“แม้ว” แจงถนนสายรองไม่ต้องใส่หมวกกันน็อก อ้างมติ ครม.เป็นข้อยกเว้น ซัดชาติไทย โต้ “นิกร” เคยเป็น รมช.คมนาคมทำเป็นลืม ไม่ต้องห่วงรู้ว่าทำอะไร คุยเมกะโปรเจกต์จะเป็นโครงการที่โปร่งใส ไม่มีใต้โต๊ะ กลัวไม่เชื่อเตรียมถ่ายทอดสดให้ประชาชนเป็นพยาน ด้าน “หมอมิ้ง” สรุป 3 วันแก้ปัญหา 3 ระดับบุคคล-ภาครัฐ-การมีส่วนร่วม โต้โพลอย่าเพิ่งตัดสินเปรียบหนังยังไม่ทันจบอย่าเพิ่งวิจารณ์
วานนี้ (18 ม.ค.) ก้าวเข้าสู่วันที่ 3 ของรายการ “Back Stage Show : The Prime Minister” ช่วงเวลาประมาณ 16.45 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงบริเวณที่พัก ท่ามกลางการต้อนรับของชาวบ้าน โดยนายกฯ แวะทักทายสื่อมวลชนซึ่งเป็นทีมถ่ายทอดสดของยูบีซี ต่อมาได้เดินทางไปที่พักซึ่งเป็นเต็นท์หลังใหญ่พร้อมชี้ให้ดูที่ที่นอน โดยคุยว่าเป็นที่ที่ดีกว่าโรงแรมโอเรียนเต็ล และตั้งชื่อเลียนแบบว่าโอเรียนเต็นท์ แถมกล่าวติดตลกอีกด้วยว่าที่โรงแรมมีไข่ปลาคาเวียร์ แต่ที่นี้มีไข่มดแดงกิน
จากนั้น นายกฯได้พูดคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกซึ่ง นพ.พรหมินทร์ได้รายงานถึงกรณีที่ นายกฯขับมอเตอร์ไซค์แล้วไม่ได้สวมหมวกกันน็อกนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นถนนรองไม่ใช่ถนนไฮเวย์ มติ ครม.ยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกกันน็อก ไม่ต้องห่วงรู้ว่าทำอะไร
“รองหัวหน้าพรรคชาติไทย (นายนิกร จำนง ซึ่งเคยออกมาวิจารณ์เรื่องนี้) ทำเป็นจำไม่ได้เคยอยู่กระทรวงคมนาคมแท้ๆ ตอนอยู่กับรัฐบาลพูดอีกอย่าง พอกลับไปเป็นฝ่ายค้านก็ไปพูดอีกอย่าง รู้ตลอดเวลาว่าทำอะไร ไม่ต้องห่วงไม่มีปัญหา” นายกฯ กล่าว
นอกจากนี้ ได้คุยถึงเรื่องเมกะโปรเจกต์ที่จะเชิญทูตและนักลงทุนต่างชาติมายังทำเนียบในวันที่26 ม.ค.เพื่อทำความเข้าใจในกฎระเบียบและการจัดซื้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้แจงว่า เรื่องเมกะโปรเจกต์จะทำให้เป็นโครงการที่โปร่งใส ไม่มีเงินใต้โต๊ะ พร้อมถ่ายทอดสดให้คน 63 ล้านกว่าคนเป็นพยาน ถ้าทำได้อย่างนี้ใครก็อยากมาลงทุน
ทั้งนี้ นายกฯยังได้ยอมรับหลังจากลงพื้นที่ อ.อาจสามรถ จ.ร้อยเอ็ด มาได้ 3 วันว่า สิ่งที่หนักใจที่สุด คือ ปัญหาผู้สูงอายุ และคนพิการที่ไม่มีใครดูแล คนแก่ที่ไม่มีลูกหลานคอยเอาใจใส่ โดยจะสั่งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ตั้งทีมพิเศษส่งคนลงพื้นที่เพื่อดูแลปัญหานี้โดยเฉพาะ เมื่อกล่าวจบ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ขอตัวกลับเข้าที่พักเพื่อทำภารกิจส่วนตัว
จากนั้น นพ.พรหมินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์สรุปถึงการลงพื้นที่สาธิตแก้ปัญหาความยากจนของนายกรัฐมนตรีในช่วง 3 วันที่ผ่านมาว่า ครั้งนี้ถือเป็นการปฏิบัติการสาธิตแก้จนในระดับของหมู่บ้านและครัวเรือน ซึ่งจริงๆ เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลมอบหมายให้นายอำเภอและคณะเป็นหลัก แต่ครั้งนี้นายกฯ มาสาธิตแทน โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าไปสาธิตการแก้ปัญหาถึงในบ้าน ได้สัมภาษณ์เจาะลึกถึงปัญหา สาเหตุ และวิธีทางแก้ไขคืออะไร และวันที่สองก็นัดประชาชนมา โดยมอบหมายให้นายอำเภอและคณะเป็นผู้ดำเนินการเอง นายกฯจะดูว่าแก้ปัญหาอย่างไร พร้อมกับให้คำแนะนำไป ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหารายบุคคลกับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ โดยแยกกลุ่มปัญหาต่างๆ ส่วนช่วงบ่ายนายกฯจะไปดูงานจากสิ่งที่ได้พูดคุยไปแล้วว่าประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลว โดยเฉพาะครอบครัวที่เลี้ยงกุ้ง ทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว ซึ่งจะได้นำมาเปรียบเทียบและให้คนที่ประสบความล้มเหลวได้เรียนรู้กับคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้จะเห็นได้ว่าช่วงเช้านายกฯ ได้ให้นายอำเภอไปแก้ ช่วงบ่ายไปดูงานเป็นตัวอย่าง และช่วงค่ำก็จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อวางแนวศึกษาถอดบทเรียนวางแนวและเสนอต่อไป
“จะเห็นระดับการแก้ปัญหาใหญ่ๆ 3 ประเด็น คือ 1.การแก้ปัญหารายบุคคล ในการโดยเอาคนที่ลงทะเบียนมาแก้ปัญหารายบุคคลไป 2.ระดับของภาครัฐ โดยนายอำเภอก็ต้องดูว่ามีกลไกอื่นหรือไม่ที่การช่วยเหลือจะเหนือกว่านั้น 3.การถอดบทเรียนแล้วให้ชุมชนมีส่วนร่วม เอาคนที่สำเร็จกับคนที่ล้มเหลวแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่นายกฯ ย้ำตลอดเวลาคือการที่ให้ประชาชนเขาเลือกและตัดสินใจเอง ไม่ต้องไปบังคับ” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
เลขาธิการนายกฯ ยังกล่าวว่า วันนี้นายกฯ จะมีการหารือกับกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทยว่าน่าจะมีการอบรมนายอำเภอ เพื่อดำเนินงานในการแก้ปัญหาความยากจน อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้สร้างความสนใจให้กับทูตต่างประเทศ โดยนายกฯ ได้บอกว่าอาจจะมีการเชิญให้บุคคลที่สนใจลงพื้นที่มาชมการสาธิตด้วย ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังมีการประสานกันอยู่ ซึ่งทูตที่มีความสนใจอาจจะได้ร่วมลงพื้นที่ในวันศุกร์นี้ ซึ่งแม้แต่ทางสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และสื่อต่างประเทศก็ให้ความสนใจ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีกี่ประเทศ เรากำลังประสานงานอยู่ ซึ่งทูตต่างประเทศจะมาดูในเรื่องของการแสดง และกองทุนหมู่ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วยที่เขาให้ความสนใจ
นพ.พรหมินทร์ ยืนยันว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกฯ ไม่ใช่เรียลิตี้ แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้จากของจริง ซึ่งเรียลิตี้ในความหมายของนายกฯ หมายถึงชีวิตของคนยากคนจน ส่วนจะมีที่อื่นอีกหรือไม่นั้นต้องรอดูอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ถือเป็นการศึกษาวิจัยแบบภาคปฏิบัติ ที่เรียนรู้และปรับวิธีการต่างๆ ไปตลอด เป็นการแก้ปัญหาด้วยความรู้และปัญญา ส่วนที่มีการวิจารณ์ หรือโพลต่างๆ สำรวจออกมาว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีประโยชน์นั้น นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ละครเรื่องหนึ่งถ้าไปดูในช่วงโฆษณา หรือไปดูช็อตเล็กๆ ดูดารานางเอกนั่งผัดหน้าทาแป้งก็จะเข้าใจผิด ทั้งที่ความจริงภาพยนตร์เรื่องนั้นดีมาก ดั้งนั้น ต้องผูกความคิดร้อยเรียงกันให้เข้าใจว่าเราเน้นการแก้ปัญหาความยากจน หนังยังไม่ทันจบเลยติแล้ว หรือยังไม่ทันออกฉายก็วิจารณ์กันแล้ว
หลังจากนั้น นายกฯ ได้ออกมาร่วมรับประทานอาหารกับชาวบ้านด้วยบรรยากาศที่คึกครื้นซึ่งส่วนมากเป็นคนแก่ ในระหว่างนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวว่า คนแถวนี้พอแก่แล้วฟันหายหมดไม่มีเงินทำฟันปลอมใช่ไหม พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ทำโครงการฟันปลอมพระราชทาน โดยระบุว่าปีนี้เป็นปีที่ในหลวงทรงครองราชย์ครบ 60 ปี น่าจะจัดทำเป็นพิเศษ
