถ้าไม่ได้วันนี้ก็ต้องเดินตามรัฐธรรมนูญ ถูกไหมครับ ในเมื่อถ้าไม่ยอมกันก็เดินตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็คือยุบสภาฯ แล้ว เลือกตั้งแล้ว เมื่อเลือกตั้ง รับรองแล้ว ก็เปิดสภาฯ เปิดสภาฯ ก็ตั้งคณะรัฐบาล ตั้งประธานสภาฯ ตั้งรัฐบาล ก็สภาฯ ก็ดำเนินการไปนะครับ ซึ่งดำเนินการไปเนี่ย ผมไปสัญญากับประชาชนไว้ว่ายังไง ผมต้องทำตาม นั่นคือผมสัญญาว่าผมจะทำตามนโยบายอะไรบ้างก็ทำไป ผมจะปฏิรูปการเมืองแก้ 313 ผมก็ต้องทำไป แล้วผมต้องทำทันทีที่สภาฯ สามารถเรียกประชุมรัฐสภาได้ เพราะมันต้องใช้รัฐสภา นะฮะ

อดิศักดิ์ - คิดว่าวันนี้ถอยเต็มที่หรือยังครับ

ทักษิณ - โอ้ ผมถอยจนสุดแล้วเนี่ย วันนี้บอกให้ออกยังออกเลย แต่ว่าออกแล้วมีคำตอบให้ผมหน่อยได้ไหม ว่าผมจะบอก 16 ล้านคนที่เลือกผมได้อย่างไร ว่าอยู่ๆ วันนี้เขาบอกว่าผมออกแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง แล้วผมออกแล้วเนี่ย บ้านเมืองจะดีขึ้น

อดิศักดิ์ - ช่วยหาคำตอบให้หน่อย

ทักษิณ - ช่วยหาหน่อย ถ้าหาได้แล้วผมก็จะไปบอกกับประชาชน 16 ล้านคนไง แค่นั้นเองครับ มันยึดหลักสักหน่อย มันไม่มีอะไรหรอกครับ

อดิศักดิ์ - แล้วแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติล่ะฮะ อันนี้คนละเรื่องกันนะฮะ

ทักษิณ - ครับ อีกเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งนี่หมายความว่า ถ้าตั้งรัฐบาลได้ เอาล่ะ สมมุติว่าผมเป็นนายกฯ ต่อ หรือไม่ผมไม่เป็นนายกฯ ต่อ ตามวิถีทางประชาธิปไตยก็คือว่าต้องไปซาวเสียงนายกฯ ในสภาฯ ถูกไหมครับ เมื่อซาวเสียงนายกฯ ในสภาฯ จะเป็นผมหรือจะเป็นคนจากพรรคไทยรักไทยก็แล้วแต่ เขาก็จะไปดูกันว่าจะไปเชิญชวนฝ่ายค้านมาร่วมเป็นรัฐบาลได้ไหม ก็ฝ่ายเอ็นจีโอ ฝ่ายวิชาการ อยากจะเสนอใครมาเป็นรัฐมนตรีด้วยไหม เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้ทำงานไปพลาง พร้อมกับการที่ปฏิรูปการเมืองไปด้วย จะได้ช่วยกันทำ

อดิศักดิ์ - แต่แนวคิดนี้ถูกปฏิเสธแล้ว ใช่ไหมฮะ เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ

ทักษิณ - ก็ วันนี้อย่าเพิ่งปฏิเสธอะไรง่าย เวลาผมเสนออะไรก็ปฏิเสธไปหมด แล้วมันจะไปคุยกันได้ยังไง ก็ผมยอมถอยไม่รู้จะถอยยังไงแล้วเนี่ย ติดกำแพงแล้วเนี่ย เหลือแต่เจาะกำแพงออกไปอีกทีเท่านั้น

อดิศักดิ์ - คำว่าถอยเนี่ยนะฮะ มันต้องไปถึงขนาดที่ ตามข้อเรียกร้องของบรรดาที่เรียกร้องเนี่ยก็คืออยากให้ท่านลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทักษิณ - อ้าว แล้วไงต่อ

อดิศักดิ์ - แล้วก็ใช้ช่วงเวลาในการปฏิรูปการเมือง และกลับมาใหม่ ก็หมายความว่าเรื่องของการเว้นวรรคทางการเมือง เรื่องนี้เคยคิดบ้างไหมฮะ

ทักษิณ - ผมคิดฮะ ผมคิด

อดิศักดิ์ - เว้นวรรคทางการเมือง ?

ทักษิณ - ครับ ผมคิด

อดิศักดิ์ - วันนี้ยังคิดอยู่

ทักษิณ - คิดอยู่

อดิศักดิ์ - แม้ว่าผ่านการเลือกตั้งได้ 16 ล้านเสียง

ทักษิณ - ใช่แล้วฮะ คิดอยู่

อดิศักดิ์ - คิดแล้วด้วย

ทักษิณ - คิดอยู่ฮะ แต่ว่าผมต้องหาคำตอบว่า ผมจะไปตอบคน 16 ล้านยังไง ในเมื่อบอกผมว่า ถ้าอยากเห็นผมเป็นนายกฯ ต่อ ให้เลือกผม ก็เลือกมาแล้ว 16 ล้าน ไอ้ที่ไม่เลือก โนโหวตทั้งหลายก็ 10 ล้าน แล้วถามว่า 16 กับ 10 เนี่ย gap มัน 6 ล้านนะ จากเดิมเนี่ย สมัย 18 ล้านกว่า กับ 13 ล้านกว่านี่ gap 5 ล้านเองนะ วันนี้ gap 6 ล้านนะ gap เยอะกว่า

อดิศักดิ์ - เลือกตั้งนั่นเป็นเรื่องหนึ่งล่ะ ที่มันมองเห็นภาพของการยอมรับตามที่ท่านคิดนะฮะ แต่อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องตรรกะ เหตุและผล ในฐานะที่ท่านเป็นหนึ่งในเพลย์เยอร์ หรือตัวเล่น ในปัญหาวันนี้ ก็มีท่านนายกฯ อาจจะมีคุณสนธิ คุณจำลอง อาจจะมีฝ่ายค้าน ในฐานะท่านเหล่านั้นไม่ได้นั่งอยู่กับผมวันนี้ นะฮะ แต่ถ้าถามท่านว่าแล้วท่านจะคิดทำอย่างไรให้มันเกิดกระบวนการที่มันจะจบลงได้ด้วยดี แล้วเริ่มต้นกันใหม่

ทักษิณ - วันนี้จะให้ผมเดินไปหา ก็เดินไปได้ จะให้ผมทำไงบ้าง บอกมา ผมอยากเห็นบ้านเมืองสงบโดยเร็ว มิถุนายนนี้เป็นช่วงระยะการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติของพระเจ้าอยู่หัวฯ 60 ปี แล้วทะเลาะกันอยู่ทำไม แล้วประเทศเรา คนไทยด้วยกันน่ะ เราจะต้องไปแข่งขันกับต่างประเทศ เวลานี้สิ่งที่เราคิดเนี่ย ต่างประเทศเริ่มทำแล้ว ปรากฏเราทำไม่ได้เพราะเรามัวทะเลาะกันเอง แล้ววันนี้นักท่องเที่ยวก็หายไปหมดแล้ว เพราะว่าไม่กล้ามา ไม่รู้ว่ากรุงเทพฯ จะนองเลือดกันหรือเปล่า ข่าวมันออกไปโน่น หนีกันหมด โรงแรมตอนนี้เริ่มคนเหลือน้อยมากแล้ว แล้วถามว่า วันนี้เราทะเลาะกันทำไม มีอะไรมาคุยกัน

อดิศักดิ์ - ฮะ ดูเหมือนจะคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องนี่ฮะที่ผ่านมา

ทักษิณ - ก็ถ้าทุกคนมีอัตตา มันก็คุยไม่รู้เรื่อง ผมนี่ขนาดบอกว่าผมไม่เป็นนายกฯ ก็ได้ ช่วยบอกผมหน่อยจะเอายังไง

อดิศักดิ์ - คือท่านอื่นมีอัตตา

ทักษิณ - พอสมมุติผมบอกว่าผมไม่เป็นนายกฯ ก็ได้ สมมุติว่าผมเอาคนจากพรรคไทยรักไทยมาเป็น เขาบอก ไม่ได้หรอก ต้องมาตรา 7 แล้วมาตรา 7 มันไม่ใช่กระบวนการทางประชาธิปไตย เราจะทำยังไงล่ะ

อดิศักดิ์ - ถ้าไม่ใช่มาตรา 7

ทักษิณ - ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตย

อดิศักดิ์ - เดี๋ยวๆ คนดูจะว่าผม คนที่เชียร์ท่าน ว่าผมมานั่งไล่บี้ให้ท่านลาออกจากนายกฯ ไม่ใช่นะฮะ ผมพยายามถามว่ามันเป็นไปได้ไหม

ทักษิณ - ด้วยเหตุด้วยผล

อดิศักดิ์ - คือ ในข้อเท็จจริงคืออย่างนี้ฮะ ถ้าสมมุติท่านเว้นวรรคนะฮะ ท่านลง แล้วก็ที่มีข่าวลือทั้งหลาย ดร.สมคิด บ้าง ดร.โภคิน พลกุล บ้าง มาทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วก็ปฏิรูปการเมือง

ทักษิณ - ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ว่าทุกคนจะกลับไปทำมาหากินตามเดิมแล้ว ไม่ทะเลาะกันแล้ว

อดิศักดิ์ - นั่นคือเงื่อนไข

ทักษิณ - แล้วผมจะลงเลย ช่วยบอกผมได้ไหม

อดิศักดิ์ - หมายถึงว่าถ้าไม่มีม็อบวันนี้

ทักษิณ - อ่ะ บอกผมหน่อยได้ไหมว่า ต่อไปนี้ประชาธิปัตย์ก็จะเตรียมตัวแล้วนะเพื่อเลือกตั้งงวดหน้านะ จะเตรียมตัวเพื่อเลือกตั้งงวดหน้าหลังจากการปฏิรูปการเมืองเสร็จ ก็ประมาณปี 3 เดือน พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ตกลงประกาศแล้วว่า เออ ผมจะลงเลือกตั้งแล้วนะ ผมแฮปปี้แล้ว อย่างนี้พอใจแล้ว ทางจำลองก็จะกลับวัดแล้วนะ คุณสนธิก็จะไปทำมาหากินแล้วนะ เอาอย่างนี้หน่อยได้ไหม ถ้าอย่างนี้เนี่ย ผมไม่ขัดข้องนะ

อดิศักดิ์ - จะรักษาการ จะมีใครขึ้นมารักษาการ ก็รักษาการไปก่อน ปฏิรูปการเมืองให้แล้ว เสร็จแล้วท่านจะมาลงใหม่ก็มา อย่างนั้น

ทักษิณ - ไอ้ลงใหม่ ไม่ลงใหม่ เป็นเรื่องส่วนตัวผมแล้วล่ะ เพียงแต่ว่าวันนี้ ขอให้ สมมุติว่าถ้ามันเกิดความปรองดองแห่งชาติจริงนะ เพราะว่าผมเป็นตัวปัญหานะ แล้วก็ทุกอย่างการเปลี่ยนแปลงตรงนี้เป็นตามระบอบประชาธิปไตยนะ ผมแฮปปี้นะ

อดิศักดิ์ - ที่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวท่านว่าจะกลับมาใหม่หรือไม่ แต่อาจจะเป็นเงื่อนไขการตัดสินใจของท่านได้เหมือนกัน

ทักษิณ - ตอนนั้นต้องอยู่กับผมแล้วล่ะ ผมอาจจะติดใจ แล้วโอ้โห อยู่ข้างนอกสบายจังเลย มีเวลาได้ใช้สตางค์บ้าง มีเวลาไปอยู่กับครอบครัวบ้าง คงจะมีความสุขดี ผมอาจจะบอกว่างั้นผมบ๊ายบายแล้ว ไม่เอาแล้ว ผมติดใจแล้ว

อดิศักดิ์ - เพราะว่าฝ่ายอื่นเขาบอกว่าให้ท่านออกอย่างเดียวแล้วไม่ต้องกลับมาเนี่ย อันนี้ท่านอาจจะไม่ไป

ทักษิณ - ไอ้อย่างนั้นมันเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลแล้วล่ะ ถ้าจะมาบอกผมว่า โอเค เว้นวรรคตรงนี้ เว้นวรรคแล้วจะกลับมา ไม่กลับมา เป็นเรื่องของผมแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตราเดียว ห้ามทักษิณเล่นการเมือง มันไม่ใช่ คือผมอยากให้ทุกอย่างมีเหตุมีผลฮะ ไม่อยากให้เล่น คือมีเหตุมีผลหน่อย นะครับ

อดิศักดิ์ - ก็คือสรุปว่า ถ้าคุยกันด้วยเหตุด้วยผล แล้วก็มีกติกากัน จะให้เว้นวรรคก็เว้นวรรค

ทักษิณ - ไม่ว่ากัน

อดิศักดิ์ - แสดงว่าคิดแล้วว่าใครควรจะเหมาะขึ้นมาเป็นนายกฯ ต่อในช่วงที่ว่าเว้นวรรค ใครที่เหมาะ ท่านมองเห็นใครครับ

ทักษิณ - ก็ในพรรคไทยรักไทยมีหลายคน ยังไม่ได้คุยกัน

อดิศักดิ์ - ในช่วงที่จะต้องมาดูเรื่องการ ถ้าเว้นวรรคก็หมายถึงต้องปฏิรูปการเมือง แก้รัฐธรรมนูญให้เหมาะกับหน้าที่นี้ บริบทนั้น ที่ต้องทำ

ทักษิณ - ก็มันแล้วแต่จะมอง ถ้ามองว่าจะไปดูเรื่องปฏิรูปการเมืองอย่างเดียว จริงๆ แล้วมันก็ต้องเป็นเรื่องของคนกลาง ปฏิรูปการเมืองอย่างเดียวเป็นเรื่องของคนกลาง เพียงแต่ว่ารัฐบาลมีหน้าที่ให้ความสะดวก ไม่มีหน้าที่เข้าไปยุ่ง

อดิศักดิ์ - ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่รู้เรื่อง

ทักษิณ - เป็นคนที่ move กลไก เคลื่อนไหวกลไกให้ มันก็แค่นั้นเอง

อดิศักดิ์ - ดร.โภคิน พูด ข่าวออกมาอย่างนั้น

ทักษิณ - ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดต

อดิศักดิ์ - เป็นหนึ่งในแคนดิเดต

ทักษิณ - เป็นหนึ่งในแคนดิเดต มีหลายคน

อดิศักดิ์ - ดร.สมคิด

ทักษิณ - ถ้าสมมุติว่าจะมองเรื่อง ช่วงนี้นะ เศรษฐกิจต้องเร่งหน่อยนะ เพราะว่ามันหยุดชะงักมานาน มัน ช่วงนี้เราต้องเร่งสปีดหน่อย นายกฯ ก็ควรจะเป็นนักเศรษฐกิจ ก็อาจจะ ดร.สมคิด ก็เหมาะ

อดิศักดิ์ - นั่นก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดต

ทักษิณ - เป็นหนึ่งในแคนดิเดต

อดิศักดิ์ - มีกี่คนฮะในใจตอนนี้

ทักษิณ - ก็มีประมาณ 4 คน

อดิศักดิ์ - จะพูดได้ไหมฮะ รายชื่อ หรือว่าจะเกิดความแตกแยกในพรรคหรือเปล่า

ทักษิณ - อย่าพูดเลย named แค่ 2 พอ อีก 2 เดาเอา

อดิศักดิ์ - นี่คือสิ่งที่มองเห็น แต่ว่าถ้าทั้งหมดมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เรามาคิดอีกมุมหนึ่งนะฮะ คือกระบวนการคิดในการไม่ยอมรับ ยังคงมีอยู่และดำเนินต่อไป ท่านจะทำยังไง

ทักษิณ - ก็ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตามกติกาบ้านเมือง

อดิศักดิ์ - ตามกติกาบ้านเมืองหมายความว่า ข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าเดี๋ยวหลังเลือกตั้งจะไปจับม็อบ จะไปจัดการม็อบ อะไรอย่างเนี้ย มันก็เป็นอย่างนั้นอีก

ทักษิณ - คือทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกติกา โดยที่คำนึงถึงหลักรัฐศาสตร์ ประกอบกับหลักนิติศาสตร์ เราจะไม่คำนึงถึงนิติศาสตร์โดยไม่เอารัฐศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงนิติศาสตร์ มันก็ไม่ได้ เพราะว่ากฎหมายบ้านเมืองถูกละเมิดมากๆ กฎหมายบ้านเมืองก็ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าถ้าเราใช้กฎหมายบ้านเมืองมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงหลักรัฐศาสตร์ ก็จะมีปัญหา ฉะนั้นเราก็จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์

อดิศักดิ์ - ครับ ไม่งั้นมันจะไม่จบสิครับปัญหานี้ ดูแล้วปัญหามันจะไม่จบง่ายๆ คิดอย่างนั้นไหมครับ

ทักษิณ - เราก็อยากให้จบ จะจบแบบไหนก็ต้องจบ เราอยากจบแบบสันติ แบบสมานฉันท์ แบบไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง คือมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนะ คือประเทศกำลังไปได้ดีๆ เนี่ย แล้วคนไทยด้วยกันมานั่งทะเลาะกัน ต่างประเทศงง งงมาก อยู่ๆ ประชาธิปไตย มีเสถียรภาพดีๆ อยู่ๆ ไปๆ มาๆ อ้าว มีเดินขบวน เดินขบวนเสร็จต้องยุบสภาฯ อ้าว คือถ้าเป็นต่างประเทศ บางประเทศเขาใช้วิธีปราบม็อบเลย เข้าตีเข้าจับเลย แต่ของเราใช้ความอดทน อดทนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนนานไปหน่อย โดนด่าฟรีไป 3 เดือน ด่าโดยทั้งวิธี ทั้งด่าออนไลน์ ด่าธรรมดา นะ มีทุกอย่าง พออย่างนี้แล้วมันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ผลสุดท้ายสังคมก็เลยแตกแยกความคิดเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอยากให้ออก ส่วนหนึ่งอยากให้อยู่ ส่วนกลางๆ ไม่พูด เพราะฉะนั้นมันก็เลยต้องตัดสินใจด้วยวิธียุบสภาฯ เพื่อถามประชาชน

อดิศักดิ์ - แล้วการเลือกมาทางนี้ไม่คิดว่าจะเป็นทางตัน

ทักษิณ - ไม่ตันหรอกครับ ไม่ตันหรอก มีคนอยากให้ตัน แต่มันไม่ตัน คือต้องถามว่าข้อเท็จจริงคือมีคนอยากให้มันตัน มีความพยายามที่จะไม่ให้มีเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เราก็ดีใจว่ามี 2 เมษายน ไป 1 วันแล้ว ต่อจากวันนี้เราก็หวังว่ามันไม่ตัน แต่มีคนอยากให้ตัน

อดิศักดิ์ - step ต่อไปท่านจะลุ้นอะไรต่อ ลุ้น 2 เมษาแล้วว่าไม่ตัน

ทักษิณ - ลุ้นไม่ตัน ต่อไปนี้ลุ้นไม่ตัน

อดิศักดิ์ - อันนี้วันที่ 2 เมษา

ทักษิณ - ลุ้นไม่ตัน แล้วก็ลุ้นให้ทุกคนกลับไปทำมาหากินเถอะ ไปทำมาหากิน ไปช่วยกันสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็งด้วยกัน

อดิศักดิ์ - ถ้าคิดว่าอีกซีกหนึ่งเขาต้องการให้ตัน เขาก็คงไม่กลับไปทำมาหากิน

ทักษิณ - ใช่

อดิศักดิ์ - มันก็จะวุ่นวายต่อไหมฮะ ทีนี้มันก็จะกระเทือนไปเรื่องเศรษฐกิจด้วย กระเทือนไปในหลายๆ เรื่อง ที่จะตามมาด้วย

ทักษิณ - ก็คงจะต้องมีระยะเวลา ก็ว่ากันไป

อดิศักดิ์ - ยังตอบชัดไม่ได้ว่าจะจัดการปัญหาตรงนี้อย่างไร

ทักษิณ - ก็บอกแล้วไงว่า ใช้ทั้งหลักนิติศาสตร์ และหลักรัฐศาสตร์ แล้วใช้สันติวิธีให้มากที่สุด

อดิศักดิ์ - หมายความว่าถ้าอยากชุมนุมก็ชุมนุมไปอย่างนี้

ทักษิณ - การใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย สุดท้ายของสุดท้ายอีกที ต้องให้เข้าใจก่อนว่าไม่มี พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้สันติวิธีแล้วก็พูดคุย ปรองดอง

อดิศักดิ์ - แม้ว่ากรรมการที่ท่านว่าตอนแรกจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม หรือแม้ว่ารัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม กระบวนการปฏิรูปการเมือง

ทักษิณ - อันนั้นคือสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะเสนอนะครับ เมื่อไม่ได้รับการสนองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่การปฏิรูปการเมืองต้องเดินหน้า

อดิศักดิ์ - ต้องทำ

ทักษิณ - ต้องทำครับ

อดิศักดิ์ - วางแผนอย่างไรบ้างจากนี้เป็นต้นไป

ทักษิณ - คือหนึ่ง ทันทีที่ประชุมรัฐสภาได้ เรียกประชุมรัฐสภา คือสองสภาร่วมได้ เราก็จะมีการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 313 เพื่อเปิดทางให้เกิดการตั้งคนกลางขึ้นมาแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะยึดแนวของการใช้คนหลากหลายอาชีพเหมือนกับแนวของสมัชชาสนามม้าสมัยโน้น เราเอาประสบการณ์ข้อบกพร่องในสมัยโน้นมาแก้ไข แล้วก็เอากฎหมายทางด้านสภาเศรษฐกิจ ซึ่งมีอาชีพอยู่แล้ว แล้วก็เติมอาชีพที่ไม่ครบไปให้ครบ ก็จะใช้แนวนี้ แล้วให้มาเลือกกันเอง เพื่อให้เป็นสมัชชาขึ้นมา แล้วก็มาปรับปรุงรัฐธรรมนูญ ตรงข้อไหนที่ต้องปรับปรุงก็ปรับปรุงไป โดยที่เราจะส่งให้เขาเป็นวัตถุดิบ 2-3 เรื่อง เรื่องที่ 1 ก็คือ ผลของการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า เรื่องที่ 2 ก็คือ ผลงานวิจัยของอธิการบดีที่ผมประชุมคราวที่แล้ว ได้มอบหมายให้ท่านไปวิจัยกัน ถ้าสถาบันต่างๆ วิจัยออกมา ก็เอาผลวิจัยนี้ไปรวม เพื่อให้เขาไปดูกันว่านี่คือผลศึกษา แต่เขาจะเชื่อ/ไม่เชื่อ เอา/ไม่เอา เป็นอิสระของเขา เพียงแต่ว่าให้เป็นข้อมูลประกอบ

อดิศักดิ์ - หลังจากนั้นก็จะดำเนินการในการแก้รัฐธรรมนูญ

ทักษิณ - ให้แก้เลย เมื่อแก้เสร็จเรียบร้อยก็เข้ามาในกระบวนการสภาฯ หรือว่าอาจจะไปถามประชามติประชาชนก่อนแล้วมาเข้ากระบวนการสภาฯ หรืออะไร ขั้นตอนอันนี้ผมค่อยว่ากันอีกที

อดิศักดิ์ - วางไว้ไหมว่าจะใช้เวลาเท่าไร

ทักษิณ - ผมบอกแล้วว่าปีหนึ่ง บวก/ลบ 3 เดือน

อดิศักดิ์ - ก็ประมาณเมษาฯ

ทักษิณ - อาจจะ 9 เดือน หรืออาจจะ 1 ปี 3 เดือนก็ได้

อดิศักดิ์ - เมษาฯ พฤษภาฯ มิถุนาฯ กรกฎาฯ ปี 2550 น่าจะเรียบร้อย

ทักษิณ - ครับ

อดิศักดิ์ - หลังจากนั้น

ทักษิณ - ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่

อดิศักดิ์ - ยุบสภาฯ

ทักษิณ - เลือกตั้งใหม่

อดิศักดิ์ - เลือกตั้งใหม่ ด้วยเหตุผลก็คือ

ทักษิณ - ด้วยเหตุผลก็คือว่า เมื่อปฏิรูปการเมืองแล้ว อยากให้คนอดทนรอรัฐบาล ที่ไม่พอใจรัฐบาลอดทนอีกทีหนึ่ง อดทนอีกทีหนึ่งด้วยการปฏิรูปการเมืองด้วยกันซะ เมื่อปฏิรูปการเมืองแล้ว ค่อยเข้ามาตามกติกาใหม่ แต่การเมืองปัจจุบันที่ผมมาเนี่ยนะ มันเป็นกติกาที่ผมไม่ได้ร่างนะ ผมเล่นเกมที่คนอื่นร่าง เพราะฉะนั้นวันนี้จะโทษผมไม่ได้ว่าการเมืองชุดนี้ รัฐธรรมนูญนี้ กติกานี้ ผมเป็นคนกำหนด มันไม่ดีหรืออะไร ไม่ได้นะ เพราะผมไม่ได้กำหนดนะ ผมเข้ามาตามกติกา แต่วันนี้ถ้าบอกว่ากติกานี้ไม่ดี จะขอปรับปรุง เราก็ปรับปรุงโดยใช้คนกลาง ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ไปปรับปรุงอะไร เป็นคนกลางทำ

อดิศักดิ์ - คำว่าคนกลางนี้หมายถึงว่าต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายอีกเหมือนกัน

ทักษิณ - ก็ใช้หลากหลายอาชีพนี่ไงฮะ มีเป็นหลายร้อยอาชีพเลย

อดิศักดิ์ - เป็นแบบสภาสนามม้าสมัยอาจารย์สัญญา

ทักษิณ - ใช่ครับๆ

อดิศักดิ์ - เข้ามาดำเนินการแก้ไขแล้วก็ ในที่สุดก็ต้องกลับไปถามประชาชนอีกหรือไม่

ทักษิณ - ขั้นตอนก็คิดว่าอยากจะไปถามประชาชนอีกทีหนึ่ง

อดิศักดิ์ - ตรงนั้นคิดว่า คืออย่างที่กรณีที่เรียกว่า คิดในแง่ดีที่สุดทุกอย่างน่าจะเดินไปตามนี้

ทักษิณ - ก็วิงวอนครับ วิงวอน ขอเถอะนะ มาช่วยกันทำ ช่วยกันเสร็จแล้วระหว่างนี้ประเทศอยากให้ทำอะไรก็บอกมา แม้กระทั่งอย่างสมมุติว่า ผมประกาศไปแล้ว ผมจะให้เป็นมติ ครม.เลยนะฮะ บอกว่าถ้ามีการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างขอให้เชิญสื่อมวลชน 1 คน มาร่วม

อดิศักดิ์ - หมายความว่าวาระแห่งชาติ คือการปฏิรูปการเมือง

ทักษิณ - ครับ

อดิศักดิ์ - เรื่องอื่น

ทักษิณ - ก็จะให้มีความโปร่งใส มีการตรวจสอบ มีการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากๆ

อดิศักดิ์ - เมกะโปรเจกต์อะไรจะยังมีอยู่ไหมในช่วงเวลานี้

ทักษิณ - ก็ต้องดู อันไหนที่ต้องทำก็ต้องทำ แต่ว่าเท่าที่ต้องทำนั้น เวลาพิจารณา ถ่ายทอดสดเลยนะ ให้ดูหมดเลยนะใครอยากดูมาดูเลย เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรที่ปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น โปร่งใสหมด

อดิศักดิ์ - เพราะฉะนั้นวาระนับจากนี้ไป เน้นหนักเรื่องการปฏิรูปการเมือง

ทักษิณ - ครับ

อดิศักดิ์ - ส่วนอื่นจะต้องเป็นการบริหารราชการแผ่นดินไป

ทักษิณ - เป็นตามปกติไป

อดิศักดิ์ - ขออนุญาตพักช่วงหนึ่งก่อน แล้วกลับมาช่วงหน้าก็คงกลับมาคุยกันต่อๆ แต่ที่แน่ๆ คือคุณผู้ชมทางบ้านก็มีส่วนร่วมในรายการได้ โดยการโทรศัพท์มาฝากคำถาม

อดิศักดิ์ - กลับมาคุยกันต่อนะครับ เราคุยอยู่กับนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับจังหวะก้าวเดินหลังจากการเลือกตั้งเมื่อวานที่ผ่านพ้นไป ก็เห็นภาพชัดพอสมควร ในช่วงนี้อยากจะเรียนถามอย่างนี้ว่า มาถึงวันนี้ต้องทบทวนอะไรบ้าง ในช่วงที่ผ่านมา ว่ามันทำให้เกิดปัญหาวันนี้ ได้อย่างไร และในที่สุดมันน่าจะมีกระบวนการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร เพื่อไปสู่สิ่งที่มันดีขึ้น

ทักษิณ - ถ้าถามตัวผมนะ ภาษาพระท่านบอกว่าผมมีวจีกรรม

อดิศักดิ์ - วจีกรรม

ทักษิณ - คือกรรมที่เกิดจากการพูด ก็คืออาจจะ คือเป็นคนที่คิดเร็ว เดินเร็ว และบางทีก็อาจจะพูดจากระทบกระทั่งหลายฝ่าย ซึ่งอาจจะสะสม แล้วก็บังเอิญว่า อาจจะให้เวลากับกลุ่มคนที่เป็นอีลิตทั้งหลาย อีลิตคลาสทั้งหลายในสังคมน้อยไปนิดหนึ่ง

อดิศักดิ์ - คนชั้นสูงหน่อย

ทักษิณ - ไม่ใช่ชั้นสูงธรรมดา บางทีก็อาจจะเป็นพวกกลุ่มคนที่เป็นพวกกลุ่มอิทธิพล กลุ่มผลประโยชน์ ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลนะ กลุ่มผู้ที่มีบทบาทในสังคม ให้เวลาเขาน้อยไปหน่อยนะครับ มันก็สะสมไป อันนี้ก็คงต้องมีเวลา คือต้องให้เวลากับสังคมบ้าง ให้เวลากับ คือไม่ต้องเร่งงานจนเกินไป บางทีผมทำงานเร็วและเร่งเกินไป อันนี้ก็จะเป็นเรื่องที่สะสม แล้วก็อาจจะเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

อดิศักดิ์ - ก็ดูเหมือนว่าท่านก็ทราบดีว่านี่คือปัญหาในตัวท่าน แล้วทำไมไม่แก้ซะ ทำไมไม่ปรับซะ หรือวันนี้ปรับแล้ว

ทักษิณ - ก็พยายามปรับนะครับ แต่บางทีบางครั้งก็อาจจะ คือมนุษย์มันไม่มีใครสมบูรณ์นะ ผมเองก็ไม่มีความสมบูรณ์หรอก ผมก็มีจุดอ่อนของผมก็คือตรงเนี้ย นะครับ บางที บางครั้งอย่างที่ผมพยายามพูดเล่นว่า Love me , love my dog คือรักฉัน รักหมาฉันด้วย ก็คือ ยังไงผมมันมีจุดอ่อนอยู่นะ ตรงเนี้ย คือจุดอ่อน ซึ่งผมพยายามแก้ไขอยู่

อดิศักดิ์ - คิดไหมครับว่ามาเป็นนายกฯ แล้วจะเจอหนักหน่วงขนาดนี้

ทักษิณ - ก็คิดอยู่นะครับ แต่ว่าก็ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ แต่ก็ไม่เป็นอะไร ปัญหาเขามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้แบก ก็แก้ไป ทำไป

อดิศักดิ์ - ทั้งการกดดัน หมายถึงครอบครัวท่านด้วย

ทักษิณ - ครับ

อดิศักดิ์ - ไปถึงภรรยาท่าน ถึงลูกท่าน ไปถึงบุคคลใกล้ชิดท่าน เจ็บปวดขนาดไหน

ทักษิณ - ครับ อันนี้ต้องอยากจะขอร้องว่า ผมเล่นการเมืองคนเดียวนะ ยังไงเนี่ยเล่นที่ผมเถอะ อย่ายุ่งกับเรื่องของครอบครัวเลย โดยเฉพาะลูกผมเนี่ย ไปเรียนหนังสือนะ เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยเนี่ย ต้องเห็นอาจารย์ขึ้นป้ายด่าพ่อเต็มไปหมด นะครับ ซึ่งเขาก็ทนได้ฮะ

อดิศักดิ์ - ครอบครัวเข้าใจไหมฮะเรื่องพวกนี้

ทักษิณ - เขาเข้าใจฮะ เขาเข้าใจ เพราะว่าครอบครัวเราค่อนข้างจะรักและเสียสละให้ซึ่งกันและกัน ลูกกับเมียก็ถือว่าเสียสละให้ผมเยอะ เพราะว่าผมมาทำการเมืองเขาก็ต้องทนนะครับ ต้องทน ต้องไปเผชิญอะไรหลายอย่างที่เด็กในวัยเขาไม่ควรจะเจอ ก็ไปเจอ นะครับ ก็เขาก็อดทน ภรรยาผมก็ต้องเหนื่อย ต้องช่วยผม แล้วก็นอกจากผมไม่มีเวลาให้กับครอบครัวแล้ว เขายังต้องมาเสียสละให้ผมด้วย ก็ถือว่าเขาก็ทำหน้าที่ให้ผมอย่างดี

อดิศักดิ์ - ครอบครัวมีผลต่อท่านแค่ไหนในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ด้วย

ทักษิณ - ต้องยอมรับว่าครอบครัวเขาก็แล้วแต่ผม เขาก็บอกว่า ถ้าผมคิดว่าควรจะสู้ต่อ เขาก็ไม่ขัดข้อง

อดิศักดิ์ - มีบอกไหมฮะ พ่อ เลิกเถอะ พ่อ ลงเถอะ รู้สึกไม่ไหวแล้ว

ทักษิณ - คือเมื่อไรที่ผมบอกเขาว่า ผมอยากเลิก เขาจะดีใจ แต่เขาไม่เคยชวนให้ผมเลิก เพราะเขารู้ว่าพ่อเนี่ยชอบทำงานให้บ้านเมือง ชอบการเมือง เขาก็เลยไม่อยากไปทำให้พ่อหนักใจ แต่เมื่อไรพ่อสนใจว่า มีความรู้สึกว่าอยากวางมือเนี่ย เขาดีใจ แต่พอพ่อไม่พูดถึง เขาก็ไม่พูดถึงอีก นะครับ

อดิศักดิ์ - ก็ดูเหมือนว่าถ้าเวลาพ่ออยากเลิกลูกจะดีใจ ท่านคิดอยากเลิกไหมครับ ตอนนั้น

ทักษิณ - ก็ต้องยอมรับผมเนี่ยนะ มันมีความรับผิดชอบ ที่ไม่เลิกนี่ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะรับผิดชอบ 2 อย่าง รับผิดชอบอย่างที่ 1 ก็คือรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน ที่เราไปบอกกับเขา เขาเลือกเรา เขาศรัทธาเรา เขาไว้ใจเรา ไปถึงไปที่ไหนเขาก็มาให้กำลังใจเรา ไอ้ตรงนี้คือสิ่งที่รับผิดชอบอยู่ ไอ้ส่วนที่ 2 ก็คือว่า ไปชวนผู้คนมาตั้งพรรคไทยรักไทย มาทำงานด้วยกันแล้วอยู่ๆ ผมจะเลิกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็ยังไงอยู่ แต่ถามว่าถ้าผมจะต้องเลิกจริงๆ เนี่ย ก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากว่าวันนี้ถ้าผมเป็นปัญหา ถ้าผมเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งจริง ถ้าผมถอยไปแล้วความขัดแย้งจะหายไปจริง ผมก็คิดว่าผมก็บอกอธิบายเขาได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

อดิศักดิ์ - มีการวิเคราะห์ว่าท่านถอดใจหลายครั้ง ดูจากการให้สัมภาษณ์ ดูจากสีหน้าแววตา แต่คล้ายๆ พอมีกุนซือแนะนำ ก็ฮึดขึ้นมา กุนซือนั้นทั้งคุณหมอพรหมินทร์ ทั้งคุณสุรนันทน์ ทั้งคุณเนวิน บอกว่าแนะนำท่านก็ฮึดขึ้นมาเป็นพัก

ทักษิณ - คือ คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ คงไม่ใช่เรื่องกุนซือ ไม่กุนซือ ผมเป็นคนฟังคนทุกคนนะฮะ แต่ว่าผมไม่ได้เชื่อคนใดคนหนึ่ง ผมจะประมวลสิ่งที่ได้รับจากหลายๆ ฝ่ายแล้วก็มาตัดสิน มาตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ทีนี้ ผมก็ไม่ได้บอกว่า ผม คือมันเหมือน คนเราเนี่ยภาวะจิต ถ้าจิตมันขุ่นมัว จิตมันเหนื่อยล้า มันก็มีความรู้สึกว่า เออ อยากจะพัก แต่บางครั้งเรามีกำลังใจขึ้นมา เราก็มีความรู้สึกว่า เออ เราก็นั่งดูปัญหา วิเคราะห์ปัญหา มันก็ไม่มีอะไร พอไม่เห็นว่ามีอะไรเราก็อยากจะทำงานต่อ มันก็มีอย่างเนี้ย เหมือนภาวะจิตว่าง กับภาวะจิตวุ่น มันก็มีเดี๋ยวดับเดี๋ยวเกิด เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี มันเป็นลักษณะอย่างนั้นนะครับ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น มันต้องมีเหตุและมีผลก่อนจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ อย่างนี้ ผมก็ อย่างที่ผมเรียนคุณอดิศักดิ์ว่า ถ้าผมออกแล้วมันเป็นผลดีต่อบ้านเมือง ผมรีบออกเลยนะ หรือไม่นะ ไม่ต้องมีผลดี ถ้าใครมาแทนผมแล้วบ้านเมืองดีกว่าที่ผมทำเนี่ย ผมก็รีบออกเลยเหมือนกัน เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องยึดติดอยู่

อดิศักดิ์ - ท่านนายกฯ พูดอย่างนี้เหมือนกับบอกยังมองไม่เห็นใคร

ทักษิณ - ไม่ใช่ฮะ คือหมายความว่า มันดีกว่าจริงไหมล่ะ คือ 16 ล้านคนเขารับได้นะ ว่าผมจะขอคนนี้นะ แล้วที่ค้านผมวันนี้ก็รับได้แล้วนะว่าเออ โอเคนะ จบเลย ทักษิณออกไปนะ คนที่มาแทนเนี่ย 16 ล้านคนรับได้ แล้วคนที่คัดค้านผมก็ไม่ขัดข้อง ผมก็คงจะแฮปปี้มาก คงจะดีใจมากๆ

อดิศักดิ์ - ซึ่งก็จะเหมือนตอนต้นที่เราคุยกัน คนที่จะแนะนำก็อาจจะเป็นกรรมการอย่างที่ท่านบอก หรืออาจจะเป็นคนกลางจริงๆ ที่ทุกฝ่ายยอมรับ เป็นคนบอก ท่านก็พร้อมรับฟัง

ทักษิณ - พร้อมรับครับ แล้วถ้าทุกฝ่ายมาบอกผมว่า เอาล่ะนะ คุณทักษิณ คุณออกไปเถอะ คุณจำลองบอก คุณทักษิณออกไปเถอะ แล้วก็ใครก็ได้ในระบอบประชาธิปไตย ที่ขึ้นมาแทนคุณเนี่ยผมรับได้ ผมก็จะกลับบ้าน คุณสนธิก็บอกว่าเออ ผมก็จะไปทำมาหากินแล้วนะ คุณทักษิณไปเหอะ แล้วก็พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่า เออ คราวหน้านะ ผมจะลงตามกติกาแล้ว ผมไม่บอยคอตอีกแล้วนะ อย่างนี้ผมก็คงเต็มใจออก แต่ผมก็จะไปบอกประชาชน 16 ล้านคน ว่านี่นะ ผมกำลังจะทำสิ่งที่เป็นคุณูปการนะ ไม่ต้องมีคนมานั่งทะเลาะกันอีกแล้วนะ ก็จะเป็นประโยชน์นะ พี่น้องนะ คนที่มาแทนผมเนี่ยรับรองเลยเขาจะทำนโยบายตามเดิมที่เราตกลงกันไว้นะ เขาก็คงจะสบายใจ

อดิศักดิ์ - ซึ่งนั่นก็พูดได้ พูดได้กับประชาชน

ทักษิณ - พูดได้ ต้องบอกเขาฮะ พูดได้ แต่ว่าบางคนอาจจะเฮิร์ตบ้าง แต่ว่าต้องอธิบายให้เขาฟัง ผมก็ต้องเดินไปเดินสายอธิบายให้เขาฟังว่า เอานะ ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนนะ แล้วก็เป็นคนที่มาแทนผมก็คือพรรคไทยรักไทยด้วยกันนะ ยังต้องรักษานโยบายของพรรคตามเดิมนะ ก็จะเป็นแนวนี้

อดิศักดิ์ - ท่านพูดได้ แม้กระทั่งวันนี้ท่านก็พูดได้นะฮะ จริงๆ ถ้าจะพูดว่าท่านจะให้ใครมารักษาการหรือไม่ เพราะว่าท่านผ่านกระบวนการในการพิสูจน์ตนเองแล้วว่าวันนี้คงยังรักท่าน แต่ท่านก็ยังไม่คิดว่ามันจะถึงเวลาใช่ไหมฮะ

ทักษิณ - ก็ ผมก็ต้องถามว่า แล้ววันนี้มันสมานฉันท์ได้จริงไหม ถ้ามันได้จริงก็ไม่มีปัญหา ถ้ามันไม่ได้ มีค่าเท่ากัน ผมก็รักษาคำพูดของผมกับประชาชนไม่ดีกว่าเลย

อดิศักดิ์ - เป็นคำถามวันนี้ในรายการนี้ไปถึงคุณสนธิได้เลย ไปถึง พล.ต.จำลอง ได้เลย ไปถึงคุณอภิสิทธิ์ได้เลย

ทักษิณ - ได้เลยครับ

อดิศักดิ์ - ว่าถ้าพร้อมตอบกลับมาในลักษณะที่เป็นเงื่อนไขที่ท่านบอกว่าให้เกิดความสมานฉันท์และสงบสุข ท่านก็พร้อม

ทักษิณ - พร้อมเลย

อดิศักดิ์ - ในเรื่องแนวนโยบายมีอะไรต้องปรับปรุงไหมฮะ แนวนโยบายของพรรคไทยรักไทย เพราะว่าไม่ใช่เฉพาะในส่วนของความไม่พึงพอใจบางเรื่อง แต่มันก็มีบางเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาว่าเป็นเรื่องนโยบายด้วย

ทักษิณ - คือ นี่นะ ผมจะบอกให้นะ บ้านเมืองเนี่ยมันเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ ในแนวคิดเดิมเนี่ย ที่เราพูดกันว่าประเทศเนี่ยตั้งรัฐบาลโดยต่างจังหวัด แล้วล้มโดย กทม. นั่นคือความคิดในอดีตตลอดเวลา แล้วก็พยายามจะให้เป็นจริงอยู่ตลอดเวลา เพราะอะไร เพราะคนบางคนและบางกลุ่มในกรุงเทพฯ ยังเข้าใจคนจนและคนชนบทในแบบเดิมอยู่ ผมจะเล่าให้ฟังนะ คนในกรุงเทพฯ บางคนหรือบางกลุ่ม อาทิเช่น สื่อ ผมไม่ได้บอกว่าสื่อทุกคนนะ สื่อบางคน หรือว่า ผู้ที่มีฐานะดีเดิมๆ หรือนักวิชาการบางคนนะฮะ บางคนเท่านั้นนะ หรือว่าผู้นำความคิดทางการเมืองเดิมๆ บางคน คนเหล่านี้มักจะมองแบบเดิมนะ มักจะมองว่าคนจนหรือคนชนบทเนี่ยเป็นคนที่คิดไม่เป็น เป็นคนโง่

อดิศักดิ์ - ที่ว่ารากหญ้า

ทักษิณ - อ่ะ คิดไม่เป็น โง่ คนเหล่านี้เป็นคนซึ่งเป็นภาระประเทศ ต้องคอยอุ้มชูตลอด

อดิศักดิ์ - ท่านพูดอย่างนี้เดี๋ยวแตกแยกอีกนะฮะ

ทักษิณ - เดี๋ยว ฟังนะฮะ คนเหล่านี้เป็นคนซื้อได้ อันนั้นคือวิธีคิด กระบวนคิดเก่า นี่ผมกำลังคิดว่าผมกำลังพูดว่ากระบวนคิดเก่า ถ้ากระบวนคิดเก่าอย่างนี้ยังอยู่เนี่ย เราจะได้การเมืองที่เสียหายมาก จะได้การเมืองที่ไม่ต้องมีนโยบาย ถึงเวลาไปซื้อเอา ไม่ต้องตอบสนองความต้องการหรือปัญหาของคนจน แล้วก็ไม่ต้องจัดสรรทรัพยากรไปให้กับท้องถิ่น เพราะฉะนั้นพอผมมาเป็นรัฐบาลเนี่ย เราได้ทิ้งบริบทเดิมหมดเลยนะ เราบอกว่าไม่ได้หรอก การแก้ปัญหาของชาติต้องแก้ปัญหาที่รากหญ้า ปัญหารากหญ้าเนี่ย คนจน คนชนบทมีความสามารถแต่ไม่มีโอกาส นี่คือวิธีคิด เลยเสนอนโยบายไปว่าจะทำอย่างนี้ จะเอาไหม เขาดีใจ เอา แต่ปรากฏคนไปมองว่านี่คือประชานิยม ความจริงนั่นคือนโยบายให้โอกาส เพื่อให้คนนจนได้มีโอกาสหายจน เพื่อให้คนชนบทได้มีโอกาสพัฒนาตัวเอง นั่นคือสิ่งที่มันเป็นบริบทเก่ากับบริบทใหม่ พอมันเป็นบริบทใหม่อย่างนี้ คนที่อยู่ในบริบทเก่าก็จะไม่เข้าใจ ก็จะค้าน แล้วก็จะมองสิ่งเหล่านี้ด้วยความโกรธแค้น เหมือนกับว่าผมกำลังจะทำให้ประเทศนี่ล่มจม เอาเงินไปช่วยคนจน ไปซื้อ ไปเป็นประชานิยม ความจริงแล้วปรากฏว่าสิ่งที่ผมเอาเงินไปเนี่ย เกิดกระแสเศรษฐกิจชนบท ทำให้ชนบทมีรายได้ดีขึ้น มีงานทำมากขึ้น คนจนในเมืองก็ย้ายกลับไปชนบทก็มี วันนี้ประเทศไทยเราเนี่ยมีอัตราการจ้างงานสูงมาก 1.8 เปอร์เซ็นต์ ว่างงาน เท่ากับว่า full employment ตามภาษาเศรษฐกิจ นั่นคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ แต่ว่าหลายคนไม่เข้าใจ หลายคนไม่ได้ดูตัวเลข หลายคนไม่ได้ดูตัวเลขทั้งหมด ดูเป็นจุดๆ แล้วก็ไปคิดเอาเอง วันนี้นะ ลองทุกคนได้สตินะ นั่งคิด นั่งวิเคราะห์ทั้งหมด แล้วเห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทำอะไรบ้าง อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้ความไม่ชอบหน้าผม อย่าใช้ไม่ชอบปากผม อย่าใช้เพราะว่ามันตีตราว่าประชานิยม ต้องคิดให้ดี มีสติดีๆ แล้วจะเข้าใจว่านี่คือการแก้ปัญหาของชาติโดยที่แก้ตั้งแต่ฐานรากขึ้นไป เหมือนรดน้ำ รดที่ราก ไม่ใช่รดที่ยอด

อดิศักดิ์ - นโยบายประชานิยมมันผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาจนถึงวันนี้ ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่การโจมตีนโยบายนี้ก็บอกว่า ในที่สุดแล้วนโยบายนี้ได้ไปสร้างหนี้โดยเฉพาะภาคครัวเรือน ให้ประชาชนสูงมาก

ทักษิณ - คือ คุณอดิศักดิ์ฮะ คนที่สร้างรายได้เนี่ย มันไม่มีทุนหมุนเวียนมันสร้างรายได้ไม่ได้ ทุนหมุนเวียนเนี่ยก็ต้องเป็นหนี้ครัวเรือนถูกไหมครับ เป็นหนี้เพื่อสร้างรายได้ อย่าดูบัญชีข้างเดียวสิ ต้องดูบัญชี 2 ข้าง รายได้เขาเพิ่มไหมล่ะ เขามีหนี้แล้วรายได้เพิ่มไหมล่ะ ถ้าเขามีหนี้แล้วรายได้เขาเพิ่ม ในสัดส่วนที่สามารถชำระหนี้ได้ แสดงว่าอันนี้ดี อันนี้ Healthy นะครับ ก็เหมือนกับบริษัท ถ้าคุณอดิศักดิ์มีบริษัทนะ ไม่เคยเป็นหนี้เลยนะ แล้วก็รายได้เดือนละ 10,000 -20,000 บาท บริษัทมันก็เล็ก ถ้าเกิดบริษัทนี้เกิดมีเครดิตขึ้นมา มีเป็นหนี้ 10 ล้าน ปรากฏว่ารายได้เพิ่มขึ้นจากเดือนละ 10,000 เป็นเดือนละ 500,000 สิบล้านไม่มีปัญหาเลย 5 แสนชำระได้สบายมาก อันนี้คือสิ่งที่ คือมันเป็นเหมือนกัน

อดิศักดิ์ - ประเด็นของกลุ่มรากหญ้า ผมไม่อยากใช้คำนี้ แต่เขาใช้กันเป็นที่เข้าใจ ต้องเน้นที่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ทักษิณ - แน่นอน

อดิศักดิ์ - ยั่งยืนไหมฮะ นโยบายประชานิยมได้สร้างความยั่งยืนให้เขาไหม

ทักษิณ - นี่นะ วันนี้เรากำลังจิ๊กซอว์ทีละตัว จิ๊กซอว์แรกก็คือไปสร้างรายได้ สร้างโอกาส จิ๊กซอว์ต่อไปก็คือว่าสร้างความมั่นคง มั่นคงก็คือว่าให้เขามีที่ดินทำกิน ซึ่งขณะนี้เรากำลังทำแผนที่ เพื่อจะจัดสรรที่ดินทำกินให้คนที่เป็นเกษตรกรได้มีที่ดินทำกิน ได้มีที่อยู่อาศัย ลูกได้เรียนหนังสือ ให้ทุนการศึกษาลูก ลูกคนที่พิการได้รับการฝึกอาชีพ เรากำลังทำเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน เราใช้แนวเศรษฐกิจพอเพียงในการไปสอนอาชีพเขา ให้เขาสามารถดำรงชีวิตได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียงเป็นจุดแรก หลังจากนั้นก็มีกำลังความสามารถ เขาก็มีออมอยู่ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำไปพร้อมๆ กัน แต่ว่าถ้าไปดูจิ๊กซอว์เป็นตัวจะไม่เข้าใจ ต้องดูว่าทั้งหมดมันต่อภาพคืออะไร ไปเห็นมะพร้าวอยู่ใกล้ดวงจันทร์ก็บอกว่า โอ๊ย บนดวงจันทร์ไม่มีมะพร้าวหรอก ความจริงมันส่วนหนึ่งของภาพวิว วิวทะเล แต่ว่าเราตัดจิ๊กซอว์เป็นชิ้นๆ พอเห็นดวงจันทร์ดวงหนึ่ง เห็นภาพดวงจันทร์ชิ้นหนึ่ง เห็นภาพมะพร้าวชิ้นหนึ่ง บอก เอ๊ย มะพร้าวบนดวงจันทร์ไม่มี ความจริงๆ มันเป็นวิวที่ถ่าย วิวทะเล

อดิศักดิ์ - ให้มองภาพ

ทักษิณ - ให้มองภาพทั้งหมด

อดิศักดิ์ - ก็แสดงว่าประชานิยมยังคงน่าจะต้องเดินต่อ

ทักษิณ - แน่นอนครับ

อดิศักดิ์ - อื่นๆ มีอะไรอีกไหมที่จะเป็นนโยบายที่คิดว่ามันสำคัญแล้วสำหรับประเทศวันนี้

ทักษิณ - วันนี้ผมต้องรีบก่อนนะ รถไฟฟ้าครับ วันนี้กรุงเทพฯ จะไม่มีที่เดินอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรถไฟฟ้าต้องรีบทำ แล้วก็ระหว่างรอรถไฟฟ้า ต้องเปลี่ยนรถเมล์ร้อนเป็นรถเมล์แอร์ ชาวบ้านเหม็น ขึ้นรถร้อน ลำบากฮะ รถก็ติดมาก อันนี้ต้องรีบทำด่วนจี๋เลย นอกจากนั้นต่างจังหวัดคือเรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน เรื่องที่อยู่อาศัย แล้วก็เรื่องปรับปรุงเรื่องของ 30 บาทฯ ให้มีคุณภาพในการบริการดีขึ้น แล้วก็เรื่องยาเสพติด

อดิศักดิ์ - นี่ก็เป็นนโยบายที่น่าจะเป็นเรื่องสานต่อ ยังไม่มีอะไรที่คิดว่าจะหวือหวาออกมานะ

ทักษิณ - ครับ ยังไม่มีอะไรหวือหวา

อดิศักดิ์ - ดูคำถามคุณผู้ชมทางบ้านบ้าง ท่านนี้ถามเข้ามาบอกว่า ทำไมเพิ่งจะมาพูดเรื่องสมานฉันท์ตอนนี้ ก่อนหน้านี้มันมีหลายช่วงหลายตอน ที่น่าจะปรับกระบวนการไปสู่ความสมานฉันท์ได้ คิดไหมว่าท่านเองก็ทำให้มันมีล็อกๆๆ เกิดขึ้นพอสมควร

ทักษิณ - ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลยนะ มันมีจุดเดียวเท่านั้นเองนะ จุดที่ตอนยุบสภาฯ แล้ว ซึ่งตอนยุบสภาฯ เนี่ย ตอนช่วงที่กำลังจะยุบสภาฯ คุณอภิสิทธิ์เองก็ตอบว่า ยุบสภาฯ เป็นเรื่องธรรมดาของระบบรัฐสภา แล้วก็ถามว่ายุบสภาฯ แล้วจะส่งลงไหม ส่ง แต่ตอนหลังมา ไปมีเงื่อนไขรวมกัน เสร็จแล้วเงื่อนไขก็นิดเดียว คือผมไป เพียงแต่ว่าผมประกาศจุดยืนของผมก่อนไปพบ ก็เลยไม่พอใจ เสร็จแล้วผมก็เลยบอกว่า เอ้า ผมชวนพรรคเล็กพรรคน้อยไปด้วย เพราะถือว่าทุกพรรคมีค่า ทุกพรรคอยู่ในบัญชีของ กกต.เหมือนกัน ก็แค่นั้นเอง ก็เลยไม่พอใจกัน แค่นี้

อดิศักดิ์ - ล็อกวันนั้นมีเท่านั้นเอง

ทักษิณ - แค่นั้นเองฮะ

อดิศักดิ์ - เลยทำให้มาถึงวันนี้ สรุปท่านนายกฯ เว้นวรรคหรือไม่เว้นวรรค ประกาศให้ชัด คนที่เป็นนายกฯ มาจากไทยรักไทย ครม.เป็นคนนอก ยอมได้ไหม

ทักษิณ - ก็ผสมกันฮะ ต้องผสมกัน ครม.ต้องผสมกัน ถ้าสมมุติว่าเวลานี้ แม้กระทั่งวันนี้ก็บอกว่า พรรคที่ไม่ส่งเลือกตั้ง 3 พรรคเนี่ย จะมาขอเป็นรัฐบาลผสมยังได้เลย โดยไม่มี ส.ส.ในสภาฯ ผมยังให้เลย

อดิศักดิ์ - ยอม

ทักษิณ - ยินดี ยอม

อดิศักดิ์ - โนโหวต โนโหวตก็คือไม่เลือกใคร กับเลือกไทยรักไทย อยากให้เทียบกันดู คะแนนไหนมากกว่า ก็ควรจะเป็นไปตามนั้น อันนี้ก็น่าจะเห็นเหมือนกับท่าน

ทักษิณ - ก็ 16 ล้าน กับ 10 ล้าน

อดิศักดิ์ - ท่านนี้ยังถามถึงเหตุผลของการยุบสภาฯ วันนั้นเพราะอะไรกันแน่ เพราะดูเหมือนสภาฯ ไม่มีความผิด

ทักษิณ - มีฮะ มันมี เพราะว่าความขัดแย้งมันเกิดขึ้นในสังคม แล้วก็ปรากฏว่ามีการคัดค้าน ตั้งแต่สวนลุมฯ นะ จนมาถึงลานพระรูป ก็ปรากฏว่า มีทั้ง ส.ว. มีทั้งฝ่ายค้าน ได้เข้าไปร่วมอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะไม่ร่วมในนามพรรค แต่ก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนที่จะไม่ใช้เวทีสภาฯ ซึ่งความจริงแล้วเราเปิดสภาฯ เราก็ขออภิปรายทั่วไปแล้ว ก็ปรากฏว่ามีเสียงออกมาว่าไม่เอา ไม่สนใจ คือสรุปแล้วจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ซึ่งทั้งๆ ที่เสียงไม่ถึงก็จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ซึ่งมันไม่ใช่กระบวนการรัฐสภา

อดิศักดิ์ - ทั้งปึกนี่ให้กำลังใจท่าน เดี๋ยวก็ไปดูได้ ท่านนี้บอกว่า ไม่อยากให้เยิ่นเย้อ อยากทราบเลยว่าจะออก ไม่ออก

ทักษิณ - ก็ถามว่าออกแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ ได้ไหมล่ะ ได้อย่างที่ว่าไหมล่ะ ถ้าได้มา ทันทีเลย วันนี้บอกให้ 3 พรรค คุณอภิสิทธิ์ คุณจำลอง แล้วก็พันธมิตรฯ อะไรเนี่ย ไปเซ็นมาเลย บอกว่าผมออกแล้วทุกอย่างจะจบหมดทุกอย่าง บอกมาวันนี้ พรุ่งนี้ออกเลย

อดิศักดิ์ - จบหมดทุกอย่าง หมายความว่าเรื่องปฏิรูปก็มาว่า

ทักษิณ - เออ ปฏิรูปว่าไป เดินไป

อดิศักดิ์ - ถ้าอย่างนี้ก็หมายความว่าหยุดหมดทุกอย่าง คือม็อบหยุด

ทักษิณ - ทุกอย่างหยุด

อดิศักดิ์ - ม็อบหยุด คุณอภิสิทธิ์

ทักษิณ - บอกว่าคราวหน้าจะลงเลือกตั้งแล้วนะ ไม่บอยคอตแล้ว แล้วก็จะส่งเสริมการปฏิรูปการเมืองโดยใช้คนกลาง

อดิศักดิ์ - ท่านออก นายกฯ เป็นคนไทยรักไทย

ทักษิณ - แน่นอน ก็เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยครับ

อดิศักดิ์ - ครม. คุณสนธิส่งมาได้ คุณจำลองส่งมาได้

ทักษิณ - คงต้องดูฮะว่าเป็นใคร ถ้าเอาคนล้มละลายมาก็คงไม่ได้

อดิศักดิ์ - คุณอภิสิทธิ์อาจจะส่งมาได้ ก็แล้วแต่

ทักษิณ - ครับ ถ้าพรรคการเมืองเนี่ยได้ครับ

อดิศักดิ์ - แล้วก็ปฏิรูปการเมืองกัน รูปแบบสภาสนามม้า

ทักษิณ - ใช่ครับ

อดิศักดิ์ - ถ้าเขาไม่เอาก็มาคุยกันอีกทีหนึ่ง

ทักษิณ - ก็ถ้าอยากได้รูปแบบอื่นจะแนะนำอะไรก็ลองคุยกันดูได้ คุยกันได้

อดิศักดิ์ - เดี๋ยวพักสักครู่ จริงๆ มีคำถามเป็นปึกเลย มีหลายท่านถามเข้ามา คำถามดีๆ พักสักครู่แล้วกลับมาดูคำถามจากทางบ้านต่อ

คลิก! อ่านต่อ






กำลังโหลดความคิดเห็น