“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ร่วมสนทนาธรรมในสภาท่าพระอาทิตย์ (24 ก.พ.49) แจงคุณธรรมที่ผู้นำพึงปฏิบัติอันได้แก่ทศพิธราชธรรม หรือ ราชธรรม ซึ่งถือว่าคุณธรรมที่สำคัญ และชี้ ณ ตอนนี้นายกฯไม่มีคุณธรรมที่จำเป็นต้องมี ทำให้หมดความสง่างามในการบริหารประเทศ และนอกจากนี้ยังให้ตัวเลขชี้นำสังคม แทนที่จะให้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์มากกว่าเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความแตกแยกอย่างมากมายในประเทศ และระบุสายเกินไปที่จะขอโทษหรือแก้ตัว เพราะระยะเวลาที่ผ่านมาบ่งบอกถึงเจตนาในการกระทำที่แสดงถึงความมิชอบในการบริหารบ้านเมือง
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ดำเนินรายการโดยก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต และแทนคุณ จิตต์อิสระ
ก้องเกียรติ – สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการสภาท่าพระอาทิตย์นะครับ ทุกๆวันศุกร์ก็จะเป็นภาคของการสนทนาธรรม ปกติก็จะมีคุณสำราญ รอดเพชร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อาจารย์สามารถ มังสัง และก็ได้รับความเมตตาอย่างสูงกันเป็นประจำนะครับ กับหลวงปู่พุทธะอิสระแห่งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม แต่เนื่องด้วยช่วงนี้มีภารกิจกู้ชาตินะครับ ทำให้ผู้ดำเนินรายการหลักของรายการก็หายหน้าหายตาไปกันบ้าง ก็มารับหน้าที่กันแทนนะครับ วันนี้ผมก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต และก็คุณแทนคุณ จิตต์อิสระร่วมกันดำเนินรายการวันนี้ครับ
แทนคุณ – สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็เป็นโอกาสพิเศษนะครับ ที่เราจะได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นกระแสสังคม เป็นหลักการ เป็นอุดมการณ์ที่เราจะได้มาคิดหากระบวนการนะครับ เพื่อที่จะทำให้สังคมและก็ประเทศไทยของเรานะครับ ก้าวไปสู่การค้นพบภูมิปัญญาที่แท้จริงเพื่อดับปัญหาครับ ผมว่าประเด็นในวันนี้ครับ แน่นอนครับ คงจะไม่มีเรื่องใดที่จะน่าติดตามไปเท่ากับประเด็นเรื่องการเมือง การรวมตัวกันชุมนุมกันในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้เป็นสิ่งที่น่าจับตากันในทุกๆส่วน สังคมตื่นตัวกันมากนะครับในเรื่องของประชาธิปไตย หลายคนบอกว่าประชาธิปไตยกำลังจะตายนะครับ เพราะว่าประชาชนนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างไร เราจะมาฟังทัศนคติของผู้ชำนาญ รวมทั้งท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ โดยเฉพาะวันนี้จะนำเสนอในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมะ เพราะว่าผมเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายทุกคนคงจะรอดูว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยดับไฟร้อนในครั้งนี้นะครับ เพราะทุกคนนั้นก็มีจิตใจที่ใฝ่หาสันติภาพ สันติสุขอยู่แล้วนะครับ
ก้องเกียรติ – ครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็น พวกเรามาน้อมใจกันกราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระครับ กราบนมัสการหลวงปู่ครับ
หลวงปู่ – เจริญธรรม ท่านสาธุชนพุทธบริษัทที่รับชมรายการสภาท่าพระอาทิตย์ที่รักทุกท่าน คุณแทนคุณ คุณสำราญไม่มานะเหลือแต่คุณสามารถ และก็คุณก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต ท่านผู้เฒ่าวันนี้เราไปกันเถอะ
ก้องเกียรติ – จะไปไหนกันครับ ไปกู้ชาติ?
หลวงปู่ – ไม่ใช่
สามารถ – คือจริงๆเราถูกเอาเปรียบมาหลายอาทิตย์แล้วนะ หลวงปู่ ก็ 2 ส.นี่เขาหนีเรื่อยน่ะ
หลวงปู่ – นั่นสิ เรามีความรู้สึกว่าเรากำลังจะโดนทอดทิ้ง เราก็มีชาติที่จะกู้เหมือนกันนะ
สามารถ – ผมว่าตรงนี้เราหาป้ายดีๆครับ หลวงปู่
ก้องเกียรติ – ตอนนี้ 2 ผู้เฒ่าเริ่มเรียกร้องแล้วนะครับ เอ๊ะ 2 ส.หายไปไหน
หลวงปู่ – ปกติเราจะอยู่กัน 4 ส.เลยนะ อย่างน้อยก็เหลือ 3 ส.
สามารถ – หลวงปู่สังเกตดูไหม สมัยก่อนการกู้ชาตินี่เขาต้องไปเกณฑ์ชายหนุ่มฉกรรจ์ออกมา ดาบสำนักพุทไธสวรรค์ แล้วก็ไปรบในสนาม
หลวงปู่ – เดี๋ยวนี้ไปเกณฑ์พวกคุณป้า คุณยาย คุณตา คุณน้า คุณอา คุณลุง โดยเฉพาะม็อบสมัชชาคนจนอยู่หน้าทำเนียบ
สามารถ – เมื่อก่อนคนพวกนี้นี่เขาเอาไว้อยู่บ้านนะ
หลวงปู่ – ใช่ แล้วก็ส่งลูกหลานออกมารบ
สามารถ – วันนี้คนแก่คนเฒ่าต้องมารบเพราะอะไรหลวงปู่รู้ไหม เพราะว่าเด็กมันไม่สนใจไง
หลวงปู่ – เด็กไม่สนใจการเมือง ไม่สนใจประเทศชาติ
สามารถ – โน่นไปสนใจเซ็นเตอร์พอยท์
หลวงปู่ – ไปช้อปปิ้งไปอะไร
สามารถ - แต่วันนี้นะเป็นที่น่าดีใจที่เด็กกลับมา เริ่มสนใจ
หลวงปู่ – ที่ฉันรู้สึกประทับใจมากก็คือเด็กนักเรียน 3-4 คนนั่นแหละ ที่ออกมาแถลงการณ์แถลงข่าว และฉันได้ติดตามข้อมูลข่าวสารด้วยทำให้รู้ว่าถ้ามีเด็กอย่างนี้มากๆหน่อยนะ ประเทศชาติน่าจะเจริญ
สามารถ – หลวงปู่รู้ไหมครับว่าทำไมเด็กถึงออกมาทีหลัง และออกมาอย่างมีสาระ
หลวงปู่ – เพราะอะไร
สามารถ – เมื่อก่อนที่ 14 ตุลานี่เด็กไปชุมนุมแล้วกลับไปเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง เด็กมีประสบการณ์น้อยได้แต่ความจำอย่างเดียว ก็ไม่มีการขยายผลต่อเนื่อง ก็เล่าไปนิดเดียว วันนี้ผู้ใหญ่มาประชุมนะ มีประสบการณ์เยอะนี่กลับไปเล่าให้เด็กฟัง เพราะฉะนั้นเด็กมาด้วยการเติมเต็มในสติปัญญามาเยอะ
หลวงปู่ – สำคัญว่าเด็กสมัยนี้ไม่อยู่ให้ผู้ใหญ่เล่าน่ะสิ
สามารถ – เด็กที่ออกมานี่ผู้ใหญ่เล่า มีบางส่วนนะที่มีพ่อเป็น 14 ตุลา
หลวงปู่ – ก็ใช่ แต่ว่าสำคัญว่าเด็กสมัยนี้มันไม่ยอมอยู่บ้านให้ผู้ใหญ่มานั่งเล่า
สามารถ – มันเป็นบางบ้านครับ
แทนคุณ – แต่เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนนี่ ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ที่บ้านนี่เขาก็พูดถึงเรื่องนี้กันเยอะ เขาก็ตื่นตัวกันทุกพื้นที่นะครับ แม้แต่ในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน ในศูนย์สรรสินค้า การรวมตัวของเด็กเยาวชนนี่ก็เยอะขึ้น
หลวงปู่ – แต่ที่ฉันมองดูนะ ที่ไปแสดงธรรมในทั่วๆไปนี่นะ ไปสงขลา ไปเชียงใหม่ เมื่อวานเพิ่งกลับจากเชียงใหม่นะ สมัยก่อนนี่เขาก็นั่งคุยกันอยู่ดีนะ เดี๋ยวนี้เขาแยกกันเป็นวงแล้วนะ
แทนคุณ – ตั้งวงยังไงครับ
หลวงปู่ – วงเชียร์กับวงค้านไง ญาติกันแท้ๆ
สามารถ – ถ้าหลวงปู่ได้อ่านคำพูดของคุณจำลองว่าทำไมถึงออกมา เพราะวันนี้รัฐบาลสร้างความแตกแยก แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ผัวกับเมียนี่แยกคนละฝ่ายเลยทะเลาะครับ อีกฝ่ายหนึ่งเชียร์ อีกฝ่ายหนึ่งคัดค้าน
หลวงปู่ – ไอ้ที่ลำบากก็คือว่าเขาเขียนหนังสือมาถามฉัน จดหมายน้อยมาถามฉันว่า หนูไม่รู้จะพูดกับพ่อแม่ยังไงเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง หนูนี่เป็นผู้จบปริญญาโท พ่อแม่ก็ไม่จบ ป.4 แต่พ่อแม่นี่ฝังใจกับเรื่องกับภาพที่เห็น และก็ภาพที่มีใครสร้างให้เห็น เพราะฉะนั้นบางทีบางครั้งนี่ก็จำเป็นต้องทะเลาะกัน แต่พอคิดได้ว่าพ่อแม่มีความรู้น้อย ฝังใจกับภาพที่ได้เห็น ก็เลยไม่อยากจะไปทะเลาะ แต่สุดท้ายทำไปทำมามีอยู่วันนึง พ่อแม่ถึงขนาดประท้วงไม่ให้หนูกินข้าว
สามารถ – อันนี้ที่ พล.ต.จำลอง พูดว่าเป็นความแตกแยก และคนที่สร้างความแตกแยกก็คือตัวนายกฯ หรือตัวรัฐบาล
หลวงปู่ – แต่นี่ถึงขั้นขนาดพ่อแม่ประท้วงไม่ให้ลูกกินข้าวเลยนะ
สามารถ – ก็ได้รับซึมซาบมาคนละด้านไงครับ
แทนคุณ – ถ้ามองในมุมกลับบ้าง มันเป็นความแตกต่างทางความคิดได้ไหมครับ
สามารถ – มันอย่างนี้ ในสังคมประชาธิปไตยนี่ความขัดแย้งเป็นเรื่องจำเป็น เพราะว่าความขัดแย้งหรือความแตกต่างทำให้เกิดความคิดริเริ่ม แต่ความขัดแย้งเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วนี่ มันต้องยอมรับหรือยุติด้วยเหตุด้วยผล
ก้องเกียรติ – ไม่ใช่แตกแยก
แทนคุณ – และก็ไม่ใช่แตกหัก
สามารถ – ไม่ใช่แตกหัก มันต้องยุติด้วยเหตุผลและความจำเป็นของแต่ละฝ่าย คือยอมรับซึ่งกันและกันน่ะ และยุติเพื่อส่วนรวม
แทนคุณ – ที่สำคัญคือความชอบธรรม ความถูกต้องต้องเป็นเกณฑ์ ธรรมาภิบาลใช่ไหมครับที่เราพูดถึง หรือธรรมาธิปไตย คือไม่ว่าจะใครจะคิดยังไงก็ตาม
หลวงปู่ – สมัยก่อนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ฉันฟังจนหูอื้อเลยคำๆนี้
ก้องเกียรติ – พูดกันบ่อยนะครับ
หลวงปู่ – น่าเบื่อมากและก็ฟังมาตลอด และฉันก็ได้เห็นธรรมาภิบาลจริงๆใหญ่ๆตรงๆโต้งๆเมื่อไม่นานมานี่ ทำให้เรารู้ว่าคนที่พูดเรื่องธรรมาภิบาลมาตลอด 3-4 ปีรวม 5 ปีนี่ ก็เป็นคนที่ตระบัดสัตย์ต่อธรรมาภิบาลเสียเอง
สามารถ – ธรรมาภิบาลในความหมายของรัฐบาลโลกนี่นะครับ ก็ความหมายของธรรมะในธรรมนิยามมันคนละอัน ในความหมายของธุรกิจคำนิยามของมันก็คือว่าดำเนินธุรกิจโดยเน้นผลกำไรให้กับผู้ประกอบการ นั่นธรรมาภิบาลเลยนะ คือโปร่งใสในแง่ธุรกิจนะ
หลวงปู่ – ถ้าแต่ทางธรรมนิยามนี่ก็คือดำเนินการบริหารจัดการอารมณ์ให้ได้กำไร
สามารถ – นั่นคือธรรมนิยาม คนละตัวนะครับ
หลวงปู่ – มันไม่ใช่กำไรตัวเลขและขาดทุนนะ นี่ 7 หมื่นล้านนี่คือกำไรตัวเลข เราไม่รู้ว่าได้กำไรอารมณ์ด้วยหรือเปล่า
สามารถ – ขาดยับเยินเลย
หลวงปู่ – คุณรู้ได้ยังไงล่ะ
สามารถ – ไม่ยับเยินยังไง ผัวตีกับเมียน่ะ ไม่ยับเยินได้ยังไง พ่อตีกับลูกน่ะ
ก้องเกียรติ – ขอแจ้งเบอร์ท่านผู้ฟังนะครับ สำหรับท่านผู้ฟังที่จะโทรมาแจ้งหรือว่าจะโทรมาฝากคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางโลกทางธรรมนะครับ วันนี้เราก็มีครูบาอาจารย์และก็วิทยากรมาให้ความรู้กับเรานะครับ ก็โทรมากันได้นะครับ 02-6294433 นะครับ
หลวงปู่ – เดี๋ยวท่านผู้ชมจะเห็นว่าพิธีกรหน้าใหม่ แถมยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเลยไม่กล้าถาม เขิน
ก้องเกียรติ – ก็ช่วยๆกันถามเข้ามานะครับ เผื่อจะได้มีประเด็นที่เป็นความคิดเห็นของชาวบ้านกันบ้างนะครับ
สามารถ – จริงๆสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันนะ เด็กออกมานะ เอาพิธีกรเด็กลงมานะ มันก็สอดคล้องกันนะ
หลวงปู่ – แล้วพวกเรานี่ประมาณว่า
สามารถ – เราก็ตอบคนแก่ไง เดี๋ยวปัญหาเด็กมา 2 คนตอบไง วันนี้นะถ้าปัญหาเด็กมาผมขอให้ 2 คนตอบ
หลวงปู่ – แต่ถ้าปัญหาคนแก่มาเรา 2 คนตอบหรือ
ก้องเกียรติ – ผมกลัวจะมีแต่ปัญหาคนแก่นะ เพราะว่าหน้าตาหรือว่าเสียงที่โทรมาส่วนใหญ่ บางครั้งเคยรับโทรศัพท์นี่จะมีเสียง
สามารถ – เพราะว่าเขาดูแล้วทั้งหมดนั่งอยู่ 4 คนแก่หมดเลย
ก้องเกียรติ – เดี๋ยวลองวัดกันดูนะครับว่าวันนี้มีผู้ชม
หลวงปู่ – คนแก่โทรมากกว่าเด็ก หรือเด็กโทรมากกว่าคนแก่
แทนคุณ – ทีนี้กลับมาถึงเรื่องของแนวทาง สมมุติว่าถ้าท่านนายกฯยุบสภา ก็มีคนถามอีกว่าในที่สุดแล้วก็จะมีคนแบบลักษณะนี้นะครับขึ้นไปอยู่ในระบบของคำว่านายทุน นายคืออำนาจ ทุนคือเงินอย่างไม่รู้จบ
หลวงปู่ – คือเรื่องนี้มันแก้ปัญหาได้ ฉันคิดเองนะ และคิดว่ามันแก้ปัญหาได้ด้วย 2 สาเหตุ 1. แก้ได้ด้วยตัวบุคคลผู้เลือก กับ 2. แก้ได้ด้วยระบบ เพราะฉะนั้นตัวบุคคลผู้เลือกก็คือต้องตระหนักสำนึกว่าคนที่ให้เงินเรานี่ เขาต้องกลับไปถอนทุน
แทนคุณ – เหมือนอย่างลงทุนไว้ 100 ก็ต้องเอาคืนมาใช่ไหมครับที่พูดถึง
หลวงปู่ – เหมือนอย่างที่ภาพที่เห็นวันนี้ ได้ไปตั้ง 7 หมื่นกว่าล้านอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการถอนทุนระดับที่เราก็ไม่สามารถจะติดตามเห็นเงาเขาได้ ณ วันนี้เราก็ต้องยอมรับว่าสังคมไทยนี่เราโดนซื้อตั้งแต่เบื้องต้นน่ะ คือสังคมไทยเริ่มขายชาติ ให้กับ คือคนในชาติขายชาติเอง ขายชาติให้แก่คนในชาติเอง และก็คนที่รับซื้อชาติมานั้นก็เป็นคนกลุ่มหนึ่ง และก็มาบริหารชาติตามกระบวนการความยากของตน ตามตัณหาของตน ตามอุปาทานของตน ตามมานะทิฐิของตน แล้วก็จะบอกกับประชาชนคนทั้งหลายว่านี่คือคนในชาติมอบอำนาจให้ฉันมา แต่ว่าจริงๆแล้วก็คนในชาติต้องยอมรับ เราต้องยอมรับว่า ณ วันนี้นี่หลายคนและหลายพรรคการเมือง รวมทั้ง สว. ส.ส.ทั้งหลายนี่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนี่ ไอ้คืนหมาหอนหมาเห่านั้นมันไม่ควรจะพูดแล้ว เวลานี้คนชะเง้อว่าเมื่อไหร่จะมา
ก้องเกียรติ – คือแค่บอกว่าจะยุบสภาตอนนี้
หลวงปู่ – คนก็เที่ยวเริ่มมองแล้ว พวกพ่อค้าก็เริ่มมองแล้วว่าเงินจะเริ่มสะพัดแล้ว
ก้องเกียรติ – ตอนนี้เห็นบอกว่าข้างรัฐบาลส่งมาให้ ส.ส.คนละ 3 แสน เตรียมลงพื้นที่แล้ว
หลวงปู่ – แล้วก็พวกหัวคะแนนทั้งหลายก็เตรียมตัวซื้อรถใหม่ได้แล้ว เตรียมตัวที่จะไปออกดาวน์อะไรต่ออะไรได้แล้ว เพราะว่ามันจะมีเงินก่อนนึงเข้ามาผันอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ ในการที่เราจะไม่ขายชาติให้กับใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วทุกคนเป็นเจ้าของชาติโดยไม่ยินยอม ไม่รับเงินของเขานี่นะ ฉันเชื่อว่าเรามีอำนาจเต็ม และต่อมาก็เป็นเรื่องระบบ
ก้องเกียรติ – แล้วเราจะเลือกใครครับ หลวงปู่ เพราะบางทีหน้าตาที่ไปนี่มันก็ไม่น่าไว้ใจเลยครับ
หลวงปู่ – ไปซื้อเขาหมดเลยหรือ
สามารถ – มันอย่างนี้ครับ หลวงปมันก็ไม่น่าไว้ใจเลยครับ
หลวงปู่ – ไปซื้อเขาหมดเลยหรือ
สามารถ – มันอย่างนี้ครับ หลวงปู่ นี่ที่เราพูดกันนี่คือวิธีการขายแบบเก่า ซื้อแบบเก่า แต่ตอนนี้มีวิธีซื้อแบบใหม่ของรัฐบาลชุดนี้นะ สร้างความหวังไว้ ถ้าฉันได้เป็นนะได้โน่นได้นี่ นั่นยังไม่ให้นะแต่ว่าสร้างความหวังไว้ว่าถ้าได้ต้องได้โน่นทันที อันนี้น่ากลัวมาก เป็นต้นว่า
หลวงปู่ – ความจนจะหมดไป
สามารถ – พิจารณาอนุมัติ เดี๋ยวเล่าเรื่องตลกให้ฟัง พิจารณาอนุมัตินะครับขึ้นเงินเดือนผู้ใหญ่บ้านกำนันคนละพัน วันนี้ลองไปถามว่างบประมาณที่ปี 2549 นี่นะตั้งเรื่องนี้ไว้ไหม ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ โดยหลักการของวินัยทางด้านการเงินการคลังนี่
หลวงปู่ – ไม่ควรจะมาพูดก่อน
สามารถ – มันไม่มีงบรองรับให้คุณตอนที่ยังไม่จ่าย
แทนคุณ – ก็คือว่าพูดเรื่องราวขายฝัน
หลวงปู่ – เรื่องนี้พูดมาก่อนหน้า เลือกการที่พูดก่อนถึงมีงบนี่ สำหรับรัฐบาลชุดนี้พูดอยู่เป็นประจำ
สามารถ – งัดวิธีการซื้อใหม่นี่ รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเอามาใช้
ก้องเกียรติ – ขนาดเรื่องสมัชชาคนจนที่ออกมาต่อต้าน
หลวงปู่ – เพราะว่าก็พูดก่อนมีงบนะ แล้วเอาพวกกองทุนลงทะเบียนมา ลงมากี่ปีแล้วล่ะ
สามารถ – 3-4 ปีแล้ว 8 ล้านคน
หลวงปู่ – แล้วงบอยู่ไหนล่ะ
สามารถ – งบก็ไม่มี จ่ายก็ยังไม่ได้จ่าย
ก้องเกียรติ – ก็ให้ม็อบสลายด้วยการให้ออกพันธบัตร
หลวงปู่ – ก็ลูบหน้าปะจมูกไปวันๆนึง
สามารถ – แต่อันนี้มีคนได้และมีคนเสียนะครับ หลวงปู่ คนได้ก็คือผู้นำม็อบนี่นะ นำครั้งหนึ่งอาจจะได้ส่วนหนึ่ง แล้วพวกม็อบอีกกลุ่มก็นำกลับไป ก็จ่ายคนๆเดียวให้นำ 100 คนกลับนี่มันง่ายจะตายไป วิธีการจัดการง่ายมาก เพราะว่าลัทธิเชื่อผู้นำนี่นะหลวงปู่ เชื่อเถอะจ่ายผู้นำคนเดียวผู้ตามกลับหมดแหละ
แทนคุณ – อันนี้มองมุมกลับกันบ้างไหมครับ ว่าประชาชนควรจะทำยังไง เพราะเราก็คงอยากจะมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ว่าจะให้ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งนี่ ตอนนี้สถานการณ์มันโอเคนะครับ มันจะแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย เราก็ไม่อยากให้มันเกิดความแตกแยกจนกลายเป็นความแตกหักไปในครอบครัวก็ดี
สามารถ – วันนี้นะ ความแตกแยกทางความคิดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าให้ไปถึงขั้นแตกหักทางด้านกายภาพขึ้นใหม่ คืออย่าไปตีกันว่างั้นเถอะ เถียงกันก็เถียงกันไปเถอะ คือวันนี้นะครับน่าเห็นใจเพราะอะไร เพราะว่าเด็กนี่ถูกอัดฉีดด้วยข้อมูลอีกอย่าง ผู้ใหญ่ถูกอัดฉีดโดยข้อมูลอีกอย่างนะ และ 2 คนนี้นะครับได้ข้อมูลที่มานั้นต่างกัน แล้วมานั่งคุยกันเลยเถียงกัน แล้วก็ไม่มีคนกลางมาชี้ขาดว่าตกลงที่เชื่อมานี่ผิดหมด หรือว่าถูกคนใดคนหนึ่ง
หลวงปู่ – ตอนนี้เราต้องยอมรับว่าสังคมเขาสับสน เพราะสื่อที่ออกไปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลก็ตามนี่ มันไม่มีข้อมูลอะไรที่จะไปตัดสินได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็เชื่อไม่ได้ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าสังคมภายนอกนี่ไม่ได้เชื่อข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เชื่อข้อมูลของฝ่ายค้าน ไม่ได้เชื่อข้อมูลของฝ่ายรัฐบาล และก็โดนง่ายต่อการชักจูง
สามารถ – ผมยกตัวอย่างที่หลวงปู่พูดนะ สมมุติว่าวันนี้ก่อนหน้านี้นะครับ ผู้ใหญ่พ่อแก่แม่แก่มาฟังที่สวนลุมนะ เห็นคน 50000-80000 ก็แล้วแต่ ทีวีหลายช่องบอก 5000 คน เด็กดูอยู่ที่บ้านแม่บอกว่าเป็นหมื่น บอกไม่ใช่ 5000 เถียงกันไหม
หลวงปู่ – ก็ถึงได้บอกไงว่ามันทำให้เกิดกระบวนการสับสน
สามารถ – ถามว่าใครเป็นคนทำให้สับสน วันนี้ผู้บริหารทำให้สับสน เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ความสับสนอันนี้ในความคิดผมนะ ต้องแก้ที่คนสร้างความสับสนก็คือตัวรัฐบาล
หลวงปู่ – ฉันนึกไปถึงคำทำนาย 16 ข้อของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายนะ คราใดที่บ้านเมืองเกิดความสัปปรับมดเท็จ บ้านเมืองนี้จะร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟ เพราะมันจะไม่มีสัจวาจาปรากฏในบ้านและเมือง
สามารถ – ก็เดี๋ยวนี้ก็เป็น
หลวงปู่ – แสดงว่าสังคมมันเริ่มสัปปรับมดเท็จกันทุกหย่อมหญ้าไปหมดแล้ว
ก้องเกียรติ – แม้แต่ตัวของผู้นำเอง ซึ่งปกติแล้วในแนวทางจะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ในเรื่องของการที่จะนำ
หลวงปู่ – แต่ก็ไม่เข้าใจว่าแบบอย่างที่ดีของผู้นำของคุณก้องคืออะไร แต่ที่เรารู้เขาก็บอกว่านั่นแหละคือแบบอย่างที่ดีของเขา
ก้องเกียรติ – คือเมื่อก่อนอาจจะเป็นเพราะเจอสภาพเศรษฐกิจตกต่ำหรือเปล่าครับ ก็เลยมองเห็นคนเก่งคนที่มีความสามารถนี่ ที่จะมาช่วยพัฒนาตรงนั้น
หลวงปู่ – เราเอาตัวเลขนำปวงชนน่ะ เราเอาตัวเลขนำสังคม เราเอาตัวเลขนำทรัพยากรมนุษย์ ถ้าเราเอามนุษย์นำตัวเลขเสียบ้างนี่ เราเปลี่ยนทัศนคติกันใหม่ได้ไหมล่ะ เลือกตั้งคราวต่อไปที่จะถึงนี้นะ
แทนคุณ – เอาธรรมนิยมกลับมา แทนที่จะเป็นทุนนิยม
หลวงปู่ – คือเอามนุษย์นำตัวเลข และมนุษย์เป็นผู้ใช้ตัวเลขอย่าให้ตัวเลขมาใช้มนุษย์ ณ วันนี้นี่ที่ผ่านมานี่ไม่ว่าจะทุกรัฐบาล เอะอะอะไรก็อ้างเอามนุษย์ เอาตัวเลขนำมนุษย์
สามารถ – เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด แต่เกิดตั้งแต่ปี 2504 เลือกตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นมา ก็มีเป้าหมายในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ว่าปีหนึ่งโต 5%3% พอตั้งโต 4 ปั๊บนี่ทุกอย่างต้องทำให้ได้ 4 หมด นี่คือตั้งเป้าให้เดินเข้าหา มันก็เลยเหมือนกำหนดความอยากขึ้นมาแล้วให้คนไล่ นี่มันก็เลยมีปัญหามาตั้งแต่คุณใช้
หลวงปู่ – คือสภาพัฒน์นี่น่าจะเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ว่าควรจะตั้งเอามนุษย์นำตัวเลข
แทนคุณ – ก็คือเอาเรื่องสังคมขึ้นมาก่อนใช่ไหมครับ
หลวงปู่ – เอาเรื่องของคนขึ้นมาก่อน และตัวเลขนี่คือมนุษย์เป็นผู้ใช้ตัวเลข ไม่ใช่ตัวเลขมาบงการมนุษย์
ก้องเกียรติ – และตัวเลขที่เขาบอกว่ามาจากการวิเคราะห์วิจัยนี่ ปรากฏว่ามีนักวิชาการออกมาแฉบอกว่า จริงๆแล้วรายได้ต่อครัวเรือนที่บอกว่า ได้สูงขนาดนั้นสูงขนาดนี้นี่ ปรากฏว่าผู้ใหญ่บ้านหรือว่ากำนันนี่ไปกำหนดให้เขาว่า ต้องกรอกมาให้ได้รายได้ต่อหัวเป็นเท่านี้ๆ
สามารถ – นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่มีอีกประเด็นที่ตลกกว่านั้น คน 100% ประชากร 100% 60 ล้านคนนี่นะครับ มีคน 10% ผมว่า 10% นี่เป็นคนผลิตรายได้ซัก 5000-70000 ล้าน อย่างนายกฯคนเดียวนี่ 78000 ล้านงวดเดียวนี่นะ และเอารายได้ทั้งหมดนี่นะมาหารด้วยจำนวนประชากร ก็แปลว่าคนที่ไม่มีรายได้เลยก็เพิ่มขึ้นสิ เพราะมันคล้ายๆกับคุณได้เพิ่มไง
หลวงปู่ – ไม่ คือเขาบอกให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันเอา 70000 หมื่นล้านมาหารให้กับ 60 กว่าล้านคน
สามารถ – ก็ใช่ครับ เขาทำแบบนี้ไง
ก้องเกียรติ – คือในตัวเลขนี่มี แต่ในกระเป๋าตังค์นี่ไม่มี
หลวงปู่ – ก็ถือว่าไปขอแบ่งมาจาก 7 หมื่นกว่าล้านไง
แทนคุณ – ท่านผู้ชมมีคำถามเข้ามาแล้วครับ ผู้ชมบอกว่าตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ต่อต้านผู้นำมาตลอดตั้งแต่แรก คุณไพศาลถามว่าถ้าเป็นคนไทยและแนะนำให้คนอื่นไม่เสียภาษีจะเป็นบาปต่อตัวเองหรือไม่
ก้องเกียรติ – ตอนนี้สังคมรู้สึกว่าไม่อยากจะเสียภาษีกันทุกคนนะครับ ส่วนคำถามแรกนี่น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น
หลวงปู่ – อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเป็นคนที่มีจุดยืนของตัวเอง คือการจะมีความคิดดีไม่ดีไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือสูง ฉันเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือสูง แต่ว่าทัศนคติในการมองโลก เราก็ต้องรู้จักแยกแยะดีชั่วถูกผิด เพราะว่าธรรมะมันสอนให้เรารู้จักอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในกระบวนการที่จะมองโลกในความถูกตรงถูกต้อง เอาธรรมาภิบาลเป็นตัวตั้ง หรือเอาธรรมาธิปไตยเป็นตัวตั้ง มันก็เป็นเรื่องชอบธรรมที่ควรจะมอง ควรจะมี แต่ ณ วันนี้นี่วิถีทางในการเสนอธรรมาธิปไตยของเรานี่ มันโดนลดทอนบรรเทา หรือว่าตัดทอนหายไปจากสังคม มันเหลือแต่อัตตาธิปไตยเป็นใหญ่เสมอ มันก็เลยได้ผลลัพธ์อย่างที่เห็น และก็ต้องมาทะเลาะกันไม่รู้จักเลิกเสียที ส่วนที่คุณไพศาลไว้ถ้าแนะนำให้คนอื่นไม่เสียภาษีจะเป็นบาปต่อตัวเองหรือไม่นี่
สามารถ – คือต้องดูก่อนว่าการเสียภาษีนี่ มันเป็นหน้าที่ไปกำหนดไว้ เป็นหน้าที่ของประชากร หรือพลเมืองของประเทศนั้นๆ เมื่อมีรายได้นี่นะเกินกำหนดที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียภาษี
แทนคุณ – ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ เด็กๆก็ต้องเสีย ใช่ครับ
สามารถ – ผู้ประกอบการที่มีรายได้เกินกฎหมายกำหนดว่าต้องเสียภาษีก็ต้องเสียภาษี อันนั้นเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ถือเป็นหน้าที่พลเมืองดีนะต้องเสียภาษี ถ้าวันหนึ่งมีคนไม่เสียภาษี คือการหลบเลี่ยงหรือทำอย่างไรก็ได้ ผิดหน้าที่พลเมืองครับอันแรก และถ้าผิดหน้าที่พลเมืองคือผิดอะไร มันก็ผิดศีลผิดธรรมด้วย เพราะศีลธรรมกับหน้าที่นี่มันอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นคนที่แนะนำคนอื่นไม่ให้เสียภาษีนี่นะ นอกจากตัวเองโกงแล้วนะ ช่วยคนอื่นโกงนี่บาป 2 เท่านะ
ก้องเกียรติ – แล้วถ้าเกิดเขาอ้างว่านี่ก็มีผู้นำที่บอกว่ามีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีนี่ บริหารประเทศทำเป็นตัวอย่างเขาก็เลยทำตาม
สามารถ – การมีจริยธรรมกับไม่มีจริยธรรมไม่ได้เชื่อคนบอกนะครับ แต่เขาดูที่การกระทำและพฤติกรรมเป็นหลัก
หลวงปู่ – คุณก้อง คุณเคยได้ยินคำว่าสำนึกไหม
สามารถ – ดูที่พฤติกรรมครับ วันนี้นะมีนักวิชาการมาท้วงติง ก.ล.ต. ว่าอย่าดูเอกสารอย่างเดียวให้ดูพฤติกรรมด้วย
หลวงปู่ – ก.ล.ต.เขาก็มองว่า เขาก็ถือกฎหมายอยู่ในมือ เขาก็มองตัวบทกฎหมาย เขาไม่ได้มองถึงว่าอารมณ์ของบุคคล เพราะว่ากฎหมายไม่ได้ตัดสินอารมณ์ กฎหมายตัดสินตามตัวเลข
สามารถ – กฎหมายนี่นะ 209 นี่นะเขียนชัดว่า รัฐมนตรีนี่ถือหุ้นเกิน 5% ไม่ได้ ถ้าถือนี่นะต้องยกให้องค์กรกลาง และต้องไม่เข้าไปบริหารจัดการ กฎหมายนี่มัน 2 นัย 1. มีความหมายตามตัวอักษร 2. เจตนารมณ์ในการออกกฎหมาย อันนี้นะมองทั้งด้านเจตนารมณ์ มองทั้งตัวอักษรนี่ผิดหมดแหละ คือ 1. คุณพานทองแท้บอกว่าไม่รู้เรื่องเพราะผู้ใหญ่สั่ง ถามว่าผู้ใหญ่สั่งนี่ถือว่าจัดการไหม จัดการครับ
หลวงปู่ – ผู้ใหญ่นี่อาจจะเป็นปู่ ป้า ยาย ตา
สามารถ – ตามนัยแล้วไม่มีคนอื่นหรอกครับ หลวงปู่ เพราะว่าไม่มีใครโอนทรัพย์สินให้คนนอกเหนือจากลูกกับภรรยาหรอก
หลวงปู่ – แล้วคิดว่าคนอย่างคุณพานทองแท้หรืออะไรต่ออะไรนี่นะ มีความสามารถจะบริหารบริษัทมูลค่า 70000 ล้านได้หรือ
สามารถ – นี่แหละ มองด้วยเจตนารมณ์แล้วไม่มีใครเชื่อไงครับ แต่ ก.ล.ต.ตีความตามตัวอักษรเป๊ะเลยนะ เมื่อชื่อเป็นของคนนั้นก็ของคนนั้น นี่เขาเรียกว่าศรีธนญชัยกลับชาติมาเกิดนะ ไอ้พรรค์นี้
ก้องเกียรติ – บรรลุนิติภาวะแล้ว
สามารถ – ศรีธนญชัยกลับชาตินะ ตีความเป๊ะเลย เป็นแบบศรีธนญชัย ถ้าดูเจตนารมณ์แล้วเด็กนี่บริหารจัดการได้ไหม คุณไปดูซิว่าขายแล้วเงินเข้าบัญชีใครสมมุตินะ ไม่ได้หรอก
หลวงปู่ – เขาทำบริษัทเขายังเจ๊งเลย ของเขาเอง ตัวเขาเองบริหารจัดการแค่ไม่กี่สิบบาท คุณพ่อก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าก็ขาดทุน ว่าลูกเขาทำธุรกิจก็ขาดทุน 7 หมื่นล้านนี่ไม่ขาดทุน แต่ธุรกิจเล็กๆน้อยๆนี่ขาดทุน นี่ก็แสดงว่ามือเขาสูงกว่า
สามารถ – เรื่องนี้นะครับ ถ้ามองตามเจตนารมณ์แล้ว ทุกคนไม่เชื่อว่าเด็กเข้าไปจัดการ
หลวงปู่ – แล้วใครเป็นคนไปจัดการ
สามารถ – ก็ผู้ใหญ่จัดการไง
ก้องเกียรติ – นายกฯเขาแถลงบอกมีนักบริหารมืออาชีพคอยดูแล
หลวงปู่ – คุณสุวรรณ วลัยเสถียรหรือ
สามารถ – ถามว่า 35 คนของรัฐมนตรี คุณเคยเห็นรัฐมนตรีคนไหนแสดงความสามารถในการบริหารจัดการบ้าง ผมก็เห็นนายกฯจัดการอยู่คนเดียว แล้วโดยนัยนี้นะบริษัทผมก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น
หลวงปู่ – เอาเถอะ เขาไม่บอกเราก็ปล่อยเขา อย่าไปคิดมาก
แทนคุณ – คุณสมชายถามว่าทำอย่างไรจะไม่ให้เครียดกับการเรียน คือในช่วงนี้น้องๆหลายคนก็เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ช่วงนี้แหละครับ
หลวงปู่ – ก็ตลอดปีที่ผ่านมานี่น้องหนูไม่ยอมอ่านหนังสือ หรืออ่านน้อยมาก มันก็เลยมาเครียดเอาตอนสุดท้ายนี่แหละ ถ้าน้องหนูรู้จักเตรียมการเสียแต่เบื้องต้น เนิ่นๆตอนเปิดเทอมแรกนะ วันนี้น้องหนูไม่เครียดหรอก ไอ้ที่น้องหนูเครียดก็เพราะน้องหนูไม่ได้เตรียมการแต่เบื้องต้น มาเร่งอ่านหนังสือเอาตอน 7 วันสุดท้ายนี่ น้องหนูก็ต้องเครียดเป็นธรรมดาแหละ
แทนคุณ – เหมือนกับว่าเวลาเราทำอะไรความดีมา ไม่ยอมทำมาแต่ต้น มาปั่นเอาช่วงท้ายๆ
หลวงปู่ – ตอนฝนตกใหม่ๆน้องหนูไม่ยอมตั้งตุ่ม ไม่ยอมเปิดตุ่ม ไม่ยอมรองน้ำ พอฝนจะหายแล้วน้องหนูแบกตุ่มไปตั้ง แล้วก็จะมาบอกว่าน้ำทำไมไม่เต็มตุ่ม มันก็เป็นธรรมชาติ เวลาเรียนน้องหนูก็ไม่สนใจ แต่เวลาสอบน้องหนูจะมาตะกายหาความรู้คงจะยากน่ะ
ก้องเกียรติ – แต่ว่าไหนๆแล้วไม่ทันเราจะทำยังไงครับ
หลวงปู่ – ก็ต้องหากรรมวิธีก็คือขอร้องเถอะอย่าไปกินกาแฟเป็นผงๆ อย่าไปหายาเสพติดมาส้องเสพ มันยิ่งจะทำให้สมองตื้อและคิดไม่ออกใหญ่ ทำเท่าที่ทำได้
แทนคุณ – ผมมีเทคนิค ไหนๆก็อยู่ในวัยที่เรียนหนังสืออยู่ 1. ก็คือว่าพยายามแบ่งเวลา สมมุติว่าหนังสือนี่มี 5 วิชาต้องอ่าน เราก็กำหนดเวลาละชั่วโมง แต่ให้สลับกันมันจะไม่เบื่อ มันจะไม่เครียด มันจะไม่ตึงเกินไป
หลวงปู่ – แล้วเวลาจำล่ะ
แทนคุณ – ก็ผมว่ามันจะทำความเข้าใจ ตอนที่เราอ่านไปจำไปนะครับ และก็สลับกันไปแล้วมันจะใช้เวลามากขึ้น
สามารถ – คือเดี๋ยวนี้ปัญหาในการเล่าเรียนนี่ไม่เหมือนกับสมัยที่พวกเราเลย เดี๋ยวนี้นะปัญหาเป็นแบบวงกลม เด็กมันเลยประมาท เพราะว่าเรียนยังตอบได้ วงๆสอบตกสอบได้อีกเรื่องนึงนะ แต่ว่ามันไม่ต้องใช้ความคิดนี่วงๆเลย แต่รุ่นพวกผมนี่มันเขียน 9-10 ข้อนี่ 30-40 หน้าเป็นอัตนัย ทีนี้ผมแนะนำอย่างนี้นิดนึงถ้าจะเรียนหนังสือให้ดีนะ สิ่งแรกนี่ไม่ใช่ว่าขยันไม่นอนเลยก่อนสอบนี่ไม่ใช่ อ่านหนังสือตลอดปี และก็แยก 2 ประเภท 1. จำ 2. ทำความเข้าใจ จำนี่ต้องโน้ตแต่ความเข้าใจนี่ไม่ต้องโน้ตออกมา อ่านมากอย่างเดียวทำความเข้าใจ ยาขอบเขาเขียนไว้อันหนึ่งดีมากเลย ว่าอ่านหนังสือนี่ต้องอ่านให้ได้ 3 เที่ยว เที่ยวแรกนี่นะเชื่อมันหมดตามที่เขาเขียน เที่ยว 2 นี่ค้านทุกตัวที่ค้านได้ เที่ยว 3 ลองให้ไม่ต้องค้านและไม่ต้องเชื่อและเอาไปใช้ นี่คือที่ยาขอบเขาเขียนไว้
แทนคุณ – มีถามมาเรื่องทศพิธราชธรรมถามว่ามีกี่ข้อ และมีอะไรบ้าง ก็มี 10 ข้อนะครับ คือ ทาน (การให้) ศีล (รักษาความบริสุทธิ์กายและใจ) ปริจาคะ (การบริจาค) อาชวะ (ความซื่อตรง)
หลวงปู่ – หลายคนอาจจะสงสัยว่ามีทานก็ให้อยู่แล้ว และมีปริจาคะทำไมต้องให้อีกเนี่ย อยากบอกว่าปริจาคะนี่มันเป็นเรื่องที่แม้ที่สุดให้อภัยนะครับ ให้ในสิ่งที่มันให้ได้ยาก แต่ทานนี่มันก็คือให้สิ่งที่ให้ได้ง่าย เช่น ทรัพย์สินเงินทอง แก้วแหวนหรือวัตถุธาตุต่างๆ แต่ปริจาคะนี่แม้ที่สุดก็คือมันให้ได้แม้กระทั่งอวัยวะ ให้ได้แม้กระทั่งชีวิต
แทนคุณ – ความเหน็ดเหนื่อย ความทุ่มเท
หลวงปู่ – ก็คือให้ความสุขส่วนตัวกับคนอื่น เพื่อให้คนอื่นมีความสุข และก็ตัวเองไม่ต้องกังวลเรื่องความทุกข์ที่จะต้องได้รับ
ก้องเกียรติ – เดี๋ยวเราเอาความหมายของทศพิธราชธรรมก่อน
หลวงปู่ – ธรรมของผู้ใหญ่ก็ได้ ธรรมของผู้มีอำนาจก็ได้ ธรรมของพระราชาก็ได้ ธรรมของผู้นำก็ได้ แต่ว่าโดยหลักรวมๆแล้วนี่ ถ้าเป็นธรรมของผู้ใหญ่เขาก็จะชอบพูดกันถึงเรื่องพรหมวิหาร 4 ก่อน ก็คือต้องมี เมตตา มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา แต่ถ้าหากว่าเป็นธรรมที่จะไปบริหารจัดการบุคคล และก็ประเทศชาติแผ่นดิน อย่างเช่นราชธรรมเขาก็เรียก
สามารถ – คือราชในความหมายของภาษาแขกนี่ คือชนชั้นปกครองนี่เรียกหมดเลย อยู่ในกลุ่มนั้นหมด
หลวงปู่ – เป็นธรรมของราชา แต่ว่า ณ วันนี้นี่ถ้าเรามามองถึงท่านผู้นำของเราว่ามีทศพิธราชธรรม 10 ประการครบสมบูรณ์ไหมนี่
แทนคุณ – ไล่ไปทั้งหมดก่อนนะครับ มีทาน
หลวงปู่ – เขาก็ให้นะ ดูไปที่หมู่บ้านอาจสามารถ นิยายน้ำเน่าหรือนิยายปรัมปรานั่นน่ะ
สามารถ – ทานในความหมายนี้ให้ทรัพย์สินของตัวเองแก่คนอื่นนะ
หลวงปู่ – ให้ขอทานตั้ง 2000 นี่ไม่มีทานหรือ
สามารถ – อันนั้นก็ถือว่าให้
หลวงปู่ – นั่นน่ะทานแล้ว ท่านผู้นำมีทานแล้ว ข้อต่อไป
แทนคุณ – ข้อต่อไปศีลครับ ศีลก็คือรักษาความเป็นปกติ อย่างน้อยก็คือศีล 5 ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ไม่ลัก ไม่โลภ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ส่อเสียด เพ้อเจ้อ คำหยาบ ไม่ส่งเสริมอบายมุข
หลวงปู่ – อันนี้ไม่ขอวิจารณ์
สามารถ – คือความหมายของศีลนี่นะ ศีลคือการรักษากายกับวาจาให้เป็นปกติ เมื่อเป็นปกติก็คือว่าให้มันมีความเป็นคนมากที่สุด ทีนี้ถ้าสมมุติว่าใครซักคนหนึ่งผิดศีลก็คือคนนั้นไม่ปกติ ทั้งร่างกายและวาจานี่ไม่ปกติ
หลวงปู่ – อย่าไปพูดเรื่องศีลกับท่านผู้นำ มันอึดอัด
ก้องเกียรติ – ถ้าเต็ม 10 นี่ซักเท่าไหร่
สามารถ – คือผมว่านะต้องแยกเป็นข้อๆ ที่มีปัญหาผมคิดว่าน่าจะมากที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้อ 4 มุสาวาทานี่แหละ
หลวงปู่ – แต่ถ้าทานนี่ฉันได้ 100 นึงเลยนะ เพราะท่านขยันทำทานมากเลย ศีลนี่ฉันลบ 100
แทนคุณ – อันที่ 3 ก็คือปริจาคะ บริจาค การเสียสละ ความทุ่มเท เอาใจใส่
หลวงปู่ – ต้องไม่มีเลศนัย ปริจาคะนี่ต้องไม่มีเลศนัย ต้องบริสุทธิ์ใจ อย่างนั้นฉันให้หาร 50
แทนคุณ – ก็คือเริ่มกลับมาบาลานซ์กันแล้วครับ
สามารถ – การบริจาคนี่คือการให้โดยไม่ต้องวางผลตอบแทน
ก้องเกียรติ – เขาบอกเป็นนายกฯก็ต้องเสียสละ ชีวิตส่วนตัวและต้องมาทำงานเพื่อบ้านเมือง
หลวงปู่ – ก็ได้ไปตั้ง 7 หมื่นล้านแล้วล่ะ
สามารถ – ทำไมต้องมาซุกหุ้นล่ะ
แทนคุณ – ข้อที่ 4 คืออาชวะ ก็คือความซื่อตรงต่อหน้าที่ ต่อการงาน ต่อตัวเอง
หลวงปู่ – คนอื่นเขาบกกำลัง 2 ฉันยกกำลัง 4 เลย
ก้องเกียรติ – ไม่มีใบเสร็จนี่ก็จัดการเลย อันนี้เชื่อได้ไหม
สามารถ – ก็พิสูจน์แล้วไง ซีทีเอ็กซ์ไง
หลวงปู่ – อย่างนั้นหารยกกำลัง 4
แทนคุณ – ข้อที่ 5 คือมัทวะ คือความอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน มีอัธยาศัยไมตรีดีต่อผู้อื่น
หลวงปู่ – ท่านดีนะกับลูกกับเมีย กับคนอื่นไม่รู้ ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนกับภรรยาท่านนะ วิธีการพูดคุยสื่อสาร
ก้องเกียรติ – แล้วที่บอกว่าโจรใต้เป็นโจรกระจอก
หลวงปู่ – ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนกับครอบครัวท่าน แต่กับครอบครัวคนอื่นฉันไม่รู้
สามารถ – อ่อนน้อมถ่อมตนนี่ต้องดูจาก 2 ทาง คือ 1. การแสดงออกทางกาย การแสดงออกทางวาจา คือไม่ขัดหูคนอื่น ไม่ขัดตาคนอื่นก็ถือว่าโอเค แต่ถามว่าที่เป็นมามันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
แทนคุณ – ข้อที่ 6 ก็คือตบะ ก็คือความเพียรพยายามที่จะขัดเกลาหรือพัฒนาตัวเอง หรือว่าพัฒนาผู้อื่น
หลวงปู่ – เขาเรียกว่าความตั้งมั่นในวิธีทางแห่งการทำความดีและความเจริญ ท่านนายกฯก็คงจะมีความตั้งมั่นหรอก เพราะว่าถ้าไม่ตั้งมั่นก็คงไม่บริหารธุรกิจตัวเองได้ถึงขนาดนี้
ก้องเกียรติ – อันนี้ต้องเพื่อแผ่นดินด้วยไม่ใช่หรือครับ
หลวงปู่ – ถ้าเพื่อแผ่นดินนี่ท่านก็ตั้งมั่นนะ ท่านก็พยายามตั้งมั่นเพื่อเป้าประสงค์ของตัวเองไง
สามารถ – ถ้าเราจะอธิบายเรื่องนี้นะครับ เนื่องจากว่าทศพิธราชธรรมนี่เป็นธรรมะของชนชั้นปกครอง เพราะฉะนั้นต้องเน้นไปถึงว่าผู้ใต้ปกครองต้องได้รับผลจากการบริหารจัดการ ไม่ใช่ว่าตัวเองได้แล้วตีความไม่ใช่นะข้อนี้ ต้องบอกว่าธรรมะของชนชั้นบริหารจัดการ
แทนคุณ – ข้อนี้สำคัญนะครับ เวลาที่เราบอกว่าเรามีคนดีซักคน หรือทำความดีซักคนหนึ่ง ส่วนใหญ่ถ้าเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้งให้คะแนนตัวเองนี่มันเต็มร้อยเกือบหมด แต่ถ้าความดีต่างๆที่เป็นเสียงสะท้อนจากคนอื่น
หลวงปู่ – ต้องถามคนที่ได้รับการกระทำนั้นกลับมา
สามารถ – ชนชั้นปกครองนั้นคุณต้องถามคนที่ถูกปกครอง ว่าเขาได้อะไรจากการทำอย่างนั้น
แทนคุณ – เราต้องเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นจริงๆ
สามารถ – แล้วต้องใช้มาตรฐานทางคำสอนทางศาสนาที่ท่านเชื่อว่าเป็นจริงเป็นตัววัด ห้ามใช้ นาย ก. นาย ข. เป็นตัววัด ยิ่ง นาย ก. นาย ข. ที่ได้ผลตอบแทนจากการวัดนี่ห้ามใช้นะครับ
แทนคุณ – มันจะโน้มเอียงเลย เกิดความลำเอียง ข้อถัดมานะครับก็คืออโกรธะ คือไม่ผูกโกรธ ไม่ผูกพยาบาท อดทนอดกลั้นในการที่ใครจะมาติฉินนินทา ใครจะมาว่ากล่าววิพากษ์วิจารณ์
หลวงปู่ – ลบ 800
สามารถ – แสดงว่าเย็นมากเลย ลบ 800
หลวงปู่ – เพราะท่านนายกฯเป็นคนไวต่อสถานการณ์ และก็ไวต่ออารมณ์ และก็ปากเสีย
สามารถ – รู้ไหมว่าขันติเขาวัดกันตรงไหน ขันติเขาไม่ได้วัดตรงที่ว่าผู้ใหญ่กว่าด่าแล้วอดทนได้นะ เขาวัดตรงที่เด็กกว่าด่าแล้วทนได้
แทนคุณ – ใช่ครับ มันมีบัญญัติไว้ว่าถ้าคนใดก็ตาม ทนคนที่ด้อยกว่าอ่อนกว่า ถ้าทนคนเสมอกันนี่ถือว่าเกรงใจ สูงกว่านี่ถือว่ากลัว ระดับต่ำกว่าถ้าอดทนได้นี่คือดีที่สุด อันนี้ก็น่าสนใจมาก
สามารถ – ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าเป็นธรรมะของผู้บริหารนี่ต้องทนต่อคนข้างล่าง
แทนคุณ – คนที่ด้อยกว่า คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเรา
หลวงปู่ – อย่างนั้นหาร 800
แทนคุณ – ข้อที่ 8 คืออวิหิงสา การไม่เบียดเบียน คือการมุ่งมั่นสู่ความไม่เบียดเบียนกัน
หลวงปู่ – ฉันก็เห็นท่านก็ตามราวีทุกเรื่องที่มีมา ฉันก็ไม่รู้ว่าท่านคิดยังไงนะ แต่ว่าในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลของสาธารณะนี่ ท่านควรจะต้องรับได้ทุกสภาพ เมื่อสมัครใจเข้ามา แม้กระทั่งสื่อต่างๆท่านก็หาวิธีการจะไปเล่นงาน หรือแม้ท่านไม่ทำเองก็ให้คนอื่นทำอะไรอย่างนี้ พวกเราต้องยอมรับว่าอย่างนั้นก็ควรจะลดท่านอีก 800
แทนคุณ – สิ่งสำคัญคือยุคนี้นี่น่าแปลกใจว่าความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นมาก และใครๆก็มักจะอ้างว่าใช้ความรุนแรงเพื่อระงับความรุนแรง
หลวงปู่ – ที่จริงแล้วเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า สังคมพอไม่มีคำตอบไม่มีทางออก มันก็ต้องหาทางปะทุ ถ้าคุณได้เปิดช่องได้สังคมได้ออกบ้างนี่ เขาบอกว่าอย่าให้สุนัขจนตรอก เพราะมันจะสู้จนตายเลย แล้ววันนี้นี่ท่านผู้นำและก็คณะรัฐบาลเขาพยายามจะไล่สุนัขให้จนตรอก และพอสุดท้ายสุนัขหันมากัดเข้าก็มาโวยวาย ร้องว่าสุนัขแกล้งหนู
แทนคุณ – ตอนนี้สุนัขมันกลายเป็นพยัคฆ์ขึ้นมา
หลวงปู่ – สุนัขจนตรอกนี่มันก็จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะฉะนั้นท่านผู้นำก็ต้องระวังตัวเองด้วยแล้วกัน
แทนคุณ – ข้อที่ 9 ก็คือขันติครับ ความอดทนอดกลั้น
หลวงปู่ – เขามีคำกล่าวต่อมาด้วยนะ ขันติคือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง ณ วันนี้เราต้องยอมรับว่าเราไม่ค่อยได้เห็น
แทนคุณ – วิสัยทัศน์ในมุมนั้น มีแต่การเพิ่มกิเลสด้วยซ้ำ
หลวงปู่ – มันก็จะมีแต่การพยายามที่จะเพิ่มกิเลสให้โตขึ้น และก็หาวิธีที่จะใส่เข้าไป ใส่ไฟเข้าไป ไปเร่งเร้าให้เกิดการปลุกระดม การยั่วยุ ตัวอย่างเช่นคุณก้องพูดเมื่อครู่นี้ โจรกระจอกอย่างนี้เป็นต้น ณ วันนี้นี่สมเด็จพระราชินีต้องออกมาตรัสอีกครั้งแล้วว่า มันไม่รู้จักจบเสียทีหรือ มันเป็นปีแล้วนะ ใช้เวลาแล้วกับการแก้ปัญหา ผู้คนก็แยกย้ายหนีออกมาจากพื้นที่มากพอแล้ว และรัฐบาลก็ออกมาขานรับ บอกว่ารับพระราชเสาวนีย์ จะหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด ก็เห็นแต่ละคนออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้น ก็ภายใน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปีอะไรอย่างนี้ จนไปๆมาๆนี่ก็กลายเป็นเปลี่ยนสรรพนามใหม่ว่า ใครจัดการได้ก็ถือว่าเป็นเทวดา สรุปรวมๆก็คือว่าไม่มีฝีมือหรือเปล่า ฉันได้มีโอกาสได้คุยกับคณะทีมงานของท่านอานันท์นะ
แทนคุณ – คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
หลวงปู่ – เขาบอกเขาก็ไปลงพื้นที่ไปกินไปนอนไปอยู่ที่นั่น และเขาก็ได้มีสัมพันธภาพอันดีต่อคนในพื้นที่พอสมควรนี่ เขาก็เห็นปัญหา ก็พยายามชี้แจงกลับไปที่ฝ่ายรัฐบาลนี่ แต่เหมือนตักน้ำรดหัวตอ
ก้องเกียรติ – ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย
แทนคุณ – ส่วนหนึ่งก็คือต้องดูความจริงใจด้วยว่า ท่านอานันท์ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินใจแก้ปัญหา
สามารถ – คืออย่างนี้คนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นนี่นะ และห่างไกลจากวัฒนธรรมคนตรงนั้นนี่นะ และไปมองประเดี๋ยวประด๋าวนี่ไม่มีความเข้าใจหรอก เพราะตรงนั้นมันฝังรากหยั่งลึกมานานเท่าไหร่ ตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัย มันหลายเป็นพันปีนะครับ และคนตรงนั้นมีความแตกต่าง และก็บริหารความแตกต่างกันมาโดยตลอดนะไม่มีปัญหา สมัยก่อนอิสลามนี่นะเขาไปยิงหมูป่ามาได้นี่นะ เขามาวางไว้หน้าบ้านพุทธให้เอาไป ไม่มีปัญหาแบ่งกันกิน วัดสมภารเพื่อนผมอยู่ที่ปัตตานีนี่นะจัดงาน มุสลิมเอามะพร้าวมาให้ถามว่าจะเอาเท่าไหร่ ไม่พอเดี๋ยวเอามาให้อีก ก็อยู่อย่างนี้มาตลอดน่ะ ไม่มีปัญหา แต่วันนื้ทำไมความแตกต่างถึงกลายเป็นปัญหา เพราะอะไร เพราะมีคนไปตอกลิ่มตรงนั้นน่ะให้มันห่างหรือเปล่า
หลวงปู่ – ให้เกิดความแตกแยก
สามารถ – มันมีอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า และคนที่ตอกลิ่มนี่เป็นพวกคนตรงนั้นหรือว่าคนที่อื่น ต้องดูตรงนี้นะ
ก้องเกียรติ – เพราะฉะนั้นก็สรุปได้ว่าก็คือปัญหาของผู้นำคนปัจจุบัน
สามารถ – เพราะผู้นำไม่เข้าใจปัญหา คนในพื้นที่สร้างปัญหาเพิ่ม
หลวงปู่ – ที่จริงนี่ท่านผู้นำนี่เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญชำนาญเรื่องปัญหาตัวเลขมากกว่าปัญหาสภาวะสังคม ฉันพูดอย่างนี้เลย
แทนคุณ – และข้อสุดท้ายนะครับคืออวิโรธนะ คือการพยายามผิดต่อจารีตประเพณี หรือละเมิดต่อศีลธรรมอันดีของบ้านเมือง
หลวงปู่ – วันวาเลนไทน์ก็เห็นท่านผู้นำหอมแก้มภรรยาฟอดๆ
ก้องเกียรติ – วันมาฆบูชาออกไปตีกอล์ฟครับ
หลวงปู่ – เราก็เลยไม่รู้ว่าท่านผู้นำทำอะไรอยู่ เราไม่เห็นท่านผู้นำพาลูกเมียไปปฏิบัติธรรม สวดมนต์ รักษาศีล ทำตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนดู เราไม่เห็น เราเห็นแต่ท่านผู้นำส่งไอเลิฟยูอะไรกับชาวบ้านแบบนี้
ก้องเกียรติ – ให้ดอกกุหลาบ
หลวงปู่ – มันก็เลยกลายเป็นสภาพที่ท่านไม่เหมาะสมที่จะบริหารจัดการสังคม แต่ท่านเหมาะสมที่จะบริหารตัวเลข
ก้องเกียรติ – ธุรกิจ ก็เลยมีคำถามจากกระบี่บอกว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในความหมายพุทธนี่ มีลักษณะยังไง
หลวงปู่ – ในหลวงไง ที่มีอยู่ ณ วันนี้แหละ นั่นแหละคือผู้นำที่ยิ่งใหญ่แล้ว
แทนคุณ – อย่างน้อยก็คือทศพิธราชธรรมนะครับครบถ้วน
หลวงปู่ – เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่แผ่นดินไทยได้รับทุพภิกขภัยเดือดร้อน เงินก้อนแรกที่ปรากฏกับผู้ช่วยเหลือ ผู้ได้รับการช่วยเหลือก็คือเงินของในหลวง เราไม่เคยเห็นเงินของฝ่ายรัฐบาล หรือเงินของรัฐมนตรี หรือ สว. ส.ส. ทุกครั้งที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นในแผ่นดินในปฐพี ก็คือเงินในหลวงไปพระราชทาน
แทนคุณ – และก็สิ่งของพระราชทานจากพระองค์ท่าน
ก้องเกียรติ – มีคอลัมนิสต์เขาวิเคราะห์เหมือนกันว่า ถ้าเกิดไม่มีทักษิณหรือว่าไม่มีรัฐบาลชุดนี้ เศรษฐกิจอาจจะล้มลง ปรากฏว่าจริงๆแล้วเขาก็วิเคราะห์กันว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือว่าสังคมอยู่ที่ในหลวง
สามารถ – คือต้องดูอย่างนี้ คนพูดนี่นะครับอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือลืมประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง ประเทศไทยนี่นะครับ 80% เป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นพ่อค้าอย่างที่นายกฯเข้าใจ เพราะฉะนั้นเกษตรกรเขาอยู่กับไร่กับนากับสวนนี่นะ ถ้าเขามีผลผลิตพอกินเหลือขายนี่นะเขาอยู่ได้ คุณอย่าไปยัดเยียดให้เขามีหนี้เกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีทักษิณ แต่มีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ในหลวงดำริไว้นี่นะ ชาวบ้านก็อยู่ได้ เพราะไม่มีหนี้ มีอยู่มีกินเหลือขาย เขาไม่มีปัญหา
หลวงปู่ – ฉันคุยกับนักเศรษฐศาสตร์หลายคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนะ เขาบอกว่า ณ วันนี่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจในระดับรากหญ้า ที่มันยังสามารถดำรงอยู่ได้นี่ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล แต่เป็นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สามารถ – เศรษฐกิจพอเพียงที่ไปพัฒนาต่อยอดจากอาชีพดั้งเดิมที่เขามีอยู่ อาชีพดั้งเดิมเขามีนา 10 ไร่นะ มีฝนตกก็ทำ ไม่มีฝนไม่ทำ ในหลวงก็ให้ขุดบ่อเลี้ยงปลา
แทนคุณ – ทฤษฎีใหม่ 30% ใช้อันนี้ๆ
สามารถ – มาต่อยอดตรงนั้น ให้เขาทำได้ ให้อยู่ได้
แทนคุณ – สิ่งสำคัญวันนี้คือไม่ใช่แก้ปัญหาเรื่องความยากจน แต่ควรจะต้องไปแก้ปัญหาเรื่องความร่ำรวย
หลวงปู่ – อย่ารวยมากไป แบ่งปันให้คนอื่นเขาบ้าง
สามารถ – อย่ารวยบนพื้นฐานของการนำทรัพยากรของธรรมชาติไปใช้คนเดียวหรือกลุ่มเดียว นั่นแหละอันนั้นแหละ
หลวงปู่ – อย่าเอาเปรียบสังคม
ก้องเกียรติ – มีคำถามจากอุดรธานี บอกว่าอยากให้หลวงปู่แนะนำว่านายกฯควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรนะครับ
หลวงปู่ – ที่จริง ณ วันนี้นี่ ถ้าจะพูดถึงการปฏิบัติตัวนี่มันสายไปแล้ว สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบททดสอบที่ทำให้เห็นว่าสังคมเรารับท่านไม่ได้ และมันก็สายที่จะปรับตัวแล้ว ถ้าจะมากล่าวคำขอโทษประชาชนมันก็จะมองว่าแล้วพฤติกรรมท่านเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนไวต่อการพูด ในขณะเดียวกันท่านก็ไวต่อการกระทำ แต่การพูดกับการกระทำของท่านนี่มักจะสวนกระแสกันอยู่เสมอ คือมันไม่ตรงไปตรงมา ท่านจะพูดอยู่เสมอว่าท่านเป็นคนที่พูดอย่างไรอย่างนั้น ก็คือเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจ แต่วิธีทำกับคำพูดของท่านนี่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันก็เลยทำให้คนไม่เชื่อถือแล้ว เพราะฉะนั้น ณ วันนี้สังคมในภาคเกษตรกรรมหลายส่วน และก็ภาคอุตสาหกรรมบางส่วนได้มองเห็น และก็ภาควิชาการหลายส่วนได้มองเห็นว่า ท่านไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารจัดการแล้ว
สามารถ – คือผมมองว่าตอนนี้นะ สังคมมันบอกคำเดียวไม่เอา เมื่อไม่เอานี่ไม่ต้องอธิบายแล้ว เพราะว่าเขาให้เวลามา 4 ปีแล้ว คุณจำได้ไหมครั้งแรกมีคดีซุกหุ้นขึ้นศาลธรรมนูญ
หลวงปู่ – ใช้คำว่าอะไรนะ วลีว่า
แทนคุณ – บกพร่องโดยสุจริต
สามารถ – แล้วชนะ 8 ต่อ 7 นี่แปลว่าสังคมให้โอกาสนะ ไม่ใช่ไม่กังขานะ กังขา สงสัย แต่ให้โอกาส
หลวงปู่ – เขาให้โอกาสท่านแล้ว
สามารถ – ปรากฏว่าซุกหุ้นภาคสอง เป็นการยืนยันว่าครั้งแรกกับครั้งสองนี่เหมือนกันนะ
หลวงปู่ – ก็กำลังจะบกพร่องแบบสุจริตอีกต่อไปอีก
สามารถ – เพราะฉะนั้นโอกาสที่สังคมให้ 5 ปีนี่ไม่มีผล วันนี้คำว่าไม่เอาจริงเกิดขึ้นใช่หรือเปล่า
ก้องเกียรติ – เขามักจะอ้างว่า 19 ล้านเสียง คนส่วนใหญ่
สามารถ – 19 ล้านเสียงนี่ผมจะพิสูจน์ให้ดู 19 ล้านเสียงนะถ้ารวมเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งนี่แพ้ใช่ไหม ที่สิงห์บุรีชนะก็เพราะกลุ่มคุณเสนาะอันที่หนึ่งนะ อันที่สองนะเมื่อคุณจำลองเดินมา หรือว่าหลายคนที่เดินมาที่สนามหลวงหรือว่าลานพระรูปนี่นะ คุณไปถามสิว่าหลายคนเคยเลือกพรรคไทยรักไทย และวันนี้เขาไม่เลือกและก็มาด่านี่แปลว่าอะไร แปลว่า 19 ล้านเสียงนี่ถูกลบออกเท่าไหร่
หลวงปู่ – ฉันเองนี่เป็นคนบอกให้ลูกศิษย์ฉันทุกคนไปเลือกพรรคไทยรักไทย ฉันถึงมีสิทธิที่จะต้องมาพูดตรงนี้
ก้องเกียรติ – ก็คนส่วนใหญ่ที่เคยเลือกท่านก็เรียกร้องสิทธิ
สามารถ – แปลว่า 19 ล้านเสียงที่ท่านอ้างนี่ต้องลบออกจากคนที่มาค้านนี่ ใช่หรือไม่ใช่
ก้องเกียรติ – เอาล่ะครับ ช่วงนี้เดี๋ยวเราคงต้องพักกันก่อนนะครับ ช่วงหน้าเดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อนะครับ ตอนนี้ไปพักกันซักครู่ครับ
**********************************************************************
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ดำเนินรายการโดยก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต และแทนคุณ จิตต์อิสระ
ก้องเกียรติ – สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการสภาท่าพระอาทิตย์นะครับ ทุกๆวันศุกร์ก็จะเป็นภาคของการสนทนาธรรม ปกติก็จะมีคุณสำราญ รอดเพชร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อาจารย์สามารถ มังสัง และก็ได้รับความเมตตาอย่างสูงกันเป็นประจำนะครับ กับหลวงปู่พุทธะอิสระแห่งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม แต่เนื่องด้วยช่วงนี้มีภารกิจกู้ชาตินะครับ ทำให้ผู้ดำเนินรายการหลักของรายการก็หายหน้าหายตาไปกันบ้าง ก็มารับหน้าที่กันแทนนะครับ วันนี้ผมก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต และก็คุณแทนคุณ จิตต์อิสระร่วมกันดำเนินรายการวันนี้ครับ
แทนคุณ – สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็เป็นโอกาสพิเศษนะครับ ที่เราจะได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นกระแสสังคม เป็นหลักการ เป็นอุดมการณ์ที่เราจะได้มาคิดหากระบวนการนะครับ เพื่อที่จะทำให้สังคมและก็ประเทศไทยของเรานะครับ ก้าวไปสู่การค้นพบภูมิปัญญาที่แท้จริงเพื่อดับปัญหาครับ ผมว่าประเด็นในวันนี้ครับ แน่นอนครับ คงจะไม่มีเรื่องใดที่จะน่าติดตามไปเท่ากับประเด็นเรื่องการเมือง การรวมตัวกันชุมนุมกันในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้เป็นสิ่งที่น่าจับตากันในทุกๆส่วน สังคมตื่นตัวกันมากนะครับในเรื่องของประชาธิปไตย หลายคนบอกว่าประชาธิปไตยกำลังจะตายนะครับ เพราะว่าประชาชนนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างไร เราจะมาฟังทัศนคติของผู้ชำนาญ รวมทั้งท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ โดยเฉพาะวันนี้จะนำเสนอในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมะ เพราะว่าผมเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายทุกคนคงจะรอดูว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยดับไฟร้อนในครั้งนี้นะครับ เพราะทุกคนนั้นก็มีจิตใจที่ใฝ่หาสันติภาพ สันติสุขอยู่แล้วนะครับ
ก้องเกียรติ – ครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็น พวกเรามาน้อมใจกันกราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระครับ กราบนมัสการหลวงปู่ครับ
หลวงปู่ – เจริญธรรม ท่านสาธุชนพุทธบริษัทที่รับชมรายการสภาท่าพระอาทิตย์ที่รักทุกท่าน คุณแทนคุณ คุณสำราญไม่มานะเหลือแต่คุณสามารถ และก็คุณก้องเกียรติ พุทธรักษ์ขิต ท่านผู้เฒ่าวันนี้เราไปกันเถอะ
ก้องเกียรติ – จะไปไหนกันครับ ไปกู้ชาติ?
หลวงปู่ – ไม่ใช่
สามารถ – คือจริงๆเราถูกเอาเปรียบมาหลายอาทิตย์แล้วนะ หลวงปู่ ก็ 2 ส.นี่เขาหนีเรื่อยน่ะ
หลวงปู่ – นั่นสิ เรามีความรู้สึกว่าเรากำลังจะโดนทอดทิ้ง เราก็มีชาติที่จะกู้เหมือนกันนะ
สามารถ – ผมว่าตรงนี้เราหาป้ายดีๆครับ หลวงปู่
ก้องเกียรติ – ตอนนี้ 2 ผู้เฒ่าเริ่มเรียกร้องแล้วนะครับ เอ๊ะ 2 ส.หายไปไหน
หลวงปู่ – ปกติเราจะอยู่กัน 4 ส.เลยนะ อย่างน้อยก็เหลือ 3 ส.
สามารถ – หลวงปู่สังเกตดูไหม สมัยก่อนการกู้ชาตินี่เขาต้องไปเกณฑ์ชายหนุ่มฉกรรจ์ออกมา ดาบสำนักพุทไธสวรรค์ แล้วก็ไปรบในสนาม
หลวงปู่ – เดี๋ยวนี้ไปเกณฑ์พวกคุณป้า คุณยาย คุณตา คุณน้า คุณอา คุณลุง โดยเฉพาะม็อบสมัชชาคนจนอยู่หน้าทำเนียบ
สามารถ – เมื่อก่อนคนพวกนี้นี่เขาเอาไว้อยู่บ้านนะ
หลวงปู่ – ใช่ แล้วก็ส่งลูกหลานออกมารบ
สามารถ – วันนี้คนแก่คนเฒ่าต้องมารบเพราะอะไรหลวงปู่รู้ไหม เพราะว่าเด็กมันไม่สนใจไง
หลวงปู่ – เด็กไม่สนใจการเมือง ไม่สนใจประเทศชาติ
สามารถ – โน่นไปสนใจเซ็นเตอร์พอยท์
หลวงปู่ – ไปช้อปปิ้งไปอะไร
สามารถ - แต่วันนี้นะเป็นที่น่าดีใจที่เด็กกลับมา เริ่มสนใจ
หลวงปู่ – ที่ฉันรู้สึกประทับใจมากก็คือเด็กนักเรียน 3-4 คนนั่นแหละ ที่ออกมาแถลงการณ์แถลงข่าว และฉันได้ติดตามข้อมูลข่าวสารด้วยทำให้รู้ว่าถ้ามีเด็กอย่างนี้มากๆหน่อยนะ ประเทศชาติน่าจะเจริญ
สามารถ – หลวงปู่รู้ไหมครับว่าทำไมเด็กถึงออกมาทีหลัง และออกมาอย่างมีสาระ
หลวงปู่ – เพราะอะไร
สามารถ – เมื่อก่อนที่ 14 ตุลานี่เด็กไปชุมนุมแล้วกลับไปเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง เด็กมีประสบการณ์น้อยได้แต่ความจำอย่างเดียว ก็ไม่มีการขยายผลต่อเนื่อง ก็เล่าไปนิดเดียว วันนี้ผู้ใหญ่มาประชุมนะ มีประสบการณ์เยอะนี่กลับไปเล่าให้เด็กฟัง เพราะฉะนั้นเด็กมาด้วยการเติมเต็มในสติปัญญามาเยอะ
หลวงปู่ – สำคัญว่าเด็กสมัยนี้ไม่อยู่ให้ผู้ใหญ่เล่าน่ะสิ
สามารถ – เด็กที่ออกมานี่ผู้ใหญ่เล่า มีบางส่วนนะที่มีพ่อเป็น 14 ตุลา
หลวงปู่ – ก็ใช่ แต่ว่าสำคัญว่าเด็กสมัยนี้มันไม่ยอมอยู่บ้านให้ผู้ใหญ่มานั่งเล่า
สามารถ – มันเป็นบางบ้านครับ
แทนคุณ – แต่เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนนี่ ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ที่บ้านนี่เขาก็พูดถึงเรื่องนี้กันเยอะ เขาก็ตื่นตัวกันทุกพื้นที่นะครับ แม้แต่ในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน ในศูนย์สรรสินค้า การรวมตัวของเด็กเยาวชนนี่ก็เยอะขึ้น
หลวงปู่ – แต่ที่ฉันมองดูนะ ที่ไปแสดงธรรมในทั่วๆไปนี่นะ ไปสงขลา ไปเชียงใหม่ เมื่อวานเพิ่งกลับจากเชียงใหม่นะ สมัยก่อนนี่เขาก็นั่งคุยกันอยู่ดีนะ เดี๋ยวนี้เขาแยกกันเป็นวงแล้วนะ
แทนคุณ – ตั้งวงยังไงครับ
หลวงปู่ – วงเชียร์กับวงค้านไง ญาติกันแท้ๆ
สามารถ – ถ้าหลวงปู่ได้อ่านคำพูดของคุณจำลองว่าทำไมถึงออกมา เพราะวันนี้รัฐบาลสร้างความแตกแยก แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ผัวกับเมียนี่แยกคนละฝ่ายเลยทะเลาะครับ อีกฝ่ายหนึ่งเชียร์ อีกฝ่ายหนึ่งคัดค้าน
หลวงปู่ – ไอ้ที่ลำบากก็คือว่าเขาเขียนหนังสือมาถามฉัน จดหมายน้อยมาถามฉันว่า หนูไม่รู้จะพูดกับพ่อแม่ยังไงเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง หนูนี่เป็นผู้จบปริญญาโท พ่อแม่ก็ไม่จบ ป.4 แต่พ่อแม่นี่ฝังใจกับเรื่องกับภาพที่เห็น และก็ภาพที่มีใครสร้างให้เห็น เพราะฉะนั้นบางทีบางครั้งนี่ก็จำเป็นต้องทะเลาะกัน แต่พอคิดได้ว่าพ่อแม่มีความรู้น้อย ฝังใจกับภาพที่ได้เห็น ก็เลยไม่อยากจะไปทะเลาะ แต่สุดท้ายทำไปทำมามีอยู่วันนึง พ่อแม่ถึงขนาดประท้วงไม่ให้หนูกินข้าว
สามารถ – อันนี้ที่ พล.ต.จำลอง พูดว่าเป็นความแตกแยก และคนที่สร้างความแตกแยกก็คือตัวนายกฯ หรือตัวรัฐบาล
หลวงปู่ – แต่นี่ถึงขั้นขนาดพ่อแม่ประท้วงไม่ให้ลูกกินข้าวเลยนะ
สามารถ – ก็ได้รับซึมซาบมาคนละด้านไงครับ
แทนคุณ – ถ้ามองในมุมกลับบ้าง มันเป็นความแตกต่างทางความคิดได้ไหมครับ
สามารถ – มันอย่างนี้ ในสังคมประชาธิปไตยนี่ความขัดแย้งเป็นเรื่องจำเป็น เพราะว่าความขัดแย้งหรือความแตกต่างทำให้เกิดความคิดริเริ่ม แต่ความขัดแย้งเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วนี่ มันต้องยอมรับหรือยุติด้วยเหตุด้วยผล
ก้องเกียรติ – ไม่ใช่แตกแยก
แทนคุณ – และก็ไม่ใช่แตกหัก
สามารถ – ไม่ใช่แตกหัก มันต้องยุติด้วยเหตุผลและความจำเป็นของแต่ละฝ่าย คือยอมรับซึ่งกันและกันน่ะ และยุติเพื่อส่วนรวม
แทนคุณ – ที่สำคัญคือความชอบธรรม ความถูกต้องต้องเป็นเกณฑ์ ธรรมาภิบาลใช่ไหมครับที่เราพูดถึง หรือธรรมาธิปไตย คือไม่ว่าจะใครจะคิดยังไงก็ตาม
หลวงปู่ – สมัยก่อนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ฉันฟังจนหูอื้อเลยคำๆนี้
ก้องเกียรติ – พูดกันบ่อยนะครับ
หลวงปู่ – น่าเบื่อมากและก็ฟังมาตลอด และฉันก็ได้เห็นธรรมาภิบาลจริงๆใหญ่ๆตรงๆโต้งๆเมื่อไม่นานมานี่ ทำให้เรารู้ว่าคนที่พูดเรื่องธรรมาภิบาลมาตลอด 3-4 ปีรวม 5 ปีนี่ ก็เป็นคนที่ตระบัดสัตย์ต่อธรรมาภิบาลเสียเอง
สามารถ – ธรรมาภิบาลในความหมายของรัฐบาลโลกนี่นะครับ ก็ความหมายของธรรมะในธรรมนิยามมันคนละอัน ในความหมายของธุรกิจคำนิยามของมันก็คือว่าดำเนินธุรกิจโดยเน้นผลกำไรให้กับผู้ประกอบการ นั่นธรรมาภิบาลเลยนะ คือโปร่งใสในแง่ธุรกิจนะ
หลวงปู่ – ถ้าแต่ทางธรรมนิยามนี่ก็คือดำเนินการบริหารจัดการอารมณ์ให้ได้กำไร
สามารถ – นั่นคือธรรมนิยาม คนละตัวนะครับ
หลวงปู่ – มันไม่ใช่กำไรตัวเลขและขาดทุนนะ นี่ 7 หมื่นล้านนี่คือกำไรตัวเลข เราไม่รู้ว่าได้กำไรอารมณ์ด้วยหรือเปล่า
สามารถ – ขาดยับเยินเลย
หลวงปู่ – คุณรู้ได้ยังไงล่ะ
สามารถ – ไม่ยับเยินยังไง ผัวตีกับเมียน่ะ ไม่ยับเยินได้ยังไง พ่อตีกับลูกน่ะ
ก้องเกียรติ – ขอแจ้งเบอร์ท่านผู้ฟังนะครับ สำหรับท่านผู้ฟังที่จะโทรมาแจ้งหรือว่าจะโทรมาฝากคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางโลกทางธรรมนะครับ วันนี้เราก็มีครูบาอาจารย์และก็วิทยากรมาให้ความรู้กับเรานะครับ ก็โทรมากันได้นะครับ 02-6294433 นะครับ
หลวงปู่ – เดี๋ยวท่านผู้ชมจะเห็นว่าพิธีกรหน้าใหม่ แถมยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเลยไม่กล้าถาม เขิน
ก้องเกียรติ – ก็ช่วยๆกันถามเข้ามานะครับ เผื่อจะได้มีประเด็นที่เป็นความคิดเห็นของชาวบ้านกันบ้างนะครับ
สามารถ – จริงๆสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันนะ เด็กออกมานะ เอาพิธีกรเด็กลงมานะ มันก็สอดคล้องกันนะ
หลวงปู่ – แล้วพวกเรานี่ประมาณว่า
สามารถ – เราก็ตอบคนแก่ไง เดี๋ยวปัญหาเด็กมา 2 คนตอบไง วันนี้นะถ้าปัญหาเด็กมาผมขอให้ 2 คนตอบ
หลวงปู่ – แต่ถ้าปัญหาคนแก่มาเรา 2 คนตอบหรือ
ก้องเกียรติ – ผมกลัวจะมีแต่ปัญหาคนแก่นะ เพราะว่าหน้าตาหรือว่าเสียงที่โทรมาส่วนใหญ่ บางครั้งเคยรับโทรศัพท์นี่จะมีเสียง
สามารถ – เพราะว่าเขาดูแล้วทั้งหมดนั่งอยู่ 4 คนแก่หมดเลย
ก้องเกียรติ – เดี๋ยวลองวัดกันดูนะครับว่าวันนี้มีผู้ชม
หลวงปู่ – คนแก่โทรมากกว่าเด็ก หรือเด็กโทรมากกว่าคนแก่
แทนคุณ – ทีนี้กลับมาถึงเรื่องของแนวทาง สมมุติว่าถ้าท่านนายกฯยุบสภา ก็มีคนถามอีกว่าในที่สุดแล้วก็จะมีคนแบบลักษณะนี้นะครับขึ้นไปอยู่ในระบบของคำว่านายทุน นายคืออำนาจ ทุนคือเงินอย่างไม่รู้จบ
หลวงปู่ – คือเรื่องนี้มันแก้ปัญหาได้ ฉันคิดเองนะ และคิดว่ามันแก้ปัญหาได้ด้วย 2 สาเหตุ 1. แก้ได้ด้วยตัวบุคคลผู้เลือก กับ 2. แก้ได้ด้วยระบบ เพราะฉะนั้นตัวบุคคลผู้เลือกก็คือต้องตระหนักสำนึกว่าคนที่ให้เงินเรานี่ เขาต้องกลับไปถอนทุน
แทนคุณ – เหมือนอย่างลงทุนไว้ 100 ก็ต้องเอาคืนมาใช่ไหมครับที่พูดถึง
หลวงปู่ – เหมือนอย่างที่ภาพที่เห็นวันนี้ ได้ไปตั้ง 7 หมื่นกว่าล้านอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการถอนทุนระดับที่เราก็ไม่สามารถจะติดตามเห็นเงาเขาได้ ณ วันนี้เราก็ต้องยอมรับว่าสังคมไทยนี่เราโดนซื้อตั้งแต่เบื้องต้นน่ะ คือสังคมไทยเริ่มขายชาติ ให้กับ คือคนในชาติขายชาติเอง ขายชาติให้แก่คนในชาติเอง และก็คนที่รับซื้อชาติมานั้นก็เป็นคนกลุ่มหนึ่ง และก็มาบริหารชาติตามกระบวนการความยากของตน ตามตัณหาของตน ตามอุปาทานของตน ตามมานะทิฐิของตน แล้วก็จะบอกกับประชาชนคนทั้งหลายว่านี่คือคนในชาติมอบอำนาจให้ฉันมา แต่ว่าจริงๆแล้วก็คนในชาติต้องยอมรับ เราต้องยอมรับว่า ณ วันนี้นี่หลายคนและหลายพรรคการเมือง รวมทั้ง สว. ส.ส.ทั้งหลายนี่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนี่ ไอ้คืนหมาหอนหมาเห่านั้นมันไม่ควรจะพูดแล้ว เวลานี้คนชะเง้อว่าเมื่อไหร่จะมา
ก้องเกียรติ – คือแค่บอกว่าจะยุบสภาตอนนี้
หลวงปู่ – คนก็เที่ยวเริ่มมองแล้ว พวกพ่อค้าก็เริ่มมองแล้วว่าเงินจะเริ่มสะพัดแล้ว
ก้องเกียรติ – ตอนนี้เห็นบอกว่าข้างรัฐบาลส่งมาให้ ส.ส.คนละ 3 แสน เตรียมลงพื้นที่แล้ว
หลวงปู่ – แล้วก็พวกหัวคะแนนทั้งหลายก็เตรียมตัวซื้อรถใหม่ได้แล้ว เตรียมตัวที่จะไปออกดาวน์อะไรต่ออะไรได้แล้ว เพราะว่ามันจะมีเงินก่อนนึงเข้ามาผันอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ ในการที่เราจะไม่ขายชาติให้กับใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วทุกคนเป็นเจ้าของชาติโดยไม่ยินยอม ไม่รับเงินของเขานี่นะ ฉันเชื่อว่าเรามีอำนาจเต็ม และต่อมาก็เป็นเรื่องระบบ
ก้องเกียรติ – แล้วเราจะเลือกใครครับ หลวงปู่ เพราะบางทีหน้าตาที่ไปนี่มันก็ไม่น่าไว้ใจเลยครับ
หลวงปู่ – ไปซื้อเขาหมดเลยหรือ
สามารถ – มันอย่างนี้ครับ หลวงปมันก็ไม่น่าไว้ใจเลยครับ
หลวงปู่ – ไปซื้อเขาหมดเลยหรือ
สามารถ – มันอย่างนี้ครับ หลวงปู่ นี่ที่เราพูดกันนี่คือวิธีการขายแบบเก่า ซื้อแบบเก่า แต่ตอนนี้มีวิธีซื้อแบบใหม่ของรัฐบาลชุดนี้นะ สร้างความหวังไว้ ถ้าฉันได้เป็นนะได้โน่นได้นี่ นั่นยังไม่ให้นะแต่ว่าสร้างความหวังไว้ว่าถ้าได้ต้องได้โน่นทันที อันนี้น่ากลัวมาก เป็นต้นว่า
หลวงปู่ – ความจนจะหมดไป
สามารถ – พิจารณาอนุมัติ เดี๋ยวเล่าเรื่องตลกให้ฟัง พิจารณาอนุมัตินะครับขึ้นเงินเดือนผู้ใหญ่บ้านกำนันคนละพัน วันนี้ลองไปถามว่างบประมาณที่ปี 2549 นี่นะตั้งเรื่องนี้ไว้ไหม ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ โดยหลักการของวินัยทางด้านการเงินการคลังนี่
หลวงปู่ – ไม่ควรจะมาพูดก่อน
สามารถ – มันไม่มีงบรองรับให้คุณตอนที่ยังไม่จ่าย
แทนคุณ – ก็คือว่าพูดเรื่องราวขายฝัน
หลวงปู่ – เรื่องนี้พูดมาก่อนหน้า เลือกการที่พูดก่อนถึงมีงบนี่ สำหรับรัฐบาลชุดนี้พูดอยู่เป็นประจำ
สามารถ – งัดวิธีการซื้อใหม่นี่ รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเอามาใช้
ก้องเกียรติ – ขนาดเรื่องสมัชชาคนจนที่ออกมาต่อต้าน
หลวงปู่ – เพราะว่าก็พูดก่อนมีงบนะ แล้วเอาพวกกองทุนลงทะเบียนมา ลงมากี่ปีแล้วล่ะ
สามารถ – 3-4 ปีแล้ว 8 ล้านคน
หลวงปู่ – แล้วงบอยู่ไหนล่ะ
สามารถ – งบก็ไม่มี จ่ายก็ยังไม่ได้จ่าย
ก้องเกียรติ – ก็ให้ม็อบสลายด้วยการให้ออกพันธบัตร
หลวงปู่ – ก็ลูบหน้าปะจมูกไปวันๆนึง
สามารถ – แต่อันนี้มีคนได้และมีคนเสียนะครับ หลวงปู่ คนได้ก็คือผู้นำม็อบนี่นะ นำครั้งหนึ่งอาจจะได้ส่วนหนึ่ง แล้วพวกม็อบอีกกลุ่มก็นำกลับไป ก็จ่ายคนๆเดียวให้นำ 100 คนกลับนี่มันง่ายจะตายไป วิธีการจัดการง่ายมาก เพราะว่าลัทธิเชื่อผู้นำนี่นะหลวงปู่ เชื่อเถอะจ่ายผู้นำคนเดียวผู้ตามกลับหมดแหละ
แทนคุณ – อันนี้มองมุมกลับกันบ้างไหมครับ ว่าประชาชนควรจะทำยังไง เพราะเราก็คงอยากจะมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ว่าจะให้ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งนี่ ตอนนี้สถานการณ์มันโอเคนะครับ มันจะแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย เราก็ไม่อยากให้มันเกิดความแตกแยกจนกลายเป็นความแตกหักไปในครอบครัวก็ดี
สามารถ – วันนี้นะ ความแตกแยกทางความคิดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าให้ไปถึงขั้นแตกหักทางด้านกายภาพขึ้นใหม่ คืออย่าไปตีกันว่างั้นเถอะ เถียงกันก็เถียงกันไปเถอะ คือวันนี้นะครับน่าเห็นใจเพราะอะไร เพราะว่าเด็กนี่ถูกอัดฉีดด้วยข้อมูลอีกอย่าง ผู้ใหญ่ถูกอัดฉีดโดยข้อมูลอีกอย่างนะ และ 2 คนนี้นะครับได้ข้อมูลที่มานั้นต่างกัน แล้วมานั่งคุยกันเลยเถียงกัน แล้วก็ไม่มีคนกลางมาชี้ขาดว่าตกลงที่เชื่อมานี่ผิดหมด หรือว่าถูกคนใดคนหนึ่ง
หลวงปู่ – ตอนนี้เราต้องยอมรับว่าสังคมเขาสับสน เพราะสื่อที่ออกไปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลก็ตามนี่ มันไม่มีข้อมูลอะไรที่จะไปตัดสินได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็เชื่อไม่ได้ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าสังคมภายนอกนี่ไม่ได้เชื่อข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เชื่อข้อมูลของฝ่ายค้าน ไม่ได้เชื่อข้อมูลของฝ่ายรัฐบาล และก็โดนง่ายต่อการชักจูง
สามารถ – ผมยกตัวอย่างที่หลวงปู่พูดนะ สมมุติว่าวันนี้ก่อนหน้านี้นะครับ ผู้ใหญ่พ่อแก่แม่แก่มาฟังที่สวนลุมนะ เห็นคน 50000-80000 ก็แล้วแต่ ทีวีหลายช่องบอก 5000 คน เด็กดูอยู่ที่บ้านแม่บอกว่าเป็นหมื่น บอกไม่ใช่ 5000 เถียงกันไหม
หลวงปู่ – ก็ถึงได้บอกไงว่ามันทำให้เกิดกระบวนการสับสน
สามารถ – ถามว่าใครเป็นคนทำให้สับสน วันนี้ผู้บริหารทำให้สับสน เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ความสับสนอันนี้ในความคิดผมนะ ต้องแก้ที่คนสร้างความสับสนก็คือตัวรัฐบาล
หลวงปู่ – ฉันนึกไปถึงคำทำนาย 16 ข้อของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายนะ คราใดที่บ้านเมืองเกิดความสัปปรับมดเท็จ บ้านเมืองนี้จะร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟ เพราะมันจะไม่มีสัจวาจาปรากฏในบ้านและเมือง
สามารถ – ก็เดี๋ยวนี้ก็เป็น
หลวงปู่ – แสดงว่าสังคมมันเริ่มสัปปรับมดเท็จกันทุกหย่อมหญ้าไปหมดแล้ว
ก้องเกียรติ – แม้แต่ตัวของผู้นำเอง ซึ่งปกติแล้วในแนวทางจะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ในเรื่องของการที่จะนำ
หลวงปู่ – แต่ก็ไม่เข้าใจว่าแบบอย่างที่ดีของผู้นำของคุณก้องคืออะไร แต่ที่เรารู้เขาก็บอกว่านั่นแหละคือแบบอย่างที่ดีของเขา
ก้องเกียรติ – คือเมื่อก่อนอาจจะเป็นเพราะเจอสภาพเศรษฐกิจตกต่ำหรือเปล่าครับ ก็เลยมองเห็นคนเก่งคนที่มีความสามารถนี่ ที่จะมาช่วยพัฒนาตรงนั้น
หลวงปู่ – เราเอาตัวเลขนำปวงชนน่ะ เราเอาตัวเลขนำสังคม เราเอาตัวเลขนำทรัพยากรมนุษย์ ถ้าเราเอามนุษย์นำตัวเลขเสียบ้างนี่ เราเปลี่ยนทัศนคติกันใหม่ได้ไหมล่ะ เลือกตั้งคราวต่อไปที่จะถึงนี้นะ
แทนคุณ – เอาธรรมนิยมกลับมา แทนที่จะเป็นทุนนิยม
หลวงปู่ – คือเอามนุษย์นำตัวเลข และมนุษย์เป็นผู้ใช้ตัวเลขอย่าให้ตัวเลขมาใช้มนุษย์ ณ วันนี้นี่ที่ผ่านมานี่ไม่ว่าจะทุกรัฐบาล เอะอะอะไรก็อ้างเอามนุษย์ เอาตัวเลขนำมนุษย์
สามารถ – เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด แต่เกิดตั้งแต่ปี 2504 เลือกตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นมา ก็มีเป้าหมายในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ว่าปีหนึ่งโต 5%3% พอตั้งโต 4 ปั๊บนี่ทุกอย่างต้องทำให้ได้ 4 หมด นี่คือตั้งเป้าให้เดินเข้าหา มันก็เลยเหมือนกำหนดความอยากขึ้นมาแล้วให้คนไล่ นี่มันก็เลยมีปัญหามาตั้งแต่คุณใช้
หลวงปู่ – คือสภาพัฒน์นี่น่าจะเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ว่าควรจะตั้งเอามนุษย์นำตัวเลข
แทนคุณ – ก็คือเอาเรื่องสังคมขึ้นมาก่อนใช่ไหมครับ
หลวงปู่ – เอาเรื่องของคนขึ้นมาก่อน และตัวเลขนี่คือมนุษย์เป็นผู้ใช้ตัวเลข ไม่ใช่ตัวเลขมาบงการมนุษย์
ก้องเกียรติ – และตัวเลขที่เขาบอกว่ามาจากการวิเคราะห์วิจัยนี่ ปรากฏว่ามีนักวิชาการออกมาแฉบอกว่า จริงๆแล้วรายได้ต่อครัวเรือนที่บอกว่า ได้สูงขนาดนั้นสูงขนาดนี้นี่ ปรากฏว่าผู้ใหญ่บ้านหรือว่ากำนันนี่ไปกำหนดให้เขาว่า ต้องกรอกมาให้ได้รายได้ต่อหัวเป็นเท่านี้ๆ
สามารถ – นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่มีอีกประเด็นที่ตลกกว่านั้น คน 100% ประชากร 100% 60 ล้านคนนี่นะครับ มีคน 10% ผมว่า 10% นี่เป็นคนผลิตรายได้ซัก 5000-70000 ล้าน อย่างนายกฯคนเดียวนี่ 78000 ล้านงวดเดียวนี่นะ และเอารายได้ทั้งหมดนี่นะมาหารด้วยจำนวนประชากร ก็แปลว่าคนที่ไม่มีรายได้เลยก็เพิ่มขึ้นสิ เพราะมันคล้ายๆกับคุณได้เพิ่มไง
หลวงปู่ – ไม่ คือเขาบอกให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันเอา 70000 หมื่นล้านมาหารให้กับ 60 กว่าล้านคน
สามารถ – ก็ใช่ครับ เขาทำแบบนี้ไง
ก้องเกียรติ – คือในตัวเลขนี่มี แต่ในกระเป๋าตังค์นี่ไม่มี
หลวงปู่ – ก็ถือว่าไปขอแบ่งมาจาก 7 หมื่นกว่าล้านไง
แทนคุณ – ท่านผู้ชมมีคำถามเข้ามาแล้วครับ ผู้ชมบอกว่าตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ต่อต้านผู้นำมาตลอดตั้งแต่แรก คุณไพศาลถามว่าถ้าเป็นคนไทยและแนะนำให้คนอื่นไม่เสียภาษีจะเป็นบาปต่อตัวเองหรือไม่
ก้องเกียรติ – ตอนนี้สังคมรู้สึกว่าไม่อยากจะเสียภาษีกันทุกคนนะครับ ส่วนคำถามแรกนี่น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น
หลวงปู่ – อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเป็นคนที่มีจุดยืนของตัวเอง คือการจะมีความคิดดีไม่ดีไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือสูง ฉันเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือสูง แต่ว่าทัศนคติในการมองโลก เราก็ต้องรู้จักแยกแยะดีชั่วถูกผิด เพราะว่าธรรมะมันสอนให้เรารู้จักอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในกระบวนการที่จะมองโลกในความถูกตรงถูกต้อง เอาธรรมาภิบาลเป็นตัวตั้ง หรือเอาธรรมาธิปไตยเป็นตัวตั้ง มันก็เป็นเรื่องชอบธรรมที่ควรจะมอง ควรจะมี แต่ ณ วันนี้นี่วิถีทางในการเสนอธรรมาธิปไตยของเรานี่ มันโดนลดทอนบรรเทา หรือว่าตัดทอนหายไปจากสังคม มันเหลือแต่อัตตาธิปไตยเป็นใหญ่เสมอ มันก็เลยได้ผลลัพธ์อย่างที่เห็น และก็ต้องมาทะเลาะกันไม่รู้จักเลิกเสียที ส่วนที่คุณไพศาลไว้ถ้าแนะนำให้คนอื่นไม่เสียภาษีจะเป็นบาปต่อตัวเองหรือไม่นี่
สามารถ – คือต้องดูก่อนว่าการเสียภาษีนี่ มันเป็นหน้าที่ไปกำหนดไว้ เป็นหน้าที่ของประชากร หรือพลเมืองของประเทศนั้นๆ เมื่อมีรายได้นี่นะเกินกำหนดที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียภาษี
แทนคุณ – ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ เด็กๆก็ต้องเสีย ใช่ครับ
สามารถ – ผู้ประกอบการที่มีรายได้เกินกฎหมายกำหนดว่าต้องเสียภาษีก็ต้องเสียภาษี อันนั้นเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ถือเป็นหน้าที่พลเมืองดีนะต้องเสียภาษี ถ้าวันหนึ่งมีคนไม่เสียภาษี คือการหลบเลี่ยงหรือทำอย่างไรก็ได้ ผิดหน้าที่พลเมืองครับอันแรก และถ้าผิดหน้าที่พลเมืองคือผิดอะไร มันก็ผิดศีลผิดธรรมด้วย เพราะศีลธรรมกับหน้าที่นี่มันอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นคนที่แนะนำคนอื่นไม่ให้เสียภาษีนี่นะ นอกจากตัวเองโกงแล้วนะ ช่วยคนอื่นโกงนี่บาป 2 เท่านะ
ก้องเกียรติ – แล้วถ้าเกิดเขาอ้างว่านี่ก็มีผู้นำที่บอกว่ามีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีนี่ บริหารประเทศทำเป็นตัวอย่างเขาก็เลยทำตาม
สามารถ – การมีจริยธรรมกับไม่มีจริยธรรมไม่ได้เชื่อคนบอกนะครับ แต่เขาดูที่การกระทำและพฤติกรรมเป็นหลัก
หลวงปู่ – คุณก้อง คุณเคยได้ยินคำว่าสำนึกไหม
สามารถ – ดูที่พฤติกรรมครับ วันนี้นะมีนักวิชาการมาท้วงติง ก.ล.ต. ว่าอย่าดูเอกสารอย่างเดียวให้ดูพฤติกรรมด้วย
หลวงปู่ – ก.ล.ต.เขาก็มองว่า เขาก็ถือกฎหมายอยู่ในมือ เขาก็มองตัวบทกฎหมาย เขาไม่ได้มองถึงว่าอารมณ์ของบุคคล เพราะว่ากฎหมายไม่ได้ตัดสินอารมณ์ กฎหมายตัดสินตามตัวเลข
สามารถ – กฎหมายนี่นะ 209 นี่นะเขียนชัดว่า รัฐมนตรีนี่ถือหุ้นเกิน 5% ไม่ได้ ถ้าถือนี่นะต้องยกให้องค์กรกลาง และต้องไม่เข้าไปบริหารจัดการ กฎหมายนี่มัน 2 นัย 1. มีความหมายตามตัวอักษร 2. เจตนารมณ์ในการออกกฎหมาย อันนี้นะมองทั้งด้านเจตนารมณ์ มองทั้งตัวอักษรนี่ผิดหมดแหละ คือ 1. คุณพานทองแท้บอกว่าไม่รู้เรื่องเพราะผู้ใหญ่สั่ง ถามว่าผู้ใหญ่สั่งนี่ถือว่าจัดการไหม จัดการครับ
หลวงปู่ – ผู้ใหญ่นี่อาจจะเป็นปู่ ป้า ยาย ตา
สามารถ – ตามนัยแล้วไม่มีคนอื่นหรอกครับ หลวงปู่ เพราะว่าไม่มีใครโอนทรัพย์สินให้คนนอกเหนือจากลูกกับภรรยาหรอก
หลวงปู่ – แล้วคิดว่าคนอย่างคุณพานทองแท้หรืออะไรต่ออะไรนี่นะ มีความสามารถจะบริหารบริษัทมูลค่า 70000 ล้านได้หรือ
สามารถ – นี่แหละ มองด้วยเจตนารมณ์แล้วไม่มีใครเชื่อไงครับ แต่ ก.ล.ต.ตีความตามตัวอักษรเป๊ะเลยนะ เมื่อชื่อเป็นของคนนั้นก็ของคนนั้น นี่เขาเรียกว่าศรีธนญชัยกลับชาติมาเกิดนะ ไอ้พรรค์นี้
ก้องเกียรติ – บรรลุนิติภาวะแล้ว
สามารถ – ศรีธนญชัยกลับชาตินะ ตีความเป๊ะเลย เป็นแบบศรีธนญชัย ถ้าดูเจตนารมณ์แล้วเด็กนี่บริหารจัดการได้ไหม คุณไปดูซิว่าขายแล้วเงินเข้าบัญชีใครสมมุตินะ ไม่ได้หรอก
หลวงปู่ – เขาทำบริษัทเขายังเจ๊งเลย ของเขาเอง ตัวเขาเองบริหารจัดการแค่ไม่กี่สิบบาท คุณพ่อก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าก็ขาดทุน ว่าลูกเขาทำธุรกิจก็ขาดทุน 7 หมื่นล้านนี่ไม่ขาดทุน แต่ธุรกิจเล็กๆน้อยๆนี่ขาดทุน นี่ก็แสดงว่ามือเขาสูงกว่า
สามารถ – เรื่องนี้นะครับ ถ้ามองตามเจตนารมณ์แล้ว ทุกคนไม่เชื่อว่าเด็กเข้าไปจัดการ
หลวงปู่ – แล้วใครเป็นคนไปจัดการ
สามารถ – ก็ผู้ใหญ่จัดการไง
ก้องเกียรติ – นายกฯเขาแถลงบอกมีนักบริหารมืออาชีพคอยดูแล
หลวงปู่ – คุณสุวรรณ วลัยเสถียรหรือ
สามารถ – ถามว่า 35 คนของรัฐมนตรี คุณเคยเห็นรัฐมนตรีคนไหนแสดงความสามารถในการบริหารจัดการบ้าง ผมก็เห็นนายกฯจัดการอยู่คนเดียว แล้วโดยนัยนี้นะบริษัทผมก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น
หลวงปู่ – เอาเถอะ เขาไม่บอกเราก็ปล่อยเขา อย่าไปคิดมาก
แทนคุณ – คุณสมชายถามว่าทำอย่างไรจะไม่ให้เครียดกับการเรียน คือในช่วงนี้น้องๆหลายคนก็เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ช่วงนี้แหละครับ
หลวงปู่ – ก็ตลอดปีที่ผ่านมานี่น้องหนูไม่ยอมอ่านหนังสือ หรืออ่านน้อยมาก มันก็เลยมาเครียดเอาตอนสุดท้ายนี่แหละ ถ้าน้องหนูรู้จักเตรียมการเสียแต่เบื้องต้น เนิ่นๆตอนเปิดเทอมแรกนะ วันนี้น้องหนูไม่เครียดหรอก ไอ้ที่น้องหนูเครียดก็เพราะน้องหนูไม่ได้เตรียมการแต่เบื้องต้น มาเร่งอ่านหนังสือเอาตอน 7 วันสุดท้ายนี่ น้องหนูก็ต้องเครียดเป็นธรรมดาแหละ
แทนคุณ – เหมือนกับว่าเวลาเราทำอะไรความดีมา ไม่ยอมทำมาแต่ต้น มาปั่นเอาช่วงท้ายๆ
หลวงปู่ – ตอนฝนตกใหม่ๆน้องหนูไม่ยอมตั้งตุ่ม ไม่ยอมเปิดตุ่ม ไม่ยอมรองน้ำ พอฝนจะหายแล้วน้องหนูแบกตุ่มไปตั้ง แล้วก็จะมาบอกว่าน้ำทำไมไม่เต็มตุ่ม มันก็เป็นธรรมชาติ เวลาเรียนน้องหนูก็ไม่สนใจ แต่เวลาสอบน้องหนูจะมาตะกายหาความรู้คงจะยากน่ะ
ก้องเกียรติ – แต่ว่าไหนๆแล้วไม่ทันเราจะทำยังไงครับ
หลวงปู่ – ก็ต้องหากรรมวิธีก็คือขอร้องเถอะอย่าไปกินกาแฟเป็นผงๆ อย่าไปหายาเสพติดมาส้องเสพ มันยิ่งจะทำให้สมองตื้อและคิดไม่ออกใหญ่ ทำเท่าที่ทำได้
แทนคุณ – ผมมีเทคนิค ไหนๆก็อยู่ในวัยที่เรียนหนังสืออยู่ 1. ก็คือว่าพยายามแบ่งเวลา สมมุติว่าหนังสือนี่มี 5 วิชาต้องอ่าน เราก็กำหนดเวลาละชั่วโมง แต่ให้สลับกันมันจะไม่เบื่อ มันจะไม่เครียด มันจะไม่ตึงเกินไป
หลวงปู่ – แล้วเวลาจำล่ะ
แทนคุณ – ก็ผมว่ามันจะทำความเข้าใจ ตอนที่เราอ่านไปจำไปนะครับ และก็สลับกันไปแล้วมันจะใช้เวลามากขึ้น
สามารถ – คือเดี๋ยวนี้ปัญหาในการเล่าเรียนนี่ไม่เหมือนกับสมัยที่พวกเราเลย เดี๋ยวนี้นะปัญหาเป็นแบบวงกลม เด็กมันเลยประมาท เพราะว่าเรียนยังตอบได้ วงๆสอบตกสอบได้อีกเรื่องนึงนะ แต่ว่ามันไม่ต้องใช้ความคิดนี่วงๆเลย แต่รุ่นพวกผมนี่มันเขียน 9-10 ข้อนี่ 30-40 หน้าเป็นอัตนัย ทีนี้ผมแนะนำอย่างนี้นิดนึงถ้าจะเรียนหนังสือให้ดีนะ สิ่งแรกนี่ไม่ใช่ว่าขยันไม่นอนเลยก่อนสอบนี่ไม่ใช่ อ่านหนังสือตลอดปี และก็แยก 2 ประเภท 1. จำ 2. ทำความเข้าใจ จำนี่ต้องโน้ตแต่ความเข้าใจนี่ไม่ต้องโน้ตออกมา อ่านมากอย่างเดียวทำความเข้าใจ ยาขอบเขาเขียนไว้อันหนึ่งดีมากเลย ว่าอ่านหนังสือนี่ต้องอ่านให้ได้ 3 เที่ยว เที่ยวแรกนี่นะเชื่อมันหมดตามที่เขาเขียน เที่ยว 2 นี่ค้านทุกตัวที่ค้านได้ เที่ยว 3 ลองให้ไม่ต้องค้านและไม่ต้องเชื่อและเอาไปใช้ นี่คือที่ยาขอบเขาเขียนไว้
แทนคุณ – มีถามมาเรื่องทศพิธราชธรรมถามว่ามีกี่ข้อ และมีอะไรบ้าง ก็มี 10 ข้อนะครับ คือ ทาน (การให้) ศีล (รักษาความบริสุทธิ์กายและใจ) ปริจาคะ (การบริจาค) อาชวะ (ความซื่อตรง)
หลวงปู่ – หลายคนอาจจะสงสัยว่ามีทานก็ให้อยู่แล้ว และมีปริจาคะทำไมต้องให้อีกเนี่ย อยากบอกว่าปริจาคะนี่มันเป็นเรื่องที่แม้ที่สุดให้อภัยนะครับ ให้ในสิ่งที่มันให้ได้ยาก แต่ทานนี่มันก็คือให้สิ่งที่ให้ได้ง่าย เช่น ทรัพย์สินเงินทอง แก้วแหวนหรือวัตถุธาตุต่างๆ แต่ปริจาคะนี่แม้ที่สุดก็คือมันให้ได้แม้กระทั่งอวัยวะ ให้ได้แม้กระทั่งชีวิต
แทนคุณ – ความเหน็ดเหนื่อย ความทุ่มเท
หลวงปู่ – ก็คือให้ความสุขส่วนตัวกับคนอื่น เพื่อให้คนอื่นมีความสุข และก็ตัวเองไม่ต้องกังวลเรื่องความทุกข์ที่จะต้องได้รับ
ก้องเกียรติ – เดี๋ยวเราเอาความหมายของทศพิธราชธรรมก่อน
หลวงปู่ – ธรรมของผู้ใหญ่ก็ได้ ธรรมของผู้มีอำนาจก็ได้ ธรรมของพระราชาก็ได้ ธรรมของผู้นำก็ได้ แต่ว่าโดยหลักรวมๆแล้วนี่ ถ้าเป็นธรรมของผู้ใหญ่เขาก็จะชอบพูดกันถึงเรื่องพรหมวิหาร 4 ก่อน ก็คือต้องมี เมตตา มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา แต่ถ้าหากว่าเป็นธรรมที่จะไปบริหารจัดการบุคคล และก็ประเทศชาติแผ่นดิน อย่างเช่นราชธรรมเขาก็เรียก
สามารถ – คือราชในความหมายของภาษาแขกนี่ คือชนชั้นปกครองนี่เรียกหมดเลย อยู่ในกลุ่มนั้นหมด
หลวงปู่ – เป็นธรรมของราชา แต่ว่า ณ วันนี้นี่ถ้าเรามามองถึงท่านผู้นำของเราว่ามีทศพิธราชธรรม 10 ประการครบสมบูรณ์ไหมนี่
แทนคุณ – ไล่ไปทั้งหมดก่อนนะครับ มีทาน
หลวงปู่ – เขาก็ให้นะ ดูไปที่หมู่บ้านอาจสามารถ นิยายน้ำเน่าหรือนิยายปรัมปรานั่นน่ะ
สามารถ – ทานในความหมายนี้ให้ทรัพย์สินของตัวเองแก่คนอื่นนะ
หลวงปู่ – ให้ขอทานตั้ง 2000 นี่ไม่มีทานหรือ
สามารถ – อันนั้นก็ถือว่าให้
หลวงปู่ – นั่นน่ะทานแล้ว ท่านผู้นำมีทานแล้ว ข้อต่อไป
แทนคุณ – ข้อต่อไปศีลครับ ศีลก็คือรักษาความเป็นปกติ อย่างน้อยก็คือศีล 5 ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ไม่ลัก ไม่โลภ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ส่อเสียด เพ้อเจ้อ คำหยาบ ไม่ส่งเสริมอบายมุข
หลวงปู่ – อันนี้ไม่ขอวิจารณ์
สามารถ – คือความหมายของศีลนี่นะ ศีลคือการรักษากายกับวาจาให้เป็นปกติ เมื่อเป็นปกติก็คือว่าให้มันมีความเป็นคนมากที่สุด ทีนี้ถ้าสมมุติว่าใครซักคนหนึ่งผิดศีลก็คือคนนั้นไม่ปกติ ทั้งร่างกายและวาจานี่ไม่ปกติ
หลวงปู่ – อย่าไปพูดเรื่องศีลกับท่านผู้นำ มันอึดอัด
ก้องเกียรติ – ถ้าเต็ม 10 นี่ซักเท่าไหร่
สามารถ – คือผมว่านะต้องแยกเป็นข้อๆ ที่มีปัญหาผมคิดว่าน่าจะมากที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้อ 4 มุสาวาทานี่แหละ
หลวงปู่ – แต่ถ้าทานนี่ฉันได้ 100 นึงเลยนะ เพราะท่านขยันทำทานมากเลย ศีลนี่ฉันลบ 100
แทนคุณ – อันที่ 3 ก็คือปริจาคะ บริจาค การเสียสละ ความทุ่มเท เอาใจใส่
หลวงปู่ – ต้องไม่มีเลศนัย ปริจาคะนี่ต้องไม่มีเลศนัย ต้องบริสุทธิ์ใจ อย่างนั้นฉันให้หาร 50
แทนคุณ – ก็คือเริ่มกลับมาบาลานซ์กันแล้วครับ
สามารถ – การบริจาคนี่คือการให้โดยไม่ต้องวางผลตอบแทน
ก้องเกียรติ – เขาบอกเป็นนายกฯก็ต้องเสียสละ ชีวิตส่วนตัวและต้องมาทำงานเพื่อบ้านเมือง
หลวงปู่ – ก็ได้ไปตั้ง 7 หมื่นล้านแล้วล่ะ
สามารถ – ทำไมต้องมาซุกหุ้นล่ะ
แทนคุณ – ข้อที่ 4 คืออาชวะ ก็คือความซื่อตรงต่อหน้าที่ ต่อการงาน ต่อตัวเอง
หลวงปู่ – คนอื่นเขาบกกำลัง 2 ฉันยกกำลัง 4 เลย
ก้องเกียรติ – ไม่มีใบเสร็จนี่ก็จัดการเลย อันนี้เชื่อได้ไหม
สามารถ – ก็พิสูจน์แล้วไง ซีทีเอ็กซ์ไง
หลวงปู่ – อย่างนั้นหารยกกำลัง 4
แทนคุณ – ข้อที่ 5 คือมัทวะ คือความอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน มีอัธยาศัยไมตรีดีต่อผู้อื่น
หลวงปู่ – ท่านดีนะกับลูกกับเมีย กับคนอื่นไม่รู้ ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนกับภรรยาท่านนะ วิธีการพูดคุยสื่อสาร
ก้องเกียรติ – แล้วที่บอกว่าโจรใต้เป็นโจรกระจอก
หลวงปู่ – ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนกับครอบครัวท่าน แต่กับครอบครัวคนอื่นฉันไม่รู้
สามารถ – อ่อนน้อมถ่อมตนนี่ต้องดูจาก 2 ทาง คือ 1. การแสดงออกทางกาย การแสดงออกทางวาจา คือไม่ขัดหูคนอื่น ไม่ขัดตาคนอื่นก็ถือว่าโอเค แต่ถามว่าที่เป็นมามันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
แทนคุณ – ข้อที่ 6 ก็คือตบะ ก็คือความเพียรพยายามที่จะขัดเกลาหรือพัฒนาตัวเอง หรือว่าพัฒนาผู้อื่น
หลวงปู่ – เขาเรียกว่าความตั้งมั่นในวิธีทางแห่งการทำความดีและความเจริญ ท่านนายกฯก็คงจะมีความตั้งมั่นหรอก เพราะว่าถ้าไม่ตั้งมั่นก็คงไม่บริหารธุรกิจตัวเองได้ถึงขนาดนี้
ก้องเกียรติ – อันนี้ต้องเพื่อแผ่นดินด้วยไม่ใช่หรือครับ
หลวงปู่ – ถ้าเพื่อแผ่นดินนี่ท่านก็ตั้งมั่นนะ ท่านก็พยายามตั้งมั่นเพื่อเป้าประสงค์ของตัวเองไง
สามารถ – ถ้าเราจะอธิบายเรื่องนี้นะครับ เนื่องจากว่าทศพิธราชธรรมนี่เป็นธรรมะของชนชั้นปกครอง เพราะฉะนั้นต้องเน้นไปถึงว่าผู้ใต้ปกครองต้องได้รับผลจากการบริหารจัดการ ไม่ใช่ว่าตัวเองได้แล้วตีความไม่ใช่นะข้อนี้ ต้องบอกว่าธรรมะของชนชั้นบริหารจัดการ
แทนคุณ – ข้อนี้สำคัญนะครับ เวลาที่เราบอกว่าเรามีคนดีซักคน หรือทำความดีซักคนหนึ่ง ส่วนใหญ่ถ้าเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้งให้คะแนนตัวเองนี่มันเต็มร้อยเกือบหมด แต่ถ้าความดีต่างๆที่เป็นเสียงสะท้อนจากคนอื่น
หลวงปู่ – ต้องถามคนที่ได้รับการกระทำนั้นกลับมา
สามารถ – ชนชั้นปกครองนั้นคุณต้องถามคนที่ถูกปกครอง ว่าเขาได้อะไรจากการทำอย่างนั้น
แทนคุณ – เราต้องเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นจริงๆ
สามารถ – แล้วต้องใช้มาตรฐานทางคำสอนทางศาสนาที่ท่านเชื่อว่าเป็นจริงเป็นตัววัด ห้ามใช้ นาย ก. นาย ข. เป็นตัววัด ยิ่ง นาย ก. นาย ข. ที่ได้ผลตอบแทนจากการวัดนี่ห้ามใช้นะครับ
แทนคุณ – มันจะโน้มเอียงเลย เกิดความลำเอียง ข้อถัดมานะครับก็คืออโกรธะ คือไม่ผูกโกรธ ไม่ผูกพยาบาท อดทนอดกลั้นในการที่ใครจะมาติฉินนินทา ใครจะมาว่ากล่าววิพากษ์วิจารณ์
หลวงปู่ – ลบ 800
สามารถ – แสดงว่าเย็นมากเลย ลบ 800
หลวงปู่ – เพราะท่านนายกฯเป็นคนไวต่อสถานการณ์ และก็ไวต่ออารมณ์ และก็ปากเสีย
สามารถ – รู้ไหมว่าขันติเขาวัดกันตรงไหน ขันติเขาไม่ได้วัดตรงที่ว่าผู้ใหญ่กว่าด่าแล้วอดทนได้นะ เขาวัดตรงที่เด็กกว่าด่าแล้วทนได้
แทนคุณ – ใช่ครับ มันมีบัญญัติไว้ว่าถ้าคนใดก็ตาม ทนคนที่ด้อยกว่าอ่อนกว่า ถ้าทนคนเสมอกันนี่ถือว่าเกรงใจ สูงกว่านี่ถือว่ากลัว ระดับต่ำกว่าถ้าอดทนได้นี่คือดีที่สุด อันนี้ก็น่าสนใจมาก
สามารถ – ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าเป็นธรรมะของผู้บริหารนี่ต้องทนต่อคนข้างล่าง
แทนคุณ – คนที่ด้อยกว่า คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเรา
หลวงปู่ – อย่างนั้นหาร 800
แทนคุณ – ข้อที่ 8 คืออวิหิงสา การไม่เบียดเบียน คือการมุ่งมั่นสู่ความไม่เบียดเบียนกัน
หลวงปู่ – ฉันก็เห็นท่านก็ตามราวีทุกเรื่องที่มีมา ฉันก็ไม่รู้ว่าท่านคิดยังไงนะ แต่ว่าในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลของสาธารณะนี่ ท่านควรจะต้องรับได้ทุกสภาพ เมื่อสมัครใจเข้ามา แม้กระทั่งสื่อต่างๆท่านก็หาวิธีการจะไปเล่นงาน หรือแม้ท่านไม่ทำเองก็ให้คนอื่นทำอะไรอย่างนี้ พวกเราต้องยอมรับว่าอย่างนั้นก็ควรจะลดท่านอีก 800
แทนคุณ – สิ่งสำคัญคือยุคนี้นี่น่าแปลกใจว่าความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นมาก และใครๆก็มักจะอ้างว่าใช้ความรุนแรงเพื่อระงับความรุนแรง
หลวงปู่ – ที่จริงแล้วเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า สังคมพอไม่มีคำตอบไม่มีทางออก มันก็ต้องหาทางปะทุ ถ้าคุณได้เปิดช่องได้สังคมได้ออกบ้างนี่ เขาบอกว่าอย่าให้สุนัขจนตรอก เพราะมันจะสู้จนตายเลย แล้ววันนี้นี่ท่านผู้นำและก็คณะรัฐบาลเขาพยายามจะไล่สุนัขให้จนตรอก และพอสุดท้ายสุนัขหันมากัดเข้าก็มาโวยวาย ร้องว่าสุนัขแกล้งหนู
แทนคุณ – ตอนนี้สุนัขมันกลายเป็นพยัคฆ์ขึ้นมา
หลวงปู่ – สุนัขจนตรอกนี่มันก็จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะฉะนั้นท่านผู้นำก็ต้องระวังตัวเองด้วยแล้วกัน
แทนคุณ – ข้อที่ 9 ก็คือขันติครับ ความอดทนอดกลั้น
หลวงปู่ – เขามีคำกล่าวต่อมาด้วยนะ ขันติคือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง ณ วันนี้เราต้องยอมรับว่าเราไม่ค่อยได้เห็น
แทนคุณ – วิสัยทัศน์ในมุมนั้น มีแต่การเพิ่มกิเลสด้วยซ้ำ
หลวงปู่ – มันก็จะมีแต่การพยายามที่จะเพิ่มกิเลสให้โตขึ้น และก็หาวิธีที่จะใส่เข้าไป ใส่ไฟเข้าไป ไปเร่งเร้าให้เกิดการปลุกระดม การยั่วยุ ตัวอย่างเช่นคุณก้องพูดเมื่อครู่นี้ โจรกระจอกอย่างนี้เป็นต้น ณ วันนี้นี่สมเด็จพระราชินีต้องออกมาตรัสอีกครั้งแล้วว่า มันไม่รู้จักจบเสียทีหรือ มันเป็นปีแล้วนะ ใช้เวลาแล้วกับการแก้ปัญหา ผู้คนก็แยกย้ายหนีออกมาจากพื้นที่มากพอแล้ว และรัฐบาลก็ออกมาขานรับ บอกว่ารับพระราชเสาวนีย์ จะหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด ก็เห็นแต่ละคนออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้น ก็ภายใน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปีอะไรอย่างนี้ จนไปๆมาๆนี่ก็กลายเป็นเปลี่ยนสรรพนามใหม่ว่า ใครจัดการได้ก็ถือว่าเป็นเทวดา สรุปรวมๆก็คือว่าไม่มีฝีมือหรือเปล่า ฉันได้มีโอกาสได้คุยกับคณะทีมงานของท่านอานันท์นะ
แทนคุณ – คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
หลวงปู่ – เขาบอกเขาก็ไปลงพื้นที่ไปกินไปนอนไปอยู่ที่นั่น และเขาก็ได้มีสัมพันธภาพอันดีต่อคนในพื้นที่พอสมควรนี่ เขาก็เห็นปัญหา ก็พยายามชี้แจงกลับไปที่ฝ่ายรัฐบาลนี่ แต่เหมือนตักน้ำรดหัวตอ
ก้องเกียรติ – ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย
แทนคุณ – ส่วนหนึ่งก็คือต้องดูความจริงใจด้วยว่า ท่านอานันท์ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินใจแก้ปัญหา
สามารถ – คืออย่างนี้คนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นนี่นะ และห่างไกลจากวัฒนธรรมคนตรงนั้นนี่นะ และไปมองประเดี๋ยวประด๋าวนี่ไม่มีความเข้าใจหรอก เพราะตรงนั้นมันฝังรากหยั่งลึกมานานเท่าไหร่ ตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัย มันหลายเป็นพันปีนะครับ และคนตรงนั้นมีความแตกต่าง และก็บริหารความแตกต่างกันมาโดยตลอดนะไม่มีปัญหา สมัยก่อนอิสลามนี่นะเขาไปยิงหมูป่ามาได้นี่นะ เขามาวางไว้หน้าบ้านพุทธให้เอาไป ไม่มีปัญหาแบ่งกันกิน วัดสมภารเพื่อนผมอยู่ที่ปัตตานีนี่นะจัดงาน มุสลิมเอามะพร้าวมาให้ถามว่าจะเอาเท่าไหร่ ไม่พอเดี๋ยวเอามาให้อีก ก็อยู่อย่างนี้มาตลอดน่ะ ไม่มีปัญหา แต่วันนื้ทำไมความแตกต่างถึงกลายเป็นปัญหา เพราะอะไร เพราะมีคนไปตอกลิ่มตรงนั้นน่ะให้มันห่างหรือเปล่า
หลวงปู่ – ให้เกิดความแตกแยก
สามารถ – มันมีอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า และคนที่ตอกลิ่มนี่เป็นพวกคนตรงนั้นหรือว่าคนที่อื่น ต้องดูตรงนี้นะ
ก้องเกียรติ – เพราะฉะนั้นก็สรุปได้ว่าก็คือปัญหาของผู้นำคนปัจจุบัน
สามารถ – เพราะผู้นำไม่เข้าใจปัญหา คนในพื้นที่สร้างปัญหาเพิ่ม
หลวงปู่ – ที่จริงนี่ท่านผู้นำนี่เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญชำนาญเรื่องปัญหาตัวเลขมากกว่าปัญหาสภาวะสังคม ฉันพูดอย่างนี้เลย
แทนคุณ – และข้อสุดท้ายนะครับคืออวิโรธนะ คือการพยายามผิดต่อจารีตประเพณี หรือละเมิดต่อศีลธรรมอันดีของบ้านเมือง
หลวงปู่ – วันวาเลนไทน์ก็เห็นท่านผู้นำหอมแก้มภรรยาฟอดๆ
ก้องเกียรติ – วันมาฆบูชาออกไปตีกอล์ฟครับ
หลวงปู่ – เราก็เลยไม่รู้ว่าท่านผู้นำทำอะไรอยู่ เราไม่เห็นท่านผู้นำพาลูกเมียไปปฏิบัติธรรม สวดมนต์ รักษาศีล ทำตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนดู เราไม่เห็น เราเห็นแต่ท่านผู้นำส่งไอเลิฟยูอะไรกับชาวบ้านแบบนี้
ก้องเกียรติ – ให้ดอกกุหลาบ
หลวงปู่ – มันก็เลยกลายเป็นสภาพที่ท่านไม่เหมาะสมที่จะบริหารจัดการสังคม แต่ท่านเหมาะสมที่จะบริหารตัวเลข
ก้องเกียรติ – ธุรกิจ ก็เลยมีคำถามจากกระบี่บอกว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในความหมายพุทธนี่ มีลักษณะยังไง
หลวงปู่ – ในหลวงไง ที่มีอยู่ ณ วันนี้แหละ นั่นแหละคือผู้นำที่ยิ่งใหญ่แล้ว
แทนคุณ – อย่างน้อยก็คือทศพิธราชธรรมนะครับครบถ้วน
หลวงปู่ – เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่แผ่นดินไทยได้รับทุพภิกขภัยเดือดร้อน เงินก้อนแรกที่ปรากฏกับผู้ช่วยเหลือ ผู้ได้รับการช่วยเหลือก็คือเงินของในหลวง เราไม่เคยเห็นเงินของฝ่ายรัฐบาล หรือเงินของรัฐมนตรี หรือ สว. ส.ส. ทุกครั้งที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นในแผ่นดินในปฐพี ก็คือเงินในหลวงไปพระราชทาน
แทนคุณ – และก็สิ่งของพระราชทานจากพระองค์ท่าน
ก้องเกียรติ – มีคอลัมนิสต์เขาวิเคราะห์เหมือนกันว่า ถ้าเกิดไม่มีทักษิณหรือว่าไม่มีรัฐบาลชุดนี้ เศรษฐกิจอาจจะล้มลง ปรากฏว่าจริงๆแล้วเขาก็วิเคราะห์กันว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือว่าสังคมอยู่ที่ในหลวง
สามารถ – คือต้องดูอย่างนี้ คนพูดนี่นะครับอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือลืมประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง ประเทศไทยนี่นะครับ 80% เป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นพ่อค้าอย่างที่นายกฯเข้าใจ เพราะฉะนั้นเกษตรกรเขาอยู่กับไร่กับนากับสวนนี่นะ ถ้าเขามีผลผลิตพอกินเหลือขายนี่นะเขาอยู่ได้ คุณอย่าไปยัดเยียดให้เขามีหนี้เกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีทักษิณ แต่มีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ในหลวงดำริไว้นี่นะ ชาวบ้านก็อยู่ได้ เพราะไม่มีหนี้ มีอยู่มีกินเหลือขาย เขาไม่มีปัญหา
หลวงปู่ – ฉันคุยกับนักเศรษฐศาสตร์หลายคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนะ เขาบอกว่า ณ วันนี่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจในระดับรากหญ้า ที่มันยังสามารถดำรงอยู่ได้นี่ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล แต่เป็นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สามารถ – เศรษฐกิจพอเพียงที่ไปพัฒนาต่อยอดจากอาชีพดั้งเดิมที่เขามีอยู่ อาชีพดั้งเดิมเขามีนา 10 ไร่นะ มีฝนตกก็ทำ ไม่มีฝนไม่ทำ ในหลวงก็ให้ขุดบ่อเลี้ยงปลา
แทนคุณ – ทฤษฎีใหม่ 30% ใช้อันนี้ๆ
สามารถ – มาต่อยอดตรงนั้น ให้เขาทำได้ ให้อยู่ได้
แทนคุณ – สิ่งสำคัญวันนี้คือไม่ใช่แก้ปัญหาเรื่องความยากจน แต่ควรจะต้องไปแก้ปัญหาเรื่องความร่ำรวย
หลวงปู่ – อย่ารวยมากไป แบ่งปันให้คนอื่นเขาบ้าง
สามารถ – อย่ารวยบนพื้นฐานของการนำทรัพยากรของธรรมชาติไปใช้คนเดียวหรือกลุ่มเดียว นั่นแหละอันนั้นแหละ
หลวงปู่ – อย่าเอาเปรียบสังคม
ก้องเกียรติ – มีคำถามจากอุดรธานี บอกว่าอยากให้หลวงปู่แนะนำว่านายกฯควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรนะครับ
หลวงปู่ – ที่จริง ณ วันนี้นี่ ถ้าจะพูดถึงการปฏิบัติตัวนี่มันสายไปแล้ว สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบททดสอบที่ทำให้เห็นว่าสังคมเรารับท่านไม่ได้ และมันก็สายที่จะปรับตัวแล้ว ถ้าจะมากล่าวคำขอโทษประชาชนมันก็จะมองว่าแล้วพฤติกรรมท่านเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนไวต่อการพูด ในขณะเดียวกันท่านก็ไวต่อการกระทำ แต่การพูดกับการกระทำของท่านนี่มักจะสวนกระแสกันอยู่เสมอ คือมันไม่ตรงไปตรงมา ท่านจะพูดอยู่เสมอว่าท่านเป็นคนที่พูดอย่างไรอย่างนั้น ก็คือเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจ แต่วิธีทำกับคำพูดของท่านนี่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันก็เลยทำให้คนไม่เชื่อถือแล้ว เพราะฉะนั้น ณ วันนี้สังคมในภาคเกษตรกรรมหลายส่วน และก็ภาคอุตสาหกรรมบางส่วนได้มองเห็น และก็ภาควิชาการหลายส่วนได้มองเห็นว่า ท่านไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารจัดการแล้ว
สามารถ – คือผมมองว่าตอนนี้นะ สังคมมันบอกคำเดียวไม่เอา เมื่อไม่เอานี่ไม่ต้องอธิบายแล้ว เพราะว่าเขาให้เวลามา 4 ปีแล้ว คุณจำได้ไหมครั้งแรกมีคดีซุกหุ้นขึ้นศาลธรรมนูญ
หลวงปู่ – ใช้คำว่าอะไรนะ วลีว่า
แทนคุณ – บกพร่องโดยสุจริต
สามารถ – แล้วชนะ 8 ต่อ 7 นี่แปลว่าสังคมให้โอกาสนะ ไม่ใช่ไม่กังขานะ กังขา สงสัย แต่ให้โอกาส
หลวงปู่ – เขาให้โอกาสท่านแล้ว
สามารถ – ปรากฏว่าซุกหุ้นภาคสอง เป็นการยืนยันว่าครั้งแรกกับครั้งสองนี่เหมือนกันนะ
หลวงปู่ – ก็กำลังจะบกพร่องแบบสุจริตอีกต่อไปอีก
สามารถ – เพราะฉะนั้นโอกาสที่สังคมให้ 5 ปีนี่ไม่มีผล วันนี้คำว่าไม่เอาจริงเกิดขึ้นใช่หรือเปล่า
ก้องเกียรติ – เขามักจะอ้างว่า 19 ล้านเสียง คนส่วนใหญ่
สามารถ – 19 ล้านเสียงนี่ผมจะพิสูจน์ให้ดู 19 ล้านเสียงนะถ้ารวมเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งนี่แพ้ใช่ไหม ที่สิงห์บุรีชนะก็เพราะกลุ่มคุณเสนาะอันที่หนึ่งนะ อันที่สองนะเมื่อคุณจำลองเดินมา หรือว่าหลายคนที่เดินมาที่สนามหลวงหรือว่าลานพระรูปนี่นะ คุณไปถามสิว่าหลายคนเคยเลือกพรรคไทยรักไทย และวันนี้เขาไม่เลือกและก็มาด่านี่แปลว่าอะไร แปลว่า 19 ล้านเสียงนี่ถูกลบออกเท่าไหร่
หลวงปู่ – ฉันเองนี่เป็นคนบอกให้ลูกศิษย์ฉันทุกคนไปเลือกพรรคไทยรักไทย ฉันถึงมีสิทธิที่จะต้องมาพูดตรงนี้
ก้องเกียรติ – ก็คนส่วนใหญ่ที่เคยเลือกท่านก็เรียกร้องสิทธิ
สามารถ – แปลว่า 19 ล้านเสียงที่ท่านอ้างนี่ต้องลบออกจากคนที่มาค้านนี่ ใช่หรือไม่ใช่
ก้องเกียรติ – เอาล่ะครับ ช่วงนี้เดี๋ยวเราคงต้องพักกันก่อนนะครับ ช่วงหน้าเดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อนะครับ ตอนนี้ไปพักกันซักครู่ครับ
**********************************************************************