อ.รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ประกาศต้าน “ระบอบทักษิณ” ฉีกบัตรเลือกตั้งต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมต่อสู้คดี ฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยมี ศูนย์นิติศาสตร์ ฯ มธ. เป็นทนายความ “แก้วสรร อติโพธิ” เป็นที่ปรึกษา ยืนยันทำตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ พร้อมแฉความเลวร้ายระบอบเผด็จการจำแลงในชั้นศาล
ที่หน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ได้มีประชาชนและสื่อมวลชนมาเฝ้าดูการลงคะแนนของนายไชยยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมาลงคะแนน โดยกาช่องไม่ประสงค์จะเลือกใครด้วยปากกาเมจิกสีแดง ในบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ แล้วชูให้สื่อมวลชนดู หลังจากนั้นได้ฉีกบัตรเลือกตั้งจนขาด
หลังจากนั้น นายไชยยันต์ ได้อ่านแถลงการณ์ใจความว่า ขณะนี้ระบอบทักษิณได้ยึดอำนาจไปครอบครองโดยเสร็จสิ้นยิ่งกว่าระบอบประธานาธิบดี มีการยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอก มีการคุกคามสื่อ เป็นระบอบเผด็จการจำแลง และยักยอกรัฐธรรมนูญ
นายไชยยันต์ ระบุว่า มาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ ได้เปิดทางให้ประชาชนมิสิทธิ์ที่จะต่อต้านอำนาจรัฐโดยสงบ หากมีการแสวงอำนาจรัฐโดยวิธีการที่ผิดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงขอใช้สิทธิ์ต่อต้านโดยสงบ ตามมาตราดังกล่าว โดยขอปฏิเสธหน้าที่พลเมืองที่กำหนดไว้ คือขอฉีกบัตรเลือกตั้ง แต่ยังปฏิบัติหน้าที่โดยการมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
นายไชยยันต์ กล่าวว่า ขอฝ่าฝืน ม.108 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ที่ทำให้บัตรเสีย ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่ตนจะขอสู้คดีในชั้นศาล และไม่ยอมเสียค่าปรับ จะต่อสู้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีการใช้อำนาจไม่ชอบธรรมในการยุบสภา เพื่อหนีการตรวจสอบ มีการปิดกั้นข้อมูลข่าว เป็นวิธีการรักษาอำนาจเผด็จการจำแลง ทั้งนี้ จะมีศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ รับเป็นทนายความ และมีนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว. กทม. และคณาจารย์ร่วมคณะเป็นที่ปรึกษา
นายไชยยันต์ ยืนยันว่า ตนไม่มีความเจ็บป่วยทางจิตร หรือมีความโกรธ เข้าครอบงำ เพียงแต่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณเท่านั้น ซึ่งหลังจากอ่านแถลงการณ์ แล้ว เจ้าหน่าที่ตำรวจได้เข้ามาพูดคุยกับนายไชยยันต์เพื่อดำเนินคดีฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต่อไป
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวระหว่างการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง บริเวณสุขุมวิท 47 ว่าต้องการให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากๆ เพราะถึงแม้บางคนจะเลือกพรรค หรือ ส.ส. เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนว่าประชาชนมีความรู้สึกอย่างไรต่อการเลือกตั้งครั้งนี้
ส่วนกรณีที่ รศ.ไชยยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ฉีกบัตรเลือกตั้งระหว่างไปลงคะแนนนั้น อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อความสนุก แต่เป็นการขัดขืนอย่างมีอารยะ เพราะยอมถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ถึงแม้การกระทำครั้งนี้จะทำให้สร้างความรู้สึกเป็นห่วงหรือตกใจแก่บางฝ่าย แต่เห็นว่า รศ.ไชยันต์ ทำไปด้วยความรู้สึกที่มีเหตุผลทางการเมือง เพราะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการเมือง และหากถูกดำเนินคดี ก็จะเป็นโอกาสที่จะชี้แจงต่อศาลเกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนั้น จึงขอให้กำลังใจแก่นักวิชาการคนดังกล่าว
กกต.ลั่นต้องเอาผิด
ด้าน พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้แถลงข่าวถึงการแจ้งเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ว่า ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 62 เขตประเวศ กทม. นายไชยยันต์ ช้ยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาล้ย ได้ฉีกทำลายบัตรเลือกตั้งทั้งระบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต จึงได้ให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิดตามมาตรา 108 ของกฎหมายเลือกตั้งแล้ว ซึ่งจะมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และศาลอาจจะสั่งเพิกถอนสิทธิห้ามดำเนินการทางการเมืองไม่เกิน 5 ปี
“เรื่องนี้คงต้องดูเจตนา ซึ่งในกรณีนี้เมื่อมีการไปใช้สิทธิ มีการกากบาทในบัตรเลือกตั้งแล้วยกขึ้นมาฉีก เจตนาเช่นนี้ถือว่าชัดเจน ทั้งนี้ เรื่องการแจ้งความดำเนินคดีต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจประจำหน่วย ผมเพิ่งได้รับรายงาน จึงยังไม่ทราบว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีหรือสอบสวนแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม คงต้องดำเนินการทันทีด้วยการเชิญตัวไปสอบสวนต่อไป"
คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป “แก้วสรร” ให้สัมภาษณ์ กรณี รับเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้ รศ.ดร.ไชยยันต์ ฉีกบัตร เลือกตั้ง(56k) | (256K)
---------
คำแถลง รศ. ดร. ไชยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผม นายไชยันต์ ไชยพร อายุ ๔๗ ปี รับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯมา ๑๔ ปี มีความยึดมั่นและพร่ำสอนให้ลูกศิษย์ได้เข้าใจและหวงแหนช่วยกันรักษาสิทธิเสรีภาพของตนในระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอดว่า เป็นระบอบที่ดียอมให้รัฐมีอำนาจจำกัดเท่าที่จำเป็น ส่วนการได้อำนาจและใช้อำนาจของผู้ปกครองนั้นก็จะถูกตรวจสอบควบคุมโดยสาธารณะอยู่ตลอดเวลา
มาบัดนี้ ระบอบทักษิณได้ยักยอกและยึดครองประชาธิปไตยไปโดยสิ้นเชิงแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการบังคับให้ลงมติรับรองผู้นำเผด็จการเท่านั้น การยุบสภาที่เกิดขึ้นทำไปเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียวที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบปัญหาคอรัปชั่นและผลประโยชน์ทับซ้อนที่ได้กระทำไปด้วยความโลภโมโทสัน
ทุกวันนี้ ระบอบทักษิณยึดอำนาจบริหารไปครองอย่างเข้มแข็งยิ่งไม่ต่างจากระบบประธานาธิบดี แต่ระบบประธานาธิบดีนั้นก็ยังดีที่ฝ่ายบริหารยุบสภาไม่ได้ และมีกลไกตรวจสอบของสภา กับสื่อมวลชนอิสระที่เข้มแข็งคอยทัดทานอำนาจอยู่ การยินยอมให้ระบอบทักษิณยุบสภาหนีการตรวจสอบได้ ผนวกกับการแทรกแซงครอบงำสื่อมวลชนอย่างรุนแรงเช่นปัจจุบัน ย่อมเป็นการยอมให้เผด็จการจำแลงยึดครองประชาธิปไตย ยักยอกรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง ที่ผมไม่อาจยอมรับได้
ในสถานการณ์เผด็จการจำแลงเช่นนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เล็งเห็น และให้สิทธิพื้นฐานแก่ชนชาวไทยไว้แล้ว ในมาตรา ๖๕ ว่า หากมีการแสวงอำนาจรัฐโดยผิดวิถีทางของรัฐธรรมนูญพาประเทศเข้าสู่เผด็จการเมื่อใด คนไทยย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสงบได้ ไม่เป็นความผิด
เมื่อประชาธิปไตยไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อรัฐไม่เป็นรัฐของส่วนรวม การเลือกตั้งไม่ใช่การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งไม่สามารถสร้างความมั่นใจและไว้วางใจ ผมจึงขอใช้สิทธิต่อต้านตามมาตรา ๖๕ “บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้”
โดยขอปฏิเสธหน้าที่พลเมืองที่กำหนดไว้ในกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อรักษาสิทธิเสรีภาพของผมโดยฉีกบัตรเลือกตั้งของผมเองในวันนี้ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นหนทางเดียวที่รักษาสิทธิของผมไว้ไม่ให้ถูกบิดเบือนไปเป็นอื่นได้
โดยขอฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 108 “ผู้ใดจงใจกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหายหรือกระทำด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี”
คดีนี้ผมจะเรียนต่อเจ้าพนักงานว่า ผมขอสู้คดีในชั้นศาล โดยจะไม่ยอมรับการเปรียบเทียบปรับใดๆ โดยจะขอต่อสู้คดีนำสืบให้ศาลเห็นถึงการใช้อำนาจยุบสภาโดยบิดเบือนจากวิถีทางในรัฐธรรมนูญเป็นลำดับไป ทั้งหลักฐานการถือประโยชน์ทับซ้อนของนายกรัฐมนตรี หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ว่าด้วยอำนาจยุบสภาของรัฐบาล กระบวนการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสเป็นธรรม รวมทั้งขบวนการปิดกันข่าวสารทั้งมวล เพื่อประมวลให้ศาลเห็นได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นวิธีการแสวงหาอำนาจ รักษาอำนาจของเผด็จการจำแลงอย่างชัดเจน การต่อสู้คดีของผมในครั้งนี้จะมี ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับเป็นทนายความ มีอดีตสมาชิกวุฒิสภา แก้วสรร อติโพธิ และเพื่อนคณาจารย์ร่วมคณะรับเป็นที่ปรึกษาคดี
ขอเรียนย้ำว่า ผมไม่มีความเจ็บป่วยทางจิต ไม่มีความหลงโลภ หรือโกรธเข้าครอบงำ ผมเพียงแต่ไม่ยอมให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรและบริวาร พรากเสรีภาพที่ติดตัวผมและเป็นของผมมาแต่กำเนิดไป เท่านั้นเองจริงๆ
นายไชยันต์ ไชยพร
๒ เมษายน ๒๕๔๙