“แม้ว” ฟุ้งแก้จนครบวงจร ยึด “อาจสามารถ” เป็นรูปแบบให้ทุกอำเภอทั่วประเทศไปปรับใช้ โชว์ความหลักแหลมแค่กวาดสายตานิดเดียวก็รู้แล้วว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งให้ได้ผลอย่างไร บุ่นอุบข้าราชการคิดไม่ทันยังต้องปรับปรุงกันอีกมาก
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จาก อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ถ่ายทอดสดมาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ กล่าวกับคณะรัฐมนตรีถึงการลงพื้นที่ว่า ในวันแรกตนได้พบปัญหาหลายอย่างซึ่งจะต้องวางแนวทางในการแก้ไข
“คิดว่าจะให้เขาสร้างโมเดลแก้จนในพื้นที่ อ.อาจสามารถ ขึ้นมาเพื่อเป็นตุ๊กตาส่งให้อำเภอต่างๆ ได้สร้างโมเดลของตนเองขึ้นมา โดยศึกษาจาก อ.อาจสามารถ แล้วประยุกต์ใช้กับพื้นที่ตัวเอง ซึ่งเราจะเห็นจากการลงพื้นที่ของนายอำเภอ เป็นโมเดลที่เขาตกลงกันเอง โดยมีฝ่ายวิชาการในพื้นที่ช่วยกัน เราจะตรวจการบ้านได้ว่าแต่ละอำเภอมีโมเดลและไปดำเนินการแก้ไขอย่างไร ถ้าทำได้อย่างนี้จะทำให้การแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศไทยสามารถทำได้อย่างมีระบบ ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า โดยจะมอบให้ทางสภาพัฒน์เป็นฝ่ายเลขาฯ ดำเนินการในเรื่องนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำใน อ.อาจสามารถ ว่าเป็นอำเภอที่มีน้ำล้อมรอบ 3 ด้าน ปรากฏว่ามีปัญหาทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง แต่การแก้ปัญหาจะทำได้ง่ายกว่าที่อื่น เนื่องจากมีซับน้ำกระจายอยู่ทั่ว และมีคลองไส้ไก่อยู่มากพอสมควร แต่ยังขาดการบูรณะฟื้นฟู หากได้ฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้ก็จะมีน้ำใช้ทั้งปี น้ำท่วมก็จะน้อย เพราะมีที่เก็บน้ำมากขึ้น ดูแล้วน่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ไม่ยาก เมื่อเป็นเช่นนี้ระบบการทำนา การทำเกษตรก็อาจเปลี่ยนไป เพราะทุกวันนี้หลายพื้นที่น้ำท่วมทุกปี ทำให้เปลี่ยนจากการทำนาปีมาเป็นทำนาปรัง เราจะสร้างโมเดลและแก้ไขในจุดต่างๆ ที่ได้เห็น
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายดี เพราะอากาศดี เมื่อคืนเข้านอนตอน 5 ทุ่ม ตี 2 ก็ตื่นขึ้นมานึกว่า 6 โมงแล้ว เพราะอากาศมันสบาย ตื่นมาอีกทีก็ตี 5 กว่า เมื่อคืนนอนสบายเหมือนติดแอร์ เพียงแต่ห้องแถวกว้างๆ นอนกรนดังไปหน่อย ไม่รู้ใครนอนเตียงติดกับตน ห้องแถวข้างๆ นอนกรนดังไปนิดเลยหลับช้าไป เมื่อคืนอ่านหนังสือเสร็จก็หลับ ดูการประชุม ครม.วันนี้ และโทรศัพท์หาลูกเมียหน่อย
เมื่อถามว่าที่บ้านเป็นห่วงอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอก เขาชินแล้ว บางทีโทรศัพท์ไปเขายังไม่รู้เลยอยู่ที่ไหน เพราะโผล่โน่นโผล่นี่ทั้งวัน และที่บ้านก็คงไม่ได้ดูเรียลิตี้ เพราะคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาไม่อยู่ไปอังกฤษ อยู่แต่โอ๊ค(พานทองแท้) กับอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร) ความจริงนอนโอเรียนเต็นท์นี้ก็ดี จริงๆ อาหารก็พร้อม ห้องน้ำก็สะดวก แค่น้ำใส่เต็มถังก็พอแล้ว ตนก็อาบน้ำเย็น มันดี เพราะจะทำให้ร่างกายข้างในปรับตัวได้ดี อย่างที่ตนไปปักกิ่งก็จะอาบน้ำอุ่นก่อน แต่พอจะเสร็จก็ปิดน้ำอุ่นอาบน้ำเย็นอย่างเดียว ออกมาก็จะสบายร่างกายก็จะปรับตัว อากาศอย่างนี้ก็นึกถึงตอนอยู่บ้านนอก แต่อากาศอย่างนี้สู้ที่ภูเรือไม่ได้ ที่โน่นเย็นมาก
ถามว่า ในการประชุม ครม.วันนี้จะเอาภารกิจที่ลงพื้นที่พูดคุยใน ครม.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็คงจะมีการพูดคุยกันเพื่อเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้แน่นขึ้น อย่างเมื่อคืนที่มาซักซ้อมประชุมกันก็ดี เพราะการลงพื้นที่จริงจะต้องมองภาพใหญ่ประกอบ ซึ่งผลสุดท้ายมันกลับมาที่ดีมานด์-ซัปพลาย เราต้องคิดว่าดีมานด์ของท้องถิ่นเป็นอย่างไร และของทั้งประเทศเป็นอย่างไร ส่วนที่เราจะให้เขาผลิตก็คือซัปพลาย ซึ่งสิ่งที่ผลิตต้องไม่เกินความต้องการ
และถามว่าจากการสรุปเมื่อคืนนี้ปัญหาเรื่องของกุ้งมีการสรุปกันว่าอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะส่งเสริมเรื่องกุ้งต้องทำมากกว่านี้ เพราะเท่าที่ดูกุ้งตัวเล็กนิดเดียว ขายไม่ออก ที่บอกว่าขายได้กิโลละร้อยกว่าบาท มันขาดทุนแน่นอน เดิมมีคนทำอยู่ 100 คน แต่ตอนนี้เหลือ 40 คนแล้วยังจะบอกว่าภูมิใจ ตนจึงบอกว่าไม่ได้ ทำอย่างนี้จะมาภูมิใจไม่ได้ ต้องปรับปรุงคุณภาพการผลิตให้สูงขึ้น จะเก็บกุ้งเมื่อตัวใหญ่ ถ้าทุนหมุนเวียนไม่พอก็ต้องจัดให้พอ ไม่ใช่ตัวเล็กนิดเดียวก็จับขายแล้ว ขายอย่างนี้ก็ขาดทุน ไม่มีคนนิยม
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนบอกกับชาวบ้านว่ากุ้งที่นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ส่งมาให้กินจากจังหวัดสุพรรณบุรี กับกุ้งที่กินเมื่อคืน บอกว่ามันเป็นปู่เป็นเหลนกันเลย แล้วบอกว่าพ่อพันธุ์มาจากสุพรรณฯ แล้วทำไมตัวนิดเดียว ก็เลยบอกว่าถ้าจะทำอย่างนั้นต้องปรับปรุงให้ใกล้เคียงกับจังหวัดสุพรรณฯ ถึงจะคุ้มค่า กิโลร้อยกว่าบาทมันไม่ได้ประโยชน์เลย ที่นี้ 60 ตัวถึงได้กิโลหนึ่งมันไม่ไหว ที่โน่นประมาณ 6-7 ตัวกิโลหนึ่ง
เมื่อถามว่า แท้จริงแล้วปัญหาที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด คืออะไร เพราะเท่าที่ดูส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่มีการร้องเรียนมาจากท้องที่อื่น นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วถามว่ามีคนจนมากไหม ถ้าเทียบในอำเภออาจสามารถไม่มากเท่าไร เพราะที่ อ.อาจสามารถ มีน้ำ 3 สายล้อมรอบ ถึงแม้จะมีน้ำท่วมบ้างแต่เขาก็หลีกเลี่ยงน้ำท่วมไม่ทำอะไร แต่พอน้ำลดเขาทำนาปรัง มันก็ทำให้พออยู่ได้ แต่คนที่เดินทางมาร้องเรียนมาจากกาฬสินธุ์ มาจากยโสธร สุรินทร์ แต่ที่นี้จริงๆ ดูแล้ว ครอบครัวหนึ่งต้องการรายได้ต่อครอบครัว 3-5 พันบาท แต่ก็มีข้อจำกัดว่าเขาทำอะไรได้บ้าง บางทีที่นี้เขามีที่ดินอยู่ฝั่งยโสธร ข้ามน้ำชีไปก็ดูแลลำบาก หากสมมติเลี้ยงประมงในนาก็ถูกขโมยหมด
เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่แก้ไขปัญหาความจนผ่านไป 1 วัน กับรายงานจากส่วนกลางแตกต่างกันไหม นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน คือคนที่อยู่ในพื้นที่จริงๆ ยังไม่ลึกพอ ระบบราชการต้องปรับเยอะ ต้องปรับให้มีความใกล้ชิดกับประชาชน การที่รัฐบาลหรือราชการจะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางนั้น มันต้องเข้าถึงประชาชนจริงๆ แต่ระบบราชการเราเป็นระบบที่สร้างมาอยู่ที่สำนักงานใหญ่แล้วมีคนไปขอรับบริการ แต่วันนี้โลกมันเปลี่ยน เราจะแก้ปัญหาให้เขาเราต้องเดินเข้าหา
“ผมพยายามทำให้เห็นว่า การทำให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง คือการต้องเดินเข้าหาประชาชน แล้วดูว่าจะแก้ปัญหาอะไร ดูภาพเล็กแล้วกลับมาแก้ปัญหาใหญ่ด้วย เพื่อภาพใหญ่ส่งเสริมภาพเล็กให้เดินได้ เพราะฉะนั้น ภาพเล็กกับภาพใหญ่ต้องดูให้ใกล้ชิดกันตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่กับที่มีข้อมูลรับรายงานเป็นชั้นๆ ซึ่งไม่ค่อยถูก ต้องค่อยปรับกันไป ซึ่งวันนี้ก็ดีขึ้นเยอะ จากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยมีอะไร วันนี้ข้อมูลต่างๆ ดีขึ้นเยอะ”
เมื่อถามว่า การมาของนายกฯ ครั้งนี้ทำให้ชีวิตประชาชนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น ถนน ที่มีการทำล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน และบางพื้นที่ถึงกับมีการทำในลักษณะที่เรียกว่าผักชี นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องผักชี แต่เราต้องเข้าใจว่าการพัฒนาชนบทไม่ทั่วถึงมานานแล้ว ถึงแม้ระยะหลังจะดีขึ้นเพราะมีระบบปกครองท้องถิ่น ซีอีโอ แต่ดีขึ้นอย่างไรก็ไม่ทันใจ เมื่อตนมาทางเจ้าหน้าที่ก็กลัวว่าจะเกิดความบกพร่องจึงรีบดำเนินการ ถือว่าไม่ทำวันนี้ก็ทำวันหน้าอยู่ดี แต่ถ้าตนมาทุกอย่างก็เร็วขึ้นหน่อย
เมื่อถามว่า นายกฯ มาวิเคราะห์ปัญหาแก้ไขโรคแล้วคิดว่าจะแก้ไขปัญหาได้ทันทีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หลังจากวันนี้ในอำเภอที่ได้ลงพื้นที่บ้างแล้วจะทำให้ลงพื้นที่ได้แม่นยำได้มากขึ้น เราต้องทำงานไปแก้ไป ลักษณะของตนไม่ใช่ต้องการทำอะไรที่สมบูรณ์แบบ แต่จะทำไปปรับไป เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ขึ้นวันนี้ทำแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่มาบอกว่าอ่านหนังสือมานิดเดียวแล้วบอกว่าอย่าเพิ่งสอบเลย เพราะประชาชนที่รอการช่วยเหลือมีมาก วันนี้ทำได้ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ทำไปก่อน พรุ่งนี้มะรืนค่อยทำไป เพราะอาการชาวบ้านไม่ถือว่าโคม่า โดยยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นฐาน หลังจากนั้นเป็นเรื่องของขีดความสามารถของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงมีการสุ่มเพื่อตรวจสอบการทำงานแต่ละพื้นที่