“ทักษิณ” เลือกยุบสภา เลือกตั้งใหม่ หลังเจอวิกฤตการเมืองกดดัน โดยจะแถลงอย่างเป็นทางการในสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ คืนนี้ เวลา 20.30 น. ขณะที่ทำการพรรคไทยรักไทย บรรดาแกนนำพรรคต่างมาประชุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกฯ ทักษิณ แถลงยุบสภา
วันนี้ (24 ก.พ.) มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแพร่สะพัดตั้งแต่บ่ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผ่าทางตันทางการเมืองโดยวิธีการยุบสภาแล้ว และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าเฝ้าฯในเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า การเข้าเฝ้าฯดังกล่าวเป็นการเข้าเฝ้าฯเพื่อขอรับพระราชทานพระราชกฤษฎีกายุบสภารวมทั้งพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อทำหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการในช่วงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยภายหลังกลับจากการเข้าเฝ้าฯ ว่า ได้ตัดสินใจยุบสภาแล้ว ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ให้รอดูข่าวในเวลา 20.30 น.วันนี้ โดยการตัดสินใจทางการเมืองครั้งนี้ไม่มีการปรับ ครม.แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำการพรรคไทยรักไทย ว่า บรรดาแกนนำพรรคไทยรักไทยทยอยเดินทางมาถึงแล้ว อาทิ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นางเยาวภา วงศสวัสดิ์ นายเนวิน ชิดชอบ นายสนธยา คุณปลื้ม พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ซึ่งคาดว่าจะมีการเริ่มประชุมแล้ว
ทั้งนี้มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาร่วมประชุมแกนนำพรรคไทยรักไทยด้วย
ด้าน นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น ได้เรียกสมาชิกกลุ่มเข้าหารือที่บ้านพักเมืองทองธานี ทันที
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดเผยว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ได้นัดหมายแกนนำของพรรคเข้าหารือ เวลา 20.00 น.คืนนี้ และคาดว่าพรุ่งนี้จะมีการเรียกประชุมพรรค เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 60 วันข้างหน้า
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) เวลาประมาณ 10 .00 น.เป็นต้นไป
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ กล่าวว่า เป็นที่คาดกันไว้แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องยุบสภา ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง เพราะปัญหาอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี ที่ขาดความชอบธรรม ทุกฝ่ายจึงออกมาเรียกร้องให้นายกฯยุบสภา อย่าลาออกหนีปัญหา อย่างไรก็ตามหากพรรคไทยรักไทยได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งก็คงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ปัญหาก็จะกลับมาอีก เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกันวันนี้ (24 ก.พ.) พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้เรียกประชุม กกต.เมื่อเวลา 18.00 น.หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา โดยมีนายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร ขาดเพียง พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ที่ติดภารกิจในต่างประเทศ ภายหลังหารือประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า กกต.ได้หารือกับรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดเลือกตั้ง โดยขอเวลาดำเนินการเรื่องบัตรและบุคลากร 30 วัน ดังนั้นจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้ในวันที่ 2 เมษายน 49 และเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ วันที่ 2-3 มี.ค. ส่วน ส.ส.ระบบแบ่งเขต ในวันที่ 4-8 มีนาคม49 ทั้งนี้การจัดการเลือกตั้งในระยะเวลาเพียง 30 วัน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องมีรัฐบาลดำเนินการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่การเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 19 เมษายน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ล่าสุด นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชน
โดยพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลว่าตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2548 ขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามมติเห็นชอบข้างมากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงคะแนนโดยเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎร และได้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นบริหารราชการแผ่นดินแล้วนั้น ต่อมาได้เกิดการชุมนุมสาธารณะ ตั้งข้อเรียกร้องในทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งแม้ระยะแรกจะอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่เมื่อนานวันเข้า การชุมนุมเรียกร้องได้ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวาง และอาจรุนแรงขึ้น รวมทั้งส่อเค้าว่าจะมีการเผชิญหน้าจนอาจปะทะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และอาจมีการสอดแทรกฉวยโอกาสจากผู้ที่ประสงค์จะเห็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จุดชนวนให้เกิดความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน จนลุกลามถึงขั้นการจลาจลวุ่นวาย สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
ครั้นใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองเข้าควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด หรือแม้แต่รัฐบาลได้พยายามดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ ด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาแล้ว ก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาและความคิดเห็นพื้นฐานที่แตกต่างกัน ทั้งระหว่างกลุ่มผุ้ชุมนุมเรียกร้อง กับรัฐบาล และระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง กับกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วย และประสงค์จะเคลื่อนไหวบ้าง จนอาจเกิดการปะทะกันได้ สภาพเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ การเมือง การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบรัฐสภา และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะในขณะนี้ซึ่งควรจะสร้างความสามัคคีปรองดอง การดูแลรักษาสภาพของบ้านเมืองที่สงบร่มเย็น น่าอยู่ อาศัยการลงทุน และการเผยแพร่ความวิจิตรอลังการ ตลอดจนความดีงามตามแบบฉบับของไทยให้เป็นที่ประจักษ์
เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความคิดเห็นในสังคมที่หลากหลาย และยังคงแตกต่างกัน จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงเช่นนี้ ครั้นจะดำเนินการเพื่อตรวจสอบความประสงค์อันแท้จริงของประชาชนโดยเป็นการอื่น เพื่อให้ทุกฝ่ายหยั่งทราบแล้วยอมรับให้เป็นไปตามกลไกในระบอบประชาธิปไตย ก็ทำได้ยาก ทางออกในระบอบประชาธิปไตยที่เคยปฏิบัติมาในนานาประเทศ และแม้แต่ในประเทศไทย คือการคืนอำนาจตัดสินใจทางการเมืองกลับสู่ประชาชน ด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปขึ้นใหม่ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 116 และมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้ เรียกว่า พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2549
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่
มาตรา 4 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2549 และ
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการการเลือกตั้ง รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี